ปราบเพลี้ยไฟไรแดง แห่งวิถีชีวภาพ (ก็ไม่ง่ายนะ!)
ปราบเพลี้ยไฟไรแดง แห่งวิถีชีวภาพ (ก็ไม่ง่ายนะ!) ปัญหาเรื่องเพลี้ยไฟไรแดงที่กำลังระบาดและสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้พี่น้องเกษตรกรอยู่ขนะนี้ก็ไช่ว่าจะมีแต่ผู้ปลูกมะนาว กล้วยไม้ พริกเท่า มะละกอเท่านั้นนะครับยังมีพืชอื่นๆ อีกมากมายที่พบกับปัญหานี้ด้วยเช่นกัน เพราะว่าช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน ผ่านฝนผ่านชื้น ผ่านแฉะมาเนิ่นนานจากปัญหาภัยแล้งก็ย่อมทำให้พืชหลากหลายชนิดเริ่มที่จะสะสมน้ำตาลไว้ในต้นมากขึ้นมากกว่าปริมาณของไนโตรเจนที่มากับน้ำฝน มากับความชื้นแฉะที่พื้นดินเดิมละลายออกมาจากปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก(Organic Matter) อินทรียวัตถุต่างๆ ทำให้พืชอวบอ้วนอ่อนแอซึ่งหนอนกับแมลงจะชอบมากกว่า เพลี้ยหรือกลุ่มของแมลงปากดูด ด้วยเหตุดังนี้ทำให้ความหวานในสรีระหรือส่วนต่างๆของพืชมีเพิ่มมากขึ้นกลุ่มของแมลงปากดูดทั้งหลายที่ชอบกินน้ำตาลก็สามารถที่จะใช้เป็นแหล่งอาหารในการดำรงชีวิตตามสภาพธรรมชาติที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะ เพลี้ยไฟ ก็เป็นแมลงจำพวกปากดูดเช่นกัน มีขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 1-2มิลลิเมตร มีทั้งชนิดมีปีกและไม่มีปีก ตัวเต็มวัยมีสีดำ ตัวอ่อนสีเหลืองอ่อนตัวเต็มวัยวางไข่ในเนื้อเยื่อของเซลล์พืช และถ้าจะแบ่งชนิดของตัวอ่อนก็มีด้วยกัน 2ระยะ คือ ตัวอ่อน และ ตัวเต็มวัยซึ่งมีวงจรชีวิตนานประมาณ 15 วัน เพลี้ยไฟทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะทำลายพืชต่างๆที่เขาชอบ โดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อนโดยอาศัยอยู่ตามซอกใบระบาดในระยะแตกยอดใหม่ๆ เมื่อใบพืชโตใหญ่ขยายขึ้น ในส่วนของใบที่ถูกทำลายปลายใบจะเหี่ยวขอบใบจะม้วนเข้าหากลางใบและเจ้าเพลี้ยไฟก็จะอาศัยอยู่ในใบที่ม้วนนั้น ในอดีตก็จะพบระบาดเฉพาะในอากาศร้อนแห้งแล้งหรือฝนทิ้งช่วงนานติดต่อกัน หรือสภาพที่พืชขาดน้ำนาน ถ้าระบาดมากๆทำให้พืชแห้งเหี่ยวล้มตายได้แต่ปัจจุบันนั้นก็ไม่แน่ไม่นอนถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมเพลี้ยไฟก็สามารถกลับมาระบาดได้ด้วยเช่นกัน วิธีการป้องกันกำจัดนั้น ก็ไช่ว่าจะทำได้ง่ายๆนะครับ เพราะว่าตัวเขามีขนาดเล็กเรียกว่าแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจะฉีดพ่นให้สปอร์ของเจ้ารากินเพลี้ยอย่าง บิวเวอร์เรีย และ เมธาไรเซียม (ทริปโตฝาจ [Triptophaj], คัทออฟ [Cutoff]) เข้าไปสัมผัสเกาะติดกับตัวก็ค่อนข้างยากฉะนั้นในกรณีที่ต้องการปราบเจ้าเพลี้ยไฟและไรแดงให้อยู่หมัดอาจจะต้องกระทำแบบเป็นกระบวนการคืออย่าปล่อยให้พืชอ่อนแอ จากปัญหาสภาพดินที่เป็นกรดหรือด่างจัดจนพืชได้รับแร่ธาตุสารอาหารไม่ครบถ้วนสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มคุ้มกันตั้งแต่ระยะต้นเล็กๆหรือเริ่มบำรุงหลังเก็บเกี่ยวด้วยการรองพื้นด้วยกลุ่มหินแร่ภูเขาไฟ (พูมิช [Pumish],พูมิชซัลเฟอร์[Pumish Sulpher]) เปรียบเหมือนเป็นการวอร์เครื่องให้พืชมีความแข็งแรง และวิธีการเดินสำรวจตรวจตราหมั่นดูแปลงเรือกสวนไร่นาเราอยู่เสมอก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อจะได้ทราบว่าณ จุดไหน บริเวณใดมีการระบาดในระยะแรกๆ จะได้เข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาได้ทันการณ์ การใช้กิ่งพันธุ์ที่ปราศจากโรคไม่ปล่อยให้มาสร้างอาการอ่อนแอและแพร่เชื้อโรคในสวนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ต้องทำด้วยเช่นกัน ทีนี้ก็มาถึงการกำจัดเขาด้วยสารสกัดจากกระเทียมพริกไท (ไพเรียม [Pirium]) และสารสกัดจากสะเดา (มาร์โก้ซีด [Margoseed]) ซึ่งสมุนไพรทั้งสองสูตรนี้ พี่น้องเกษตรกรได้นำไปใช้ในการปราบเพลี้ยไฟไรแดงมาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปีแล้วถือว่ามีความโดดเด่นค่อนข้างมากถ้าใครไม่อยากจะซื้อให้เสียเงินทองโดยเปล่าประโยชน์ก็สามารถหมักด้วยตนเองได้ง่ายๆดังนี้ครับ นำกระเทียม 2 ขีด, พริกไทดำ 1 ขีด, พริกป่น1 ขีด น้ำส้มสายชู 200 500 ซี.ซี.สับโขลกบนตำวัตถุดิบให้เข้ากันแล้วนไปแช่กับน้ำส้มสายชูและเหล้าขาว หรือแอลกอฮอล์ล้างแผลอีก 500 ซี.ซี. หมักไว้ 7 วัน นำมาใช้ครั้งละ 5-10 ซี.ซี. ต่อน้ำ20 ลิตร ส่วนสารสกัดสะดาก็ใช้เมล็ดสะเดา 1 กิโลกรัม สับโขลกบดตำเช่นเดียวกัน แช่น้ำสะอาด 20 ลิตรทิ้งไว้หนึ่งคืน พอเช้ามาก็เอามาผสมร่วมกับน้ำอีก 80 ลิตรรวมกันเป็น100 ลิตรฉีดพ่นไปพร้อมกัน กับจุลินทรีย์ทริปโตฝาจเพราะว่าเจ้าเพลี้ยไฟไรแดงนั้นร้ายกาจพอดู ตอนเข้าทำลายก็มองไม่เห็นเพราะฉะนั้นเราต้องสังเกตให้ดี โดยเฉพาะช่วงที่มียอดอ่อน ดอกและผลอ่อน ก็ควรฉีดพ่นป้องกันไว้แต่เนิ่นๆด้วยนะครับ มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 15 พฤษภาคม 2559 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2559 15:03:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 397 Pageviews. |
|
|
|