อย่าทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว รักมากผู้ใหญ่เองยิ่งต้องรู้ตัวให้มาก
พ่อแม่ส่วนใหญ่จะพบว่า พอเรารักลูกมากๆ ชักตามใจลูกมากไปนิด สิ่งที่ตามมาโดยไม่คาดคิด คือ จะพบว่าเขามีอาการก้าวร้าวเวลาที่ไม่ได้ดังใจ (อันนี้เป็นผลข้างเคียงที่ต้องระวัง เพราะส่วนใหญ่แล้ว ความรักลูก เราก็เลยมักจะตามใจลูกมาก ยิ่งโดยเฉพาะเวลาทีเรากำลังอารมณ์รัก กำลังอารมณ์ดีนี่แหละ สาเหตุของการเสียนิสัยของลูกมักจะเริ่มต้นโดยเราไม่รู้ตัวครับ
ทีนี้พออาการพวกอารมณ์ไม่ได้ดังใจของคุณลูก แผลงฤทธิ์ย้อนกลับมาเล่นงานคุณพ่อคุณแม่บ้าง คราวนี้อย่าเพิ่งโทษเด็กเชียว และควรจะตระหนักทันทีว่าเราเผลอไปแล้ว ต้องรีบกำกับให้กลับมาอยู่ในเส้นทางใหม่ ก่อนที่เขาจะเสียนิสัยไปจริงๆ และคุณจะต้องเสียใจภายหลังที่เลี้ยงลูกให้เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเกินไป และทำให้เขาต้องมีปัญหาชีวิตในตอนโต
เมื่อเด็กๆมีปัญหา ต้องรีบทำความเข้าใจทันที อย่า... ...เอาไว้ก่อน ...ยังเด็กอยู่ ไม่รู้เรื่อง ...สงสาร
ข้อกำหนดในการลงโทษ ตามลำดับที่ผู้ใหญ่ควรทำความเข้าใจในการฝึกเด็ก และผู้ใหญ่ไม่ควรละเลยมีลำดับดังนี้
เมื่อเด็กๆทำผิด
๑.เรียกชื่อ แล้วให้หยุดทำทุกอย่างก่อน ว่ากล่าวตักเตือน (แต่อย่าตวาด หรือดุด้วยถ้อยคำรุนแรง ให้อธิบายว่าเขาทำอะไรผิดด้วย)
๒.ถ้ายังไม่หยุด หรือทำผิดซ้ำ ให้เรียกชื่อ ด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง แล้วว่ากล่าวตักเตือนอีกครั้งหนึ่ง
๓.ถ้าทำผิดเรื่องเดิม ให้เข้าประชิดตัว เรียกชื่อ ให้เด็กมองที่ตาเรา เราเอามือจับที่ไหล่ทั้งสองข้าง ค่อนข้างแน่น แล้วเขย่าตัว ...ถ้าทำผิดอีก พ่อกับแม่จะทำโทษแล้วนะ... แล้วอธิบายด้วยว่าอะไรที่ผิดโดยไม่ใช้อารมณ์
๔.เริ่มลงโทษ คือการให้นั่งอยู่คนเดียว จำกัดบริเวณ ไม่ให้พูดคุยกับคนอื่น ไม่ให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆมาใกล้ๆในพื้นที่ลงโทษ ให้รอจนกว่าเด็กจะรู้สึกตัว แล้วให้มาขอโทษ
๕.เมื่อจำเป็นต้องตีด้วยไม้เรียว(ต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน .07 ซม.) ตีที่ฝ่ามือ แล้วถามว่า ทำผิดแบบนี้ จะให้ตีกี่ครั้ง (แนะนำไม้มะยม เรียวเล็กเจ็บแปล๊บ แต่ไม่เป็นอันตราย ตัดใจครั้งเดียว แล้วคราวต่อไปแค่เห้นเด็ดก้นมะยมก็คุยรู้เรื่องแล้วครับ)
๖.เมื่อตีด้วยไม้เรียว ที่ก้นตรงเนื้อเยอะๆ (หรือถ้าไม้มะยมจะตีตรงน่องพอได้) ปกติแล้วจะต้องนั่งอธิบายว่าเขาทำผิดอะไร อย่างไร อบรมสั่งสอนแบบยาวๆ ให้เป็นจริงเป็นจังชัดเจน อย่าใช้อารมณ์ ตีให้ตีทีเดียว(ไม่จำเป็นต้องตีเยอะ)
ตัดทอนจาก รักลูกให้ถูกทาง หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
ข้อความที่ตัดตอนมานี้ ผมรับรองว่าผู้ใหญ่อย่างเราควรจำมากๆครับ เพราะเรามักจะละเลยเสียเองบ่อยๆ ถ้ารักลูกจริงก็อย่าละเลยกฏเหล่านี้นะครับ คิดเสียว่าเพื่อลูก
วิธีการอบรมเด็ก
วิธีการอบรมเด็ก ให้ไปตามความประสงค์ของผู้เลี้ยงหรือพ่อแม่นั้น เป็นการยากที่จะวางหลักตายตัวลงไปว่า ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ บอกได้แต่หลักสำคัญอันเกี่ยวแก่อำนาจทางจิตใจของเด็ก เป็นการบอกไว้อย่างกว้างๆ ที่เหลือไว้ก็เป็นหน้าที่ของความฉลาดไหวพริบของพ่อแม่ และความเอาใจใส่ดูแล จงศึกษาธรรมชาติของเด็กของท่านให้เข้าใจ แล้วคิดหาทางแก้ไขว่า ควรทำอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับการเป็นอยู่ของเด็กนั้นๆ ก็พอจะพบช่องทางในการที่จะอบรมเด็กของท่านให้เป็นคนดีได้ พ่อแม่เป็นกระจกเงาของเด็ก การกระทำอันใดของพ่อแม่ต่อหน้าเด็ก คือ การพิมพ์ภาพลงในใจของเด็ก จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเสมอ พี่เลี้ยงเป็นแต่ผู้ช่วยเหลือ แต่ความรับผิดชอบอยู่ที่ท่านสองคน อย่าได้ละเลยต่อหน้าที่โดยตรงของท่าน เพราะผลที่เกิดขึ้นในอนาคตจะตกเป็นของลูกท่าน และตัวท่านเองทั้งหมด
การลงโทษเด็ก
การทำโทษเด็ก เป็นเรื่องสำคัญมากอย่าทำโทษเด็กของท่านโดยปราศจากหลักการเป็นอันขาดหลักการทำโทษเด็กทั้ง 14 ข้อนี้ เป็นหลักใหญ่ที่ท่านควรจำไว้ให้ดี และนำไปใช้ ลูกของท่านจะกลายเป็นเด็กสุภาพเรียบร้อย มีความเคารพยำเกรงในตัวท่าน เชื่อฟังคำของท่านเสมอ แต่ถ้าท่านทำตนไม่เหมาะสมเอาอารมณ์โทสะเข้าใช้กับเด็กแล้ว มักเป็นความผิดของท่านเอง จะโทษใคร่ไม่ได้เลย
ข้อควรจำ
1) อย่าลงโทษเด็ก ในเมื่อความผิดนั้นไม่ได้ปรากฎต่อหน้าหรือไม่มีพยานหลักฐานว่า เป็นความผิดของเขา
2) อย่าทำโทษเด็กเพื่อประชดประชันอีกคนหนึ่ง เช่น โกรธพ่อ แต่ไปทุบลูกเสียบอบซ้ำไป อย่างนี้ไม่เป็นธรรมแก่เด็ก
3) อย่าผลัดเพี้ยนการทำโทษ ในเมื่อความผิดนั้นได้ปรากฏต่อหน้าหรือมีพยานหลักฐานแล้ว เช่น ผลัดว่า “รอให้พ่อมาก่อนเถอะจะให้พ่อเฆี่ยน”
4) อย่าเอาสิ่งไม่เกี่ยวภัยโทษเด็กมาเป็นการลงโทษเด็ก เช่น สัญญาว่าคืนนี้จะพาไปดูละคร พอเด็กกระทำผิดก็เลยงดการไปดูละครเสีย การงดไปดูละครเป็นการลงโทษเด็กแต่ไม่สมควรทำเช่นนั้น
5) อย่าออเซาะเด็กภายหลังที่ได้ทำโทษเด็กแล้ว จะทำให้เด็กคิดเห็นไปว่า การทำโทษเป็นการบรรเทาโทสะของท่าน หรือทำให้เด็กมองเห็นว่า ท่านเป็นคนอ่อนแอ เด็กจะไม่เกรงท่านในกาลต่อไป
6) อย่าลงโทษเด็กที่ได้รับโทษตามความผิดของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เช่น เด็กซนไปล้มลง ท่านก็โกรธไปตีซ้ำพร้อมกับพูดคำหยาบสำทับเขา นี้ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม การหกล้มสอนเขาให้รู้ว่าเจ็บปวดขนาดไหนอยู่แล้ว อย่าเพิ่มความปวดร้าวทางใจให้เขาอีกเลย หากเด็กยังไม่เดียงสาท่านก็ควรให้ความระวังแก่เขา
7) อย่าทำโทษเด็กด้วยลิ้นของคน การด่าว่าบ่นจู้จี้เด็ก เป็นสิ่งไม่มีประโยชน์เป็นการถ่ายทอดนิสัยเสียให้เด็กเปล่าๆ คนปากจัดจึงควรระวังสักหน่อย
8) สิ่งใดที่ท่านบอกเขาว่าผิด ก็ให้ถือว่าเป็นความผิดตลอดไป เช่น เด็กของท่านตบหน้าท่าน ท่านก็ตีเขาในฐานะที่ความประพฤติไม่ดี แต่ต่อมาเขาตบหน้าท่านอีก บังเอิญอารมณ์ของท่านดี ท่านหัวเราะเห็นเป็นของขันไปการกระทำของท่าน ทำให้เด็กงง ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า เมื่อไรการกระทำเช่นนั้นถูกผิดอย่างไร
9) อย่าทำโทษให้ผิดกันระหว่างผู้มีสิทธิทำโทษเด็ก พ่อทำโทษเด็กอย่างใดในความผิดอย่างหนึ่ง แม่ก็ควรทำโทษแบบเดียวกัน
10) อย่าทำโทษเด็กโดยความลำเอียง เช่น พี่น้องทะเลาะกัน พี่ถูกทำโทษหนัก น้องก็ถูกทำโทษสถานเบาเพราะเห็นว่าเล็กกว่า ทำให้พี่เกิดน้อยใจ และริษยาน้องเกิดความเครียดแค้น อาจทำร้ายแก่น้องได้ในภายหลังและจะขาดความเคารพแก่ท่านด้วย
11) อย่าทำโทษเด็ก โดยอาการเปาะแปะและพร่ำเพรื่อ ทำให้เป็นกิจลักษณะ
12) อย่าทำโทษเด็กโดยอาการไม่สมควร เช่น โกรธไม่พูดด้วยสามวัน
13) อย่าโต้แย้งกันในเรื่องการลงโทษเด็กต่อหน้าเด็ก ถ้าผู้ใหญ่จะโต้เถียงกันต้องกระทำอย่าให้เด็กเห็น
14) อย่าแสดงอาการเหลาะแหละ ไม่กล้าเอาจริงเอาจัง ด้วยการแสดงเอะอะให้คนอื่นทำโทษเด็กให้ การทำโทษจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ทำให้เด็กเชื่อถือยำเกรง
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2551 | | |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2551 17:46:21 น. |
Counter : 2586 Pageviews. |
| |
|
|
|