เชื่อว่า หากเรามีความตั้งใจ อดทน ไม่ย่อท้อ ทุกอย่างย่อมสำเร็จ
Group Blog
 
All Blogs
 

สารพันวันละเรื่อง " น า ง ง า ม "

อ่านข่าว
ตะลึง! นร.มัธยมสาววัย17 คว้ามงกุฎนางงามญี่ปุ่น

การประกวดนางงามญี่ปุ่น มิส นิปปอน คอนเทสต์ 2009 (The 2009 Miss Nippon Contest) เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงโตเกียว กลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจครั้งใหญ่ เมื่อผลการประกวดในบั้นปลาย ปรากฏว่าได้นางงามคนใหม่อายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ซึ่งก็คือ มาริโนะ มิยาตะ นักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากกรุงโตเกียว นับเป็นนักเรียนม.ปลายคนที่ 4 ที่สามารถคว้ามงกุฎมาครองได้สำเร็จในประวัติศาสตร์การประกวด 41 ปี

ก็แน่ล่ะ แก่ ๆ เขาคงไม่เลือกแหง

นี่เขามอบมงกุฏกันในชุดว่ายน้ำเลยแฮะ (มงกุฏครีเอทดี เข้ากับเทศกาลคริสมาสเลย)

*********************************
วกเข้ามาพูดถึงการประกวดนางงาม "จริง ๆ แล้วมันจำเป็นหรือเปล่า??"
ส่วนตัวผม คือการที่เราประกวดนางสาวไทย มิสไทยแลนด์เวิลด์ ทุกปี ๆ ๆ
ถ้าให้ไล่ชื่อ นางสาวไทย 3 คน ล่าสุด ผมคงไม่สามารถตอบได้
คือ มันเหมือนการจัดงานที่ไม่เกิดประโยชน์ ใช่ มันอาจเป็นหนทางที่ผู้ประกวดสามารถเข้าสู่วงการบันเทิงได้ แต่กี่คนกันล่ะครับ แล้วเบื้องลึก เบื้องหลัง ผมว่ามันก็คงไม่ได้ใสสะอาดสักเท่าไร

จริง ๆ ก็ไม่ได้ถึงกับแอนตี้หรอกนะครับ เห็นผู้หญิงสวย ๆ มาใส่โป๊ ๆ เดินให้ดู ก็สนุกดี แต่มองอีกทีมันก็เหมือนการกระทำไร้สาระ ที่ต้องจัดขึ้นทุกปี ๆ ๆ ๆ

ยิ่งบางครั้งดูเรื่องตอบคำถามยิ่งตลกใหญ่ ไม่ใช่ว่าคนประกวดจะไม่มีสมองนะ
แต่ผมคิดว่าการซักซ้อมของพวกแม่ยก พี่เลี้ยงว่าต้องตอบคำถามแบบนี้นะ เขาจะถามเราแบบนี้นะ
ส่วนใหญ่ตัวคำถามนี่ล่ะที่ไม่ค่อยมีสมอง เคยเจอไหม เมื่อก่อนก็รักเด็ก รักสิ่งแวดล้อม แล้วก็มา ลดโลกร้อน


ถ้าประกวดทุก 3 ปี นั่นอาจจะมีความหมายมากขึ้นก็ได้[สำหรับผมนะ]



แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจมีใครนั่งดูทุกปีแบบไม่พลาดเลยก็ได้




เ ร า ดู เ พ ร า ะ เ ร า อ ย า ก ดู [งงไม๊]




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 9:51:30 น.
Counter : 1037 Pageviews.  

สารพันวันละเรื่อง " จั๊ ก ก ะ แ ร้ "

เนื้อหาเรื่องนี้อาจเปลี่ยนไป ตามอารมณ์ผู้เขียน และอาจมีคำหยาบคายบ้างตามวัยผู้เขียน เช่นกัน ^_____^
--------------------------------------------------------------------------------

บ้านเราทุกวันนี้มาคิด ๆ ดูมันก็ตลกดีนะ มีครีมทาหน้าขาว รักแร้ขาว ผิวขาว มันจะขาวไปถึงไหนกันว๊า ทำไมเหรอครับ ไม่ขาวได้ไหม

มันเป็นค่านิยมกันไปแล้ว ที่ว่า ต้องผิวขาว ผมตรง ตาโต คิ้วเข้ม ตัวสูง บลา ๆ ๆ
นั่นจึงเรียกว่า สวย หล่อกันไป

เพื่อนผมคนนึง มันชื่อ รัตติกาล มันเป็นคนตัวไม่โต เล็กที่สุดในห้องเลยมั้ง หัวหยิกหยอยเลย ตัวดำ ๆ ผอมก้าง ๆ เหมือนเด็กแอฟริกา อย่างงั้นเลย เพื่อนเรียกมันว่า ไอ้เลาะ ๆ ตามนามสกุลมัน นึกไม่ออก ก็นึกภาพ เทวดาท่าจะบ๊องส์น่ะ

เลาะเล่นกีฬาเก่งมาก ไม่ว่ามันจะเล่นบอล ตะกร้อม วิ่ง ห่าเหวอะไรก็เก่ง ยกเว้นเรื่องเรียนเท่านั้น ที่มันไม่สันทัด

คือเราสองคนจะกลับบ้านด้วยกันไง นั่งสองแถวบ้าง เดินกลับบ้าง
บ้านของมันฐานะออกจะจนอยู่ พ่อเป็นคนขับรถเมล์ แม่อยู่บ้าน เช่าบ้านไม้เล็ก ๆ อยู่กัน ผมเคยไปนั่งเล่นที่บ้านมัน เกรงใจ๊เกรงใจ คือเราต้องนั่งคุย ดูทีวีในห้องนั้นห้องเดียวไง มีทั้งแม่ พี่สาว น้องสาว ผม เลาะ เพื่อน ก็แทบไม่มีที่แล้ว ผมชอบตรงที่มันก็เต็มใจที่จะพาเพื่อนมาบ้านนะ ซึ่งเราก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างไรหรอก แต่เกรงใจแม่มันอยู่

เราชอบพากันไปเล่นเกมส์แฟมิลี่กัน ที่บ้านไม่มีหรอก ไปนั่งเล่นที่ร้าน เลาะไม่ค่อยมีตังค์หรอก ไม่เป็นไร เราเลี้ยงเอง สมัยนั้นแม่ให้วันละ ยี่สิบบาท ซึ่งก็เยอะอยู่ (เลาะมันได้ วันละ 7 บาท ไว้กินข้าว นั่งรถ ขากลับเดินเอา)

ที่ตลกก็คือ มีอยู่วันนึง เด็กนะเนาะ ก็คุยกันเรื่องหนังสือโป๊!!
"นี่ ๆ บ้านกูนะ พี่กูมีหนังสือโป๊ด้วยว่ะ กูแอบเอามาดูประจำเลย" ผมพูดให้มันฟัง
"เหรอ ๆ เออ กูก็แอบอ่านของพ่อกูเหมือนกัน มึงเอ๊ย กระโปกกูแข็งเป๊กเลย" มันว่าอย่างนั้น ผมก็ตาโตเลยสิ

ก็ตกลงก่อนแยกกันกลับบ้าน ว่า พรุ่งนี้วันเสาร์ เรามาเจอกัน แล้วแลกกันอ่าน ตามนั้น ..


ผมก็ทำฟอร์มไปนั่งกินขนม อ่านการ์ตูนบ้านพี่ชาย พอได้จังหวะ เราก็เหน็บหลัง แล้วรีบเดินตัวแข็งออกมาทันที!!

แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น เราก็มาเจอกันที่ทางรถไฟตลิ่งชัน
ผมก็หยิบ นวลนาง มาให้มันดู "นี่ไง แต่เอามาได้เล่มเดียวว่ะ กลัวพี่เห็น" เราพูด
"เฮ้ย กูก็กลัวว่ะ แต่หยิบมาได้ สองเล่มแล้วรีบวิ่งมาเลยนี่แหละ" มันเล่าด้วยน้ำเสียงออกภูมิใจอยู่

แล้วเราก็แลกกันดู..

ผมรีบรับหนังสือจากเลาะมาด้วยใจระทึก

ตื่นเต้นสุด ๆ



...

...

...





รู้ไหมมันเอาหนังสืออะไรมาให้ผมดู "อาชญากรรม" ครับท่าน


เปิดมาหน้าแรกเจอรูปคนนอนตาย โดนมือปืนยิง

เปิดมาอีก เจอภาพรถคว่ำ ปอเต๊กตึ้งพากันเอาศพออกมา
อีกหน้า มีรูปตรงของศพที่ดึงมาได้แล้ว ..


" นี่ มั น เ หี้ ย อ ะ ไ ร ข อ ง มึ ง ง ง ง ง ง ง ง " ผมตะโกน


ไอ้เลาะหันมา "อ้าว นี่ไง ๆ มึงอ่านนี่สิ กูแอบพ่อดูประจำเลย" แล้วมันก็ดึงหนังสือไปเปิด ๆ ๆ ให้ผมดู

มันเป็นคอลัมภ์แบบอิโรติคน่ะครับ มีบทสยิวกิ้วแทรกเป็นระยะ ๆ
เหมือนเด็กที่เตรียมตัวไปเที่ยวแดนเนรมิต แล้วเช้ามาเขายกเลิกน่ะ หัวใจผมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ๆ ๆ ๆ

แน่นอนอีกเล่มนึง ก็อาชญกรรมเหมือนกัน .___.
เลาะมันบอกว่า ถ้าผมอ่านแล้วติดใจ มันจะหาเล่มแรก ๆ มาให้อีก..


มาเจอกันอีกครั้ง ตอนผมเรียน ปวช.มั้ง ไปเยี่ยมบ้านมัน หลังจบมัธยม เลาะก็เจริญรอยตามพ่อ มันตั้งเป้าไว้ว่า จะเป็นคนขับรถให้ได้ แต่ตอนนี้เป็นกระเป๋าไปก่อน


เลาะตัวผอมไม่เปลี่ยน แล้วมันก็มีเมีย เป็นคนต่างจังหวัดนี่แหละ ซื่อ ๆ ยิ้มเก่ง ทำกับข้าวอีสานเก่ง แต่มันแอบกระซิบว่า มันชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากกว่า (หน้าตามึงน่ากินดินมากเลย ผมบอกมัน)

เลาะยังอยู่ที่เดิม แต่ต่อเติมบ้านยื่นออกไปอีกนิด แบ่งห้องอยู่กัน บางทีก็หาปลากินบ้าง ตามประสา แต่ผมคิดว่า เขามีความสุขกับสิ่งที่เขาได้มีแล้วล่ะ

เลาะตัวดำ ผอม หัวหยิกหยอย บ้านยากจน ไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่น ๆ

" แต่ความสุขของเขานั้น ม า ก ก ว่ า ค น ที่ รั ก แ ร้ ข า ว ๆ ห ล า ย ๆ ค น ร ว ม กั น เ สี ย อี ก "




 

Create Date : 13 กันยายน 2550    
Last Update : 13 กันยายน 2550 13:33:07 น.
Counter : 364 Pageviews.  

สารพันวันละ " เ รื่ อ ง ข อ ง ผ ม "

เชื่อไหม ผมพึ่งรู้จัก เหา เมื่อไม่นานมานี่
คือไม่เคยเห็นไง ตอนหลานปิดเทอมมาเที่ยวกรุงเทพ แล้วแควนเอาหวีเสนียดหวี ๆ แล้วเขาก็นั่งบี้ ๆ กัน วันหยุดผมไปหา อ๋อ ๆ ๆ มันเป็นอย่างนี้นะเหรอ รู้จักแต่เห็บ

แต่จริง ๆ แล้ว มันบาปนะนั่น ฆ่ามันน่ะ "จะเก็บไว้ให้มันขึ้นหัวแกไม๊ล่ะ"
ผมเลยเลี่ยงมานั่งวาดภาพอ่านหนังสือห่าง ๆ ..


ตอนเด็ก ๆ มานั่งนึก ๆ ดู "เอ เราก็เรียนโรงเรียนเอกชนนี่หว่า ทำไมแม่ตัดทรงนักเรียนเกรียนตลอดเลยหว่า.."
นอกจากตอนอนุบาลแล้ว หัวผมเกรียนใสมาตลอดเลย

พอมา ม.ต้น เริ่มเข้าวัยรุ่นแล้วล่ะ ไว้ผม ๆ ฮ่า มีอยู่หย่อมนึงข้างหน้านี่ล่ะ หวีแล้วหวีอีก ตอนนั้นต้องเอาน้ำมันใส่ด้วยนะ ไม่ได้เลย


ดีที่มาเรียนต่อปวช. เลยผมยาวได้ เมื่อก่อนนี้ต้องแสกกลางเท่านั้น อมตะมาก เด็กเดี๋ยวนี้ ทรงผม ปิดหน้าผาก ปิดคิ้ว ปิดหู มันจะปิดอะไรกันนักกันหนา ต่อไปคงเหลือแต่คาง ผมว่า..


พอมาเรียนมหาลัย ผมก็ค่อย ๆ เป็นแสกข้าง ครึ่งคิ้ว เรียบร้อยขึ้นอีกนิด แต่คิดว่าดูดีนะ สมัยเรียนผมชอบผู้หญิงที่ใส่กระโปรงตรง ๆ ยาว ๆ น่ะ ไม่รู้เป็นไง เห็นแล้วแพ้ทุกที ส่วนสั้น ๆ นี่เฉย ๆ นะ ชอบผู้หญิงใส่แว่นครับ หน้าตาไม่สน ถ้าใส่แว่นนี่จะเทคแคร์เป็นพิเศษ เพื่อนยังว่า "มึงจะบ้าหรือปล่าว" ผมก็ไม่เข้าใจ หรือเป็นเพราะว่า แม่ก็ใส่แว่น เราเลยชอบ อืมมมมม ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าเห็นแล้วชอบ นอกเรื่องแล้ว พอดีกว่า ^____^

ปล. ผมไม่เคยสกินเฮดเลยสักครั้ง คิดว่าตัวเองหัวไม่สวยพอ นอกจากตอนบวชน่ะ ต้องโกนหัว แต่รู้สึกดีนะ โล่ง ๆ ดี เอาสบู่สระก็ได้ ฮะ ฮะ

อยากตัวทรงนี้ไหม



หรือ ทรงนี้ ^____^




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2550    
Last Update : 26 สิงหาคม 2550 18:19:42 น.
Counter : 397 Pageviews.  

สารพันวันละเรื่อง " ร อ ง เ ท้ า "

" ร อ ง เ ท้ า "


ไม่นานมานี่ ผมพึ่งเอารองเท้าออกจากท้ายรถ ปรากฏพบว่า มีเยอะมาก คือแบบว่า ใส่ไว้ก่อน เผื่อได้ใช้ ท้ายสุดแล้ว เราก็ใส่คู่เดิมอยู่ดี

ในสมัยก่อน จะถอดรองเท้าวิ่งเล่น พื้นเป็นดิน นิ่มสบายเท้า
เมื่อความเจริญเข้ามา มีแสงสีและคอนกรีตแทนที่ จึงต้องมีสิ่งรองเท้าไว้ กันเลอะ กันเจ็บ

รองเท้าแตะ หรือรองเท้าฟองน้ำ โดยส่วนตัวผมจะชอบรองเท้าหูหนีบ คือเวลาวิ่งเราควบคุมได้ไง ถ้าเป็นแบบสวม มันจะถะลืดไปข้างหน้าทุกที แล้วรองเท้าก็จะขึ้นไปอยู่ตรงข้อเท้าแทน

มีอยู่ครั้งนึง วิ่งหนีหมา รองท้งรองเท้ากระเจิงไปคนละทาง กลับมาโดนตีอีก รองเท้าหาย
หลัง ๆ มีสติมากขึ้น ถ้าต้องวิ่งนี่ จะเตะรองเท้าไปข้างหน้า แล้ววิ่งก้มเก็บ โกย ๆ ๆ

ผมชอบเวลาเห็นเด็ก ๆ ใส่รองเท้าหนังใบเล็ก ๆ เวลาอนุบาลน่ะ ดูน่ารักดี คือมันเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ดี ^___^

นันยาง ใส่ใหม่ ๆ หนักมาก รองเท้าบ้าไรวะเนี่ย แต่ใส่นานเข้าก็ชิน ใช้ทนมากกก แต่ไม่เคยใช้จนพัง ส่วนใหญ่หาย

คอนเวิสท์ หุ้มข้อหนัง ใส่จนเก่าแล้วเก่าอีก จนส้นเท้าทะลุน่ะ เสียดายไม่ได้เก็บไว้ (เน่าเกิน)

คิกเกอร์ ชอบครับ ทรงสวยดี พื้นเป็นยาง ๆ ถูกใจ แต่พอเพื่อนมาใส่กันมากเข้า ก็เลยเลิกไป

ผมเป็นคนไม่ค่อยใส่รองเท้าผ้าใบสักเท่าไหร่ รู้สึกมันอับ ๆ ชอบรองเท้าหนังมากกว่า มีแดสบ้างนิดหน่อย ไว้ใส่กับขาสั้น

เออ มีอยู่ช่วงนึง ยุคเฮฟวี่ ต้องใส่ซุปเปอร์แบล็ค รองเท้าบู๊ท มีหนาม ๆ เสื้อร๊อค ก็บ้ากันไปพักนึง เวลาไปทานเหล้าบ้านเพื่อน นั่งล้อมวงกันนี่ แยกไม่ออกเลย กลิ่นใคร กลิ่นใคร อ๊วกเหมือนกัน


เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดต่องาน ก็ใส่อีแก่คู่เก่านี่แหละ ไม่คับมาก พอดี ๆ ใส่สบาย
เออ ผมเป็นคนชอบใส่รองเท้าขับรถนะ คือไม่ชอบถอด หรือใส่รองเท้าแตะขับน่ะ มันรู้สึกว่าเหยียบเบรค เหยียบคันเร่งได้เต็มดี
มีเพื่อนอยู่คนนึง ชอบใส่รองเท้ากอฟ์ท คือไปเดินห้าง แต่งตัวเหมือนออกรอบ เออ เอากะมันสิ

ยิ่งคุยยิ่งยาว แค่นี้ละกันเนาะ ^____^

เชื่อว่า มีอยู่ช่วงนึง ต้องเคยใส่ สกอร์กันใช่ม๊า โห ตอนนั้นทันสมัยสุด ๆ เลย ของปลอมเพียบ ฮะ ฮะ




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2550    
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 11:21:40 น.
Counter : 271 Pageviews.  


Gorra
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Gorra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.