ลื่นปรื้ด..ที่ภูวัว ??
แม้จะไปเดินกันในช่วงหน้าฝน แต่อากาศก็ร้อนและแล้งเหลือเกิน
.....
ทริปนี้ไปกันสองคันรถเหมือนเดิม โดยผมไปรอรับอยู่ที่โคราช กว่าจะได้เดินทางจากโคราชก็ตีสามกว่าแล้ว เพราะรถตู้ขัดข้อง
ถึงอุดรกันตอนเช้า แวะปั๊มน้ำมัน รถเติมน้ำมัน ส่วนคนก็เติมข้าวเติมปลากันตามอัธยาศัย
พวกเราใช้เวลาเดินทางกันนานเพราะเส้นทางมันค่อนข้างไกล ไปถึงหนองคายเสร็จยังต้องขับลัดเลาะริมโขงต่อเพื่อไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ซึ่งอยู่แถวอำเภอบุ่งคล้า เกือบจะเข้าเขตอ.บ้านแพง ของนครพนมแล้ว
ถึงที่ทำการ มีเจ้าบ้านออกมาต้อนรับ
พอลงจากรถ ทุกๆ คนก็รีบทำการแปลงกลาย เปลี่ยนร่างเป็นนักเดินป่าทันที ใช้เวลากันไม่นานก็เริ่มออกเดินทาง
คืนแรกเราจะไปนอนกันที่ลานอเมริกา เส้นทางแค่ประมาณ 4 กม. เท่านั้น
เดินไปได้ถึงผานางคอย ก็ต้องมีเรื่องให้คอยกันจริงๆ เพราะกล้องของพี่ไม้ตกลงไป ลำบากลูกหาบต้องลงไปช่วยหาให้ ดีที่หาเจอและตัวกล้องยังใช้การได้ โล่งอกแล้วก็เลยเดินกันต่อ
แต่จุดนี้เอง ที่ใครบางคนเหลือบไปเห็นยอดของหน้าผาหนึ่งซึ่งดูไปคล้ายๆ ภูชี้ฟ้า เลยขอให้คนนำทางพาไป ปรึกษาทีมงานแล้วก็โอเค เพราะสามารถไปต่อยังลานอเมริกาได้ โดยไม่ต้องย้อนกลับมา
เส้นทางเดินต้องบอกว่าไม่ยากอะไร แต่อากาศที่ร้อนอบอ้าว ก็เล่นเอาแต่ละคนเหงื่อโทรมกาย แถมแดดยังเปรี้ยงๆ อยู่บนหัวอีกตะหาก
ถึงจุดแยกที่จะขึ้นไปชมหน้าผา ก็มีหลายคนตัดสินใจรออยู่ข้างล่าง
เส้นทางเดินขึ้นก็ไม่ชันมาก แต่ต้นไม้ใหญ่ๆ มีน้อยมาก ทุกคนเลยต้องเดินฝ่าแสงแดดขึ้นไปตามเขาหิน
ยิ่งขึ้นก็ยิ่งเห็นความงาม มองไปด้านหลังเห็นภูทอกด้วย ในขณะที่ด้านหน้า มองเห็นฝั่งลาวกั้นพรมแดนด้วยแม่น้ำโขง
...
เส้นทางเดินระหว่างทาง มีดอกไม้่หลายๆ ชนิดให้พวกเราได้ชม แม้ว่าจะแล้ง แต่ดอกไม้เพียงไม่กี่ดอกก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
คืนแรกพักกันที่ลานอเมริกา เป็นลานหินโล่งๆ ใกล้ๆ มีโตรกน้ำไหลผ่าน ที่นี่จะเป็นที่อาบน้ำของพวกเรา ผมเดินถึงจุดพักแล้วก็วางเป้ รีบจ้ำลงไปอาบน้ำเป็นคนแรก อากาศร้อนๆ แบบนี้ นอนแช่น้ำมันสบายสุดๆ แล้ว
...
จุดเด่นของภูวัวก็คือความลื่น หลายๆ คนบอกว่า มาภูวัวถ้าไม่ลื่นก็เหมือนมาไม่ถึงภูวัว แต่จากสภาพที่เห็น ทำให้เป็นกังวลว่าจะได้ลื่นกันหรือเปล่า เพราะแห้งแล้งเหลือเกิน
...
หลังจากกางเตนท์ ทำอาหารกินกันเสร็จ ก็ตั้งวงคุยกันเรื่องสัพเพเหระ พวกเราบางคนได้ยินเสียงช้างร้องใกล้ๆ กับที่แคมป์ ซึ่งก็ต้องระวังตัวไว้หากช้างบุกเข้ามาจริงๆ
หลายๆ คนเลือกนอนนับดาวกันตรงลานหิน เพราะอากาศค่อนข้างอบอ้าว แถมลมก็ไม่มี เหมือนจะนอนไม่ได้ แต่เพียงแค่สักพักเดียวผมก็ม่อยหลับไปคาวงสนทนา
รู้สึกตัวอีกที ตอนมีหยดน้ำมาแหมะๆ ตรงหน้า
อ้าว ฝนตกนี่หว่า !
เหมือนนัดกับคนอื่นเลย ลุกขึ้นพร้อมกัน เก็บของแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยัง flysheet ที่กางเอาไว้ทีแรก แล้วก็หาที่นอนกันใต้ร่มผ้าใบ ไฟจากไฟฉายคาดหัวปิด พร้อมกับเสียงเงียบที่ตามมาได้สักพัก ก่อนเสียงกรนของใครบางคนจะเริ่มดังขึ้นมา
...
ทีนี้ฝนเริ่มตกหนักขึ้น เหมือนครั้งแรกจะเตือนว่าจะมาหนักแล้วนะ คนที่อยู่ริมๆ flysheet เริ่มนอนไม่ได้ เพราะน้ำกระเดิน บางคนก็น้ำรั่วเข้ามา แย่ไปกว่านั้นคือบางคนไหลจากด้านล่าง ทำเอา groundsheet เปียกไปหมด
พวกเราช่วยกันกระทุ้งน้ำที่ขังอยู่ตรงผ้าใบออก กว่าจะฝนซาลงก็เล่นเอาหายง่วงไปเลย ตอนนี้เริ่มนอนแออัดกันมากขึ้นเพราะมีพื้นที่นอนลดลง ขณะที่สมาชิกเพิ่มขึ้น (เพราะหนีมาจากเตนท์อื่น)
มันก็เย็นดีนะ พวกเราคอยลุ้นกันมาทั้งวันแล้ว ว่าให้ฝนตกลงมาเยอะๆ
...
ตอนเช้ากินราดหน้าอาหารประจำทริปเสร็จก็เริ่มเดินกันต่อ จุดหมายของวันนี้ก็คือ น้ำตกชะแนน ซึ่งระยะห่างประมาณ 6 กม. จากลานอเมริกา
พอจะเริ่มเดิน ดวงอาทิตย์ก็แผดแสงจ้าเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายขึ้นมาทันที แต่เพราะได้ฝนตกลงมาเมื่อคืนทำให้บริเวณโดยรอบดูสดชื่นขึ้นทันตา ต้นไม้ดูเขียวชอุ่ม
เส้นทางเดินดูจะแตกต่างกับเมื่อวานลิบลับ บางช่วงต้องเดินข้ามน้ำลุยกันไป ลื่นปรื้ดกันสมใจอยาก
เดินกันมาได้สักพัก ก็เห็นสายน้ำขนาดใหญ่จนอดใจไม่ไหว ลงไปดำผุดดำว่ายกันให้หนำใจ
เดินกันต่อ ไปอีกหน่อยก็เจอน้ำตกสวย แถมมีชายหาด น่านอนอาบแดดให้ตัวเกรียม ยิ่งไปกว่าเดิม
ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงน้ำตกชะแนน ถ่ายรูปเพลินๆ ก็ต้องตกใจ เอ๊ะ ทำไมมีคนกำลังเล่นน้ำอยู่ มากันเหมือนเป็นกลุ่มใหญ่นั่งปิคนิคกัน
ที่แท้เค้ามาอีกทางนึง เอารถมาเกือบถึงเลย ไอ้เราก็เดินเสียตั้งไกล
เอาเป้วางเสร็จก็กระโดดน้ำเล่นกันเลย
...
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไปชมภูทอก น่าทึ่งมากที่สร้างทางเดินบนภูเขาหินสูงได้แบบนี้
เดินไปเสียวไป
ชมวิวสวยๆ จนเหงื่อท่วมก็ได้เวลากลับกทม.
Create Date : 19 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 13:24:14 น. |
|
12 comments
|
Counter : 1567 Pageviews. |
|
|
|