Jack-A-Little-Monster

ชมวิวบนดอยหลวง..ไหว้พระบนดอยหนอก

อีกหนึ่งทริปชิล ที่เดินมันเอาเรื่อง

...

ช่วงแรกยังราบเรียบ มองไปด้านบนเห็นเมฆหมอกปกคลุมยอดหมด





เส้นทางชันดิก ไม่มีทางราบให้เดินกันเลย ก็ก้มหน้าก้มตาเดินกันไป





เดินกันอยู่นาน กว่าจะมาถึงจุดนี้ แค่ได้เห็นยอดก็หายเหนื่อยแล้ว แต่ดูท่าทางยังอีกไกลนะ





ขึ้นไปได้จริงๆ หรือนี่





ทากลาย เจ้าบ้านเริ่มออกมาต้อนรับกันมากขึ้น





วิวอลังการแบบนี้ อดใจไปดูดอยหลวงก่อน





เดินขึ้นไปอีกนิดเดียว





ใกล้ถึงยอดสูงสุดแล้ว





ผู้พิชิตดอยหลวง





ไม่ต้องมีคำบรรยาย





เดินย้อนกลับเพื่อไปดอยหนอก





ลัดเลาะไปทางด้านข้างดอยหนอก เดินยากมาก





เผลอมองขึ้นด้านบนดอยหนอก ก็เจอหลวงพี่นั่งมองเราอยู่





ใกล้จะถึงจุดพักคืนนี้





คืนนี้พวกเราขออาศัยพระนอน ตอนดึกอากาศเย็น มองเห็นทั้งดาวเดือนและดาวดิน

ตื่นตอนเช้ามาชมวิวต่อ





มาที่นี่ได้มีโอกาสทำอาหารถวายพระกันด้วย





ทานอาหารเช้า รับศีลรับพรเสร็จก็เตรียมขึ้นดอยหนอกกัน งานนี้ใช้ 4wd คือใช้ทั้งขาและมือพร้ออมกันเลยทีเดียว





มันเป็นวิวที่สวยงามจนบอกไม่ถูก





อีกไม่ไกลก็จะถึงยอดแล้ว





ถึงบนยอดดอยหนอก ไหว้พระก่อน





วิวทะลุหมอก





น่าทึ่งมากที่สามารถขึ้นมาสร้างพระธาตุบนนี้ได้





วิวขาลง อากาศดีๆ มองไปได้ไกลเห็นถึงดอยหลวงเชียงดาวได้เลย





ใครกลัวก็ค่อยๆ ไถก้นลงไป





กระดึ้บๆ





ลงถึงข้างล่าง ไหว้ลาหลวงพี่





เป็นอีกที่ที่ประทับใจมาก หากมีโอกาสจะแวะมาเยือนที่นี่ใหม่




---------------------------------

ดอยหลวง ดอยหนอก อยู่ในอช.ดอยหลวง จังหวัดพะเยา, เชียงรายและลำปาง




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 สิงหาคม 2553 3:57:49 น.
Counter : 1906 Pageviews.  

ฝนกระหน่ำที่...เขาหลวง..ประจวบฯ

ทริปสั้นๆ แต่หนักและเหนื่อยมาก

คราวก่อนมาอช.ห้วยยาง เหลือบไปเห็นยอดเขาสูงที่มีชื่อว่าเขาหลวง (อีกแล้ว) ก็อดใจไม่ไหว ติดที่คราวก่อนไม่มีเวลา เลยได้แค่เที่ยวน้ำตกชั้นที่ 5

คราวนี้เป็นเสาร์อาทิตย์ที่ว่าง เลยขอจัดทริปเองเลย ชวนพี่ก้อยที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายทริปแล้ว แถมด้วยพี่เอ้กับพี่แพร์ เต็มรถพอดี

งานนี้ขับรถออกจากกทม. ไปกว่าจะถึงอช. ก็เกือบเที่ยงแล้ว พี่ปานโทรมาตามยิกๆ เห็นบอกมีอีกกลุ่มจะขึ้นด้วย ก็เลยให้เค้าขึ้นไปกันก่อน

เริ่มเดินกันก็ตอนเที่ยงกว่ากันแล้ว เจ้าหน้าที่เริ่มเป็นห่วงว่าจะถึงก่อนมืดรึเปล่า





ขาขึ้นต้องบอกว่าหนักเอาเรื่องเลย มันอาจเป็นเพราะหลายสาเหตุ
- นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนได้สัก 3 ชม. มั้ง พอนอนน้อย ร่างกายอ่อนล้าเห็นได้ชัด
- เส้นทางมันโหด ทางชันดิก
- อากาศที่ร้อนอบอ้าวมากมาย พี่แพร์หน้ามืดเป็นลม ถึงกับอาเจียนช่วงแรก
- สัมภาระที่หนักอึ้ง (เกือบ 30 kg) เพราะทริปนี้ เส้นทางนี้ไม่มีลูกหาบ พี่ปานบอกเคยมีห้าคน ทำได้สักพักหนีไปหมด พวกเราเลยต้องแบกของทุกอย่างที่จำเป็น แต่เอาเข้าจริง บางอย่างไม่จำเป็นก็ยังเอาขึ้นไป ไม่เคยแบกอะไรขึ้นเขามากขนาดนี้มาก่อน





พวกเราเดินกันอย่างช้าๆ ในขณะที่พี่ปานก็เดินเสียรวดเร็ว ตามไม่ค่อยจะทัน พักทีก็ถามทีว่าใกล้รึยัง คำตอบที่ได้กลับทำให้พวกเราท้อกว่าเดิม ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินกันไป





เส้นทางค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งลอด ทั้งข้าม ฯลฯ ผ่านน้ำตกที่แห้งขอดเพราะฝนไม่ตกมาสองอาทิตย์แล้ว สภาพป่าก็ค่อนข้างสมบูรณ์ ทำให้พวกเราพบเจอเจ้าบ้านหลายๆ ชนิดมาทักทายระหว่างเดิน ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเราได้ดีก็คงหนีไม่พ้นน้องทาก





ทริปนี้เป็นการประเดิมรองเท้าใหม่ที่เพิ่งจะซื้อมา ก็ต้องบอกว่าความพอใจสวนทางกับราคารองเท้าที่สูงลิ่ว ใส่แล้วมันแข็งๆ ข้อจะพลิกเอาง่ายๆ อยู่หลายที หลายคนบอกให้ใส่บ่อยๆ จะดีขึ้น แต่ถึงป่านนี้แล้ว คู่นี้ก็ยังอยู่ในถุง เพิ่งออกศึกได้แค่เขาหลวงที่เดียวเอง..





5 ชั่วโมงถัดมา และแล้วพวกเราก็ไต่ขึ้นมาจนถึงลานที่ 1 ซึ่งเต็มไปด้วยหมอกและลมพัดแรง รับรู้ได้ถึงความชุ่มชื้น แต่เสียดายไม่เห็นวิว และที่สำคัญยังไม่ถึงจุดแคมปิ้งคืนนี้ จึงต้องรีบเดินกันต่อ เพราะเริ่มจะใกล้มืดแล้ว





กัดฟันเดินไปอีกสักพักใหญ่ พี่ปานบอกนอนกันตรงนี้แหละ ก็งงๆ ยังไม่เห็นลานอะไร แต่เห็นกลุ่มแรกกำลังกางเตนท์ ทำกับข้าวกัน ก็จัดแจงวางเป้ แล้วรีบขึงฟลายชีท กราวน์ดชีทกัน พื้นที่ไม่ค่อยเรียบต้นไม้เล็กๆ เยอะ นอนเปลท่าทางจะดีสุด

แต่ละคนก็แบ่งหน้าที่กันไป คืนนี้มีขนมหวานปักเค้กมาเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่แพร์ด้วย

ตกดึกฝนโหมเทกระหน่ำลงมา ต้องช่วยกันขึง ช่วยกันดึง มีอะไรก็งัดเอาขึ้นมากันฝน กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนแล้ว

...

เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน ลมโหมพัดแรง เหมือนกับนอนอยู่ชายทะเลฟังเสียงคลื่นยังไงยังงั้น ต้มกาแฟ กินขนมปังกันแล้ว ก็เก็บสัมภาระ โชคดีฝนหยุดตกแล้ว แต่หมอกยังหนาตาอยู่





ก่อนลงแวะไปตรงลานจุดชมวิว ถ้าไม่ได้เห็นวิว คงโดนเพื่อนร่วมทริปว่าเอาแหง ว่าทำไม เดินตั้งนาน มาเปียกฝน แล้วก็ลง โดยไม่ได้เห็นวิวสวยๆ แต่โชคช่วย อากาศเริ่มเปิด วิวเบื้องล่างเริ่มเผยโฉมให้พวกเราได้เห็นความงามชนิดที่ว่าไม่ต้องมาซ่อมอีก





สบายตา





ชิวๆ





สัมผัสธรรมชาติกันให้เต็มที่





ด้วยเหตุที่ฝนตกหนัก ก็ทำให้ป่ามันดูเขียวสด มองไปทางไหนก็สดชื่นไปหมด





จากลานที่ 1 สามารถมองเห็นเกาะจาน อช.หาดวนกรได้





ขากลับเดินไปเช็คทากกันไป





เดินกันอยู่นานก็หยุดพักเหนื่อยคลายร้อนกันที่ต้นน้ำตกห้วยยาง





เล่นน้ำกันได้ไม่ถึงสิบนาที ฝนก็เทกระหน่ำลงมา เล่นควักเสื้อกันฝนกันแทบไม่ทัน ส่วนผมเปียกอยู่แล้วเลยเดินลุยฝนไปเลย

เหมือนทริปนี้เป็นการซ้อมก่อนไปเจอทริปเปียกๆ อย่างเปรโต๊ะลอซู หลังจากทริปนี้พวกเราได้รู้แล้วว่าอะไรจำเป็นจะต้องเอาไป อะไรไม่จำเป็น

ขาลง จนท.พาลงอีกเส้นที่สั้นกว่า แต่ชันดิก งานนี้ลื่นปรื้ดๆ ไปหลายรอบ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งเปียก ทั้งคัน ครบทุกสูตร

เป็นอีกที่ที่ประทับใจไม่รู้ลืม...





...

เขาหลวง อช.น้ำตกห้วยยาง ความสูง 1,250 เมตร




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2553    
Last Update : 21 สิงหาคม 2553 2:27:45 น.
Counter : 2301 Pageviews.  

เดินแล้งที่ดอยโล้น

ดอยมณฑา หรือดอยโล้น อช.ตากสินมหาราช จ.ตาก

----------


ทริปนี้อบอุ่นเพราะมีเพื่อนร่วมทางถึง 27 คน เส้นทางค่อนข้างแห้งแล้ง บางช่วงผ่านน้ำตก แต่ก็น้ำไม่เยอะนัก





ช่วงก่อนถึงจุดหมาย เจอเขาสูงชัน คล้ายเขาช้างเผือก แต่เสียวกว่ากันเยอะ





ทางขึ้นสูงชัน





ค่อยๆ เดินกันไป





ที่บอกว่าเสียวกว่าเขาช้างเผือกก็เพราะว่าหินแต่ละก้อนมันพร้อมจะหลุดออกมาเมื่อไปโดนมัน งานนี้จะจับ จะเกาะหินก้อนไหนต้องมั่นใจชัวร์ๆ ว่าไม่หักออกมา พลาดไปนี่มีเศร้า





ลำบากขึ้นมาถึงด้านบนก็จะได้วิวสวยๆ เป็นสิ่งตอบแทน

เดินกันต่อ ยังอีกไกลพอควร มองย้อนกลับไปเห็นยอดหินเปราะตะกี๊อยู่ไกลๆ แล้ว





เส้นทางเดินยังเป็นหินร่วนๆ เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นทุกย่างก้าวต้องระวังให้ดี





ถึงแล้วครับ





คืนนี้นอนปลาทูกันหลายคน ลมพัดเย็นสบาย





แม้ว่าจะอกหักจากการดูพระอาทิตย์ตก และขึ้น แต่วิว หมอก และเพื่อนร่วมทางทำให้ทริปนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ทางเดินจะแล้ง แต่ก็มีความงดงามในแบบของมัน





----





 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 13:43:33 น.
Counter : 960 Pageviews.  

ลื่นปรื้ด..ที่ภูวัว ??

แม้จะไปเดินกันในช่วงหน้าฝน แต่อากาศก็ร้อนและแล้งเหลือเกิน

.....

ทริปนี้ไปกันสองคันรถเหมือนเดิม โดยผมไปรอรับอยู่ที่โคราช กว่าจะได้เดินทางจากโคราชก็ตีสามกว่าแล้ว เพราะรถตู้ขัดข้อง

ถึงอุดรกันตอนเช้า แวะปั๊มน้ำมัน รถเติมน้ำมัน ส่วนคนก็เติมข้าวเติมปลากันตามอัธยาศัย





พวกเราใช้เวลาเดินทางกันนานเพราะเส้นทางมันค่อนข้างไกล ไปถึงหนองคายเสร็จยังต้องขับลัดเลาะริมโขงต่อเพื่อไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ซึ่งอยู่แถวอำเภอบุ่งคล้า เกือบจะเข้าเขตอ.บ้านแพง ของนครพนมแล้ว





ถึงที่ทำการ มีเจ้าบ้านออกมาต้อนรับ

พอลงจากรถ ทุกๆ คนก็รีบทำการแปลงกลาย เปลี่ยนร่างเป็นนักเดินป่าทันที ใช้เวลากันไม่นานก็เริ่มออกเดินทาง





คืนแรกเราจะไปนอนกันที่ลานอเมริกา เส้นทางแค่ประมาณ 4 กม. เท่านั้น

เดินไปได้ถึงผานางคอย ก็ต้องมีเรื่องให้คอยกันจริงๆ เพราะกล้องของพี่ไม้ตกลงไป ลำบากลูกหาบต้องลงไปช่วยหาให้ ดีที่หาเจอและตัวกล้องยังใช้การได้ โล่งอกแล้วก็เลยเดินกันต่อ





แต่จุดนี้เอง ที่ใครบางคนเหลือบไปเห็นยอดของหน้าผาหนึ่งซึ่งดูไปคล้ายๆ ภูชี้ฟ้า เลยขอให้คนนำทางพาไป ปรึกษาทีมงานแล้วก็โอเค เพราะสามารถไปต่อยังลานอเมริกาได้ โดยไม่ต้องย้อนกลับมา





เส้นทางเดินต้องบอกว่าไม่ยากอะไร แต่อากาศที่ร้อนอบอ้าว ก็เล่นเอาแต่ละคนเหงื่อโทรมกาย แถมแดดยังเปรี้ยงๆ อยู่บนหัวอีกตะหาก

ถึงจุดแยกที่จะขึ้นไปชมหน้าผา ก็มีหลายคนตัดสินใจรออยู่ข้างล่าง

เส้นทางเดินขึ้นก็ไม่ชันมาก แต่ต้นไม้ใหญ่ๆ มีน้อยมาก ทุกคนเลยต้องเดินฝ่าแสงแดดขึ้นไปตามเขาหิน





ยิ่งขึ้นก็ยิ่งเห็นความงาม มองไปด้านหลังเห็นภูทอกด้วย ในขณะที่ด้านหน้า มองเห็นฝั่งลาวกั้นพรมแดนด้วยแม่น้ำโขง





...





เส้นทางเดินระหว่างทาง มีดอกไม้่หลายๆ ชนิดให้พวกเราได้ชม แม้ว่าจะแล้ง แต่ดอกไม้เพียงไม่กี่ดอกก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี





คืนแรกพักกันที่ลานอเมริกา เป็นลานหินโล่งๆ ใกล้ๆ มีโตรกน้ำไหลผ่าน ที่นี่จะเป็นที่อาบน้ำของพวกเรา ผมเดินถึงจุดพักแล้วก็วางเป้ รีบจ้ำลงไปอาบน้ำเป็นคนแรก อากาศร้อนๆ แบบนี้ นอนแช่น้ำมันสบายสุดๆ แล้ว





...


จุดเด่นของภูวัวก็คือความลื่น หลายๆ คนบอกว่า มาภูวัวถ้าไม่ลื่นก็เหมือนมาไม่ถึงภูวัว แต่จากสภาพที่เห็น ทำให้เป็นกังวลว่าจะได้ลื่นกันหรือเปล่า เพราะแห้งแล้งเหลือเกิน


...


หลังจากกางเตนท์ ทำอาหารกินกันเสร็จ ก็ตั้งวงคุยกันเรื่องสัพเพเหระ พวกเราบางคนได้ยินเสียงช้างร้องใกล้ๆ กับที่แคมป์ ซึ่งก็ต้องระวังตัวไว้หากช้างบุกเข้ามาจริงๆ

หลายๆ คนเลือกนอนนับดาวกันตรงลานหิน เพราะอากาศค่อนข้างอบอ้าว แถมลมก็ไม่มี เหมือนจะนอนไม่ได้ แต่เพียงแค่สักพักเดียวผมก็ม่อยหลับไปคาวงสนทนา

รู้สึกตัวอีกที ตอนมีหยดน้ำมาแหมะๆ ตรงหน้า

อ้าว ฝนตกนี่หว่า !

เหมือนนัดกับคนอื่นเลย ลุกขึ้นพร้อมกัน เก็บของแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยัง flysheet ที่กางเอาไว้ทีแรก แล้วก็หาที่นอนกันใต้ร่มผ้าใบ ไฟจากไฟฉายคาดหัวปิด พร้อมกับเสียงเงียบที่ตามมาได้สักพัก ก่อนเสียงกรนของใครบางคนจะเริ่มดังขึ้นมา


...


ทีนี้ฝนเริ่มตกหนักขึ้น เหมือนครั้งแรกจะเตือนว่าจะมาหนักแล้วนะ คนที่อยู่ริมๆ flysheet เริ่มนอนไม่ได้ เพราะน้ำกระเดิน บางคนก็น้ำรั่วเข้ามา แย่ไปกว่านั้นคือบางคนไหลจากด้านล่าง ทำเอา groundsheet เปียกไปหมด

พวกเราช่วยกันกระทุ้งน้ำที่ขังอยู่ตรงผ้าใบออก กว่าจะฝนซาลงก็เล่นเอาหายง่วงไปเลย ตอนนี้เริ่มนอนแออัดกันมากขึ้นเพราะมีพื้นที่นอนลดลง ขณะที่สมาชิกเพิ่มขึ้น (เพราะหนีมาจากเตนท์อื่น)

มันก็เย็นดีนะ พวกเราคอยลุ้นกันมาทั้งวันแล้ว ว่าให้ฝนตกลงมาเยอะๆ

...





ตอนเช้ากินราดหน้าอาหารประจำทริปเสร็จก็เริ่มเดินกันต่อ จุดหมายของวันนี้ก็คือ น้ำตกชะแนน ซึ่งระยะห่างประมาณ 6 กม. จากลานอเมริกา





พอจะเริ่มเดิน ดวงอาทิตย์ก็แผดแสงจ้าเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายขึ้นมาทันที แต่เพราะได้ฝนตกลงมาเมื่อคืนทำให้บริเวณโดยรอบดูสดชื่นขึ้นทันตา ต้นไม้ดูเขียวชอุ่ม

เส้นทางเดินดูจะแตกต่างกับเมื่อวานลิบลับ บางช่วงต้องเดินข้ามน้ำลุยกันไป ลื่นปรื้ดกันสมใจอยาก





เดินกันมาได้สักพัก ก็เห็นสายน้ำขนาดใหญ่จนอดใจไม่ไหว ลงไปดำผุดดำว่ายกันให้หนำใจ





เดินกันต่อ ไปอีกหน่อยก็เจอน้ำตกสวย แถมมีชายหาด น่านอนอาบแดดให้ตัวเกรียม ยิ่งไปกว่าเดิม





ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงน้ำตกชะแนน ถ่ายรูปเพลินๆ ก็ต้องตกใจ เอ๊ะ ทำไมมีคนกำลังเล่นน้ำอยู่ มากันเหมือนเป็นกลุ่มใหญ่นั่งปิคนิคกัน





ที่แท้เค้ามาอีกทางนึง เอารถมาเกือบถึงเลย ไอ้เราก็เดินเสียตั้งไกล

เอาเป้วางเสร็จก็กระโดดน้ำเล่นกันเลย


...





ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไปชมภูทอก น่าทึ่งมากที่สร้างทางเดินบนภูเขาหินสูงได้แบบนี้





เดินไปเสียวไป





ชมวิวสวยๆ จนเหงื่อท่วมก็ได้เวลากลับกทม.





 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 13:24:14 น.
Counter : 1561 Pageviews.  

ภูเอ๋ย...ภูเมี่ยง

เป็นอีกหนึ่งทริปถึกที่สนุกสนานสมการรอคอย

สมาชิกแต่ละคนเดินไวเหลือหลาย ทำเอารั้งท้ายอยู่บ่อยๆ เส้นทางหลากหลาย ผ่านป่าดิบ ป่าไผ่ น้ำตก 8 เนิน 4 ผา อากาศระหว่างเดินร้อนมากมาย ทำเอาเสียเหงื่อไปหลายปีบ แต่พอถึงยอดก็หายเหนื่อยเลย งานนี้มีขึ้นยอดแถมไปกันหลายคน ตอนเย็นอากาศหนาว ลมพัดแรง

จบทริปนี้ไม่เดี้ยงอย่างที่คิด แต่ก็เจอไปหลาย ทั้งต้นไม้พิษ เล่นเอาแขนไหม้ไปเลย บนยอดโดนผึ้งน้อยต่อยไปหนึ่งดอก แต่เล็บดำๆ เจ้ากรรมก็ยังไม่หลุดซักที

=========================================

ทริปนี้ ป๋าพามากันสองคันรถ





กินข้าวเสร็จ ก็เตรียมตัว





ระยะทางไม่ใกล้ ไม่ไกล





เริ่มเดิน





ไหว้เจ้าปู่ภูเมี่ยงกันก่อน





แค่เนินแรกก็รู้รสแล้ว -*-"





เจอของสวยๆ งามๆ ระหว่างทาง





เจอน้ำตกอดใจไม่ไหว ขอลงไปแช่ตัวหน่อย





เส้นทางรก ต้องลำบากคุณลุงนำทางช่วยถางไปตลอด





พวกเราได้หยุดพัก ตอนที่คุณลุงกำลังเคลียร์ทาง แต่ลุงสิ เหนื่อยตลอด





ถึงเวลาอาหารกลางวันสุดหรูแล้ว งานนี้น้ำพริกหนุ่มแซบสุดๆ





เดินกันต่อ





ช่วงที่เดินมีเติมน้ำดื่มที่น้ำตกไปตลอดทาง โชคร้ายดันซุ่มซ่ามไปโดนต้นหางเดื่อ แค่โดนเฉยๆ ผิวก็ไหม้เลย ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องก็รีบไปล้างน้ำ ปรากฎว่าแสบร้อนกว่าเดิมอีก





ร่องรอยความเจ็บปวด





เดินไปสักระยะก็พักกันที่เนินกาแฟ (ตั้งชื่อเอง เพราะหยุดพักต้มกาแฟกิน)





เดินกันต่อ ณ บัดนี้มาถึง เนินที่ 6 กันแล้ว





เริ่มเห็นวิวสวยๆ





อีกไม่ไกลแล้วยอด (ลูกหลัง) เห็นหลุบอยู่ในเมฆหมอก





กำลังสวีทกันอยู่





เดี๋ยวจะขึ้นไปบนนั้น





ปีนมาจนถึง ผาสุดท้ายแล้ว





มองลงไปแล้วหายเหนื่อย





ขึ้นมาถึงจนได้ เจอป้าย "เข้าสู่แดนดินฉิมพลี" แล้วก็ไม่เจอใคร ตกลงว่าถึงหรือยังหว่า





มองไปอีกลูกเห็นกลุ่มแรกยืนกันอยู่ตรงนั้น เลยลุยดงหญ้าสูงรกไป





ขึ้นไปเหมือนกับไม่ใช่เพราะพื้นที่น้อยเหลือเกิน





หรือว่าจะไปลูกนั้นไกลๆ





สรุปว่าพวกเราเดินเลยกันมา จริงๆ อยู่ลูกแรกน่ะถูกแล้ว

จัดฉากถ่ายรูปกันเล็กน้อย ใครพาแฟนมานี่โรแมนติกมากมาย





กำลังตัดสินใจจะเดินกลับ จู่ๆ ก็มีผึ้งมาต่อยซะงั้น T_T ดีที่ไม่แพ้





เดินกลับไปกัน





กางเตนท์กันเสร็จ ก็ทำอาหารและออกมาชมพระอาทิตย์ลับขอบเขา





วิวนี้ที่คุ้นตา ตามหนังสือท่องเที่ยว ป้ายผู้พิชิตภูเมี่ยงคว่ำหน้าอยู่ ที่แท้ก็คือป้ายเดียวกับดินแดนฉิมพลีนี่เอง





แสงยามเย็นอยู่กับเราไม่นาน ความมืดก็เริ่มเข้ามาปกคลุม





ตกดึก อากาศเย็นลมพัดแรงจนถึงกับหนาวกันเลย
...

ตอนเช้าตื่นมาชมพระอาทิตย์ที่ถูกบดบังไปด้วยเมฆหมอก จนไม่มีวี่แววจะปรากฎตัวแต่อย่างใด ลงมาจากยอดก็ได้เวลาอาหารเช้า





ลมพัดแรง จนเตนท์เอียงกะเท่เร่ แต่คนข้างในก็นั่งแต่งหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น





ได้เวลาจากภูเมี่ยงกันแล้ว





ความงามระหว่างทาง





หากมีโอกาสปรึกษากันแล้วว่า (อาจ) จะกลับมาเดี้ยงกันใหม่ ณ ภูเดี้ยง เอ๊ย ภูเมี่ยง...

-------------------------------------------

ข้อมูลการเดินทาง
ภูเมี่ยง อุทยานแห่งชาติคลองตรอน
หมู่ที่ 3 ต.น้ำไคร้ อ. น้ำปาด จ. อุตรดิตถ์ 53110
โทรศัพท์ 0 5543 6752 (VoIP), 08 1926 9519 (จนท.) อีเมล reserve@dnp.go.th




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 0:05:57 น.
Counter : 1150 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

เม่าดอยตุง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




นับๆ ดูแล้วยังเหลืออีกหลายอุทยานเลยที่ยังไม่ได้ไป ว่าแล้วก็กางแผนที่ ออกเดินทางพิชิตอุทยานกันต่อไป..
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เม่าดอยตุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.