สิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างทาง... โดย นาฬิกาลืมเวลา
Group Blog
 
All Blogs
 

เกาะสีชัง: เรือชีวิตกลางทะเล



ภาพเรือมากมายกลางทะเล ทำให้ผมรู้สึกว่าความฝันของมนุษย์ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน แม้ทะเลกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน มนุษย์ก็ยังหาญกล้าที่จะเดินเรือข้ามไปให้ได้...

ผมอยู่บนเรือโดยสารมุ่งหน้าสู่เกาะสีชัง นับเป็นครั้งที่สี่แล้วที่ผมเดินทางมาเกาะแห่งนี้ ทั้งๆ ที่มันดูจะไม่มีอะไรดึงดูดมากนัก ไม่มีชายหาดสวยๆ ไม่มีที่ดำน้ำชมปะการัง ไม่มีผับบาร์งานปาร์ตี้ ไม่มีกิจกรรมชายหาด ไม่มีสาวๆ ในชุดว่ายน้ำ หรืออาจเป็นเพราะความไม่มีอะไรและความเงียบสงบที่ทำให้ผมชอบที่นี่...

เรือแล่นห่างจากฝั่งมาเรื่อยๆ ผมมองกลับไป แผ่นดินข้างหลังเลือนหายไปในม่านฝน โล่งใจที่ตัวเองลงเรือหนีฝนที่ศรีราชามาได้ทัน ส่วนเกาะสีชังที่อยู่เบื้องหน้า ท้องฟ้ายังสดใส

นึกถึงตัวเอง ฝนที่แผ่นดินไม่ต่างอะไรกับปัญหามากมายซึ่งผมทิ้งไว้เบื้องหลังก่อนเดินทางมาพักผ่อนที่เกาะ แม้การเดินทางจะเหนื่อยกาย แต่ก็ได้พักใจที่อ่อนล้าเช่นกัน ผมรู้ว่าคงหนีปัญหาหรือความจริงในชีวิตไม่ได้ตลอด แต่ก็ขอแค่ได้เดินห่างจากมันมาสักระยะก็พอ







------------------------------------------------------------------

ทะเลแบ่งแยกแผ่นดินออกจากกัน ลำพังร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถเดินทางผ่านห้วงสมุทรอันกว้างใหญ่ได้ แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังสร้างพาหนะที่เรียกว่าเรือไว้ใช้เดินทางข้ามทะเล จากแผ่นดินหนึ่งไปสู่อีกแผ่นดินหนึ่ง เราสร้างเรือเพื่อพาตัวเองไปสู่จุดหมาย...

จากยอดเขาบนเกาะ ผมมองดูเรือน้อยใหญ่ในทะเล ที่นี่อาจเป็นทะเลที่ดูรกตามากที่สุดในประเทศก็เป็นได้ ด้วยการเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และปากแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุด เป็นแหล่งเดินเรือที่สำคัญมาตั้งแต่อดีต บวกกับมีคลื่นลมสงบ ทำให้ทะเลรอบๆ เกาะสีชังเป็นจุดพักและขนถ่ายสินค้า และที่ฝั่งไม่ไกลกันนักก็คือนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง แหล่งขนส่งสินค้าทางทะเลที่สำคัญ







หลายคนชอบดูทะเลที่ไม่มีอะไรกีดขวางระหว่างผืนฟ้าและผิวน้ำ มองไปสุดลูกหูลูกตาเห็นเส้นขอบฟ้า แต่ผมกลับชอบทะเลที่มีเรือแบบนี้ อาจเพราะยังตัดใจไม่ขาดจากฝั่งที่ตนจากมา หรือเพราะรู้สึกกลัวทะเลอันกว้างใหญ่ เวิ้งว้าง นอกจากนี้ภาพของเรือที่เห็นยังบอกเล่าเรื่องราวได้มากมายอีกด้วย

เรือประมงลำเล็กออกหาปลารอบๆ เกาะ เรือทรายที่ล่องมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาจอดเรียงรายอยู่นับสิบนับร้อย หรือเรือสินค้าขนาดยักษ์ที่เตรียมออกสู่มหาสมุทรกว้าง ต่างมีจุดประสงค์ในการเดินทางหรือจุดหมายปลายทางต่างกัน แต่ทุกลำก็ทำหน้าที่เหมือนกัน คือพามนุษย์และความฝันของพวกเขาข้ามน้ำไปสู่ฝั่ง...

ถ้าทะเลเปรียบเสมือนชีวิต เราต้องเดินทางผ่านอุปสรรคนานัปการ ทั้งคลื่นแห่งปัญหาที่ซัดโถม ลมพายุแห่งความเศร้าโศกผิดหวัง หรือความเวิ้งว้างที่ชวนให้ท้อแท้ โดยมีความฝันคือแผ่นดิน ที่อาจอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า หรืออยู่ไกลสุดขอบโลก หรือไม่รู้กระทั่งว่าอยู่ที่ไหน

ทะเลชีวิตกว้างใหญ่เหลือเกิน แล้วเรือที่เราใช้เดินทางเป็นแบบไหน เป็นเรือโดยสารข้ามเกาะที่เดินทางไปมาอยู่แค่แผ่นดินและเกาะ เรือประมงลำเล็กที่ออกหาปลาแบบพอเพียง เรือทรายที่แล่นอย่างเนิบช้าแต่มั่นคง เรือสปีดโบ๊ตลำเล็กและรวดเร็ว เรือประมงขนาดใหญ่ซึ่งต้องรอนแรมอยู่กลางทะเลนานนับเดือน เรือเฟอร์รี่ลำหรูกับการเดินทางเพื่อความสำราญ เรือเดินสมุทรขนาดยักษ์บรรทุกสินค้าเดินทางข้ามมหาสมุทร เรือมนุษย์ของผู้อพยพไร้ซึ่งแผ่นดิน หรือเรือโจรสลัดที่คอยปล้นสะดมความฝันผู้อื่น...













เรือของแต่ละคนบรรจุความฝันที่แตกต่างกัน มากน้อยตามความคิด ตามความทะเยอทะยาน ผมเองก็ไม่รู้ว่าเรือของจนควรเป็นเรือแบบไหน ตอนนี้มันเป็นเพียงเรือลำน้อยที่ไม่แข็งแรง แล่นห่างจากฝั่งไปได้ไม่ไกลนัก และยังไม่พร้อมจะเผชิญกับบางโฉมหน้าของทะเลที่โหดร้าย

เราได้ยินเรื่องราวของทะเลอยู่เสมอ บางครั้งมันนิ่งสงบ สวยงาม แต่บางครั้งมันกราดเกรี้ยวรุนแรง พร้อมจะดูดกลืนทุกความฝันลงในห้วงน้ำวน สู่ท้องทะเลอันมืดมิดที่เราไม่มีโอกาสกลับขึ้นมาอีก....

วันนี้ผมทอดสมอเรือพักอยู่บนเกาะ เพื่อเติมเสบียง พักกาย หลบจากพายุร้าย การเดินทางยังอีกยาวไกลนัก เมื่อเวลาผ่านไปผมอาจหาเรือลำใหญ่ขึ้น มีใบเรือ ติดเครื่องยนต์ อาจเดินทางพร้อมกับลูกเรืออีกหลายคน หรือวันหนึ่งผมอาจเดินทางไปกับเรือเดินสมุทรลำใหญ่พร้อมสมบัติมูลค่ามหาศาล

นึกถึงเรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน ปัญหาในชีวิตที่ทิ้งไว้บนฝั่ง อันตรายที่รออยู่กลางทะเล และฝั่งฝันที่อยู่ไกลลิบ ทำให้ไม่อยากออกเรือไปไหนอีก ผมอยากจอดเรือไว้และพักอยู่ที่เกาะตลอดไป...









------------------------------------------------------------------

เช้าวันใหม่ เรือบางลำที่เห็นเมื่อวานหายไป แน่นอนว่าเรือทุกลำรอบเกาะสีชัง ไม่ได้จอดลอยลำนิ่งอยู่เช่นนั้นตลอดไป ไม่นานเรือก็ต้องเดินทางต่อ เรือไม่ใช่สิ่งที่สร้างมาเพื่อทอดสมอหรือเกยตื้นอยู่บนฝั่ง มันเป็นพาหนะที่ใช้เดินทาง เช่นเดียวกับชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อหยุดนิ่ง

แม้ทะเลแห่งชีวิตจะน่ากลัวเพียงใด แต่ความฝันก็คอยเรียกร้องอยู่เสมอ ทุกเช้า แสงอาทิตย์ที่โผล่พ้นเส้นขอบฟ้า เป็นสัญญาณให้เราออกเรือเดินทางไปสู่ทะเลอีกครั้ง ใครกันจะปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้ ผมเองก็เช่นกัน แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ต้องเดินทางต่อไป

เพราะทะเลไม่ใช่กำแพงที่กั้นเราให้อยู่บนฝั่ง แต่มันคือเส้นทางอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตที่ทำให้เราไปได้ทุกฝั่งฝัน ขอเพียงเรือชีวิตของเราพร้อมที่จะล่องออกไป...






 

Create Date : 19 เมษายน 2552    
Last Update : 19 เมษายน 2552 9:42:55 น.
Counter : 1301 Pageviews.  

ใบไม้ร่วงหล่น



ลมหนาวพัดใบไม่ร่วงกราว
ไม้ยืนต้นทิ้งใบ
เหลือเพียงกิ่งก้าน หงิกงอ แห้งแกร็น
ชูเสียดแทง ฟ้าเบื้องหลัง...

ทำไมเราถึงชอบดูใบไม้ร่วง
ในเมื่อมันดูเศร้า เหงา
เหมือนฉากในละคร ภาพยนตร์
เรื่องราวของความรัก ความผิดหวัง

ใบไม้อ่อนล้า มันหมดแรงยึดเหนี่ยวกิ่ง
ปลิดขั้วลงมาช้าๆ กองสุมอยู่ใต้ต้น
ใบแล้วใบเล่า...

ใบไม้ตายลง
แต่ต้นไม้ล่ะ
มันยังคงยืนต้น
ต้นไม้ยังมีชีวิต!
หรือนี่คือความหวัง

อีกไม่นาน ใบไม้จะผลิใบอีกครั้ง
ความเศร้า ความผิดหวัง เกิดขึ้นเสมอ
บ่อยครั้ง เจ็บปวด ไร้หนทาง
แต่หากใจยังยืนหยัดมั่นคง ดังเช่นต้นไม้
ที่กิ่งก้านยังแผ่กว้าง เพื่อรอบางสิ่ง
ที่ต้องกลับมา...

ใบไม้ร่วงเป็นเพียงหยดน้ำตาของความเจ็บปวด
แต่หัวใจของต้นไม้ยังแข็งแกร่ง
รากยังหยั่งลึกอย่างมั่นคง
ต้นไม้จึงไม่ต้องกังวล
เราเองก็เช่นกันไม่ใช่หรือ

ความทุกข์ ย่อมเกิดขึ้นอยู่เสมอ
แต่ถ้าเรายังยืนหยัดต่อไป ไม่เดินหนี
ไม่นานความหวังก็จะผลิออกมาใหม่อีกครั้ง...

-----------------------------------------------

ผมชอบถ่ายภาพต้นไม้ทิ้งใบ เหลือแต่กิ่ง โดยมีท้องฟ้าเป็นฉากหลัง ฟ้าที่เป็นสีฟ้าก็ให้ความรู้สึกแบบหนึ่ง ฟ้าที่ครึ้มฝนก็ให้ความรู้สึกแบบหนึ่ง หลายคนถามว่าทำไมผมถึงชอบวิวแบบนี้ มันดูแห้งแล้ง โดดเดี่ยวและเหงา ตอนแรกผมเองก็ไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน

แต่หลังจากลองคิดครวญดู ก็อาจเป็นเพราะว่า ภาพแบบนี้มีความหวังซ่อนอยู่ มันเป็นเครื่องเตือนว่าชีวิตยังมีวันผลิความสุขได้เสมอ ไม่ต่างอะไรจากใบไม้ที่จะผลิบานอีกครั้ง

ลองมองย้อนกลับไปในชีวิตของเรา กี่ครั้งแล้วที่ผ่านเรื่องไม่ดีมาได้ แม้แต่ในวันนี้ ถ้าเราอยู่ในช่วงทนทุกข์ ไม่นานความหวังก็จะผลิออกมาอีกครั้ง

ขอเพียงอดทนรอ อย่างเข้มแข็ง...







 

Create Date : 18 มกราคม 2552    
Last Update : 19 มกราคม 2552 10:31:57 น.
Counter : 1209 Pageviews.  

นาฬิกาลืมเวลา



วันหนึ่งที่เงียบสงบ
ฉันยืนนิ่งและมองไปรอบๆ
ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
ทุกอย่างนิ่ง
เงียบ...

แต่ฉันเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่ง
ที่กำลังเคลื่อนที่
ฉันเห็นมัน
มันเคลื่อนผ่านตัวฉันไป
มันคืออะไร...

ฉันยืนดู
มันมีอยู่มากมาย
ตัวแล้วตัวเล่าที่ผ่านไป
มันไม่เคยหยุด
จังหวะของมันมั่นคง
สม่ำเสมอ
ฉันเอื้อมมือไปคว้า
แต่ไม่เคยจับมันได้เลย

ฉันเริ่มออกวิ่งตามมันไป
แต่มันก็วิ่งไปเช่นกัน
ฉันวิ่งเร็วขึ้น จนตามทัน
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จับมันไม่ได้
ฉันเหนื่อย
ฉันหยุด
มันหัวเราะและหนีฉันไปอีกครั้ง

ฉันปล่อยให้มันวิ่งไป
ไม่เดือดร้อน
เพราะขณะที่ตัวหนึ่งวิ่งจากไป
ตัวอื่นก็จะวิ่งเข้ามาใหม่
มันวิ่งมาเรื่อยๆ
เรื่อยๆ...

แต่ฉันนึกขึ้นได้ว่า
ถ้าวันหนึ่งมันหมดไปละ
ฉันจะทำอย่างไร
ฉันไม่แน่ใจว่าวันนั้นจะมาเมื่อไร

ฉันจึงออกวิ่งอีกครั้ง
แต่ไม่นานฉันก็หยุด
ฉันเหนื่อยเหลือเกิน
มีวิธีให้ฉันวิ่งตามมันได้ตลอด
หรือมีวิธีหยุดมันได้บ้างไหม

ฉันนั่งดูมันผ่านไป ผ่านไป และผ่านไป
เวลาฉันมีความสุข มันก็เคลื่อนที่เร็ว
เวลาฉันมีความทุกข์ มันก็เคลื่อนช้า
ฉันไม่เข้าใจมันเลย

พวกมันวิ่งผ่านฉันไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ...
ฉันรู้ว่าวันหนึ่งพวกมันต้องหมดไป
ฉันจึงหาวิธีรู้จักพวกมันมากขึ้น
ในที่สุดฉันก็สร้างสิ่งที่เรียกว่า “นาฬิกา”
สิ่งนี้สามารถจับพวกมันได้

ฉันเริ่มลองใช้
มันได้ผล
ฉันรู้ว่าพวกมันเหลือมากน้อยแค่ไหน
ฉันจะได้รู้ว่าฉันจะได้เจอพวกมันอีกนานแค่ไหน

หลังจากนี้ฉันก็คอยดูนาฬิกา
ฉันนั่งจ้องนาฬิกา มองดูพวกมันวิ่งผ่านไป
ฉันรู้ว่าวันนี้พวกมันจะมากันกี่ตัว
และเหลืออีกกี่ตัว
โดยที่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหนีฉันไป

ฉันเอาแต่จ้องนาฬิกา
จ้องนาฬิกา
จ้อง
และจ้อง...
จนฉันกลายเป็นคนจับจด
กลัวว่าพวกมันจะหนีหายไป
ในที่สุดฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
พวกมันกลับหัวเราะฉันยิ่งกว่าเดิม

วันหนึ่ง ฉันตัดสินใจเลิกมองนาฬิกา
แล้วออกไปวิ่งเล่น
กลับมานอนหลับ
แล้วออกไปวิ่งเล่น
แล้วกลับมานอนหลับอีก

ฉันมีความสุข
จนลืมพวกมันไปเลย
ฉันเหลือบมองนาฬิกา
ไม่ใส่ใจกับมันมากนัก
นอกจากจะใช้เตือนตัวเอง
ว่ายังจะได้ออกไปวิ่งเล่นแบบนี้อีกนานแค่ไหน

น่าแปลกที่พอฉันไม่สนใจมัน
ฉันกลับสนิทกับมันมากขึ้น
ทุกครั้งที่กลับมาจากวิ่งเล่น
มันจะยิ้มให้ฉัน
ทุกครั้งที่นอนพัก
เมื่อตื่นขึ้นมา มันก็ยิ้มให้ฉัน

ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่า
จะอยู่กับพวกมันอย่างไร
บางครั้งฉันออกวิ่งไปพร้อมกับมัน
บางครั้งฉันนั่งดูให้มันวิ่งผ่านไป
บางครั้งฉันลืมมัน
แต่ฉันเข้าใจมัน

ฉันขอตั้งชื่อมันว่า “เวลา”
เพราะมันคอยจะ “ลา” จากไปเสมอ
แต่ฉันไม่รู้สึกกลัว
ฉันพร้อมที่จะอยู่ร่วมกับมัน
เรียนรู้นิสัยของมัน
และอยู่กับมันจนวันสุดท้ายที่มันจากฉันไป

ฉันไม่ให้มันมาบังคับชีวิต
แต่ฉันใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน
นาฬิกาเองก็ไม่ใช่เครื่องกำหนดชีวิต
แต่มันคือเครื่องเตือนให้ฉันรู้ว่า
ฉันจะได้เจอกับเวลาน้อยลงเรื่อยๆ

ถ้าคุณได้พบกับเวลา
ลองทักมายมันดูสิ
ไม่ว่าคุณจะวิ่งตามมัน
หรือปล่อยให้มันวิ่งผ่านไป
จำไว้ว่าคุณมีมันอยู่ด้วยเสมอ

“เวลาของชีวิตไม่ยาวนานเลยสัดนิด
แต่เวลาของชีวิตก็ไม่สั้นอย่างที่คิด”

ขอให้มีความสุขกับเวลากันนะ

--------------------------------------------

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชื่อของผม ผมเป็นคนให้ความสำคัญกับเวลามาก หลายสิ่งในชีวิตต้องขึ้นอยู่กับเวลา การกระทำหลายอย่างคำนวณสิ่งที่ได้กับเวลาที่เสียไป จนทำให้บางครั้งผมอยากไม่ใส่ใจมันบ้าง อยากมีชีวิตที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับตัวเลข 24 ชั่วโมง 60 นาที 60 วินาที เป็นนาฬิกาที่ลืมเวลา...




 

Create Date : 17 มกราคม 2552    
Last Update : 18 มกราคม 2552 22:04:45 น.
Counter : 362 Pageviews.  


sesame man
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sesame man's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.