Say "La ilaha ill Allah"
Group Blog
บันทึกเดินทาง : เส้นทางแห่งศรัทธา
เกี่ยวกับอิสลาม
ประวัติศาสตร์
หน้าแรก
All Blogs
<Al-Andalus> อัล-อันดาลูส : อารยธรรมมุสลิมแห่งยุโรป ตอนที่ 1
<Al-Andalus> อัล-อันดาลูส : อารยธรรมมุสลิมแห่งยุโรป ตอนที่ 2
<Al-Andalus> อัล-อันดาลูส : อารยธรรมมุสลิมแห่งยุโรป ตอนที่ 2
ในปี ค.ศ.1031 หลังการล่มสลายของคอลีฟะฮ์แห่งคอร์โดบา อัล-อันดาลูสตกลงสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง ผู้คนในอัล-อันดาลูสเริ่มแตกความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่น ผู้ปกครองเมืองต่างๆ ต่างแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระเล็กๆ ซึ่งเรียกว่า ไทฟา(Taifa) กว่า 20 รัฐ กระจายอยู่ทั่วอัล-อันดาลูส ซึ่งแต่ละรัฐมีการปกครองเป็นของตนเอง สิ่งเหล่านี้ส่งผลหลายๆอย่าง เช่น การปกครองที่ไร้ประสิทธิภาพและความอ่อนแอด้านการทหาร
ขณะที่อัล-อันดาลูสอ่อนแอลง แต่รัฐคริสเตียนทางเหนือและตะวันตก กลับมีอำนาจและแข็งแกร่งขึ้น รัฐเหล่านี้รวมตัวกันเป็นอาณาจักรเช่น คาสตีลล์-เลออน,อารากอน,บาร์เซโลน่า และโปรตุเกส ซึ่งอาณาจักรเหล่านี้เห็นโอกาสที่จะเข้าโจมตีอัล-อันดาลูส แทนที่รัฐไทฟาต่างๆ จะร่วมมือกันต่อต้าน กลับต่อสู้กันเองเป็นประจำ ผู้ปกครองเมืองบางคนถึงขนาดไปเข้ากับฝ่ายคริสเตียนก็มี
และแล้วในช่วงเวลาเกือบร้อยปีนี้ชาวอัล-อันดาลูสก็พบตัวเองตกอยู่ในการโจมตี เมืองถูกปล้มสะดม เรือกสวนไร่นาถูกเผา การชลประทานถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ประชาชนอดอยาก ที่แย่กว่านั้นคริสเตียนยุโรปนำระบบศักดินากลับมาใช้ ทำให้ประชาชนถูกขูดรีดจากเหล่าขุนนาง
วีรบุรุษของสเปนได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกัน นั้นคือ โรดริโก ดิอาซ เดอ บิบาร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "เอลซิด" (คำว่า เอลซิด มาจากภาษาอาหรับ ซัยยิด หรือ ซิดิ แปลว่า หัวหน้า,นายท่าน)ผู้ซึ่งเป็นทหารรับจ้าง ให้กับทั้งมุสลิมและคริสเตียน
เพื่อขับไล่คริสเตียนออกไป ผู้ปกครองมุสลิมจำต้องขอความช่วยเหลือจาก ยูซุฟ บิน ตัชฟิน แห่งราชวงศ์อัล-มุรอบิต(Almoravides) ผู้ปกครองเมืองมาร์ราเกซ(Marrakech) ซึ่งเป็นพวกเบอร์เบอร์จากแอฟริกาเหนือ(โมร็อกโก-สะฮะรา) ก็ได้ข้ามช่องแคบยิบรอลตาเข้าสู่อัล-อันดาลูสทันที
ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1086 กองทัพของกษัตริย์อัลฟองโซที่ 6 แห่งคาสตีลล์ พ่ายแพ้แก่ยุซุฟในสมรภูมิแห่ง อัซ-ซัลลาเก๊าะฮ์ ยุซุฟได้ยึดและรวบรวมรัฐไทฟาต่างๆ เข้าด้วยกันภายใต้การปกครองของเขา ยกเว้นรัฐไทฟา ซาราโกซา ที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของคริสเตียน
อัล-อันดาลูสได้กลับมามั่นคงอีกครั้ง.....แต่ก็ไม่นาน
ค.ศ.1095 พระสันตะปาปา เออร์เบิน ที่ 2 ประกาศสงครามครูเสดเพื่อขับไล่มุสลิมออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในนครเยรูซาเลม ที่สภาแห่งเคลอมองต์ ซึ่งคริสเตียนทั่วยุโรปขานรับ เหล่ากษัตริย์และขุนนาง ต่างเกณฑ์ไพร่พลเดินทางไปยังตะวันออกกลาง แต่สำหรับคริสเตียนในสเปนนั้นได้รับคำสั่งให้ขับไล่และยึดดินแดนมุสลิมแห่งอัล-อันดาลูส ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "Reconquista" (Reconquest)
ไม่นานหลังยุซุฟ บิน ตัชฟิน เสียชีวิต ราชวงศ์อัล-มุรอบิต ก็ถูกแทนที่ด้วยราชวงศ์อัล-มุวาฮิด(Almohads) ซึ่งตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ เซวิลล์ ที่อยู่ทางใต้ของอัล-อันดาลูส ประกาศญิฮาดต่อต้านผู้รุกราน แต่ก็ถูกบีบโดยกองทัพคริสเตียนสเปนทางเหนือและโปรตุเกสทางตะวันตก สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงในสมัยของราชวงศ์นี้คือ หอกิรัลดา(Giralda) ซึ่งเป็นหออะซานของมัสยิดใหญ่แห่งเซวิลล์(ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นหอระฆังโบสถ์)
16 กรกฎาคม ค.ศ.1212 กองกำลังผสมของรัฐคริสเตียนภายใต้การนำของกษัตริย์อัลฟองโซที่ 9 แห่งคาสตีลล์ ได้รับชัยชนะเหนือ กองทัพมุสลิม ภายใต้การนำของ คอลีฟะฮ์ มุฮัมมัดที่ 3 อัน-นัศร์ แห่งราชวงศ์อัล-มุวาฮิด ที่สมรภูมิลาส นาวาส เดอ โตโลซา คอลีฟะฮ์แห่งราชวงศ์อัล-มุวาฮิด ถูกบีบให้หนีไปยังแอฟริกาเหนือ เมืองอื่นของอัล-อันดาลูสจึงถูกยึดได้โดยง่ายดาย เช่น ลิสบอน อัลกาฟว์ มูร์เซีย โทเลโด อัลจาซิราซ คาดิซ หรือแม้แต่คอร์โดบา
อาณาจักรมุสลิมแห่งอัล-อันดาลูสที่เคยยิ่งใหญ่ ตอนนี้เหลือเพียงพื้นที่เล็กๆทางใต้ของคาบสมุทร ในปี ค.ศ.1331 ราชวงศ์มารินิด(Marinid) ในสมัยของ สุลต่าน อบู อัล-ฮาซัน อะลี บิน อุษมาน เริ่มรุ่งเรืองและมีอำนาจมากขึ้น เขาสามารถชนะกองทัพเรือคริสเตียนที่ยิบรอลตาได้ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้กองกำลังผสมของคาสตีลล์และโปรตุเกสที่สมรภูมิแห่งริโอ ซาลาโด ถึงตอนนี้ Reconquista ของกองทัพคริสเตียนใกล้สำเร็จแล้ว
และเวลาของอัล-อันดาลูสก็ใกล้จะสิ้นสุดลงเช่นกัน
ค.ศ.1469 การผนึกกำลังครั้งใหญ่ ของ 2 อาณาจักร คาสตีลล์และอารากอน โดยการอภิเษกสมรสของกษัตริย์เฟอร์ดินานและพระราชินีอิสซาเบลล่า(Los Reyes Católicos) บ่งบอกถึงอนาคตที่ยากจะหลีกเลี่ยงของมุสลิม สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปที่ปราการสุดท้ายของอัล-อันดาลูส รัฐเล็กๆทางใต้ที่ชื่อว่า "
กรานาดา
"
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1238 มุฮัมมัด บิน อัลอะฮ์มัร อัล-นัศร์ ก่อตั้งราชวงศ์นัศริด(Nasrid) ซึ่งถือเป็นราชวงศ์มุสลิมสุดท้ายที่ปกครองอัล-อันดาลูส
มุฮัมมัด บิน อัลอะฮ์มัร ได้สร้าง"กรานาดา" เมืองหลวงอันสวยงามขึ้นบริเวณเชิงเขา Sierra Nevada เขาได้สั่งให้ก่อสร้างพระราชวังอันมีชื่อเสียงที่สุด นั่นคือ "อัลฮัมบรา" (Alhambra) และพระราชวังฤดูร้อน ญันนะฮ์ อัล-อาริฟ(Palacio de Generalife) ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมของมุสลิมยุคกลางที่ดีที่สุดในยุโรป ถึงขนาดมีคนเคยเปรียบไว้ว่า "ไม่มีอะไรจะทุกข์ทรมานมากไปกว่าการตาบอดในกรานาดา"
ชื่อของมันหมายถึง "ป้อมปราการสีแดง" จากสีของมันเมื่อเวลาแสงแดดตกกระทบ สถาปัตยกรรมภายในงดงามอย่างน่าทึ่ง ลวดลายอาราเบสค์และถ้อยคำจากพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน โดมและเสาโค้ง สวนและน้ำพุ
ในห้องโถงใหญ่ของพระราชวังอัลฮัมบรานี้เอง เป็นที่ที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์เฟอร์ดินานและพระราชินีอิสซาเบลล่า ให้เดินทางไปยังโลกใหม่
ตัวพระราชวังเองตั้งอยู่บนเนินเขาหินขนาดใหญ่ ด้วยภูมิประเทศเช่นนี้ ล้อมรอบด้วยกำแพงและป้อมปราการ 13 ป้อม ทำให้ยากต่อการเข้าตี
กรานาดาสามารถต่อต้านกองทัพคริสเตียนได้กว่า 200 ปี จนกระทั้งในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1492 หลังการปิดล้อมอันยาวนานจากกองทัพของกษัตริย์เฟอร์ดินานและพระราชินีอิสซาเบลล่า รัฐมุสลิมแห่งกรานาดาก็ยอมจำนน ผู้ปกครองคนสุดท้าย อบู อับดุลเลาะฮ์ มุฮัมมัดที่ 13(Boabdil) ได้มอบกุญแจเมืองและพระราชวังแก่กษัตริย์เฟอร์ดินานและพระราชินีอิสซาเบลล่า ถือเป็นการสิ้นสุดการปกครองอัล-อันดาลูส ของมุสลิมอย่างสิ้นเชิง
หลังจากสูญเสียรัฐของตัวเองแล้ว อบู อับดุลเลาะฮ์ ได้เดินทางออกจากกรานาดาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เขาถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร แม่ของเขาต่อว่าเขาว่า "มาร้องไห้เหมืองกับผู้หญิงทำไม ในเมื่อเจ้าไม่สามารถป้องกันเมืองของเจ้าได้เหมือนผู้ชายที่กล้าหาญ"
ปัจจุบันมีการสร้างอนุสรณ์ไว้ตรงจุดที่เขาหันมามองกรานาดาเป็นครั้งสุดท้าย (El último suspiro del Moro) หลังจากออกจากอัล-อันดาลูส เขาได้เดินทางกลับไปยังแอฟริกาเหนือและเสียชีวิตที่นั่นอย่างขมขื่น
หลังจากที่ขับไล่ผู้ปกครองมุสลิมไปแล้ว ชาวมุสลิมกว่า 200,000 คนอพยพออกจากอัล-อันดาลูสไปยังแอฟริกาเหนือ บางส่วนลี้ภัยไปยังอาณาจักรออตโตมานซึ่งสุลต่านเบยาซิดที่ 2 ได้ส่งกองเรือมาช่วยเหลือ ส่วนคนที่ยังอยู่ในอัล-อันดาลูสพวกคริสเตียนได้บีบบังคับให้เปลี่ยนศาสนาเป็นคาธอลิก รวมถึงชาวยิวด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกตัดสินโดยศาลศาสนาให้ประหารชีวิตหรือไม่ก็การทรมาน หนังสือตำราทางวิชาการมากมายถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน มัสยิดถูกทำลายหรือไม่ก็เปลี่ยนให้เป็นโบสถ์ นั่นเป็นชะตากรรมอันน่าเจ็บปวด เป็นบทเรียนให้เห็นถึงโทษของการขาดความสามัคคีในประชาชาติซึ่งนำไปสู่จุดจบอันน่าเศร้าของอัล-อันดาลูส
ตลอดเวลาที่มุสลิมปกครองอัล-อันดาลูสนั้น พวกเขาได้สร้างสังคมแบบใหม่ อารยธรรม ศิลปะวิทยาการมากมาย เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างตะวันตกและตะวันออก เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงไหล ซึ่งถึงทุกวันนี้แม้มุสลิมจะไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว แต่คราบอารยธรรม ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ เช่น มัสยิดใหญ่แห่งคอร์โดบา หอกิรัลดา สถาปัตยกรรมต่างๆ พระราชวังอัลฮัมบรา ฯลฯ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอนุสรณ์ว่า ครั้งหนึ่งดินแดนแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในอารยธรรมมุสลิมอันยิ่งใหญ่แห่งอัล-อันดาลูส......
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 6 มกราคม 2551 23:52:22 น.
9 comments
Counter : 3041 Pageviews.
Share
Tweet
ความรู้เพียบเลยครับ
โดย: PutterZ (
ToppuT
) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:51:54 น.
กว่าจะหาเจอขอบคุณ
โดย: np IP: 203.130.159.4 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:13:26 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:03 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:03 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:04 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:07 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:07 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:07 น.
ให้ความรุแก่พวกเราดีค่ะ
โดย: กรรณฑิกุล IP: 118.175.244.97 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:20:07 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
GHANZI
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
Friends' blogs
kheedes
SA Student
นะ(รก)
Aisha
aommee
inyus
ชื่อเดี้ยนสำคัญ ฉันใด
jintanakarn1
Webmaster - BlogGang
[Add GHANZI's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.