Click Me!! => More Pics @Multiply
Group Blog
 
All blogs
 

ปัดฝุ่นไดฯ...ไปเที่ยวลาว



บล็อคช้านนนน...หนอนขึ้นแล้ว งานนี้จะได้ดสะสางไดอารี่จริงจังมั้ยนี่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่เหมือนตอนแรกๆเห่อบล็อคตัวเอง อัพได้อัพดีทุกวี่ทุกวัน แต่พอ ณ ปัจจุบันนี้ผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย เอาน่ะๆพรุ่งนี้แล้วกัน...จนยาวเลยเถิดมาจนถึงทุกวันนี้ที่ไม่ได้อัพไดฯตัวองเลย รู้สึกผิด!!




เพราะหายไปนานมากถึงมากที่สุด พูดจริงๆก็ไม่ได้ยุ่งอะไร ไม่ได้บินหนักมากมาย แต่เหมือนมันไม่มีแรงจูงใจในการอัพไดฯ จนมาถึงวันนี้เพิ่งคิดได้ว่าทำไมปล่อยให้เวลาผ่านไปวันๆ ปกติหยุดจะทำอยู่ไม่กี่อย่าง ตื่นมาก็ทำความสะอาดห้องทุกห้องที่มีอยู่กะให้หมดๆวันไป ถ้าเครื่องดูดฝุ่นเป็นผู้ชาย ดิชั้นคงได้เสียกันไปนานแล้ว ณ จุดนี้ เพราะเห็นกันอยู่ทุกวัน ลูบคลำกันอยู่ทุกครั้งเมื่อมีวันหยุด...หึหึ

เอาเป็นว่าที่หายไปจากวันนั้นถึงวันนี้ ได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ เยอะอยู่ จะพูดไปก็ตั้งแต่พักร้อนครั้งล่าสุดปีที่แล้วช่วงเดือนตุลาคม (นานป่ะล่ะ นี่จนจะชนพักร้อนอีกรอบแล้วเนี้ยะเพิ่งมาอัพ!!)

พักร้อนปีที่แล้วพาครอบครัวเราไปเที่ยวลาวใต้กับครอบครัวพี่อั้ม สนุกสนานเฮฮามากมาย จากที่เราคิดว่าลาวคงมีแต่เวียงจันทน์ วัดวาอารามให้เที่ยวแค่นั้น แต่ที่นี่ลาวใต้มีสถานที่มหัศจรรย์มากมายที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน โดยน้ำตกอาจจะด้วยความที่เป็นธรรมชาติที่ประเทศเค้ายังสามารถรักษาให้คงอยู่ไว้ได้ และความมีจิตใจดีของผู้คนบ้านเค้า ชาวลาวดูเป็นคนซื่อๆ น่ารักโดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่ตามริมข้างทาง ทุกคนมีน้ำใจ น่ารัก โอบอ้อมยิ่งเค้ารู้ว่าเรามาเที่ยวบ้านเค้า เค้ายิ่งดีใจใหญ่ ธรรมชาติข้างทางสวยงาม มีต้นไม้ ดอกไม้ที่เราไม่เคยเห็น สวยๆขึ้นเยอะแยะไปหมด สำหรับทริปคราวนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ประทับใจสุดทั้งตัวเราและครอบครัว และแน่นอนพักร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้เราจะกลับไปเยือนอีกครั้งนึง แต่คราวนี้อยากไปน้ำตกหลี่ผีด้วยอ่ะ แต่ต้องดูสังขารแม่ๆกันก่อนว่าจะไปกันไหวรึเปล่างานนี้
เอาเป็นว่าเราขอรวบรวมภาพที่ไปเที่ยวคราวก่อนมาให้ดูและกันนะ ชดเชยที่แอบหนีไปเที่ยวมา



นี่แหละที่พักของเราในราคาคืนละ 500 บาท



shopping ณ ตลาดคุณนายดาวเรือง
แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณนายดาวเรืองเป็นใคร???



กับแม่และลุงที่หน้าตลาดคุณนายดาวเรือง


ที่ตลาดคุณนายดาวเรืองมีของเยอะมากกกกก....ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของท้องถิ่น ผ้าทอ ผลไม้ โดยเฉพาะที่ถูกใจเราที่สุดคือเค้าขายผลไม้เยอะมั่กๆ ละลานตาไปหมด พ่อค้าแม่ค้าน่ารัก ต่อราคาได้นิดหน่อย ส่วนพวกชาวบ้านที่เอาของจากที่สวนที่ไร่ตัวเองมาขาย ก็ไม่แพง...แม่เรายังกรี้ดแตกพอเห็น "ปลากระทิง" ตัวเขื่องที่บ้านเราที่กรุงเทพฯ หายากมาก แถมยังแพงหูฉี่อีกด้วย แต่คราวนี้แม่เราได้มาสองตัว(เพราะมีนอนเด๋อยู่สองตัวในกะมัง) ในราคา 40 บาทไทย...ยิ้มแก้มปริเลย...เพราะแม่ชอบเอามาทำเป็นกับแกล้มให้ขาเหล้าอย่างลุงๆกินกัน

หลังจาก Shopping กันเสร็จก็บึ่งรถตะลุึยกันต่อ จุดหมายปลายทางเป็น "น้ำตกคอนพะเพ็ง" ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ สัมผัสสายน้ำที่โยนตัว
สู่ความต่างระดับเบื้องล่าง กระโจนกระทบโขดหินหลากหลายความงาม
จนได้สมญานามจากผู้มาเยือนว่า เปรียบเสมือน ไนแองการ่าแห่งเอเชีย เรามาพักทานข้าวกลางวันกันที่นี่ ฝนตกพรำๆ แต่เราไม่ย่อท้อขอขึ้นไปดูลาดเลาให้พวกผู้ใหญ่ก่อนและกัน พวกเดินขึ้นไปถึงจุดชมวิว ตะลึงค่ะ!!
ภาพเบื้องหน้าเป็นสายน้ำขนาดใหญ่(มาก)ซึ่งไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี แม่น้ำ น้ำตก หรือแอ่ง เพราะใหญ่มากและน่ากลัวมาก ด้วยความที่ฝนตกด้วยแม่น้ำทั้งสายเลยเปลี่ยนสีเป็นสีออกปูนแดงๆ กระแทกกับโขดหินน้อยใหญ่ด้วยความแรง แต่สวยงามมากทำให้เรานึกถึงตอนที่ฝนไม่ตกแม่น้ำคงสีสวยกว่านี้...ไม่เป็นไรคราวหน้าจะมาอีกจะได้มาสัมผัสอีกอารมณ์นึง








อยากให้เห็นจริงๆ มันยิ่งใหญ่มาก

ตะลอนทัวร์กันต่อที่ ไร่ชาปัญญรัตน์





สนุกสนานใหญ่ สิ่งนี้คาดเดาว่าน่าจะเป็นที่คั่วใบชา



ส่วนสิ่งนี้เดา(อีกแล้ว)ว่าน่าจะเป็นที่คั่วเมล็ดกาแฟ


เจอกับลุงป้าเจ้าของร้าน คุยไปคุยมาโลกกลม เป็นญาติห่างกับลุงเราเองซะงั้น...เพราะพอดีลุงเราเหลือบไปเห็นรูปที่เค้าติดไว้ที่ฝาผนัง ดูไปดูมานี่มันหลานตรูนี่หว่า...สรุปเป็นญาติกัน (ซะงั้น) ออกจากไร่ชา มีชา กาเเฟติดไม้ติดมือกันมาคนละถุงสองถุง จะบอกว่าบรรยากาศที่ไร่ชาดีมากเพราะอยู่บนที่สูงอากาศดี มีหมอกลงบางๆ เห็นยอดเสมอสายตาเลย อากาศดีสุดๆ ชอบบบบบบ



ขอเป็นเกาหลี (ผิดที่ผิดทาง) หน่อยเถอะ

ออกจากไร่ชามุ่งหน้าสู่ "น้ำตกตาดเยือง" ,"น้ำตกตาดฟาน" และ "น้ำตกผาส้วม" งานนี้คนขับที่เป็นไกด์บอกว่าจะพาไปดู"ขาอ่อนสาวลาว"ทำเอาหนุ่ม(แก่)วิ้ดวิ้วกันเป็นทิวแถว งานนี้จะคอยดูสิว่า"ขาอ่อนสาวลาว"หรือจะสู้"ขาหมูสาวกรุง"อย่างเรา 555+

ตลอดริมข้างทางเต็มไปด้วยบ้านน้อยใหญ่ มีชาวบ้านจูงควายออกมาเลี้ยง ต้นไม้ ดอกไม้เต็มไปหมด รวมถึงมีชาวบ้านมาตั้งเพิงขายพืชผักสวนครัวที่ตัวเองปลูก ในราคาไม่แพง และไม่สามารถหาได้ง่ายๆในเมือง เราชอบจริงๆเลยวิถีชีวิตแบบนี้ เห็นแล้วมีความสุึขจัง
การเดินทางไปน้ำตกเราต้องจะต้องพักเปลี่ยนรถ โดยใช้รถของทางอุืทยานจัดไว้ให้ ซึ่งเป็นรถที่มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่ที่"ล้อ"เนื่องจากทางขึ้นไปน้ำตกนั้นเป็นดินโคลนลื่นๆ รถธรรมดาไม่สามารถขึ้นไปได้เพราะเป็นอันตราย ฉะนั้นเราจึงต้องทำการเปลี่ยนถ่ายรถซะก่อน มิวายที่จุดพักเปลี่ยนรถมีเพิงร้านกาแฟเล็กๆให้เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชิมกาแฟคั่วบดตามธรรมชาติจากชาวบ้านแถมยังมีสินค้าที่เป็นที่ถูกใจของ"คอเหล้า"ยิ่งนัก คือ เนื้อตากมีทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเก้ง เนื้อกวาง (ไม่ได้สนับสนุนให้รับทานนะคะ มันเป็นวิถึของชาวบ้านเค้าอ่าค่ะ) ไว้ให้ซื้อไปชิมกัน หลังจากช็อปเบาๆกันก็ถึงเวลาขึ้นรถเพื่อไปชม"น้ำตกตาดฟาน"และ"น้ำตกตาดเยือน"กันแล้ว หนทางช่างทำให้คลื่นเหียรยิ่งนัก ไม่แนะนำให้คนท้องอ่อนๆมาเที่ยวนะคะ มีหวังหลุดก็คราวนี้แหละค่ะ.....





หนทางอันแสนคลื่นเหียร



สังเกตุที่ล้อซะก่อน ต้องใช้โซ่พันล้อกันลื่น


ทางขึ้นไม่ไกลมากแต่ด้วยความที่ถนนหนทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (แต่นั่นหมายความว่าเค้ายังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ เพราะฉะนั้นเรายอมที่จะให้เป็นแบบนี้ดีกว่า) เลยอาจทำให้รู้สึกว่าทำไมไม่ถึงซักที คือกุจะอ้วกแตกอยู่แล้ว!!
พอไปถึงทางเข้าจะต้องมีค่าธรรมเนียม จำไม่ได้ไม่รู้ว่าคนละเท่าไหร่ 20-30 บาทต่อคนมั้ง พอลงจากรถมีร้านค้าชาวบ้านมากมาย ร้านอาหาร ของที่ระลึก และแน่นอนหนุ่ม(น้อย)ของเราไม่ลืมที่จะหิ้วเนื้อตากที่ซื้อมาจากด้านล่างขึ้นมาด้วย ไม่พูดพร่ำทำเพลงตรงดิ่งไปที่ร้านค้าซึ่งเค้าขายอาหารด้วย บอกแม่ค้าให้ทอดเนื้อให้หน่อย พร้อมกับสั่งเบียร์เป็นกับแกล้มออมแรงกันไปก่อน พร้อมบอกให้สาวๆ(เหรอ)ลงไปก่อนดูน้ำตกกันก่อนเดี๋ยวขอเผาหัว เอ้ย!! ขอนั่งพักแป้บนึงเดี๋ยวตามลงไป แน้...มีต่อให้ด้วย เรากับพี่อั้ม พี่อ้อนและก็แม่ๆลงไปกันก่อน น้ำตกแรกที่เราผ่านเป็นน้ำตกที่ไหลเซาะตามโขดหินมา ซักพักมีชาวลาวมาเสนอให้ถ่ายรูป สนนราคาที่ 80-100 บาท เพราะถือเป็นอาชีพของเค้าอย่างนึง เค้าเปรียบเสมือนเป็นไกด์นำเที่ยวด้วย เค้าบอกว่าลงไปข้างล่างสวยกว่านี้อีก เราก็เดินๆตามเค้ากันไป ขาลงไม่เท่าไหร่ รับได้ แต่เดี๋ยวรอขาขึ้นละกัน....งานนี้มีบ่นกันระงมแน่







เป็น Spiderman กันเป็นแถว

ได่กันไปได้สักพัก ตะลึงกับภาพตรงหน้า..น้ำตาไหลพรากกกกก คุ้มจริงกับการเสี่ยงชีวิตไต่ลงมาเพราะสิ่งที่เห็น คือสายน้ำที่ทอดตัวลงสู่พื้นน้ำเบื้องล่างพร้อมกับละอองน้ำแตกกระจายเป็นฝอยๆ สดชื่นจริงๆ นี่แหละคือธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ สวยงามจริงๆ



ความสวยงามแบบนี้เล่นเอาเราตะลึงงันไปครู่ใหญ่เลย



ยืนเถียงอะไรกันอยู่ ใครแพ้โดนผลักตกน้ำ



กับคุณ ญ แม่เค้าเอง


สักพักหน่วยกองกำลังเสริม ที่ขอนั่งพักตอนแรกก็ตามมา แต่ทำไมเดินมาขาลอยๆ อิอิ....ลงมาถ่ายรูปกันสนุกสนานลืมวัยกันไปเลย ขากลับล่ะบ่นอุบ!!

งานนี้แหละำไกด์ถึงมาเฉลยเป็นไง "ขาอ่อนสาวลาว" สวยมั้ย...เล่นเอาเดินกันขา่อ่อนเลยทีเดียว แถมต้องสาวราวบันไดกันขึ้นมาอีก...เล่นเอาจุกเลยมุึขนี้



เดินก้มหน้าก้มตากันขึ้นมาไม่พูดไม่จา เพราะกุเหนื่อย



มาถึงเจอหน่วยกำลังเสริมที่เดินขึ้นมาก่อนเฮฮาปาจิงโกะกันใหญ่


นั่งกันสักพักก็เคลื่อนย้ายขบวนไปยังจุดหมายปลายทางต่อไปคือ น้ำตกผาส้วม ซึ่งไม่ไกลกันมากนัก ทริปนี้เที่ยวกันแบบทางผ่าน หรือที่ๆไปทางเดียวกันหรือไม่ไกลกันมาก เพราะเรามีเวลาจำกัดแต่อยากเที่ยวให้ได้หลายๆที่ไกด์ซึ่งเป็นอาจารย์เพื่อนพ่อพี่อั้มเลยจัดให้




สวยอีกแล้ว...ธรรมชาติงดงาม



สะพานข้ามไปน้ำตก แกว่งๆๆๆ





กับหม่ามี๊



กับคณะทัวร์หนุ่มสาว(น้อย) 555+



กับผู้ชายยยยยยยยยยยย...อิอิ พี่อั้มเองค่ะ


ทริปลาวคราวนี้ประทับใจไม่มีวันลืมเลยจริงๆ แถมตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาอีก กลับมาเที่ยวในทั้งที่ๆยังไม่เคยไป และที่ๆไปมาแล้วก็จะกลับมาอีก เราชอบธรรมชาติที่นี่มาก บริสุทธิ์จริงๆขอบคุณที่ยังมีพื้นที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติแบบนี้หลงเหลือให้เราได้สัมผัส.....




ส่งท้ายกับเด็กเีชียร์เบียร์ "เบยลาว" หรือ "เขยลาว" งานนี้แหละ "หน้าให้ใจรัก"จริงๆ....สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 03 มีนาคม 2554    
Last Update : 4 มีนาคม 2554 2:24:56 น.
Counter : 1932 Pageviews.  

อย่าให้ชั้นปริ๊ดสสสสสส์....เมื่อเจอนังพวกเด็กเนรคุณ!!!



เก็บตัวเป็นคลื่นใต้น้ำสังเกตการณ์มาสักพักแล้ว ทำให้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะมีสัมมาคารวะ กาลเทศะ รวมไปถึงมารยาทเลย มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ยังเหลือสามัญสำนึกอยู่ในรอยหยักของสมองอันน้อยนิดอยู่บ้าง ส่วนที่เหลือก็ตอแหลเข้าหากันไปวันๆ เห็นแล้วมันช่างอนาถใจ

แล้วคนประเภทที่ไม่รู้จัก "บุญคุณคน" โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงาน การที่เราได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในหน้าที่หรือตำแหน่งที่เราใฝ่ฝันแล้ว นั่นหมายความว่า"บุคคลเหล่านั้น"หรือ"องค์กรเหล่านั้น"เป็นผู้มอบโอกาสให้แก่เรา ดังนั้นเราก็ถือได้ว่าบุคคลหรือองค์กรนั้นๆเป็นผู้ที่มีพระคุณสำหรับเหล่า อาจจะฟังดูยิ่งใหญ่แต่ความจริงแล้วมันอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กๆสำหรับใครบางคนและมองข้ามไป ไม่สนใจ ไม่สำนึกในสิ่งๆนั้น...แล้วยิ่งเลวร้ายกว่านั้น คนบางประเภทนอกจากจะไม่สำนึกถึงบุญคุณใครแล้ว ยังให้การว่าร้ายต่างๆนาๆ ทำให้บุคคลหรือองค์กรเหล่านั้นเกิดความเสียหาย แล้วคนเหล่านี้หรือสมควรกับสิ่งที่ได้รับ ทั้งที่ในความจริงแล้วบุคคลประเภทนี้ก็เป็นได้แค่เพียง"คนเนรคุณ"คนหนึ่งเท่านั้น

วันนี้ขอระบายความรู้สึกหน่อยเถอะ และอยากจะขอเตือนน้องๆหรือเพื่อนๆที่เพิ่งจะเริ่มบินหรือบินสักระยะนึงแล้ว และเกิดอยากจะเปลี่ยนหรือโยกย้ายไปสายการบินอื่น ขอร้องเถอะ!!ว่าอย่าพาดพิงหรือว่าร้ายบริษัทเก่าของคุณเสียๆหายๆ อย่างน้อยขอให้นึกถึงวันแรกที่คุณฝ่าฝูงชนเข้าไปสมัคร ผ่านกระบวนการสัมภาษณ์อันแสนเหนื่อยยาก เหงื่อย้อยหน้ามัน แต่ก็ยัง(แสร้ง)ยิ้มให้กรรมการอยู่
แล้วสุดท้ายคุณก็ได้รับโอกาสนั้นมา แต่อย่าคิดจองหองพองขนว่าที่ตัวเองได้มานั้น เป็นเพราะชั้นสวยเริ่ด เก่งฉกาจชนิดหาตัวจับยาก...มันอาจจะเป็นโชคที่คุณได้รับมันมา หรือเป็นความใจดีของกรรมการที่หยิบยื่นโอกาสดีๆให้กับเรา...สิ่งนั้นแหละที่เราเรียกมันว่า "บุญคุณ"

บริษัททุกบริษัทย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีีย เจอทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่เราต้องแยกแยะให้เป็น ไม่ใช่เหมารวมไปซะหมด เหมือนตัวเราลองถามตัวเราเองว่าดีพอรึยัง ก่อนที่จะไปตัดสินหรือว่าร้ายคนอื่น...แล้วตลอดระยะเวลาที่เราทำงานมานั้น "เงินทอง" ที่มีกิน มีใช้ มีซื้อของฟุ่มเฟือยอยู่ทุกวันนี้ได้มาจากที่ไหนถ้าไม่ใช่จากองค์กรที่คุณด่าว่าเค้าอยู่ทุกวี่ทุกวัน...ตัวคุณเองต่างหากที่ "หน้าด้าน" รับเงินเดือนจากเค้าแล้วยังมาด่าว่าเค้าเสียๆหายๆ ถ้าคุณไม่พอใจทำไมไม่ลาออกไปซะ อยู่ให้มันยืดเยื้อทำไม บริษัทขาด"คนเนรคุณ"อย่างคุณไปสักคนคงไม่เดือดร้อนอะไร มีแต่จะเจริญขึ้น เพราะฉะนั้น"หยุด"พฤติกรรมแย่ๆเหล่านั้นไว้ซะแล้วก้มมองดูตัวเองว่าสมควรที่จะได้รับคำชื่นชมยินดี หรือโดนตราหน้าตลอดไปว่าเป็น"คนเนรคุณ"




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 3 มีนาคม 2554 1:45:29 น.
Counter : 482 Pageviews.  

Frankfurt VS Roommate



คราวนี้ไม่มีใครรีเควสขอให้อัพไดฯ แต่กระแดะอยากอัพเอง หลังจากที่แอบหายไป(อีกแล้ว) ช่วงนี้เบื่อมากถึงมากที่สุด เพิ่งรู้ตัวเองว่าหยุดสองวันติดกันมันมากไปสำหรับตัวเองเพราะไม่มีอะไรจะทำ อยู่ห้องนอกจากนอนขึ้นอืด หายใจทิ้งไปวันๆก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว วันนี้เป็นวันดีเลยผีเข้าลุกขึ้นมาเขียนไดฯอีกครั้ง โดยไม่ได้มีร้องขอ...จะทำไม!!


ช่วงนี้เหวี่ยงบ่อยเป็นไรไม่รู้ ไอ้ครั้นจะอ้างว่าเป็น "วันนั้นของเดือน" แต่ได้คราวว่ากุเหวี่ยงทั้งเดือน!! สงสัยว่างจัด คิดฟุ้งซ่าน...อ่ะ ได้ข้ออ้างใหม่และ อิอิ เอาเป็นว่าขออัพแบบไตรภาคเลยละกัน...

Frankfurt กับสองรูมเมทที่รัก

ครั้งที่แล้วไปเเฟรงเฟริต์กับเพื่อนเกรซมา แต่รูปอยู่ไหนแล้วไม่รู้มีอัพอยู่ใน Facebook บ้าง ประปราย...แต่คราวนี้พิเศษตรงที่รีเควสได้ไปแฟรงเฟริ์ตกับรูมเมททั้งคู่ สรุปยกห้องกันไปบินเลย... ดีใจๆ



สามสาวเข้าเมืองโชว์ความงาม อิอิ



ช่วงนั้นที่ไปประมาณเดือนมีนาคม อากาศไม่ค่อยหนาวมากกกก ลมเย็นโชยแต่แดดแรงมาก หิมะเริ่มละลายแต่ถ้าขึ้นไปบนเขาหรือที่สูงๆยังสามารถเห็นหิมะเกาะตามยอดหญ้าบ้างประปราย สรุปอากาศกำลังดีเลย เหมาะกับการเดินชิวๆโชว์ความงามให้ชาวโลกได้ชื่นชม กร๊ากกกกกกกกกกกก

คราวนี้มากันสองคืน วันแรกได้ไป outlet อีกตามเคย..เค้าจ้างให้ไปซื้อของค่ะ คือเหมือนว่าเค้าเพิ่งจะเปิดใหม่เลยอยากให้ลูกเรืออย่างเราๆช่วยประชาสัมพันธ์ เพราะ outlet นี้ค่อนข้างไกล ก็คล้ายๆ outlet บ้านเราที่อยู่แถบชานเมือง หรือเวลาที่เราเดินทางไปต่างจังหวัด โดยเฉพาะเส้นทางอีสานที่เราจะต้องผ่าน outlet แถวโคราช อารมณ์นั้นเลย...Opssssss!! รู้หมดว่ามาจากดินแดนที่ราบสูง...ป้าดดดดดดดดด



ชิลกันตามภาษาสาวสวย(เหรอ???)



ไป outlet คราวนี้ก็ไม่ได้สอยอะไรกลับมาเหมือนเดิม..ของถูกจริงแต่มีให้เลือกน้อยตามคอนเซปต์ สอยมาตามบัตรกำนัลที่ได้มา 10Euro ส่วนเงินตัวเองไม่มีกระเด็นออกจากกระเป๋าคร่า... ได้ข่าวด้วยเหตุนี้ ต่อมาเค้าเลยยกเลิกไม่ให้ลูกเรือโอมานแอร์ไปเหยียบอีก เนื่องจากน้อยคนที่จะยอมให้เงินกระเด็นออกจากกระเป๋าตัวเอง จะใช้แต่ Gift Voucher ที่เค้าให้มา เค้าคงคิดได้ว่านอกจากจะเปลืองค่ารถ ค่าน้ำมันให้พวกนี้แล้ว กำไรก็ไม่ได้แถมขาดทุนป่นปี้อีกต่างหาก...กร๊ากกกกกก



ของที่นี่ราคาก็ไม่ได้ถูกมากกกกกกกก...แต่ก็มีแบรนด์เนมทั้งระดับธรรมดาไม่ได้เป็นไฮแบรนด์อะไร จะมีก็กระเป๋า Longchamps ที่ราคาถูกหน่อย แต่อย่างว่าสีก็มีให้เลือกไม่เยอะ มีเสื้อผ้าระดับ Esprit, Levi's, Giordano, CK อะไรเทือกๆนี้ แต่ความรู้สึกเราชอบเดินเที่ยวในเมืองมากกว่ามันส์กว่าเยอะ..อิอิ



เจอแล้วฝาแฝดผู้พลัดพรากกกกกกกกกก



แอมกระโดดขึ้นขี่เลย 555+





โฉมหน้าเหล่าคณะเขี้ยวลากดิน


ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสไป Layover พร้อมกันกับ ปาน แอม อีกเมื่อไหร่ เวลาบินกับคนที่คุ้นเคยกัน ต่อให้ผู้โดยฯเยอะแค่ไหน ก็ทำงานไม่ค่อยเหนื่อยเพราะอย่างน้อยเราก็คุยกันรู้สึก กล้าที่จะพูด กล้าสั่ง กล้าที่จะถาม พอจบไฟลท์เวลาออกไปเที่ยว เราก็จะรู้ว่าแต่ละคนเป็นคนแบบไหน ชอบเดิน ชอบช็อปปิ้ง แต่ถ้าเราไปกับใคร หรือทำงานกับคนที่ไม่คุ้นเคย บางครั้งมันก็อยากที่จะสื่อสารกัน..อยากบินกับเพื่อนบ่อยๆจัง ชอบจัง fly with friends




สาว สาว สาว



Brrrrrrrrrrrrrrr




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2553 19:54:26 น.
Counter : 747 Pageviews.  

Freezing in Munich...บรื๋อออออ



ไม่ได้มีมัมมงมัมมี่ที่ไหนรีเทริ์นหรอก มีแต่มัมหมีรีเทริ์น!! ฮึดลุกขึ้นมาอัพบล็อคอีกทีหลังจากที่หายหัวไปนานนนน....ก็รู้ว่าคงไม่มีใครคิดถึงร้อก!! นับๆแล้วนี่ก็ไม่ได้อัพบล็อคมาร่วมสามเดือน บล็อคล่าสุดตอนที่ไปปารีสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดือนนี้ พฤษภาคมแล้ว มีเรื่องราวต่างๆมากมายเข้ามาในชีวิต พูดเหมือนนางเอกโดนมรสุมรุมเร้ายังไงก็ไม่รู้...อิอิ

เหตุผลจริงๆที่ไม่ได้อัพบล็อคคือ ขี้เกียจค่ะ!! เพราะรูปเยอะมากต้องมานั่งย่อก่อน ตอนแรกฟิตๆว่าจะอัพหลายรอบและ แต่พอมานั่งย่อรูปนานๆเข้าชักขี้เกียจ เลยเอามาใช้อ้างเป็นเหตุผลที่หายไป...และที่สำคัญต้องขอบคุณบุคคลนิรนามท่านนึงที่ทำให้เราได้(เกือบ)สำนึกลุกขึ้นมาอัพบล็อค เพราะมีไฟลท์นึงที่เรากลับจากกรุึงเทพฯ วันนั้นเรานั่งเป็นผู้โดยสาร พอดีเราเดินไปคุยกับเพื่อนๆลูกเรืออยู่ข้างหลังแล้วพี่คนนี้ก็เดินมาเช็คแผงควบคุมอะไรสักอย่างที่แกลลี่ด้านหลังแล้วพอดีเห็นเรา พี่แกก็ทักว่าหน้าคุ้นๆนะเรา ตอนแรกคิดว่าพี่(แม่ง)คงอำอ่ะ หรือไม่คงเคยเห็นแ้ว้บๆตอนที่เราทำไฟลท์กรุงเทพฯ เราก็บอกจริงเหรอพี่สงสัยเห็นหนูตอนทำไฟลท์มั้ง พี่ก็หัวเราะหึๆ...แต่ที่ทำหนูอึ้ง พี่แกเล่นบอกว่าพี่เคยอ่านบล็อคน้องอยู่ เรานี่ "อึ้งระดับที่ 1" คิดในใจมีคนสนใจอ่านบล็อคกูด้วยเหรอวะ สักพักพอพี่แกเช็คเสร็จก่อนเดินไปมีการหันมาหาเราที่ยืนอึ้
ๆอยู่อีกว่า ช่วงนี้หายไปเลยนะไม่ได้อัพเดทเลยยุ่งเหรอ...ป้าดดดดดดดดดด "อึ้งต่ออีกรอบ" พี่แม่งอ่านจริงว่ะ...เลยรู้เลยว่ากูขี้เกียจ แล้วพี่ก็เดินจากไปโดยทิ้งระเบิดไว้ให้หนูหนึ่งลูก...หลังจากนั้นเลยเกิดความสำนึกสำเหนียกขึ้นมาได้ว่า ไหนก็มีบล็อคน้อยๆเป็นของตัวเองแล้ว จะปล่อยให้หยากไย่มันขึ้นก็กระไรอยู่..เอาวะ อัพอีกสักรอบ...หวังว่าคงจะไม่หายไปอีกรอบนะ หึหึ ถ้าหายไปอีก..ขอประกาศเลยนะคะว่าถ้า"พี่คนนั้น"ได้เข้ามาอ่านบล็อคหนูอีกรอบ แล้วเห็นหนูหายไปนานๆอีก พี่เดินเข้ามาตบหัวหนูได้เลยค่ะ....เ่อ่อ แต่ถ้าพี่จะมาตบหัวหนูจริงๆขอเป็นมือนะคะ ไม่เอาถาด....เจ็บ

เอาเป็นว่าขอรวบยอดเลยละกันนะคะว่าที่ผ่านๆมาทำอะไรไปไหนกันมาบ้าง

หนาวยะเยือก ณ เมืองมิวนิค ( 17 Feb )

กลับจากปารีสมาไม่เท่าไหร่มีโฮมสแตนบายตอนเช้า แถมสแตนบายติดกันหลายวันซะด้วย งานนี้ต้องโดนซักทีี่และวะ...ประมาณเก้าโมงกว่า Crew control โทรมา ไอ้เราก็ด้วยความมึนงงเพราะยังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอน บวกกับความตื่นเต้นว่ากูจะโดนไปไหนวะ...เค้าก็บอกว่าให้เราไปที่ไหนสักที่อ่ะเราฟังไม่ออก หูอื้อ เราเลยถามเค้าไปว่าไปไหนนะ Delhi (อินเดีย) เหรอ เค้าตะโกนกลับมาว่าไม่ใช่ๆ ชั้นบอกว่า Munich เกือบแล้วกรู...เกือบได้ไปเดินส่ายหัวอยู่อินเดียแล้วมั้ยล่ะ.. เสร็จสรรพอาบน้ำแต่งตัวโยนสัมภาระใส่กระเป๋าเตรียมตัวสำหรับ 2 คืน พอไปถึงห้องบรีฟชะโงกหน้าไปไม่เจอคนไทยซักคน...เอาวะ เป็นไงเป็นกัน..แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่เป็นลูกเรือที่เราเคยบิน 737 ด้วยก็เลยโอ...ไฟลท์นี้ผู้โดยฯไม่เยอะไม่ถึงร้อย ทำงานกันสบายๆแต่สบายไปก็ไม่ดีจะหลับเอาง่้ายๆต้องขยันเดิน นั่งอยู่เฉยๆมีวืบแน่... เค้าถึงบอกว่าเป็นแอร์ฯก็เหมือนเดินข้ามประเทศ เดินตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทุกวันนี้กลับบ้านจิ๊กโก๋หน้าปากซอยหลบหมดเพราะ"ขาใหญ่"มาแล้ว....กร๊ากกก

ประเทศเยอรมนีเป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบยุโรปที่เราอยากมาเพราะเริ่มจากที่แฟนใช้รถยี่ห้อโฟลค์ (Volkswagen) และรถยุโรปส่วนใหญ่มาจากเยอรมนีทั้ง Audi, VW, BMW, BENZ, Sgoda, Fiet เวลาเรานั่งรถจากแอร์พอร์ตเพื่อไปโรงแรม ระหว่างทางเห็นแต่รถเหล่านี้ นั่งมองเพลินจนถึงโรงแรมเลย รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเราได้นั่งมองสิ่งที่เราชื่นชอบเต็มไปหมด โรงแรมที่ไปพัก Westin Grand Hotel หรูหราใช้ได้เลยทีเดียว มีลูกเรือหลายสายการบินมาพัก Emirates, Korean Air, Oman air ห้องพักก็ใช้ได้ แต่ที่ชอบที่สุดคือ สระว่ายน้ำ หรูหรามาก..

ออกนอกโรงแรมกันบ้าง...โปรแกรมสำหรับวันถัดไปเราคิดกันว่าอยากไปเที่ยวปราสาท Neuschwanstein อากาศที่นี่หนาวววววววววววยะเยือกได้อีก วันที่มานี่รู้สึกว่าจะ (-2) - (-4) หิมะตกโปรยปราย สั่นหงึกๆๆ ... ตั้งแต่อยู่ข้างในโรงแรม...

วันรุ่งขึ้นนัดกับเพื่อนๆกันว่าเราจะออกกันเช้าหน่อย เพราะระยะทางค่อนข้างไกล ต้องนั่งรถไฟไปร่วมสองชั่วโมง เหมือนนั่งรถข้ามจังหวัดกันเลย.. ระหว่างทางมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแต่หิมะขาวโพลนไปหมด สวยไปอีกแบบ ทุกอย่างเป็นสีขาวสว่างจ้าไปหมด ต้นไม้เหลือแต่ต้น กิ่ง ก้าน ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน..


รางรถไฟยังเต็มไปด้วยหิมะ



บรรยากาศระหว่างทาง ขาวโพลนไปหมด




นั่งรถร่วมสองชั่วโมงจากต้นสถานีถึงปลายสถานี หลับแล้วหลับอีก มาถึงก็ร่วมบ่ายแล้ว เสร็จเรายังต้องต่อรถบัสขึ้นเขาไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง..โอ้วววว หนทางยังอีกยาวไกล แต่ตอนนี้กุหนาวววววว



หิมะขาวโพลนตัดกับท้องฟ้าสีคราม


เพื่อนกำลังงมทางอยู่ นั่งรถสายอะไรต่อหว่า


พอรู้ทางแล้วก็ตะลุยนั่งรถบัสต่อไปถึงทางขึ้นปราสาท วันนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ดีใจ แต่ที่เสียใจคือ ไม่มีรถบริการ มีแต่รถม้า 20 นาที หรือว่าจะเดินขึ้น 40 นาที เหนื่อยแฮ่กๆ ค่าเข้าชมปราสาทคนละ 9 ยูโรต่อหนึ่งปราสาท แต่ถ้าจะเข้าทั้งสองปราสาทก็จ่าย 17 ยูโร ส่วนค่าพาหนะจ่ายต่างหาก ค่ารถม้าขาขึ้น 6 ยูโร ขาลง 4 หรือ 5 ยูโร ส่วนถ้ารถบัสขาขึ้น 1.5 ยูโร ขาลง 1 ยูโร แต่หน้านี้ไม่มีรถบัสบริการเพราะมีหิมะละลาย อันตรายเพราะทางขึ้นลงเป็นทางลาดชัน พวกเราเลยเลือกที่จะเดินขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหนื่อยมว๊ากกกกกกก



ก่อนเดินขึ้นยังยิ้มได้หน้าชื่นมื่นกันอยู่

เดินไปถ่ายรูปกันไป ครึ่งทางแรกยังโอเคยังยิ้มกันได้ ร่าเริงกันอยู่แต่ครึ่งทางหลังนี่ สังเกตทุกคนเริ่มเปลี่ยนจากรอยยิ้ม เป็นหอบกันแห่กๆ หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนื่อย พอไปถึงยอดเขาคงเดินไปขอ Oxygen กันเป็นแถว..พอไปถึงปราสาทแทบจะเปลี่ยนจากเดินสองขาเป็นคลานสี่ขากันเลยทีเดียว ปราสาทถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เห็นแต่ความยิ่งใหญ่อลังการ แต่ถ้าพูดถึงความสวยงามด้านสีสันคงต้องมาช่วง Spring เหมือนกับที่เราเห็นในรูปถ่าย หวังว่าคงจะได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง



ตอนเดินขึ้นยิ้มเริ่มเจื่อนๆ กัดฟันพูดกับตัวเองว่า กุเหนื่อยๆ



ปราสาทในมุมไกลๆ


มองลงมาจากปราสาทมีแต่หิมะ ตรงที่เป็นทางลาดชันเค้ากะทำเป็นลานสกีมีคนไปเล่นเยอะแยะ เรางี้หนาวสั่นหงั่กๆ เป็นเพราะไม่เคยชินกับอากาศที่หนาวขนาดนี้ คนบ้านเค้าเดินกันชิว เด็กลงไปกลิ้งหิมะ ปาหิมะเล่นกัน ส่วนกุนี้หลบอยู่ในซอก ตรงไหนมีซอกตรงนั้นมีเราไปหลบอยู่...พอถึงเวลาที่ระบุบนตั๋วที่เราซื้อตอนแรก เค้าให้เข้าไปในปราสาทเหมือนคณะนักเรียนทัศนาศึกษา พาไปดูห้องต่างๆในสมัยโบราณ ห้องแต่งตัว ห้องครัว ห้องทานอาหาร ฯลฯ กฏที่นี่คือ ห้ามถ่ายรูป ห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามส่งเสียงดัง เอ่อ...ถ้างั้นกูเปิดอ่านใน Wikipidia ก็ได้วะ..จะบอกว่าเสียดายตังค์ รู้งี้แค่เดินถ่ายรูปรอบนอกดีก่า ไม่เสียตังค์...เอาน่ะให้ิอภัย คนเราต้องโง่ก่อนถึงจะฉลาด (เหรอ)



หนาวมั่กๆ



ท่าปล่อยเต่าบนภูเขา


ขึ้นไปชื่นชมบรรยากาสข้างบนได้สักพัก ปรึกษากะเพื่อนๆว่าลงกันเถอะเริ่มไม่ไหวกันแล้วแต่ละคน ตอนลงนี่อยากจะพับแขนขาแล้วกลิ้งลงมาแทน ขนาดตอนกลางมีแดดอ่อนๆยังหนาวได้ขนาด แล้วนี้ตอนเย็นใกล้โพล้เพล้หนาวกว่าเดิม.. ทุกคนเริ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ส่วนเรานี่กึ่งเดินกึ่งกลิ้ง ว่ะฮ่ะฮ่ะ...เพราะกลิ้งน่าจะเร็วกว่าแถมรูปร่างเราอำนวยกว่าด้วย... ที่สำคัญเราจะต้องกลับไปให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย เพราะถ้าตกรถอยู่แถวนี่ มีเฮแน่...กูหนาวตายแน่ เลยจ้ำกันใหญ่



รวมๆแล้วถือเป็นประสบการณ์เดินทางไกลในต่างแดนที่สนุกสนานกันมาก ถึงแม้จะทุลักทุเลและหนาวมากกกเกิ๊นก็ตาม...แต่ถือว่า่คุ้มค่ามากกับการเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อนๆทุกคนน่ารักมาก ถึงจะแตกต่างเชื้อชาติ ภาษา แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องพึ่งพากันก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดี ทริปนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ เราคิดว่าน่าจะมีโอกาสมาเยือนในช่วงหน้าร้อนอีกสักครั้ง อยากเห็นในอีกบรรยากาศนึงว่าเป็นยังไง แล้วเดี๋ยวไปดูต่อว่าเราจะพาไปไหนอีกถ้ายังไงจะทะยอยย้อนอัพเดทให้เรื่อยๆนะคะ



ทริปนี้ขอลาไปแช่น้ำร้อนก่อนนะ บ้ายบายยยยย




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 กันยายน 2553 21:45:26 น.
Counter : 532 Pageviews.  

ฝันรักปารีส...II



ยังไม่จบทริปวันแรกนะนี่แค่ครึ่งวันเท่านั้น แต่เล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียวแต่สนุกมว๊ากกกกกกก คุ้มเลยมาคราวนี้ ต่อจากวิหารนอตเทอดาม เราก็ตะลอนทัวร์ต่อไปยังสัญลักษณ์ของกรุงปารีส Eiffel Tower นั่งรถไฟมาลงใกล้ๆแล้วเดินมา เห็นหอไอเฟลสูงตระหง่านแต่ไกลเลย ไปดูกันใกล้ๆดีกว่า แต่ขอบอกว่าหนาวสุดๆๆๆๆๆ ทั้งหิมะทั้งลม โหยยยยย ยะเยือกกก บรื๋ออออออ





เค้ามาถึงแว้ววววว...แต่หนาวได้อีก

ประสบการณ์ครั้งแรกของการมาเหยียบหิมะ ณ หอไอเฟล ประทับใจจริงๆ เรากะเพื่อนๆก็ถ่ายรูปกันบ้าบออยู่ใต้หอไอเฟลนั้นแหละ สนุกสนานกันใหญ่ตามประสาเด็กบ้านนอก (เราคนเดียวอะดิ)





เรากะกิ๊กบ้าไปแล้วทั้งคู่ เจอหิมะแล้วคึก ว่ะฮ่ะฮ่ะ



ขอนั่งซึบซับหิมะหน่อยเห้อะ


เดินเล่นอยู่ไอเฟลสักพักแต่เรารู้สึกว่าแถวนั้นทำไมมันหนาวเป็นพิเศษวะ หรือว่าคิดไปเอง แต่ลมแรงมากอาจเป็นเพราะมีแม่น้ำอยู่แถวนั้นด้วยมั้ง แต่หนาวแทบอยากจะเด็กจมูกทิ้งเลย นิ้วเงี้ยะแข็งไปหมดกลัวจะหักเอา หุหุ...เราคิดว่าหอไฟเฟลดูไกลๆจะสวยกว่านะ พอมาดูใกล้เหมือนสิ่งก่อสร้าง หรือแท่งเหล็กใหญ่ๆที่เค้ากำลังทำการก่อสร้างกันอยู่อ่ะ (โหพูดซะเสียเลย...) แต่แหมเป็นบุญแล้วครั้งนึงก็ได้ไปเหยียบไอเฟลถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นไปถึงยอดก็เหอะ งานนี้ขอยกธงขาวจริงๆ หลังจากถ่ายรูปตรงไอเฟลกันอิ่มหนำแล้วพวกเราก็ลงรถไฟต่อไปยัง
พิพิธภัณฑ์ Louvre ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ แต่เสียดายเราไม่ได้ไปดูด้านในเอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันวันนี้ทริปยงาวววววววววววววววเหลือเกิน เดี๋ยวจะไม่มีแรงกลับไปทำไฟลท์พรุ่งนี้ เลยได้แต่ถ่ายรูปกันด้านนอก เหมือนเดิมบ้าบอกันตามสเต็ป ลูกเรือไทยไม่มีอายอยู่แล้วววววว



หน้าพิพิธภัณฑ์ Louvre








ก็บ้าบอกันปายยยยยยยย


กว่าจะออกจากพิพิธภัณฑ์ Louvre อากาศก็เย็นย่ำค่ำมืดแล้วใจจริงเราอยากเห็นไอเฟลตอนเปิดไฟกลางคืน แต่สู้อากาศไม่ไหวอ่ะหนาวจริงๆนี่ขนาดกลางวันนะ ลมยังพัดตึงๆ แล้วถ้าเป็นกลางคืนคงแข็งกันเลยอ่ะ นับถือคนที่นี่จริงๆแต่อย่างว่าเค้าก็คงชินกันแล้วอ่ะ ไม่เหมือนเราแค่นี้เรายังว่าหนาวโคตร อยู่กันไปด้ายยยยย สรุปวันนี้จบทริปที่พิพิธภัณฑ์ Louvre ถือว่าคุ้มค่าสุดๆเพราะได้ไปตั้งหลายที่แหนะวันนี้ พรุ่งนี้เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งวันเรากะว่าจะชวนกิ๊กไปเดินเที่ยวที่ Carrefour สักหน่อย แหมๆไหนๆก็มาถึงที่แล้วต้องไปดู Carrefour แบบ Original ของเค้าสักหน่อย
แต่วันนี้คงหลับเป็นตายไปเลย แต่เค้าตายอย่างมีความสุขเน้้้............


ตื่นแล้วววววววววววววจ้า วันนี้ 12 Feb 10 เวลา 0900 Local Time นัดกับหญิงกิ๊กไว้ประมาณนี้แหละ ว่าจะลงไปกินอาหารเช้าข้างล่างด้วยกัน เมื่อคืนหลับสบายมากเหมือนกินยานอนหลับไปเลย นอนเปิด Heater ห่มผ้าหลับสบายยยยย นั่งคุยกะกิ๊กว่าอีกครึ่งวันที่เหลือนี้จะไปไหนกันดี เพราะต้องเผื่อเวลากลับมานอนพักก่อนไปทำไฟลท์ด้วย มิเช่นนั้นเด๋แน่ๆ ได้ข่าวว่าผู้โดยฯเต็มด้วย เอาว่ะสู้ตาย

สรุปเราตกลงว่าจะไปเดินที่ Carrefour กันแต่ต้องไปถามรถของทางโรงแรมก่อน อันที่จริงเค้าไม่ได้มีรถไว้รับส่งพวกเราหรอกประมาณว่าสายการบินไม่ได้จ่ายค่า Transportation พิเศษในส่วนนี้ เค้ามีเอาไว้ส่งลูกค้าของทางโรงแรมไปแอร์พอร์ต แต่ประมาณว่าถ้าเค้ามีที่นั่งเหลือพวกเราที่ยืนทำหน้าเด็กกระเหรี่ยงๆ ก็อาจจะได้ไป และก็โชคดีที่วันนี้มีที่ว่างให้เรากับกิ๊กไปกัน บอกแล้วว่ามากะดวง อิอิ (ริดสีดวง อุ้ย!!)





มองจากข้างนอกใหญ่มาก ยังกะฟิวเจอร์รังสิตบ้านเราแต่ที่นี่เป็นคาร์ฟูร์ ข้างในมี Shop ต่างๆเหมือนห้างใหญ่ๆในบ้านเรา มีเสื้อผ้า Brandname ต่างๆ Zara, H&M, Lacoste, Levi's, etc.... มีเสื้อผ้าสวยๆ Sale บ้างอะไรบ้างแต่กองทุนเงินในกระเป๋ามันไม่ค่อยจะหนับหนุนสักเท่าไหร่ เลยข่มใจไว้ข่มไว้.........เดินเล่นด้านนอกสักพักเรากะกิ๊กก็เข้าไปช้อปในคาร์ฟูร์ ขอบอกว่าของเค้าดีจริงๆ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร (คุ้นๆป่ะสโลแกน) พี่ที่กรุงเทพฯฝากซื้อครีมกันแดด น้ำแร่ฉีดหน้าอีเวียง ขวดใหญ่ที่นี่ 400ML. ขายประมาณ 4.5 Euro ก็ถือว่าถูกกว่าไทยมั้ง..พวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆก็ราคาไม่แพงมาก เราได้ยาสระผมมาเพราะซื้อที่มัสกัตขวดล่ะประมาณเกือบสองร้อยบาทไทย แต่ที่นี้ขวดละประมาณ 70-80 บาทเองเลยสอยมาขวดนึง เสร็จไปด้อมๆมองๆแถวๆไวน์แดงอยากได้สักขวดสองขวด แต่เยอะมากกกกกกกกกเลือกไม่ถูกแถมกลัวมีปัญหาตอนโหลดกระเป๋ากลัวแตกอ่ะก็เลยไม่ได้เอามา...


เสร็จไปช็อปแถวของกินตามสเต็ป แหมของเค้าดีสดใหม่จริงๆ พวกผลไม้เมืองหนาวสวยๆทั้งนั้น แต่เสียดายอยากซื้อไปฝากแม่แต่กว่าจะได้กลับไทยก็นู่นวันที่ยี่สิบกว่ากลัวเน่าซะก่อน เลยซื้อพวกลูกพรุน แอปริคอทแห้งไปฝากแม่ ซื้อ Cheese ไปฝากคุณที่รัก (เป็นแผนขุนให้อ้วน เหอเหอ) แล้วที่เห็นแล้วอยากบ้าคลั่งคือ เบเกอรี่ที่นี่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดยอด เห็นแล้วแทบจะลงไปชักแดดิ้นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เ่ว่อร์ไปป่าวแต่พูดจริงๆ อยากซื้อครัวซองค์ พาย มาฝากแม่แต่กลัวมันจะเสียซะก่อนนะสิ เลยได้แต่ขนมที่เก็บไว้ได้นานหน่อย ได้เมอแรงค์มาฝากพี่เห็นพี่สาวบ่นอยากกินๆ นี่เลยแดะปะหล่ะกินทั้งทีกินของแท้จากฝรั่งเศสเล้ยยยยยยย ช้อปแข่งกับเวลาเพราะเดี๋ยวรถจะมารับตอนบ่ายโมงสี่สิบห้ารู้สึกตัวอีกทีปาเข้าไปบ่ายโมงสิบห้าแล้วยังไม่ได้เข้าิคิวจ่ายตังค์เลยอ่ะ รีบวิ่งกันหูตูบเลยอ่ะ ห่ะห่ะ สรุปโดนค่าเสียหายเข้าไปคนล่ะ 40 กว่า Euro เห้ออออออออออ นี่ขนาดรีบช้อปนะเนี้ยะ


เดินกรอบแกรบออกมาจากแคชเชียร์กันแบบมึนๆวิ้งๆ ไปรอรถกันอยู่นอกห้างหนาวยะเยือก เห็นรถยังไม่มาสักทีเรากะกิ๊กเลยมองหน้ากันแล้วเหมือนรู้กันว่าเมื่อกี้ก่อนเดินออกมาจากห้าง เราทั้งสองได้เล็งสิ่งนึงไว้คือ เครป นั้นเอง กิ๊กเอ่ยปากก่อนว่าไปซื้อเครปมากินรอกันดีกว่า เราก็สนองทันทีโดยไม่ลังเลเลยทีเดียว ว่ะฮ่ะฮ่ะ....



นี่แหละต้นตำหรับเครป เราสั่งเครปช็อคโกแลต กิ๊กสั่งเครปกล้วย+ช็อคโกแลต (กล้าป่ะหล่ะ) ไส้ทะลักมาก ตกอันล่ะ 2.5 Euro แต่เอาน่ะสักครั้ง...อร่อยสมชื่อเจงๆ แต่ไขมันพุ่งทะลักแน่ หุหุ



อีกิ๊กกำลังสุขสมอยู่กับเครปกล้วยช้อคโกแลต




ของเรามั่ง เครปช็อคโกแลตไส้ทะลัก ไขมันก็ทะเลด ไม่เป็นไรงานนี้ยอม!!



ยืนกินเครปรอรถเป็นเด็กหลงกันอยู่สองคน สักพักรถโรงแรมก็มารับ กว่าจะมาถึงโรงแรมก็ประมาณบ่ายสอง มีเวลานอนก่อนทำไฟลท์ประมาณสักสองชั่วโมง เอาน่ะ..ยังดีวะ งีบสักหน่อยออมแรงไว้ต่อสู้กับผู้โดยฯบนไฟลท์ แต่โชคดีที่ผู้โดยฯน่ารักซึ่งเราหวังว่าคงไม่มีอะไรมากนะ เอาเป็นว่า Layover คราวนี้คุ้มค่าจริงๆ สนุึกที่สุึดเลย ขอบคุณนะจ้ะเพื่อนกิ๊ก เพื่อนบูน ที่พาเด็กบ้านนอกอย่างเค้ามาเปิดหูเปิดตา วู้ฮู้....


*ตามไปดูรูปเพิ่มเติมกันได้ที่ //giftmedream.multiply.com/photos/album/22/Lovers_in_Paris_3

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน Diary กันยงาววววววววววววเลย.....






 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:35:24 น.
Counter : 761 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

giftmedream
Location :
Muscat Oman

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




:: สวัสดีค่ะ..เป็นผู้หญิงตัวใหญ่ๆคนนึงที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นคนใช้ลอยเท้งเต้งอยู่บนฟ้า หรือเรียกให้ดูดีว่าแอร์โฮสเตส จากบ้านจากเมืองมาใช้ชีวิตอยู่เมืองแขก นับวันก็จะยิ่งเหมือนแขกเข้าไปทุกที -_-" มีเรื่องราวมากมายที่ประสบพบเจอมาเล่าให้ฟัง ดีบ้างแย่บ้างผสมปนเปกันไป นี่แหละชีวิต..ถ้ามีแค่สีเดียวมันก็ไม่สนุกน่ะสิ ::
Friends' blogs
[Add giftmedream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.