ก็แค่อยากใช้ชีวิตให้คุ้ม..
เพราะไม่มีจึงต้องสร้าง

เหตุผลข้อที่ 2 ของผมคงเพราะช่วงที่เกิดเป็นช่วงเบบี้บูม
เด็กที่เกิดอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมกว่า 60% เป็นลูกที่พ่อแม่แยกทางกัน

ผมต้องย้ายไปอยู่ตรงนั้นทีตรงนี้ทีตั้งแต่เล็ก และไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่เลย
ปกติแล้วผมมักจะต้องนั่งอยู่ในห้องคนเดียว ดูทีวีคนเดียว
ซักเสื้อผ้าเอง รีดผ้าเอง ขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนเอง ไปซื้อหนังสือเอง
และกับมานั่งคนเดียวมืดๆ จนชาชิน ตั้งแต่ ป.4
ความรู้สึกโหยหาเวลาที่เราเห็นพ่อแม่คนอื่นพร้อมหน้า
น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลสูงกับผมที่สุด

โชคดีที่ถึงแม้ผมจะโตมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อหลายๆอย่างให้เสียคน
มีเวลามากมายที่จะออกไปไหนๆได้โดยไม่มีผู้ใหญ่ว่า..
แต่ผมกลับประคองตัวเองอยู่ได้ไม่ทำอะไรเลวๆ
ในสมองคิดอยู่อย่างเดียวว่าแม่รักเรา และเขาทำงานเหนื่อยเพื่อเลี้ยงเรา

อาจเพราะใกล้ๆที่ผมอยู่มีครอบครัวที่ต้องปากกัดตีนถีบ
และเขาต้องทำงานเหนื่อยมากทุกวันก็ได้
ทำให้มโนภาพของผมรู้สึกเสมอเหมือนเห็นแม่กำลังเหนื่อย
ก็เลยรู้สึกว่าตนเองมีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด
(ทั้งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดนั้นก็ยังไม่ค่อยได้ดังใจผู้ใหญ่เท่าไหร่...555)

สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจก็คือ ผมจะประนีประนอมและประคับประคองครอบครัว
ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้สิ่งแรก

โชคดีที่ผมใช้ชีวิตวัยหนุ่มคุ้ม เพราะไม่ได้อยู่กับผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็ก
เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ ทุกอย่างก็ไม่ยากนัก เพราะเราก็รู้สึกพอแล้ว

ที่จริงผมมีปัญหาเล็กๆบางอย่างเกี่ยวกับครอบครัวเหมือนกัน เพราะญาติผู้ใหญ่มักจะมองคนละด้านกับที่ผมคิด (ก็เป้นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน)
ทำให้ความคิดที่อยู่ร่วมแบบครอบครัวใหญ่ถูกวางเอาไว้ เพื่อให้มันง่ายขึ้น
แถมเมื่อปี 49 ตอนที่ไปทำงานโปรเจค น้องชายที่ดูแลบ้านปล่อยให้บ้านไฟไหม้อีก
มันเลยไปกันใหญ่ เพราะอายุจวนสี่สิบนี่ตั้งหลักไม่ง่ายเลย
(นี่ขนาดดูดวงเป็นนะเนี่ย ยังได้แค่ผ่อนหนักเป็นเบา หนีไม่พ้นจริงๆ)

บางทีชีวิตมันก็ไม่ได้มีอะไรราบรื่นอย่างที่ใจเราคิดเสมอไป
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราสามารถทำอะไรได้บ้างเท่าที่ทำได้ให้ชีวิตเดินต่อไป
สิ่งไหนก็ยังแก้ไม่ได้ก็เก็บพับไว้ก่อน อะไรที่แก้ได้ก็แก้กันไป
พอปล่อยวาง มันก็ไม่มีอะไร เป็นไปตามอัตภาพ
การอยู่กับความเป็นจริง กลับกลายว่าเป็นสิ่งที่เรียบง่าย



ทีนี้มันก็เลยเหลืออยู่ 4 คน พ่อแม่ลูกครับ
จนลงแต่มีความสุขมากขึ้น เพราะเมื่อวางไม่ยึดติด มันก้ไม่กังวล
อยู่กับความจริง ใช้ชีวิตกับความจริง มันก็ไม่มายา ไม่ปรุงแต่ง
ที่ดิ้นรนไปข้างหน้าไม่รู้สึกว่าพอสักที พอวางมันก็หยุด
หยุดแล้วก็มีความสุข น่าแปลกไหม
ชีวิตขณะปัจจุบันก็เทให้สองพระหน่อ เพราะนี่แหละคือสิ่งที่ผมตั้งใจมาตลอดชีวิต

เคยติเคยตัดพ้อผู้ใหญ่ว่าทำไมและทำไม และคำสัญญากับตัวเองก็คือเมื่อถึงคราวตัวเองบ้าง
จะต้องดูแลครอบครัวให้อบอุ่นที่สุด
นั่นแหละครับความตั้งใจ

เพราะไม่มีจึงต้องสร้าง และต้องรักษา
ความคิดแบบนี้เป็นแง่บวกกับชีวิต

เพราะถ้าเราเลือกอีกฝั่ง คือไม่มีก็ต้องทำลาย เราจะทำลายทั้งชีวิตเราเองและคนรอบข้าง
ความคิดแบบนี้เป็นแง่ลบกับชีวิต

ผยังคงเชื่อเสมอว่าความรู้สึกทางบวกที่เรามอบให้กับตัวเราเอง
และมอบให้กับคนรอบข้างเราด้วยความรู้สึกจริงใจ
มันจะตอบกลับคืนมาไม่ช้าก็เร็ว

หรือถ้ามันไม่กลับมา เราก็มีความสุขอยู่ดีที่ให้แต่สิ่งดีดีกับคนอื่นๆ

ว่าแต่อย่าเคืองเลยนะครับ กับช่วงเวลานี้
ถ้าหากเราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ

ยังคิดถึงเสมอครับ...




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2551 0:12:12 น. 1 comments
Counter : 2254 Pageviews.

 
สวัสดีวันอังคารก่อนตรุษจีนคะพี่จี มีเมนูเข้ากะเทศกาลสีแดงๆ ให้เข้ากะ 2 เทศกาลที่จะมาถึงเลยคะ




โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู ) วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:23:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

granun
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add granun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.