ชวนกันอ่าน

เชื่อว่านักอ่านแต่ละคน
ต้องมีหนังสือในดวงใจด้วยกันทั้งนั้น
มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป

วันนี้มีหนังสือมาแนะนำ
ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด
แต่หนังสือเล่มนี้
เป็นหนังสือในดวงใจอีกเล่ม
ที่ชอบมากและมักจะ
หยิบติดมือไปฝากเพื่อนอยู่บ่อยๆ

ก่อนจะรู้ว่าเป็นหนังสืออะไร
เรามารู้จักคุณสมบัติของหนังสือเล่มนี้กันก่อนดีกว่า

คุณสมบัติข้อที่ 1

หนังสือเล่มนี้จะสนุกมากในการอ่านครั้งแรก
อ่านครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ความสนุกจะลดลง
แนะนำให้อ่านแค่ครั้งเดียว

คุณสมบัติข้อที่ 2
ควรหาสถานที่ในการอ่านด้วย
อาทิ ห้องน้ำ ห้องนอน บ้านร้าง
ที่ไหนก็ได้ที่ห่างไกลผู้คน
เพราะถ้าอ่านกลางฝูงชน
อาจจะถูกมองว่า"บ้า"ก็ได้
เพราะคุณจะนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว
แบบอดไม่ไหว และหัวเราะไม่หยุด
เพื่อนเราคนหนึ่งเอาไปอ่านบนเครื่องบิน
ระหว่างเดินทางไปฮ่องกง
ผลก็คือ ฝรั่งที่นั่งข้างๆ
ย้ายที่นั่งเพราะคิดว่านั่งติดกับคนบ้า
555

คุณสมบัติข้อที่ 3
สำหรับใครที่เป็นผู้ดี
ไม่เคยพูดคำหยาบมาตลอดชีวิต
ฟังคำหยาบไม่ได้
กรุณาช่วยโยนสมบัติผู้ดี
ทิ้งไปก่อนชั่วคราว
ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนี้
มาอ่าน "นะนะ จ๋าขอ...."

คุณสมบัติข้อที่ 4
เป็นหนังสือขนาดเหมาะมือ
ไม่หนาไม่บางมาก
แต่เตือนไว้ก่อนว่า
ถ้าให้ใครยืมไปแล้ว
จะได้คืนกลับมายากมาก
เพราะเพื่อนมันจะอุ๊บอิ๊บ
ไม่ยอมคืน

แต่ไม่ว่ามันจะหายไปซักกี่ครั้ง
คุณก็ยังอยากจะได้มันมาครอบครอง
อยู่ตลอดเวลา
เปล่าไม่ได้ต้องการ
มีไว้เพื่อกลับมาอ่านใหม่
อีกรอบหรอกนะ
แต่อยากมีไว้
เพื่อให้เพื่อนคนใหม่ๆได้ยืมอ่านบ้างต่างหาก

หนังสือเล่มนี้พิมพ์ไม่กี่ครั้ง
คนเขียนไม่เคยได้รางวัลใดๆ
หนังสือเล่มนี้ชื่อ
"ดื่มตะวัน แกล้มดาริกา"
ของ มวนยา พร

ใครที่เคยอ่านแล้ว
ก็เขียนมาเล่าสู่กันฟังได้นะ




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2551    
Last Update : 23 สิงหาคม 2551 23:04:48 น.
Counter : 320 Pageviews.  

บทกวี ในความทรงจำ

เริ่มต้นจากการเป็นคนชอบอ่านหนังสือ
แล้วก็เลยชอบเขียนโน่น นี่ นั่น
และก็บังอาจแต่งกลอน โคลง ฉันท์ กาพย์
กับเขาบ้างเหมือนกัน

จั่วหัวว่า "บทกวี" ให้ดูหรู
แต่จริงๆ ฝีมือไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะ

พอดีคิดถึงอดีตขึ้นมา
และจำได้ว่า
เคยแต่งฉันท์เท่ๆไว้กับเขาด้วย
(เท่ในความเห็นของตัวเอง)

ตอนอยู่มัธยม
อาจารย์ให้แต่งฉันท์ส่ง
ในเวลาที่กำหนดด้วยนะ
ของชอบอยู่แล้ว
ก็เลยหามุม นั่งเงียบๆคนเดียว
และก็ได้ "ฉันท์" ออกมาสมใจ
รู้สึกชอบมาก
คนอื่นชอบไม่ชอบไม่สน
รู้แต่ว่าตัวเอง แสนจะภูมิใจ

สายน้ำสิไหลวน
ณ สิชลกระแสนที
ความรักณใจพี่
บ่มิมีจะวนจะเวียน

รักเดียวฤดีหนึ่ง
สิจะซึ้งอุรามิเปลี่ยน
ดั่งหนึ่งตะวันเพียร
จรสู่นภาโพยม

ความคิดถึงอดีตยังไหลลื่นอยู่
ทำให้นึกถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัย
มีเพื่อนคนหนึ่งแอบรักรุ่นพี่
แต่แล้วในวันประชุม
รุ่นพี่กลับมากับรุ่นพี่สาวสวย
ที่เป็นข่าวเม้าท์กันว่า
เขาสองคนคบๆกันอยู่

เพื่อนเราหันมาสบตากับเรา
เพราะเรารู้ว่ามันแอบชอบรุ่นพี่หน้าตี๋คนนี้มานานมาก

น้ำตาคลออยู่เต็มตามัน
จนเราสงสาร

และอารมณ์นั้นเราก็เลยเขียน
กลอนใส่กระดาษโน๊ตส่งให้มัน
เป็นการแต่งสดเดี๋ยวนั้นเลย
กลอนนั้นเราเขียนว่า

แม้ว่าใจขมขื่นยังฝืนยิ้ม
น้ำตาปริ่มเจียนหยดมิรดไหล
ความเจ็บปวดคลุมทั่วตรงหัวใจ
หัวเราะได้เสียงแปร่งปร่าก็กล้าทำ

อิอิอิอิ มีคนบอกว่า
แผลที่กลัดหนอง
มันต้องบ่งออกถึงจะหาย
จนป่านนี้เรายังไม่รู้เลยว่า
กลอนที่ส่งไปให้เพื่อน
มันเป็นกลอนปลอบใจหรือ
ซ้ำเติมมันกันแน่
5555




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2551    
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 12:40:57 น.
Counter : 408 Pageviews.  

ผีมีจริงหรือเปล่านะ....ตอนที่ 2

มาว่ากันต่อในตอนที่ 2
ไม่ใช่เราแค่คนเดียวที่เดินลงมารวมกลุ่ม
กับเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่รอบกองไฟ
ในที่สุดบางคนก็เดินลงมานอนในรถตู้
บางคนก็ลงมานอนอยู่รอบๆกองไฟนั่นเอง
ที่น่าแปลกก็คือ ไม่มีใครเลยซักคน
ที่ขึ้นไปนอนในเต๊นท์บนบ้านพัก
แต่คืนนั้นด้วยความที่ดึกมากแล้ว
ก็เลยไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรกันเลย
มีแต่ลงมานั่งฟังเพลงเฉยๆ

รุ่งเช้าขณะที่เก็บของเตรียมจะเดินทางต่อ
ก็ได้มีการพูดคุยกันเกิดขึ้น
เริ่มจากใครบางคน(จำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร)
เล่าให้ฟังว่า
สงสัยเมื่อคืนจะเจอดี
เขาเล่าว่า
นอนอยู่ในเต๊นท์บนบ้าน
รู้สึกเหมือนมีคนมอง
ก็เลยลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ
พอมองไปที่มุมเต๊นท์
เห็นมีเด็กผู้ชายรุ่นหน่มคนหนึ่ง
อายุประมาณ 15 ถึง 16 ไม่ใส่เสื้อ
นั่งกอดเข่ายองๆมองมาที่เขา
แต่เขาขยับตัวไม่ได้
ด้วยความกลัวเขาก็เลยหลับตา
และพยายามฮึดสู้ ยกแขน ถีบขาสุดแรง
จนตัวเองสะดุ้ง และดีดตัวขึ้นมานั่ง
เด็กหนุ่มคนนั้นหายไปแล้ว
เขาเห็นท่าไม่ดี ก็เลยออกจากเต๊นท์
ลงมาหาที่นอนด้านล่าง

ส่วนเพื่อนอีกคนก็เล่าสนับสนุนขึ้นมา
เหมือนกันว่า
เขาหลับไปได้ซักพักใหญ่ๆ
ก็ฝันเห็นผู้หญิงกับผู้ชาย
ยืนอยู่ลานบ้านด้านล่าง
มีเด็กเล็กๆ 2 คน วิ่งไล่จับกันอยู่แถวๆนั้น
ผู้หญิงส่งเสียงบอกว่า
"กลับกันได้แล้วลูก จะสว่างแล้ว"

แล้วเราก็เลยได้โอกาสเล่าเรื่องความฝัน
ของเราด้วยเหมือนกัน
กลายเป็นว่า คืนที่ผ่านมา
เจอกันเกือบหมด
บางคนก็บอกว่าฝันเห็นคนแก่
ลักษณะตรงกับที่เราเล่าเปี๊ยบเลย

ก็เลยสรุปกันว่า มีแน่ๆ
ก่อนล้อรถตู้จะหมุนเคลื่อนตัวออกจาก
บ้านสวนหลังนั้น เราก็เจอกับลุงคนเฝ้าสวน
คนขับรถก็เลยลงไปบอกขอบคุณ
และกล่าวคำลา...

พอขึ้นมาบนรถตู้
คนขับรถก็เลยเล่าให้ฟังว่า
ลุงคนเฝ้าสวนบอกว่า
พวกเราโชคดี
เขามาต้อนรับกันทั้งครอบครัว
ลุงแกก็เจอมาแล้วเหมือนกัน
และถูกหวยมาแล้วหลายงวด

จนป่านนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว
เราก็ยังไม่แน่ใจซักทีว่า
ที่พวกเราเจอหน่ะใช่ "ผี" หรือเปล่า




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2551    
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 14:56:45 น.
Counter : 320 Pageviews.  

ผีมีจริงหรือเปล่านะ....ตอนที่ 1

เราเป็นคนชอบฟังรายการผี
ก็คงเหมือนๆกับคนทั่วๆไป
ใครเล่าเรื่องผีเป็นต้องปรี่เข้าไปฟัง
ทั้งๆที่กลัวก็กลัวแต่ก็ชอบ

อันที่จริงก็เคยเจอจะๆมาบ้าง
แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ผีหรือเปล่า
จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยแน่ใจเลย
ซักครั้งว่า "ผีมีจริง"

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด
ทุกๆปีใหม่ก็จะมีการนัดแนะกันไปเที่ยว
มีอยู่ครั้งหนึ่งพากันไปเที่ยวภูชี้ฟ้า
รวมพลได้ถึง 2 คันรถตู้

เดินทางไปถึงก็กางเต๊นท์นอนแถวๆตีนภู
อากาศหนาวจับจิต ต้องนอนเอาหลังชนกัน
กับเพื่อน เพื่อให้ได้ความอุ่นของร่างกาย
กันและกัน....(เพื่อนผู้หญิงนะ ขืนเป็นผู้ชาย
เดี๋ยวจะร้อน อิอิ)

ขากลับก็แวะเที่ยวตามรายทาง
ผ่านเข้าเชียงของกินอาหารริมโขง
แต่ทีนี้ดันเกิดปัญหาเพราะเย็นมากแล้ว
โรงแรม ที่พักเต็มทุกแห่ง
เนื่องจากเป็นช่วงปีใหม่

เจ้าของร้านอาหารผู้ใจอารี
ก็เลยบอกว่าให้ไปกางเต๊นท์
นอนในสวนของเขาก็ได้
เดี่ยวจะให้คนพาไป

เราก็เลยได้ที่นอนสมใจ

ไปถึงสวนก็จัดการกางเต๊นท์
ปรากฎว่า...เขามีบ้านยกพื้นสูง
สร้างอยู่เหนือบ่อปลาขนาดใหญ่
แต่บ้านมีแต่หลังคา
ฝาบ้านยังทำไม่เสร็จ
หน้าต่างมีแต่วงกบแต่ยังไม่มีบานหน้าต่าง
ด้านล่างมีที่ล้างเท้าอยู่ข้างบันได

ตกดึกเราก็เข้านอนในเต๊นท์
ที่กางอยู่บนบ้าน
บางคนก็เลือกที่จะล้อมวง
รอบๆกองไฟ ร้องเพลงและดื่มแก้หนาว

และแล้วมันก็เกิดขึ้น
เราฝันเห็นผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง
ไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้น
มีผ้าขาวม้าคาดเอว
หัวเกรียนมีผมขาวแซมอยู่ทั่วศีรษะ
ยืนอยู่ตรงที่ล้างเท้าข้างบันได
เดินวนเวียนไปมาอยู่แถวๆนั้น

เราสะดุ้งตื่น เพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ
ไม่รู้ไปไหนแล้ว

ชักกลัวก็เลยเดินลงไป
รวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่รอบกองไฟ
แล้วก็เลยนอนบนเสื่อแถวๆนั้น
แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟัง

รออ่านต่อตอนสองนะ






 

Create Date : 19 สิงหาคม 2551    
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 15:23:32 น.
Counter : 343 Pageviews.  

ทำความดี... มีความสุขจัง

อันที่จริงการทำความดี
ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
บางคนบอกว่า
แค่อย่าทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
ก็ถือว่าทำความดีแล้ว
อืมมม ก็จริง แต่น่าจะทำได้
มากกว่านั้นไม่ใช่หรือ....

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
เกิดอารมณ์อยากไปเดินเล่น
ก็เลยนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา
เปลี่ยนบรรยากาศการเดินทางอันจำเจ

วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวเยอะมาก
ต่างก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศ
ของเจ้าพระยา
และชี้ชวนกันดูโน่นดูนี่เหมือนเคย

แต่มีฝรั่งอยู่คู่หนึ่งสีหน้ามีกังวล
กางหนังสือแผนที่และพยายามจะคุย
กับกระปี๋สาวร่างบึ่ก
แต่เธอก็ไม่พูดด้วย แค่พยักหน้า
แล้วพูดกับฝรั่งคู่นั้นว่า "โอเค"
ไม่รู้ "โอเค"อะไร

เรานั่งอยู่ใกล้กับฝรั่งคู่นั้น
แต่อนิจจาวิญญาณกลัวฝรั่งเข้าสิง
สมองไม่สั่งการ
แกล้งนั่งหลับซะงั้น

เวลาผ่านไปคนก็เริ่มร่อยหรอลงทุกที
ฝรั่ง 2 คนยังนั่งอยู่ที่เดิม
เรือใกล้จะถึงท่าน้ำนนท์(ซึ่งเป็นท่าสุดท้าย)อยู่รอมร่อ
ความกระวนกระวายใจของเขาทั้งคู่
คงจะเพิ่มขึ้นๆ ตามเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ

ได้ยินเสียงถามกระปี๋อีกครั้ง
จับความได้ว่า "วีคเอนด์ มาร์เก็ต"
เราคิดในใจ โอ พระเจ้า...(กระแดะอุทานแบบฝรั่ง)
จตุจักรนั่นเอง แล้วฝรั่งดันทะลึ่งมานั่งเรือทำไมฟร่ะ
นี่ก็ปาไป 4 โมงเย็นแล้ว
จะไปทันมั้ยล่ะเนี่ย

เราหันซ้ายหันขวาไม่มีใครสนใจซักคน
เอาวะ เป็นงัย เป็นกัน
ตัดสินใจยื่นนิ้วไปสะกิด
แล้วถามถึงจุดหมายปลายทางของเขา
ด้วยภาษาอังกฤษที่กระท่อนกระแท่นของเรา

คำตอบก็คือ "วีคเอนด์มาร์เก็ต"จริงๆด้วย
แล้วจะไปงัยล่ะเนี่ย

นึกขึ้นได้ว่ารถเมล์สาย 63
ผ่านจตุจักรนี่หว่า

คิดได้ดังนั้นก็เลยบอกเขาว่า
เราจะพาเขาไปที่ป้ายรถเมล์เอง
ตามเรามา และก็บอกเบอร์รถเมล์กับเขา

เขาก็เดินตามเรามาต้อยๆ
ชักใจชื้นขึ้นมาหน่อยๆ
เออออ แสดงว่าเข้าใจภาษาอังกฤษ
ที่เราพูดแฮะ ใช้ได้

ระหว่างเดินจะคุยอะไรดีหว่า
คำง่ายๆที่คิดออกตอนนั้นก็คือ
"มาจากที่ไหนคะ"
"ฝรั่งเศส ครับ"
"มาเมืองไทยครั้งแรกหรือคะ"
"ครั้งที่สองแล้วครับ
แฟนผมเพิ่งมาครั้งแรกครับ"

เดินผ่านป้านั่งขายทุเรียน
เขาก็หยุดเพื่อถ่ายรูป
เราก็เลยต้องบอกว่า
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง
ของเมืองนนท์นะ
เขาพยักหน้าหงึกๆ
แล้วพูดทวนคำว่า "ดูเรี่ยน"

เดินจากท่าน้ำใกล้จะถึงป้ายรถเมล์
กังวลมากว่าเขาจะเข้าใจที่เราพูดมั้ย
ก็เลยยืนเป็นเพื่อนรอรถเมล์
สาย 63 กับเขาด้วย
ระหว่างรอก็เลยถามเขาว่า
พักที่ไหน
คำตอบก็คือ "สีลม"
ค่อยยังชั่ว
เลยบอกว่าขากลับ
จากจตุจักรให้เขานั่ง
สกายเทรน ไปสีลมได้เลย ง่ายมาก
พยักหน้าอีกแล้ว เหมือนจะเข้าใจ(หรือเปล่าหว่า)

พอรถเมล์มาก็เลยส่งเขาขึ้นรถ
และฝากกระเป๋าดูแลให้เขา
ลงให้ถูกป้ายด้วย

เขายิ้มหวานและพูดตอบมาคำหนึ่งว่า
"คุณเป็นคนไทยที่ใจดีมาก"

ว้าววววว ชอบจัง
มันดีกว่าคำว่า "ขอบคุณ"อีกนะ

ได้ทำความดีแล้วเย้ เย้ เย้
ว่าแต่ไอ้ บีทีเอส เนี่ย
เขาเรียก สกายเทรน ถูกมั้ยหว่า
นาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ

จริงๆแล้วมันไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ
ไอ้ภาษาอังกฤษเนี่ย
หลงกลัวอยู่ตั้งนานนนนน...

เล่าสู่กันฟังค่ะ





 

Create Date : 18 สิงหาคม 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 23:25:22 น.
Counter : 412 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

gangbbong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงธรรมดา..ที่ชอบดูละครเกาหลี รักดาราเกาหลี ชอบเที่ยว ถ่ายรูป อ่านหนังสือ และบางอารมณ์ก็เขียนบทกวี

GangJJang 4ever

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gangbbong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.