ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก ปราสาทปราก





 
 
ปราสาทปราก

วันที่ 16เมษายน 2553

วันนี้พวกเราตื่นสายหน่อย เดินทางไปยังปราสาทปรากเวลา 09.00 น วันนี้มีไกด์ชาวปรากพาชมปราสาทด้วย รถพาพวกเราผ่านสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของโลก

สนามกีฬาสตราฮอฟ (Strahov Stadium )เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุคนดูได้ 240000 ที่นั่ง ปัจจบันใช้เป็นสนามซ้อมฟุตบอล และเป็นที่แสดงคอนเสริต์
สนามกีฬาสตราฮอฟ



ใช้เวลาในการเดินทางถึงปราสาทปรากประมาณครึ่งชั่วโมง

กรุงปราก (Prague) หรือ ปราฮา( Praha ) ดินแดนแห่งปราสาทร้อยยอดเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็กตั้งอยู่สองฝั่ง "แม่น้ำวัลตาวา" (Vltava river) เป็นที่เมืองที่มีเนินเขาเรียงรายสลับซับซ้อนกันอยู่สองข้างฝั่งแม่น้ำถึง 7 เนินเขา

ปรากเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย เช่นโรมันเนสก์ โกธิค เรเนซองส บารอค รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่างๆ ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็น มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน องค์การยูเนสโกนได้ประกาศให้ปรากเป็นมรดกโลก เมื่อ ค.ศ. 1992
ปราสาทปราก



ปราสาทปรากเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเชคสร้างขึ้นในปี ค.ศ.885 โดยเจ้าชายบริโวจความยาวประมาณ 570 เมตร และความกว้างประมาณ 130 เมตร มีเนื้อที่ใหญ่กว่าสนามฟุตบอล 7 สนามรวมกัน เป็นปราสาทสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในประกอบด้วยโบสถ์ พระราชวังโบราณ ที่สร้างด้วยศิลปะแบบต่างๆ ตั้งแต่แบบโรมันในศตวรรษที่ 10 จนถึงตึกแบบสมัยในศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดี

แนวรั้วกำแพงเข้าสู่ปราสาทปรากมีรูปปั้นใหญ่ๆเรียงราย
ปราสาทปราก



ประตูทางเข้าหลักสู่ปราสาทเหนือทางเข้าทั้งสองข้างประดับด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่ ชื่อว่าการต่อสู้ของยักษ์ไทแทน (battling titan) ตัวหนึ่งทุบอีกคัวหนึงแทง ทำให้ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก




การเปลี่ยนกะของทหารทุกชั่วโมง มีนักท่องเที่ยวรุมดูและถ่ายรูปกันมากมาย




ไกด์บอกว่าถ้าประธานาธิบดีทำงานอยู่ที่ทำเนียบจะมีธงปักที่ทำเนียบ
ทำเนียบประธานาธิบดี



เมื่อเดินเข้ามาเราก็พบกับความยิ่งใหญ่ของหหาวิหารเซนต์วิดัส

โบสถ์เซนต์ไวตุส (St.Vitus Cathedral) สูง 97 เมตร ยาว 124 เมตร โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นสร้างในสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4ในปี 1344 ในศิลปะแบบโกธิคมีการก่อสร้างเรื่อยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนมาเสร็จสมบูรณ์ในปี 1929
ภายในมีทั้งห้องโถงใหญ่ ห้องประกอบพิธีต่างๆ และห้องสวดมนต์มากมาย ตกแต่งด้วยภาพวาด ภาพสลัก และภาพประดับต่างๆ ละลานตาด้วยความแวววาวของสเตนกลาสสีสันสดใส สลับกับภาพวาดปูนปั้นประดับพลอยสี ทองและเงิน มหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นศูนย์กลางอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรตลอดรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 กระทั่งยังเป็นที่ฝังพระศพของพระองค์และยังเป็นที่เก็บมงกุฎเพชรของพระองค์ในปัจจุบันด้วย
มหาวิหารเซนต์วิตัส



มหาวิหารใหญ่มากจนเราถ่ายรูปไม่ถึง

แต่วันนี้มหาวิหาร ทำพิธีกรรมทางศาสนา ดังนั้นจึงไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมข้างใน เสียดายมาก

ไปอีกด้านหนึ่งของมหาวิหาร
มหาวิหารเซนต์วิตัส



เราเดินถ่ายรูปรอบมหาวิหารสักพัก ไกด์ก็เรียกให้พวกเราเดินเข้าไปภายในปราสาท (Old Royal Palace ) เป็นแบบโรมาเนสก์และโกธิคยุคต้นๆ สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่สิบสอง เป็นห้องโถงประชุมขุนนาง และเป็นที่ประทับของกษัตริย์โบฮีเมียและราชวงศ์ฮัมบวร์ก และเป็นห้องโถงที่ประชุมของทหาร ภายใน Old Royal Palace แบ่งเป็นสัดเป็นส่วน ทั้งส่วนที่เป็นห้องทำพิธีทางศาสนา ห้องพิพิธภัณฑ์เก็บเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ของกษัตริย์ในยุคก่อน
Vladislav Hall



Vladislav Hall เป็นห้องโถงใหญ่สไตล์ late-Gothic กว้าง 16 เมตร ยาว 62 เมตร สูง 13 เมตร ใช้เป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษก จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี จัดงานเลี้ยงสำคัญต่างๆ หรือแม้กระทั่งเคยเป็นสนามแข่งประลองฝีมือของบรรดาอัศวินในอดีต เล่ากันว่าพวกอัศวินใช้เส้นทางนี้ ขี่ม้าเข้าเฝ้า กษัตริย์ในห้องโถง ปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับเลือกตั้งประธานาธิบดีของเช็ก
เก้าอี้พระที่นั่ง



จากนั้นเราก็เดินมาหยุดที่โบสถ์สีแดงสดใส

St. George's Basilica โบสถ์สีแดงโดดเด่น สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง เซนต์ลุดมิลา( St. Ludmila ชาวโบฮีเมียน ) โบสถ์หลังนี้ถูกเผาหลายครั้ง จนในศตวรรษที่ 18 มีการสร้างใหม่ด้วยศิลปะแบบบาร็อค ปัจจุบันใช้เป็นที่แสดงคอนเสริต์
St. George's Basilica



ภาพพิมพ์นูนในยุคกอธิคตอนปลาย ภาพ St. George ต่อสู้กับกิ้งก่า ซึ่งกิ๊งก่าในคริสตศาสนาหมายถึงความชั่วร้าย ภาพนี้จึงหมายถึงการต่อสู้ระหว่างผู้พิทักษ์ความดีกับความชั่ว
St. George's Basilica



ภายในเป็นห้องโถงนักบุญเนโปมุก (The Chapel of St. John of Nepomuk) ,ห้องโถงพิธีของ St. Ludmila ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม
St. George's Basilica



นักบุญลุมิลาแห่งโบฮีเมีย ( Ludmila of Bohemia) เป็นนักบุญในคริสต์ศาสนาและเป็นมรณสักขีหรือผู้พลีชีพเพื่อศาสนา เกิดเมื่อราว ค.ศ. 860 ที่เมืองเมลนิคในสาธารณรัฐเช็กปัจจุบัน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 921 ที่ปราสาทเททิน (Tetín) ในสาธารณรัฐเช็กปัจจุบัน แต่ราวก่อนปี ค.ศ. 1100 ร่างของลุมิลาก็ถูกย้ายมาที่โบสถ์เซนต์จอร์จที่ปรากในสาธารณรัฐเช็ก

หีบบรรจุศพของนักบุญลุมิลาแห่งโบฮีเมีย ดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้
St. George's Basilica

St. George's Basilica



เราเดินตามทางเรียบตึกมาเรื่อยๆก็พบกับ หมู่บ้านช่างทอง
เป็นบ้านช่างทองประจำราชสำนัก เคยเป็นกำแพงล้อมรอบปราสาทปราก แต่พอถึงคราวไฟไหม้ใหญ่ จึงมีการดัดแปลงให้กำแพงปราสาทกลายเป็นบ้านพักคนงาน ที่ได้ฉายาว่า Golden Lane เพราะเป็นที่ทดลองทำตะกั่วให้กลายเป็นทองคำของนักเล่นแร่แปรธาตุในสมัยกษัตริย์รูดอร์ฟที่ 2 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และเลิกไปในที่สุด

เราเดินพาพบกับตรอกแคบๆ แต่มากด้วยนักท่องเที่ยว แต่ละร้านเป็นร้านขายของที่ระลึกซึ่งราคาก็ค่อนข้างสูง
หมู่บ้านช่างทอง



เรามาหยุดอยู่ที่บ้านที่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เสื้อเกราะและอาวุธอัศวิน ที่เด่นมากคือป้ายหมูบิน มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันมากมาย
หมู่บ้านช่างทอง



พวกเราขึ้นชั้น 2 ก็เห็นเสื้อเกราะอัศวินมากมาย รวมทั้งอาวุธและอุปกรณ์สำหรับอัศวิน
หมู่บ้านช่างทอง



ฝาท่อเมืองปราก ฝาท่อแต่ละเมืองจะมีลวดลายไม่เหมือนกัน ที่ปราก เป็นรูปปราสาทสามยอด กับมือถือดาบออกมาปกป้องตัวปราสาท



จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยัง Old Castle Steps ซึ่งสามารถเห็นวิวขิงเมืองปรากที่สวยงาม นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีนักดนตรีสีไวโอลินให้ฟัง ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศบนนี้มาก





บรรยากาศที่บนนี้งดงามมาก อยากจะนั่งชมวิวอยู่ตรงนี้ให้นานๆ



หลังจากดื่มด่ำความงามของเมืองปรากแล้ว ก็ได้เวลาที่พวกเราจะไปต่อที่ย่าน old town พวกเราจึงนั่งรถรางสาย 22 ประมาณ 3 สถานีก็ถึงเป้าหมาย

 




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2562 1:10:24 น.
Counter : 1815 Pageviews.  

ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก คาร์โลวี วารี







 
 
คาร์โลวี วารี


วันที่ 15เมษายน 2553

เราออกจากเมืองเชสกี้คลุมลอฟเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) เวลา 08.00 น. ระยะทาง 240 กม.หรือ 4 ชั่วโมง

เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) หรือ “เมืองคาร์ลบาต” (Karsbad) ในภาษาเยอรมัน ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำเทปล้า( Tepla)

คาร์โลวี่ มาจากคำว่า Karl หรือภาษาอังกฤษว่า Charles ชื่อของกษัตริย์ผู้ปกครองเช็กในเวลานั้น Vary วารี่ แปลว่าบ่อน้ำร้อน แปลรวมกันว่า "บ่อน้ำพุร้อนของคาเรล" ตำนานเล่ากันว่า พระเจ้าชาร์ลที่ 4 ออกมาล่าสัตว์แล้วเจ้าหมาล่าเนื้อของท่านตกลงไปในบ่อ ทำให้รู้ว่าที่นี่มีน้ำพุร้อนมากมาย พระองค์ทรงชื่นชมสถานที่แถบนี้ และน้ำพุร้อนคุณภาพเยี่ยมที่นี่มาก และได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นในปีค.ศ.1370

เมืองนี้จึงเป็นเมืองตากอากาศ และเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเช็ก

มาเริ่มเดินชมเมืองกัน
คาร์โลวี วารี



เราเดินทางมารับประทานอาหารพื้นเมืองที่ร้านนี้ อร่อยมาก

Romance Puskin Hotel



ตรงข้ามร้านอาหารก็มาเจอกับร้านสปา ตกแต่งอย่างสวยหรู



Colonnade นี้เป็นอาคารห้องกระจกอยู่คร่อมแม่น้ำ Tepla ระหว่างถนน Stara Louka และถนน Nova Louka

ตรงข้ามร้านอาหารกลางวันมีบ่อน้ำร้อนที่อยู่ในห้องกระจก บริเวณด้านนอกมีร้านขายของที่ระลึกรวมทั้งถ้วยพอร์ซเลน ลวดลายสวยงาม แต่ราคาก็แพงเช่นกัน แต่เราก็ซื้อ 1 ใบเพราะอยากจะลองชิมน้ำแร่ดู เราซื้อในราคา 170 โคลนหรือ 340 บาท
The Hot Spring Colonnade



เราเดินเข้ามาในห้องกระจก จะเห็นบ่อน้ำพุพุ่งสูงที่สุดใน Karlovy Vary ความร้อนของน้ำพุร้อน 73 องศาเซลเซียส พุ่งจากแหล่งน้ำพุร้อนใต้ดินธรรมชาติที่ลึกลงไป 2,000 ม. ด้วยอัตรา 2,000 ลิตร ต่อนาที พุ่งขึ้นสูง 12 เมตร

บ่อน้ำแร่ที่ใหญ่ที่สุด



น้ำแร่ที่นี่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่างๆได้ เค้านำมาใช้รักษาโรคมากว่า 600 ปีแล้วที่นี่มีบ่อน้ำแร่ 12 แห่ง และอุณหภูมิต่างๆกันไป
แต่ละบ่อมีคุณสมบัติการรักษาโรคไม่เหมือนกัน เช่น โรคเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร อาการอ่อนแรง โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนโลหิต

ถัดออกมาอีกห้องเราก็เจอบ่อน้ำแร่เรียงรายเต็มไปหมด



แต่ละจุดจะมีอุณหภูมิบอกไว้ โดย อุณหภูมิตั้งแต่ 30- 72 องศาเซลเซียส เรานำถ้วยพอร์ซเลนที่ซื้อมา ใส่น้ำแร่และลองชิมดู รสชาดคล้ายน้ำสนิมและเค็มมาก แต่ไม่เป็นไรเพื่อสุขภาพที่ดี เราก็ชิมตามบ่อต่างๆจนเกือบครบ



หลังจากชิมจนหนำใจแล้วเราก็เดินออกมาชมเมืองเล่น

ริมฝั่งแม่น้ำ Tepla มีตึก สไตล์นีโอคลาสสิค อายุประมาณ 100กว่าปีเท่านั้น เนื่องจากเคยเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ตอนปี 1604 เผาเมืองจนเกือบหมด



สร้างโดยสถาปนิก Josef Zitek ในรูปแบบ Neo - Renaissance สร้างในปี 1871-1881 เป็นอาคาร Colonnade ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ยาว 132 ม. กว้าง 13 ม. และมีเสาทั้งหมด 124 ต้น ข้างในมีบ่อน้ำพุร้อน 5 บ่อ ด้านหน้าจะเป็นลานกว้างให้คนเดินเที่ยวชม
Mlynska Colonada



รูปปั้นมี 12 รูปหมายถึงเดือน 12 เดือน แต่ที่นับได้เห็นแค่ 6 รูป ที่เหลือไม่รู้อยู่ไหน

Mlynska Colonada



บ่อน้ำแร่ใน Mlynska Colonada



คิออสขายเหล้า ซึ่งจำหน่ายเหล้าสมุนไพร Becherovka สินค้าที่มีชื่อเสียงในคาร์โลวี วารี มีแอลกอฮอล์ 38%ประกอบด้วย เมล็ดโป๊ยกั๊ก, อบเชย, และประมาณ 32 สมุนไพรอื่นๆ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น



ด้านในมีบ่อน้ำแร่ 3 บ่อ
Garden colonnade



ด้านข้างGarden colonnadeเป็นสวนสาธารณะ มีรูปปั้นแบบต่างๆ



ตามข้างทางก็จะมีศิลปินมาขายรูปวาดสวยๆ



มีรถม้าไว้คอยบริการ สำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวชมเมือง

เราเดินกลับออกมาเพื่อที่จะ shoping เนื่องจากรองเท้าทีใส่อยู่ทำเท้าระบมไปหมด



ร้านค้าเรียงราย มีสินค้าให้เลือกมากมาย เราซื้อรองเท้ากลับไป1 คู่ราคา 2150 โคลนหรือ 4250 บาท แพงพอสมควร แต่เราเมื่อยมากไม่มีทางเลือกก็เลยตัดสินใจซื้อซะงั้น



ด้วยเวลาที่จำกัดพวกเราจึงเดินทางกลับมาที่รถ เพื่อเดินทางต่อไปยังปราก

ถ่ายรูปวิวสุดท้ายอีกครั้งก่อนอำลาเมือง



พวกเราออกจากคาร์โลวี วารี เวลา 16.00 น.เดินทางไปยังปราก ระยะทาง 144 กิโลมตร ใช้เวลา 2.30 น.

พวกเรารับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารจีน huang he อาหารที่นี่อร่อยกว่าภัตตาคารจีนวันแรก จากนั้นรถก็มารับพวกเรากลับมาพักที่โรงแรม Movenpick Hotel Prague โรงแรมอยู่ใกล้กับห้าง tesco ประมาณ 500 เมตร พวกเราทราบว่าที่ tesco ปิดเวลา 24.00 น พวกเราจึงฝ่าความหนาวไปดูซะหน่อย



Tesco ที่นี่ต่างจากบ้านเราเพราะเป็น shopping complex มีร้านค้า brand name มากมาย เช่น esprit , zara และอื่นๆ แต่ร้านค้าพวกนี้ปิดแค่ 21.00 น. พวกเราจึงไม่ทันได้ดูอะไรมาก แต่ในส่วนของ super market ปิด 24.00 น. ของที่นี่ราคาไม่แพง เราจึงซื้อของฝากเพื่อนๆที่นี่เช่นซ็อกโกแลต กาแฟ เบียร์ และขนมพื้นเมือง สินค้าที่นี่ราคาถูกกว่าร้านค้าในเมืองมาก

เราเลือกซื้อของฝากจนหนำใจแล้ว จึงกลับโรงแรมใกล้ 24.00 น.


 




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2562 0:06:42 น.
Counter : 3159 Pageviews.  

ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก เชสกี้คลุมลอฟ







 
 
เชสกี้ ครุมลอฟ
 

วันที่ 14เมษายน 2553

ออกเดินทางสู่นครมิวนิค โดยเที่ยวบินที่ TG 924 เวลา 14.05 น. (ใช้เวลาในการเดินทาง 11.55 ช.ม.)

ถึงสนามบินมิวนิค เวลา 20.00 น. เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง

รถบัส



รถคันนี้มาพวกเราไปเที่ยวตลอดทั้งทริป คนขับรถอัทยาศัยดีมาก ชื่อคุณ gerbial เป็นชาวเช็ก

คืนนี้พวกเราไปนอนพักผ่อนที่ holliday inn munich hotel ห้องนอนแคบมาก คิดว่านอนในโรงแรมญี่ปุ่นซะอีก อย่างไรก็ตามเราก็นอนหลับได้ดีเพราะเพลียจากการเดินทาง

พวกเราออกเดินทางเวลา 08.00 น.เพื่อเดินทางไปเชสกี้ ครุมลอฟ ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง

เชสกี ครุมลอฟ (Český Krumlov) เป็นเมืองขนาดเล็กในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของสาธารณรัฐเชก ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Sumava ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเชก มีทิวเขา Sumava ทอดตัวตามแนวเขตแดนที่ติดกับออสเตรียและเยอรมนี
เชกกี้ คลุมลอฟ



เมืองเก่าแก่บนริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 13 ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1992 ด้วยสถาปัตยกรรม และศิลปะของอาคารเก่าแก่กว่า 300 หลัง ที่ถูกสร้างขึ้นต่างยุคต่างสมัยแต่กลมกลืน สวยงามใน เป็นการผสมผสานความงามของศิลปะถึง 3 ยุค ได้แก่ โกธิค เรเนซองส์ และบาร็อค

รถมาส่งเราลงตรงนี้ และให้พวกเราเดินเข้าไปในเมือง เนื่องจากรถคันใหญ่ไม่สามารถเข้ามาในเมืองได้ เมื่อลงจากรถพวกเราก็วิ่งกรูกันถ่ายรูปและพากันเดินต่อไป
เชสกี้ ครุมลอฟ



ทางเข้าตัวเมืองเชสกี้ ครุมลอฟเมืองเล็กๆ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความน่ารักและมีเสน่ห์ของเมือง

เชสกี้ ครุมลอฟ



เดินผ่านร้านตกแต่งแบบน่ารักหลายร้าน
เชสกี้ ครุมลอฟ



พวกเรามารับประทานอาหารจีนที่shanghai china resturant รสชาดดีแต่ไกด์สั่งอาหารคล้ายกันไปหน่อย ทำให้เลี่ยนเหมือนกัน
ฝาท่อเมืองเชสกี้คลุมลอฟ




พวกเราก็เดินข้ามสะพานลาเซบนิสกี (Lazebnicky bridge ) เพื่อเดินทางไปยังปราสาทคลุมลอฟ







แม่น้ำวัลตาวา แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของประเทศเช็ก มีความยาว 430 กิโลเมตร ไหลผ่าน เชกกี้คลุมลอฟ ( cesky Krumlov) เชกเก บูเดอโจวิช(Ceske Budejovice) และ ปราก( Prague ) และไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

แม่น้ำวัลตาวา



จากนั้นพวกเราเดินชมปราสาทเมืองคลุมลอฟ

ปราสาทครุมลอฟเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในสาธารณรัฐเชค โดยเป็นรองจากปราสาท Hradcany ที่กรุงปราก ซึ่งปราสาทจัดว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเมืองที่มีพื้นที่น้อย




พวกเราพากันเดินเข้าไปในปราสาทกัน

ปราสาทแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรก บ่อหมี หอคอยและลานตึกด้านนอก ส่วนที่2 ตึกชั้นในซึ่งเป็นห้องพักสมัยก่อน ส่วนที่ 3 โรงละครโบราณและลานชมวิว ส่วนที่ 4 สวนซึงประดับด้วยรูปปั้นน้ำพุและดอกไม้

บริเวณทางเข้ามีบ่อหมี มีหมีตัวใหญ่อยู่ 2ตัว(เท่าที่เห็นนะ) คนมามุมดูและถ่ายรูปกันใหญ่เลย แต่ถ่ายรูปค่อนข้างยากเพราะมันเดินไปมา และประกอบกับเราต้องรีบเข้าไปในปราสาทด้วย



เสน่ห์้ของเมืองนี้ คือการมองเห็นหลังคาสีแดงของบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่เรียงราย
วิวเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ









เทคนิคการเขียนภาพเฟรสโก หรือภาพปูนเปียก มองไกลๆนึกว่ากำแพงก่ออิฐ แต่จริงๆแล้วเป็นการใช้แปรงทาสีรูปอิฐ ทางเข้าชมภายในปราสาทอยู่ประตูทางด้านซ้ายมือ
ปราสาทคลุมลอฟ




พวกเราก็เดินตามหาไกด์เพื่อที่จะเข้าไปเยี่ยมชมภายในปราสาทแต่ไกด์กลับโรงแรมแล้ว พวกเราก็ช่วยตัวเองสอบถามข้อมูลที่จะเข้าไปในปราสาทคลุมลอฟ

ที่นี่คือห้องขายตั๋วเพื่อเข้าชมปราสาท ค่าเข้าชมคนละ 240 K หรือ 480 บาท มีราคาเป็นกลุ่มด้วยนะ 3 คน 500 K

เจ้าหน้าที่ที่นี่ขายตั๋วอย่างเดียว ต้องหาทางเข้าปราสาทเองเพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทำให้พวกเราเสียเวลาในการหาทางเข้าปราสาท
ปราสาทคลุมลอฟ



การเข้าปราสาทจะเข้าเป็นรอบๆตามเวลาที่กำหนดในตั๋ว เมื่อถึงเวลาเข้าจะมีเจ้าหน้าที่มารับบริเวณประตูทางเข้าเพื่อเข้าไปในปราสาท

เมื่อเข้าไปในปราสาทจะมีพนักงานแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษและไขกุญแจปราสาทเพื่อพาชมปราสาทตามห้องต่างๆ แต่ห้ามถ่ายรูป บริเวณนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่แนะนำตัวและแจ้งกฎกติกาการชมปราสาทให้ทราบ
ปราสาทคลุมลอฟ



เราเดินตามเจ้าหน้าที่ไปชมห้องต่างๆ เช่น ห้องโรเซนเบิร์ก ซึ่งโดดเด่นด้วยศิลปะแบบเรอเนสซองส์ถึง 4 ห้องมีภาพเขียนบนผนังไม้ที่เป็นของแท้ดั้งเดิมในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ขึ้นไปชั้นบนเป็นห้องชวาสเซนเบิร์ก สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18 สำหรับเป็นห้องรับรอง ห้องเสวย คาโนปีเลาจ์ ห้องบรรทม ห้องส่วนพระองค์ชาเปล ห้องฉลองพระองค์ ล้วนได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างงดงาม Masquerade Hall ที่ตกแต่งด้วยศิลปะแบบโรโคโคอันงามวิจิตรเราเดินตามเจ้าน้าที่ไปยังตามห้องต่างๆ มีความหรูหราและงดงามหลายห้อง ซึ่งถ้าไม่ได้เข้ามาชมเสียดายแย่เลย

รถม้าพระที่นั่งซึ่งตกแต่งด้วยทองคำ อันนี้เป็น ไฮไลท์ที่ต้องมาชมเพราะรถม้าทำด้วยทองสวยงามมาก

Eggenberg Hall




เราใช้เวลาในการชมปราสาทเกือบชั่วโมง จากนั้นพวกเราก็เดินถ่ายรูปในปราสาทกันต่อ

เนื่องจากน้ำพุบริเวณสวนของปราสาทซ่อมอยู่ จึงถ่ายรูปรูปปั้นมาฝาก




เราเดินออกมาถ่ายรูปวิวของเมืองอีกครั้ง










เมื่อเดินจนเหนื่อยเราก็เดินกลับไปที่โรงแรมต่อ




โรงแรมเราตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำวัลตาวา ซึ่งมองไกลๆจะเห็นตึกสีแดงตั้งอยู่
Mlyn Hotel




โรงแรมHotel Mlyn ติดกับแม่น้ำ ห้องเราอยู่ชั้น 2 ติดแม่น้ำและวิวปราสาทได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศโรแมนติกมากๆเลย




เราเดินเล่นในเมืองต่อ มีร้านขายของที่ระลึกเช่น ตุ๊กตารัสเชีย แก้วเซรามิค ซ๊อกโกแลต การซื้อสินค้าที่นี่สามารถใช้เงินยูโรได้และเขาจะทอนเป็นเงินโครน ซึ่งแต่ละร้านอัตราแลกเปลี่ยนจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเจ้าของร้าน

หลังจากเดินเล่นแล้วเราก็มารับประทานอาหารเย็นพื้นเมืองที่โรงแรมที่เราพัก อากาศวันนี้เย็นมากเราจึงไม่ไปชมเมืองตอนกลางคืนเพราะหนาวมาก

 

 




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2562 23:54:47 น.
Counter : 4178 Pageviews.  

สงกรานต์ 52 เที่ยวยุโรป 6 ประเทศ (นีช - ฝรั่งเศส) วันสุดท้าย







 


เมืองนีช วันสุดท้าย
 
วันที่ 22 เมษายน 2552
 
เราเดินทางกลับวันนี้ เราcheck out ออกจากโรงแรมแล้วไปเดินเล่น Castle Hill (Colline du Chateau)

เราเดินเลียบชายฝั่งประมาณ 15 นาทีถึงที่นี่

เป็นจุดชมวิวของเมือง มีความสูง 92 เมตรหรือ 302 ฟุตสามารถขึ้นได้ทั้งทางลิฟท์ และเดินขึ้นเพื่อสามารถชมวิวได้ในมุมมองพาโนรามา
บนเขาเป็นเป็นสวนสาธารณะและมีสุสานเก่า และ มีป้อมปราการซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งตระหง่านแต่ถูกทำลายในปี 1706
 
Castle Hill


 
เราเดินขึ้นเขาเพื่อชมความงามของธรรมชาติ
Castle Hill


 
จุดชมวิวสามารถถ่ายรูปทะเลของ Nice ในมุมกว้าง



 
สวนสาธารณะที่ดูร่มรื่น

Castle Hill



ด้านบนของเขาเป็นมุมที่เห็น เมือง nice ทั้งเมือง







ที่ว่าการของ Chateau อยู่ด้านบนของเขา ปลูกต้นไม้น่ารักๆ




เมื่อลงจากเขาเราก็เห็นอนุเสาวรีย์อันนี้อีกอัน ซึ่งเป็นอนุเสาวรีย์แด่ทหารที่ไปรบที่เวียดนาม





เราเดินอ้อมเขาก็เห็นดอกลาเวนเดอร์ขึ้นอยู่ตามซอกหิน ไม่เห็นทุ่งลาเวนเดอร์เห็นแค่นี้ก็ดีใจแล้วละ




รถไฟสีขาวคันนี้พานักท่องเที่ยวนั่งชมรอบเมือง Niceา ไปตลาดดอกไม้ - เรียบทะเล - และพาขึ้นเขาชมCastle Hill ประมาณ 7 ยูโรต่อรอบ ๆละ 7 นาที
รถไฟชมเมือง



ฝั่งตรงข้ามเป็นทะเล แต่ทะเลที่นี่มีแต่หินทั้งนั้น




เดินถัดออกมาก็จะเห็นท่าจอดเรือ ซึ่งมีเรือยอร์ทรวมอยู่ด้วย

ท่าเรือ



เมืองนี้มีร้านดอกไม้สวยๆเต็มไปหมด



หลังจากเราเดินชมเมืองจนจุใจแล้ว เราก็เดินย่าน Shopping Center เพื่อรับประทานอาหารกลางวันและเดินเล่นเพื่อซื้อของฝาก จนถึงเวลาเดินทางกลับ เราก็เรียก TAXI จากโรงแรม ค่าโดยสาร 35 ยูโร

จากสนามบิน Nice โดย Air France ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ก็มาถึง ชาร์ลส์ เดอ โกล รอขึ้นเครื่องบินประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็กลับเมืองไทยโดยสายการบิน เอมิเรต โชคดีผู้โดยสารน้อยมาก เราจึงนอนยาวตลอดจนกลับถึงเมืองไทย


 




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2562 23:18:53 น.
Counter : 1832 Pageviews.  

สงกรานต์ 52 เที่ยวยุโรป 6 ประเทศ (นีช - ฝรั่งเศส)







 
 
เมืองนีช
 

วันที่ 21เมษายน 2552

นีชเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5ในฝรั่งเศส ซึ่งอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม , ซากปรักหักพัง, พิพิธภัณฑ์, ร้านเสื้อผ้า, ตลาดกลางแจ้งภัตตาคารที่น่าดึงดูดและชีวิตในยามค่ำคืน ทำให้นีซเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมที่น่าไปเยี่ยมชม

วันนี้เราจะเดินเล่นอยู่ที่นีช ดังนั้นเราจึงตื่นไม่เช้ามากประมาณ 0.900 น. เราสามารถเดินเล่นชมเมืองโดยไม่ต้องนั่งรถก็ได้ ถ้ามีเวลาพอและไม่รีบเร่งจนเกินไป เมื่อรับประทานอาหารเช้าแล้วเราไปเดินเล่นที่ตลาดดอกไม้ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 2 บล็อก

เราเดินไปตามถนน Cours Saleya ประมาณ 5 นาทีก็ถึงตลาดดอกไม้

ตลาดดอกไม้



ตลาดที่นี่มีทั้งดอกไม้และผักสด มีชาวนีชมาเดินจับจ่ายเหมือนตลาดสดบ้านเราแต่เขาตกแต่งให้ดูสวยงาม

แผงขายดอกไม้ เรียงรายกันหลายร้าน
ตลาดดอกไม้



หรือดอกลิลลี่ปากแตรต่างประเทศเรียก Easter lily สวยสดใส มีหลายสี

 
Calla



สตอเบอรี่ลูกโตมาก ราคาไม่แพงและรสชาดหอมหวาน
สตอเบอรี่


ขนมคล้ายลูกชุบ


ผลไม้เชื่อม



ดอกลาเวนเดอร์แห้ง เขาขายเป็นช่อและมีแบบห่อเป็นบบุหงาด้วย



ร้านขายผักผลไม้ สังเกตุว่าผลไม้ที่นี่ลูกโตมาก



ตลาดนี้มีของขายมากมาย นอกจากนี้ยังมีมะกอกดอง ของที่ระลึก มากมาย

เดินออกจากตลาด เราก็เดินไปตามซอยเล็กซอยน้อย มีร้านขายของน่ารัก มีสบู่ ดอกลาเวนเดอร์แห้ง ฯลฯ



ป็นร้านไอศครีมที่ขึ้นชื่อมากที่นีช เราแวะกินไอศครีมยี่ห้อนี้ อร่อยมาก และราคาก็ไม่แพงมาก

Fenocchio Ice Cream



อาคารบ้านเรือนที่นี่เป็นสีส้ม ดูน่าถ่ายรูปไปทุกที่ มีร้านกาแฟและร้านอาหารอยู่รายรอบ

 
Nice



แต่ละบ้านประดับประดาด้วยดอกไม้สวยๆ

 
Nice



เราเดินตามซอยไปเรื่อยๆอย่างน่าหลงไหล เราก็มาถึงโบสถ์

โบสถ์นี้สร้างในศตวรรษที่ 17 เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอริก

 
โบสถ์ Cathedrale St. Reparate



ข้างในโบสถ์ตกแต่งอย่างสวยงาม
โบสถ์ Cathedrale St. Reparate



เมื่อเดินออกมาก็เห็นหอนาฬิกาเรือนใหญ่

 
โบสถ์ Cathedrale St. Reparate



มีระฆังอยู่ใต้นาฬิกา
หอนาฬิกา



เมืองนี้มีน้ำพุมากมาย แต่วันนี้เขาไม่เปิดน้ำพุ



เราเดินไปเรื่อยๆจนถึง Place Massena มีร้านขายของมากมาย รวมทั้ง Gallary Lafayelle เป็นจคุรัสใหญ่มากและมีรูปปั้นคน



เราเดินเล่นในห้าง ที่นี่มีลดราคา 10 % สำหรับคนที่นำคูปองจากโรงแรมนำมาใช้ ราคาสินค้าที่นี่เท่ากับ paris

Gallary Lafayette



เดินมาเรื่อยๆจนถึง Jean Medicin โซนเมืองใหม่ ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ และร้านค้า Brand Name มากมาย

เราเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า Nice Toile ซึ่งแต่ง stye น่ารัก และเราก็แวะเข้าห้องน้ำที่นี่ ค่าเข้าห้องน้ำเช่นเดิม 0.50 ยูโร
Nice



หลังจากเดินเล่นจนบ่ายมากแล้วเราก็เดินย้อนกลับไปยัง Promenade des Anglais เป็นถนนเลียบชายหาด

ทะเลที่นี่สีสวยมาก สีน้ำเงินตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใสทำให้ทะเลสวยมาก



ทะเลที่นี่มีแต่หินไม่น่าเล่นเลย และเราไม่เห็นใครเล่นน้ำด้วย นอกจากนี้อากาศก็เย็นมากทำให้น้ำเย็นมาก เลยไม่มีใครเล่นน้ำ

คนที่นี่ชอบอาบแดดมาก มีเก้าอี้สำหรับให้คนนั่งอาบแดด

เรานั่งเล่นชมวิวอยู่ที่ชายหาดและนั่งกินไอศครีมอย่างมีความสุข

โรงแรมเก่าแก่และหรูหราที่สุด วันนี้ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสมาพักที่นี่ด้วย


Negresco hotel



คนที่นี่ชอบจูงสุนัขมาเดินเล่น เราชอบพันธ์เชาว์เชาว์ จึงขอเขาถ่ายรูป



เราไปเดินบริเวณนี้มีร้านค้าต่างๆรอบๆบริเวณนี้ และรับประทานอาหารเย็น ที่นี่ร้านอาหารอิตาลีเยอะมาก เราก็รับประทานอาหารอิตาลีเป็นอาหารเย็น เช่นกัน จากนั้นเราก็ไปชมทะเลยามค่ำคืนต่อไป

ต้นปาล์มขึ้นเรียงรายบริเวณถนนริมหาด



ใกล้โรงแรมมีสวนสาธารณะ และมีเจ้าตัวนี้ซึ่งคล้ายไม้ลื่น แต่มันทำจากเหล็ก เราลองเล่นดูเสียวน่าดูเหมือนกัน



เราเดินเล่นไปถนน Cours Saleya บริเวณที่เมื่อเช้าเป็นตลาดดอกไม้ พอตกกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นร้านขายอาหารและ บาร์เล็กๆแบบน่ารัก

เขาใช้พื้นที่แบบเต็มประสิทธิภาพจริงๆ ทุกร้านลูกค้าแน่นหมด และมี ร้านขายอาหาร sea food ด้วย



จากนั้นเราก็เดินกลับโรงแรม แต่ขณะกลับโรงแรมเราก็เห็นแสงไฟสวยงาม เขาจึงเดินตามแสงไฟไป ก็เดินไปถึงถนน Place Massena บริเวณจตุรัสตอนกลางวัน กลางคืนเขาเปิดไฟสวยงาม

นอกจากเขาจะเล่นแสงสีที่ถนนแล้ว ปฎิมากรรมรูปคนก็เล่นสีสันด้วยดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก และบริเวณนี้มีคนเดินเยอะมากทั้งๆที่ร้านค้าปิดไปตั้งนานแล้ว



ปฎิมากรรมนี้เปลี่ยนสีได้ด้วย เป็นสีแดง ฟ้า ม่วง ชมพู ขาว มีสีสันสวยงาม



จากนั้นเราก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้เราก็จะกลับประเทศไทยแล้วยังมีโปรแกรมเที่ยวอีกครึ่งวัน แล้วเราจะมาเล่าต่อในวันถัดไป


 




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 กรกฎาคม 2562 22:31:57 น.
Counter : 2094 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

goffymew
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Flag Counter Welcome to Goffymew Blog
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add goffymew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.