หลังจากที่ให้เราไปนั่งรอที่โซฟาหนานุ่ม สาวสวยที่ร้านก็ให้กรอก ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ (พึ่งมารู้ทีหลังว่าเค้าทำบัตรสมาชิกให้ ) แล้วเค้าก็มานั่งคุยว่า ตัดกะใครดีคะ ตัดประมาณไหนดี พอบอกรายละเอียดที่เราอยากได้ไป ช่างที่จะตัดผมให้เราก็จะมาบริการเราต่อเช่น พาเอากระเป๋าไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ของร้าน (ในล็อกเกอร์จะมีถุงหูรูดเล็ก ๆ เพื่อให้ใส่ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และของมีค่าต่างๆ ) เราจะได้ถือติดตัวได้สะดวกจากนั่นก็พาไปยังโต๊ะที่จะตัด ช่างเค้าจะแนะนำตัวแล้วพูดว่า จากนี้ไปขอความกรุณาด้วย ช่างจะถามเราอีกทีว่าเอาทรงประมาณไหนดี บางคนที่ไม่มีทรงในดวงใจเค้าก็จะหยิบหนังสือแบบผมมาให้เลือก หรือจะบอกให้ช่างออกแบบให้เลยก็ได้ แต่นั่นต้องจ่ายในราคาของช่างอีกระดับนะ (คิดว่า)แล้วเค้าก็จะถามว่าจะ สระผมหรือเปล่า แต่แม่เจ้า ค่าสระผมต้องเพิ่มอีก ห้าร้อย เยนเฟ้ยย.............................เอาวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลองสระผมด้วยเลยก็ดีที่นอนสระผมของร้านทันสมัยมาก ปรับระดับได้อัตโนมัติ พอนั่งลงไปเค้าจะมีผ้ามาคลุมขาให้ ก่อนสระก็จะให้เลือกแชมพูซึ่งเป็นกลิ่นแบบ อโรมาเทอราพี พอสระเสร็จก็จะมีการนวดศรีษะ อีกประมาณ ห้านาที ระหว่างนั้นก็จะมีผ้าอุ่นมารองที่คอให้ด้วย สบายฉุดๆช่างที่สระให้เราเค้าไปดูเรื่อง องค์บาก มา แต่ที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็นอีกชื่อนึง ตอนแรกก็เลยงง ๆ ว่าเค้าพูดถึงอะไร หลัง ๆ ก็เลยคุยกันเพลิน แล้วช่างคนนี้เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ เค้าอยากพูดภาษาอังกฤษ ก็เลย สนทนาภาษาอังกฤษกันสระผมเสร็จก็จะเป็นขั้นตอนการตัด ช่างก็จะพาไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม แล้วก็เริ่มการตัด การตัดผมของเค้าก็เหมือน ๆ กับที่บ้านเรา เพียงแต่รู้สึกว่าละเอียดกว่ามาก ๆๆ ตัดแล้วตัดอีก แต่งแล้วแต่งอีก จนกว่าจะเป็นที่พอใจ แล้วก็เสร็จซะทีทำเอาง่วงไปเยยยยยย เมื่อตัดเสร็จช่างจะถามว่าจะใส่แวกซ์ไม๊ เราไม่ค่อยชอบก็เลยไม่เอา แล้วก็เอากระจกมาส่องให้ดู ข้างๆ ข้างหลัง ว่าโอเคป่าวตอนไปจ่ายเงิน ได้บัตรอะไรต่อมิอะไรมาเยอะมากกทั้งบัตรลด บัตรสมาชิก นามบัตรช่าง บัตรสะสมแต้ม (point card) แล้วช่างก็จะเดินมาเปิดประตู ให้ พูดขอบคุณ ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ส่งเราออกจากร้านไป ถ้าเรื่องบริการลูกค้าของชาวญี่ปุ่นต้องยกนิ้วให้เลยขอโม้อีกนิด ว่าด้วยเรื่องบริการเยี่ยมยอดของชาวญี่ปุ่น (กลับไปเมืองไทยเมื่อไหร่ต้องแอบเปรียบเทียบทุกที)เคยไปซื้อของกะพี่เบิ้ล พอซื้อเสร็จพี่เบิ้ลก็คว้าถุงใส่ของจะออกจากร้านมา(จ่ายตังค์แล้วๆ) พนักงานก็ยื่นมือไปคว้าถุงไว้เช่นกัน ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่สองสามครั้ง พนักงานก็บอกว่า เค้าต้องเป็นคนถือถุงออกไปส่งที่หน้าประตู เคยไปเดินตรงอูเอโนะ เจอสาวน้อยถือป้ายโฆษณา แล้วก็ตะโกนเรียกคนเข้าร้าน ตาลุงญี่ปุ่นท่าทางเป็นซารารี่มังก็เข้าไปคุยด้วยแถมมีจับเนื้อจับตัวนิดหน่อย (จับไหล่อ่ะ)ตอนที่คุยสาวน้อยก็ท่าทางสุภาพยิ้มสู้อย่างดี แต่พอพวกตาลุงลับหลังไปแล้ว สาวคนนั้นก็ทำท่าปัดๆไหล่ พร้อมกับทำท่าโกรธๆ