ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก ปราสาทปราก
ปราสาทปราก วันที่ 16เมษายน 2553 วันนี้พวกเราตื่นสายหน่อย เดินทางไปยังปราสาทปรากเวลา 09.00 น วันนี้มีไกด์ชาวปรากพาชมปราสาทด้วย รถพาพวกเราผ่านสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของโลก สนามกีฬาสตราฮอฟ (Strahov Stadium )เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุคนดูได้ 240000 ที่นั่ง ปัจจบันใช้เป็นสนามซ้อมฟุตบอล และเป็นที่แสดงคอนเสริต์ สนามกีฬาสตราฮอฟ ใช้เวลาในการเดินทางถึงปราสาทปรากประมาณครึ่งชั่วโมง กรุงปราก (Prague) หรือ ปราฮา( Praha ) ดินแดนแห่งปราสาทร้อยยอดเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็กตั้งอยู่สองฝั่ง "แม่น้ำวัลตาวา" (Vltava river) เป็นที่เมืองที่มีเนินเขาเรียงรายสลับซับซ้อนกันอยู่สองข้างฝั่งแม่น้ำถึง 7 เนินเขา ปรากเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย เช่นโรมันเนสก์ โกธิค เรเนซองส บารอค รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่างๆ ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็น มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน องค์การยูเนสโกนได้ประกาศให้ปรากเป็นมรดกโลก เมื่อ ค.ศ. 1992 ปราสาทปราก ปราสาทปรากเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเชคสร้างขึ้นในปี ค.ศ.885 โดยเจ้าชายบริโวจความยาวประมาณ 570 เมตร และความกว้างประมาณ 130 เมตร มีเนื้อที่ใหญ่กว่าสนามฟุตบอล 7 สนามรวมกัน เป็นปราสาทสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในประกอบด้วยโบสถ์ พระราชวังโบราณ ที่สร้างด้วยศิลปะแบบต่างๆ ตั้งแต่แบบโรมันในศตวรรษที่ 10 จนถึงตึกแบบสมัยในศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดี แนวรั้วกำแพงเข้าสู่ปราสาทปรากมีรูปปั้นใหญ่ๆเรียงราย ปราสาทปราก ประตูทางเข้าหลักสู่ปราสาทเหนือทางเข้าทั้งสองข้างประดับด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่ ชื่อว่าการต่อสู้ของยักษ์ไทแทน (battling titan) ตัวหนึ่งทุบอีกคัวหนึงแทง ทำให้ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก การเปลี่ยนกะของทหารทุกชั่วโมง มีนักท่องเที่ยวรุมดูและถ่ายรูปกันมากมาย ไกด์บอกว่าถ้าประธานาธิบดีทำงานอยู่ที่ทำเนียบจะมีธงปักที่ทำเนียบ ทำเนียบประธานาธิบดี เมื่อเดินเข้ามาเราก็พบกับความยิ่งใหญ่ของหหาวิหารเซนต์วิดัส โบสถ์เซนต์ไวตุส (St.Vitus Cathedral) สูง 97 เมตร ยาว 124 เมตร โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นสร้างในสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4ในปี 1344 ในศิลปะแบบโกธิคมีการก่อสร้างเรื่อยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนมาเสร็จสมบูรณ์ในปี 1929 ภายในมีทั้งห้องโถงใหญ่ ห้องประกอบพิธีต่างๆ และห้องสวดมนต์มากมาย ตกแต่งด้วยภาพวาด ภาพสลัก และภาพประดับต่างๆ ละลานตาด้วยความแวววาวของสเตนกลาสสีสันสดใส สลับกับภาพวาดปูนปั้นประดับพลอยสี ทองและเงิน มหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นศูนย์กลางอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรตลอดรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 กระทั่งยังเป็นที่ฝังพระศพของพระองค์และยังเป็นที่เก็บมงกุฎเพชรของพระองค์ในปัจจุบันด้วย มหาวิหารเซนต์วิตัส มหาวิหารใหญ่มากจนเราถ่ายรูปไม่ถึง แต่วันนี้มหาวิหาร ทำพิธีกรรมทางศาสนา ดังนั้นจึงไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมข้างใน เสียดายมาก ไปอีกด้านหนึ่งของมหาวิหาร มหาวิหารเซนต์วิตัส เราเดินถ่ายรูปรอบมหาวิหารสักพัก ไกด์ก็เรียกให้พวกเราเดินเข้าไปภายในปราสาท (Old Royal Palace ) เป็นแบบโรมาเนสก์และโกธิคยุคต้นๆ สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่สิบสอง เป็นห้องโถงประชุมขุนนาง และเป็นที่ประทับของกษัตริย์โบฮีเมียและราชวงศ์ฮัมบวร์ก และเป็นห้องโถงที่ประชุมของทหาร ภายใน Old Royal Palace แบ่งเป็นสัดเป็นส่วน ทั้งส่วนที่เป็นห้องทำพิธีทางศาสนา ห้องพิพิธภัณฑ์เก็บเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ของกษัตริย์ในยุคก่อน Vladislav Hall Vladislav Hall เป็นห้องโถงใหญ่สไตล์ late-Gothic กว้าง 16 เมตร ยาว 62 เมตร สูง 13 เมตร ใช้เป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษก จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี จัดงานเลี้ยงสำคัญต่างๆ หรือแม้กระทั่งเคยเป็นสนามแข่งประลองฝีมือของบรรดาอัศวินในอดีต เล่ากันว่าพวกอัศวินใช้เส้นทางนี้ ขี่ม้าเข้าเฝ้า กษัตริย์ในห้องโถง ปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับเลือกตั้งประธานาธิบดีของเช็ก เก้าอี้พระที่นั่ง จากนั้นเราก็เดินมาหยุดที่โบสถ์สีแดงสดใส St. George's Basilica โบสถ์สีแดงโดดเด่น สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง เซนต์ลุดมิลา( St. Ludmila ชาวโบฮีเมียน ) โบสถ์หลังนี้ถูกเผาหลายครั้ง จนในศตวรรษที่ 18 มีการสร้างใหม่ด้วยศิลปะแบบบาร็อค ปัจจุบันใช้เป็นที่แสดงคอนเสริต์ St. George's Basilica ภาพพิมพ์นูนในยุคกอธิคตอนปลาย ภาพ St. George ต่อสู้กับกิ้งก่า ซึ่งกิ๊งก่าในคริสตศาสนาหมายถึงความชั่วร้าย ภาพนี้จึงหมายถึงการต่อสู้ระหว่างผู้พิทักษ์ความดีกับความชั่ว St. George's Basilica ภายในเป็นห้องโถงนักบุญเนโปมุก (The Chapel of St. John of Nepomuk) ,ห้องโถงพิธีของ St. Ludmila ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม St. George's Basilica นักบุญลุมิลาแห่งโบฮีเมีย ( Ludmila of Bohemia) เป็นนักบุญในคริสต์ศาสนาและเป็นมรณสักขีหรือผู้พลีชีพเพื่อศาสนา เกิดเมื่อราว ค.ศ. 860 ที่เมืองเมลนิคในสาธารณรัฐเช็กปัจจุบัน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 921 ที่ปราสาทเททิน (Tetín) ในสาธารณรัฐเช็กปัจจุบัน แต่ราวก่อนปี ค.ศ. 1100 ร่างของลุมิลาก็ถูกย้ายมาที่โบสถ์เซนต์จอร์จที่ปรากในสาธารณรัฐเช็ก หีบบรรจุศพของนักบุญลุมิลาแห่งโบฮีเมีย ดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้ St. George's Basilica St. George's Basilica เราเดินตามทางเรียบตึกมาเรื่อยๆก็พบกับ หมู่บ้านช่างทอง เป็นบ้านช่างทองประจำราชสำนัก เคยเป็นกำแพงล้อมรอบปราสาทปราก แต่พอถึงคราวไฟไหม้ใหญ่ จึงมีการดัดแปลงให้กำแพงปราสาทกลายเป็นบ้านพักคนงาน ที่ได้ฉายาว่า Golden Lane เพราะเป็นที่ทดลองทำตะกั่วให้กลายเป็นทองคำของนักเล่นแร่แปรธาตุในสมัยกษัตริย์รูดอร์ฟที่ 2 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และเลิกไปในที่สุด เราเดินพาพบกับตรอกแคบๆ แต่มากด้วยนักท่องเที่ยว แต่ละร้านเป็นร้านขายของที่ระลึกซึ่งราคาก็ค่อนข้างสูง หมู่บ้านช่างทอง เรามาหยุดอยู่ที่บ้านที่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เสื้อเกราะและอาวุธอัศวิน ที่เด่นมากคือป้ายหมูบิน มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันมากมาย หมู่บ้านช่างทอง พวกเราขึ้นชั้น 2 ก็เห็นเสื้อเกราะอัศวินมากมาย รวมทั้งอาวุธและอุปกรณ์สำหรับอัศวิน หมู่บ้านช่างทอง ฝาท่อเมืองปราก ฝาท่อแต่ละเมืองจะมีลวดลายไม่เหมือนกัน ที่ปราก เป็นรูปปราสาทสามยอด กับมือถือดาบออกมาปกป้องตัวปราสาท จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยัง Old Castle Steps ซึ่งสามารถเห็นวิวขิงเมืองปรากที่สวยงาม นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีนักดนตรีสีไวโอลินให้ฟัง ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศบนนี้มาก บรรยากาศที่บนนี้งดงามมาก อยากจะนั่งชมวิวอยู่ตรงนี้ให้นานๆ หลังจากดื่มด่ำความงามของเมืองปรากแล้ว ก็ได้เวลาที่พวกเราจะไปต่อที่ย่าน old town พวกเราจึงนั่งรถรางสาย 22 ประมาณ 3 สถานีก็ถึงเป้าหมาย |
Create Date : 03 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2562 1:10:24 น. |
Counter : 1815 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก คาร์โลวี วารี
Create Date : 02 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2562 0:06:42 น. |
Counter : 3159 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก เชสกี้คลุมลอฟ
Create Date : 01 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2562 23:54:47 น. |
Counter : 4178 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สงกรานต์ 52 เที่ยวยุโรป 6 ประเทศ (นีช - ฝรั่งเศส) วันสุดท้าย
เมืองนีช วันสุดท้าย วันที่ 22 เมษายน 2552 เราเดินทางกลับวันนี้ เราcheck out ออกจากโรงแรมแล้วไปเดินเล่น Castle Hill (Colline du Chateau) เราเดินเลียบชายฝั่งประมาณ 15 นาทีถึงที่นี่ เป็นจุดชมวิวของเมือง มีความสูง 92 เมตรหรือ 302 ฟุตสามารถขึ้นได้ทั้งทางลิฟท์ และเดินขึ้นเพื่อสามารถชมวิวได้ในมุมมองพาโนรามา บนเขาเป็นเป็นสวนสาธารณะและมีสุสานเก่า และ มีป้อมปราการซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งตระหง่านแต่ถูกทำลายในปี 1706 Castle Hill เราเดินขึ้นเขาเพื่อชมความงามของธรรมชาติ Castle Hill จุดชมวิวสามารถถ่ายรูปทะเลของ Nice ในมุมกว้าง สวนสาธารณะที่ดูร่มรื่น Castle Hill ด้านบนของเขาเป็นมุมที่เห็น เมือง nice ทั้งเมือง ที่ว่าการของ Chateau อยู่ด้านบนของเขา ปลูกต้นไม้น่ารักๆ เมื่อลงจากเขาเราก็เห็นอนุเสาวรีย์อันนี้อีกอัน ซึ่งเป็นอนุเสาวรีย์แด่ทหารที่ไปรบที่เวียดนาม เราเดินอ้อมเขาก็เห็นดอกลาเวนเดอร์ขึ้นอยู่ตามซอกหิน ไม่เห็นทุ่งลาเวนเดอร์เห็นแค่นี้ก็ดีใจแล้วละ รถไฟสีขาวคันนี้พานักท่องเที่ยวนั่งชมรอบเมือง Niceา ไปตลาดดอกไม้ - เรียบทะเล - และพาขึ้นเขาชมCastle Hill ประมาณ 7 ยูโรต่อรอบ ๆละ 7 นาที รถไฟชมเมือง ฝั่งตรงข้ามเป็นทะเล แต่ทะเลที่นี่มีแต่หินทั้งนั้น เดินถัดออกมาก็จะเห็นท่าจอดเรือ ซึ่งมีเรือยอร์ทรวมอยู่ด้วย ท่าเรือ เมืองนี้มีร้านดอกไม้สวยๆเต็มไปหมด หลังจากเราเดินชมเมืองจนจุใจแล้ว เราก็เดินย่าน Shopping Center เพื่อรับประทานอาหารกลางวันและเดินเล่นเพื่อซื้อของฝาก จนถึงเวลาเดินทางกลับ เราก็เรียก TAXI จากโรงแรม ค่าโดยสาร 35 ยูโร จากสนามบิน Nice โดย Air France ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ก็มาถึง ชาร์ลส์ เดอ โกล รอขึ้นเครื่องบินประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็กลับเมืองไทยโดยสายการบิน เอมิเรต โชคดีผู้โดยสารน้อยมาก เราจึงนอนยาวตลอดจนกลับถึงเมืองไทย |
Create Date : 25 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2562 23:18:53 น. |
Counter : 1832 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สงกรานต์ 52 เที่ยวยุโรป 6 ประเทศ (นีช - ฝรั่งเศส)
Create Date : 24 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2562 22:31:57 น. |
Counter : 2094 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|