Jack-A-Little-Monster

ปีนผา..(อีกแล้ว)..วัดถ้ำผาดำ Unseen จังหวัดเลย

Unseen จังหวัดเลย





...


แวะไปเที่ยววนอุทยานภูผาล้อม เพื่อชมผาบ่อง ขากลับโชคดีเจอพี่ท่านหนึ่งที่เคยเป็นสตาฟฟ์ TKT แนะนำให้ไปเที่ยวถ้ำผาดำ ดูนาฬิกาแล้วมีเวลาเหลือก็เลยขับต่อไปซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก


ขณะขับรถ เห็นหน้าผาสีดำทะมึนสูงชันตระหง่านมาแต่ไกล พอถึงตัววัด สอบถามชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าให้รีบตามอาจารย์ไป ทีแรกคิดว่ากลุ่มอาจารย์มาเที่ยวกันเป็นหมู่คณะ จริงๆ แล้วเค้าหมายถึงพระอาจารย์ต่างหาก พอได้พบกับท่านที่กำลังจะขึ้นไปหากล้วยไม้ด้านบนเลยเดินตามไป ทีแรกไม่คาดคิดว่าจะเป็นอะไรที่สมบุกสมบันขนาดนี้


ท่านเอ่ยปากถามว่าโยมจะขึ้นไปด้วยรึเปล่า มาถึงตรงนี้แล้วผมเลยคิดว่าจะลองไปดูสักหน่อยแล้วกัน เริ่มต้นเดินเข้าปากถ้ำ ต่อจากนั้นก็เดินดิ่งขึ้นไปในความมืด ผมอาศัยแสงไฟฉายจากหลวงพี่ที่เดินนำทาง มาพระอาจารย์คอยปิดท้ายให้ เส้นทางชันดิก เดินอยู่สักพักใหญ่จะไปโผล่ปากถ้ำอีกด้านหนึ่ง


ดูพระท่านไม่มีอาการเหนื่อยหอบใดๆ เลย ขณะที่ผมเหงื่อแตกท่วมไปหมด สักพักก็เดินกันต่อ มีหลายช่วงต้องใช้กระไดพาดขึ้นไป ด้านบนมีถ้ำโถงมากมาย อากาศโปร่งสบายเหมาะสำหรับพระท่านมาปฎิบัติธรรมด้านบนนี้


สักพักท่านพาเดินมุดถ้ำซึ่งเล็กขนาดตัว บางช่วงต้องคลาน บางช่วงต้องถอดเป้ออกเพราะติด อดเป็นห่วงตอนขากลับไม่ได้ แล้วก็ไปโผล่ออกถ้ำที่ภายในเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยน้อยใหญ่


ด้านบนอากาศไม่ทึบนัก เงียบสงบ เหมาะกับการปฏิบัติธรรม

ช่วงลอดถ้ำ แคบมาก

เดินออกจากถ้ำ ท่านก็ถามผมว่าไปต่อมั้ย ผ่านมาประมาณครึ่งทางได้ ลังเลสักครู่ก่อนจะตัดสินใจไปต่อ ท่านถามผมว่าปีนผาได้รึเปล่า ทำเอาผมเริ่มไม่แน่ใจ แล้วก็จริงอย่างที่ท่านถาม เส้นทางต่อจากนี้เป็นการปีนหน้าผาดีดีนี่เอง ทั้งปีนป่ายก้อนหิน เกาะรากไม้พยุงตัวเองขึ้นไป ผมงี้ทึ่งกับพระท่านมาก ทั้งจีวรที่ยาว รวมไปถึงรองเท้าแตะคีบที่ท่านใส่ ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับท่านเลย ขณะที่ผมใส่รองเท้าผ้าใบ แต่ละก้าว แต่ละการปีนป่าย มันลุ้นระทึกเหลือเกิน

อารมณ์ความน่ากลัวเมื่อตอนที่ผมปีนผานกเค้าวูบเข้ามาเยือนอีกครั้ง ดูๆ แล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ หากจังหวะไหนพลาด ตกลงไปไม่ตายก็อาจพิการได้ง่ายๆ

ในที่สุดก็พาตัวเองขึ้นไปรับแดดเปรี้ยงๆ ชมวิวบนยอดเขาหินปูนได้สำเร็จ

แต่ไม่ยังไม่ถึงยอดสูงสุด ต้องเดินกันไปอีก

มีท้อมีเหนื่อย แต่คิดอีกทีเราโชคดีมากที่ได้มาเยือน ปกติท่านจะไม่พาคนนอกขึ้นมา

ขากลับน้ำผมหมดเพราะไม่ได้เตรียมไปเยอะ แถมเป็นคนกินน้ำเยอะด้วย ต้องขอพระท่านเจียดน้ำมาให้ ลงมาถึงด้านล่างเหนื่อยสุดๆ แต่เป็นทริปที่ประทับใจมากทริปหนึ่งครับ

-----------------

ข้อมูลเดินทาง:
วัดถ้ำผาดำ อ.นาด้วง จ.เลย
ขับเลยวนอุทยานภูผาล้อมไปเรื่อยๆ สักพักจะเห็นหน้าผาทะมึนอยู่ทางขวา มีป้ายให้เลี้ยวเข้าไป







 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 20 สิงหาคม 2556 22:15:23 น.
Counter : 3058 Pageviews.  

=== เที่ยวภูกระดึงหน้าร้อน 2 วัน 1 คืน ===

วันว่างอยู่ภูกระดึงพอดี ก็เลยไปขึ้นภูกระดึงเล่น นอนเสียหนึ่งคืน ไม่ได้ไปเยือนนานม้ากกกก

...





วันมาฆบูชา อากาศร้อนๆ แต่เวลาว่างมี นึกครึ้มอกครึ้มใจ ไม่ได้ไปเยือนภูกระดึงมานานมาก เลยขับไปแวะชมเสียหน่อย
ช่วงนี้คนน้อยมากถึงมากที่สุด สวรรค์ของเรานี่เอง คริคริ

จัดแจงแพคของใส่เป้ใบใหญ่ ถุงนอน Deuter 0 องศา เพราะเป็นคนขี้หนาว แม้ด้านล่างอากาศจะร้อน แต่ใครจะไปรู้ ข้างบนดึกๆ อาจจะหนาวก็ได้

ติดต่อเจ้าหน้าที่เสร็จก็เริ่มออกเดินทาง

นักท่องเที่ยวระหว่างทางน้อยมาก ตั้งแต่เริ่มเดินจากที่ทำการอช. ถึงจุดตั้งแคมป์ นับได้ไม่ถึงสิบคน
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงหลังแป เดินต่อไปลานกางเตนท์อีกครึ่งชั่วโมง อากาศร้อนจัด แดดเปรี้ยง แต่สงบดีเหลือเกิน
ติดต่อหาเตนท์ วางของเสร็จก็นั่งกินข้าวกินปลา มีร้านอาหารเปิดอยู่พอประมาณ

...






ไม่มีอะไรทำ เลยไปเช่าจักรยานมาปั่นเล่น คราวก่อนที่มายังไม่มีจักรยานไว้บริการเลย
เริ่มปั่นไปไหว้พระที่ลานพระศรีนครินทร์เอาฤกษ์เอาชัยก่อน





จากนั้นก็ปั่นเข้าเส้นทางริมหน้าผา จากผาหมากดูก ไล่ไปเรื่อย
เส้นทางสงบเงียบ ไร้ซึ่งผู้คน




ดูเหมือนจะปั่นง่าย แต่ยิ่งปั่นยิ่งหนืด
หนทางเป็นทรายๆ ร่วนๆ แถมปั่นขึ้นเขาอีก
ผมว่าเดินง่ายกว่ากันเยอะเลย

..

แวะเติมพลังดับร้อนระหว่างทางด้วยน้ำแข็งไส บางร้านมีเปิดอยู่บ้าง
บางผาก็ไม่มีร้านเปิด ต้องถามข้อมูลให้ดี

..

ปั่นไปด้วยความเหนื่อยกาย ทั้งร้อน ทั้งหนืด เมื่อไหร่จะถึงผาหล่มสักเนี่ย
บ่นไปก็งั้น ปั่นไป ชมวิวไป





ช่วงนี้มีไฟป่าขึ้นเป็นหย่อมๆ
ถามเจ้าหน้าที่เห็นบอกว่าพวกนายพรานมันจุดล่อเจ้าหน้าที่ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ

..





ในที่สุดก็ถึงผาหล่มสัก เหงื่อโทรมกาย มีเจ้าหน้าที่มารับจักรยาน เพราะแจ้งไว้แล้วว่าจะมา
เจ้าหน้าที่จะนำทางเรากลับแคมป์

..






เดินเที่ยวผาหล่มสักยามไร้ผู้คน เสร็จเรา
ยังจำได้ครั้งล่าสุดที่มา ผาหล่มสักต้องเข้าคิวถ่ายรูป โอ! คิดได้ยังไง
มาวันนี้ ไม่มีใครเลย ผมถ่ายตัวเองอย่างสนุก ขณะนี้มีเพียงผมกับผาหล่มสักสองต่อสอง





เรียกได้ว่าถ่ายกันจนเบื่อไปเลย จนขี้เกียจรอให้ถึงเวลาเย็น เพื่อชมพระอาทิตย์
บอกเจ้าหน้าที่ว่ากลับกันเต๊อะ

..

ขากลับเจ้าหน้าที่ปั่นอย่างกับไปแข่งเมาเทนไบค์ ซิ่งสุดฤทธิ์
ขณะที่ผมก็ต้องซิ่งปั่นตามให้ทันแก
พยายามใช้เส้นทางที่แกใช้ เพราะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงทรายได้มากที่สุด

..





มาถึงผาหมากดูกก็ชมพระอาทิตย์ตกกัน
สวยงามคุ้มค่ากับการรอคอย





..

ตอนดึกอากาศไม่หนาวอย่างที่คิด นอนพักตรึกตรองเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต

..

รุ่งขึ้นเช้ามืด เดินมาสมทบกับกลุ่มที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้น คนเยอะพอควร
แต่โชคไม่ดี ฟ้าปิด อดเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น





ทานอาหารเช้าเสร็จ
ก็เดินลงเขาอย่างสบายใจ
ว่างๆ จะมาเที่ยวอีกจ้า

...







 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2555 13:13:28 น.
Counter : 2798 Pageviews.  

ผามออีแดง อช.เขาพระวิหาร

ได้ช่าวความตึงเครียดที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย กัมพูชาแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ

สงสารชาวบ้านแถวนั้น ที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติเวลาเกิดเรื่อง ช่วงสองปีก่อน ผมมีโอกาสแวะไปทำงานแถวศรีสะเกษ เลยขับรถไปแถวอ.กันทรลักษณ์ มีความหวังว่าจะขึ้นไปชมผามออีแดง พอไปถึงเจ้าหน้าที่ทหารอยู่เต็มทางเข้าอุทยานแห่งชาติ ถามพี่ๆ เค้าได้ความว่า ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชมได้ อันตรายเกินไป

คราวนี้มีโอกาสอีกครั้ง หลังจากเรื่องราวเริ่มซาลงไป ครั้งนี้เป็นจุดหมายหลักที่ผมมุ่งหน้าไปยังอำเภอนี้ เพื่อที่จะไปยลผามออีแดง และปราสาทเขาพระวิหารด้วยตาตัวเองให้ได้

โทรศัพท์ไปถามเจ้าหน้าที่ก่อน ซึ่งก็ไม่มีปัญหา สามารถขึ้นชมได้ เพียงแต่ไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งกัมพูชาเพื่อขึ้นปราสาทได้เท่านั้นเอง

....

ก่อนจะถึงอช.เขาพระวิหาร ผมตัดสินใจแวะน้ำตกสำโรงเกียรติก่อน ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะน้ำค่อนข้างเยอะ และมีความสวยงามใช้ได้





ขับผ่านบ้านโดนเอาว์(ภาษาเขมร เป็นชื่อคุณยายชื่อเอาว์) มาได้ไม่ไกล ก็ถึงอุทยานแห่งชาติ ทางดี สามารถขับรถขึ้นเขาไปถึงผามออีแดงได้เลย




วิวแรกที่เห็นต้องบอกว่าประทับใจและคุ้มค่าที่ได้มาเยือน





เจ้าหน้าที่สาวเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ เมื่อทหารฝั่งกัมพูชาโจมตีพื้นที่บริเวณนี้ ทำให้กระจกหลายบานแตก รวมถึงบ้านหลายหลังด้านล่างถูกไฟไหม้ ผมฟังแล้วก็อดตื่นเต้นตามไม่ได้





มองจากฝั่งเราสามารถเห็นปราสาทเขาพระวิหารฝั่งนู้นได้





เป็นเขาลาดๆ ผมค่อนข้างคุ้นๆ กับภูมิประเทศ เพราะเคยไปเมืองจำลองที่สมุทรปราการ เค้าสร้างเขาพระวิหารไว้ด้วย เห็นแล้วทึ่งในความสามารถมนุษย์ที่สามารถจำลองเขาลูกย่อมๆ ขึ้นมาได้

...

ใกล้ๆ ผามออีแดง เดินไปอีกเล็กน้อย มีทางเดินลงลัดเลาะริมหน้าผา เพื่อไปชมภาพสลักนูนต่ำ วิวเบื้องล่างฝั่งกัมพูชาสวยงามเต็มไปด้วยป่าไม้อันสมบูรณ์





น่าทึ่งคนสมัยก่อนที่มาแกะสลักภาพริมหน้าผาที่ความสูงระดับนี้




...





จุดสำคัญอีกแห่งที่สามารถไปเยือนได้ก็คือ สถูปคู่ มองจากด้านบนจะเห็นสถูปคู่นี้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางต้นไม้รก
ผมถามเจ้าหน้าที่เพื่อความแน่ใจว่าเราสามารถไปชมได้ เส้นทางเดินตามทางถนนที่มุ่งสู่ชายแดน ดูเวิ้งว้าง และน่าขนลุก
เกรงว่าเดินๆ จะเกิดการสู้รบเกิดขึ้น ซึ่งจริงๆ ก็คิดไปเองทั้งนั้น





...





เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าทิวเขาไกลๆ คือ เขาสัตตโสม ซึ่งยังอยู่ในฝั่งประเทศไทย สามารถขึ้นไปได้ หากเหตุการณ์สงบแล้วฟังแล้วก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที หากมีโอกาสคราวหน้าคราวหลัง หากเรื่องราวความบาดหมางได้รับการแก้ไขผมคงจะกลับมาเยือนอีกรอบในไม่ช้านี้







 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2555 15:47:59 น.
Counter : 1299 Pageviews.  

เสม็ด...เกาะเด็ดๆ ใกล้ๆ กทม.

เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวทะเลกันบ้าง หลังจากใช้ชีวิตแบบชาวเขาอยู่นาน
....




ทะเลใกล้ๆ กรุงเทพจริงๆ ก็มีอยุ่หลายแห่ง แต่ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากคงไม่แพ้เกาะเสม็ด
หลังจากที่ไม่ได้ไปเยือนนาน เลยตัดสินใจไปพักร้อนผ่อนคลายกันที่นี่เสียหน่อย





การเดินทางก็แสนจะสะดวกสบาย ขับรถไปถึงท่าเรือ ฝากรถเค้าไว้ แล้วก็ซื้อตั๋วรอขึ้นเรือได้เลย
ผมเลือกวันเดินทางเป็นวันธรรมดา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปแก่งแย่งแข่งขันกับหมู่มวลมหาชนนักท่องเที่ยว บรรยากาศพักผ่อนช่วงกลางอาทิตย์น่าจะสงบดีกว่าช่วงวันหยุด
เท่าที่เห็น ส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวต่างชาติจะค่อนข้างหนาตา
นั่งเรือมาไม่นานก็ถึงท่าเรือเกาะเสม็ด ความเจริญที่เห็นแตกต่างจากคราวก่อนที่เคยมามากนัก
ผมเดินสำรวจหาร้านอาหารทานก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทที่จองเอาไว้ทางโทรศัพท์ ร้านอาหารมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ราคาก็ไม่แพงเวอร์เกิน
หลังจากเติมพลังจนอิ่มท้องแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถกะบะไร้หลังคา ซึ่งก็ต้องรอคนเต็มก่อนถึงจะออก แต่ก็รอไม่นานจนเกินไป
...
ผ่านจุดตรวจของอุทยานก็ซื้อบัตรเข้าเหมือนการไปเยือนที่อช.อื่นๆ ต่างชาติก็เสียแพงกว่าคนไทย รู้แบบนี้คนไทยน่าจะหันมาเที่ยวอช.กันให้มากขึ้นครับ ค่าเข้าถูกแสนถูก
..
ผมจองที่พักที่อยู่ค่อนข้างห่างจากท่าเรือ ยิ่งห่างความสงบก็ยิ่งมีมาก
เวลาที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากการพักผ่อน ว่ายน้ำ อาบแดด เดินสำรวจชายหาด ไปตามเรื่องตามราว
ยังไงมีเวลาก็อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเองบ้างครับ
ความสุขอยู่รอบๆ ตัวเรานี่เอง
...








ข้อมูลการเดินทาง: (ที่มา dnp.go.th)
รถยนต์
สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดระยองได้ โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 ซึ่งแยกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ตรงหลักกิโลเมตรที่ 136 ซึ่งจะทำให้ระยะทางสั้นลง ประมาณ 35 กิโลเมตร เมื่อถึงตัวเมืองระยองแล้วเดินทางต่อไปอีก 12 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาตรงหลักกิโลเมตรที่ 231 เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ไปยังบ้านเพ เพื่อลงเรือไปเกาะเสม็ด

สำหรับการเดินทางบนเกาะเสม็ดมีถนนเพียงสายเดียวซึ่งแต่เดิมใช้เป็นทางเดิน ถนนสายนี้ยาว 6 กิโลเมตร เริ่มจากตอนเหนือของอ่าวทับทิมตัดผ่านสระน้ำอโนดาต ลงสู่หาดทรายแก้ว ระยะทางจากบ้านเกาะเสม็ดถึงหาดทรายแก้ว ประมาณ 800 เมตร

เรือ
การเดินทางโดยเรือไปยังเกาะเสม็ดจะต้องลงเรือที่ท่าเรือบ้านเพ (บนฝั่ง) ซึ่งมีท่าเรือโดยสาร 3 แห่ง มีเรือโดยสารหลายขนาดบรรจุคนได้ตั้งแต่ 10-100 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น. สำหรับท่าเรือที่เกาะเสม็ดทั้ง 3 แห่ง (บนเกาะ) คือ ท่าเรือด้านหัวเกาะ ด้านอ่าววงเดือน (อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ) และด้านอ่าวพร้าว (อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ) นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่อยู่บริเวณอ่าวที่มีขนาดเล็กนิยมใช้เรือเร็วส่วนตัวในการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวจากบ้านเพ ไปยังรีสอร์ทของตนเอง

รถโดยสารประจำทาง
เดินทางโดยรถยนต์โดยสารประจำทางของบริษัทขนส่ง จำกัด จะมีทั้งรถยนต์โดยสารธรรมดาและปรับอากาศ ระหว่างกรุงเทพฯ-บ้านเพ ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ถนนสุขุมวิท ประมาณชั่วโมงละคัน ตั้งแต่เวลา 05.00-20.30 น.







 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2555 15:34:53 น.
Counter : 1826 Pageviews.  

---( พิชิตยอดหินกูบ ไต่หลังช้าง )---

หนึ่งเดือนก่อนหน้าที่ผมจะได้ไปเยือนเขาสอยดาวใต้ ได้ร่วมเดินทางไปกับคณะป๋าคมรัฐเพื่อพิชิตยอดหินกูบ ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวใต้เช่นเดียวกัน โดยมีความสูงราว 1000 เมตร
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ที่สามารถเที่ยวได้ภายในสองวัน
....

เส้นทางเต็มไปด้วยขวากหนามของต้นสละ แต่ก็เป็นอุปสรรคที่หวานอมเปรี้ยวดีเหลือเกิน





เส้นทางเดินสดชื่น มีน้ำตลอดทาง ผมเดินในกลุ่มนำ สบโอกาสเลยลงแช่น้ำคลายร้อนเสียเลย




..

ทางขึ้นชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่หนักหนาสาหัส มีสิ่งสวยๆ งามๆ ระหว่างทางให้เห็นเสมอ




ช่วงใกล้ๆ จะถึงต้องเดินผ่านโถงถ้ำน้อยใหญ่ น่าทึ่งธรรมชาติสามารถสร้างสรรค์สิ่งสวยงามเหล่านี้ได้อย่างลงตัว





ไม่นานนักผมก็พาตัวเองขึ้นมาถึงผาหินกูบ หน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง





กูบยังไง คือใต้หินก้อนใหญ่ เราสามารถใช้พักแรมได้เลยครับ หากคณะไม่ใหญ่นัก มีหลังคาธรรมชาติบังแดดบังฝนให้เป็นอย่างดี





อากาศข้างบนนี้เย็นสบาย ชิลๆ ดีเหลือเกิน





พอสมาชิกทยอยมากันครบก็เริ่มทำอาหารกัน ใครร้อนก็ไปอาบน้ำก่อน ที่นี่เค้าต่อสายยางมาจากน้ำตกให้อาบน้ำกันได้อย่างสะดวก ไม่มีห้องน้ำนะครับ อาบกันกลางป่านั่นแหละ สุขสุดๆ
ช่วงหัวค่ำได้ไฟความสว่างสูงจากพี่เอ้นักประดิษฐ์ ทำให้ไม่มืดมิดเหมือนค่ำคืน ทานอาหารกันใต้หินกูบ รับลมเย็นๆ ที่โชยมาตลอดเวลา ถึงเวลาสนทนาของเพื่อนร่วมทางกันแล้ว



..

พอตีห้าผมก็รู้สึกตัวตื่นขึน เห็นเจ้าปอมันชิงตื่นไปถ่ายรูปก่อนแล้ว ดูบรรยากาศโดยรอบแล้วท่าจะเป็นลางดี





ลุงหนมตื่นแต่เช้ามานั่งเป็นเพื่อนพวกเรา





อากาศไม่หนาวเย็นเกินไปกำลังสบาย สมาชิกเริ่มตื่นขึ้นมาเฝ้ารอดวงตะวัน





นั่นไง เริ่มโผล่มาแล้ว





พอแสงทองเริ่มสาดส่อง ความงามก็เริ่มปรากฎทีละน้อย





ปรากฎโฉมเต็มตัวแล้ว พระเอกของเช้านี้




....

กินข้าวเช้ากันเสร็จก็ขึ้นเขาอีกเล็กน้อย เพื่อชมวิว 360 องศากันบนหลังช้าง เส้นทางค่อนข้างลื่นและชัน บางช่วงไม่มีที่ยึดเกาะ ต้องให้เจ้าหน้าที่เอาเชือกผูกแล้วดึงกันขึ้นไป





วิวด้านบนสวยมากครับ แต่เส้นทางบนหลังช้างค่อนข้างอันตรายมากทีเดียว





เอาเถอะ ชื่นชมวิวกันก่อน ขาลงค่อยไปคิดเอาอีกที





ขาลงต้องเข้าคิวกันลง มีเชือกให้โรยตัวลง แต่เส้นเล็กเหลือเกิน มีขาดด้วย (น่าจะนำเชือกที่แข็งแรงกว่านี้ไป)





วิวก่อนจากหลังช้าง





จบทริปสั้นๆ แต่สนุกไปอีกหนึ่งทริปครับ





 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 21:19:44 น.
Counter : 2369 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

เม่าดอยตุง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




นับๆ ดูแล้วยังเหลืออีกหลายอุทยานเลยที่ยังไม่ได้ไป ว่าแล้วก็กางแผนที่ ออกเดินทางพิชิตอุทยานกันต่อไป..
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เม่าดอยตุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.