tag : โอเว่น มุขฝืด /...ฮากริบ ไง!!! ตึก โป๊ะ!
เห็นหายๆไปนานนี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีงานเข้ามาด้วยน่ะครับอีกส่วนหนึ่ง (ซึ่งสำคัญ) ก็คือคิดไม่ออกครับว่าจะเขียนอะไร ซึ่งเดี๋ยวผมจะบอกครับว่าเพราะอะไร.ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณแป้งหอมที่ช่วนเล่น tag นี้นะครับ แม้ว่าtag สายที่มาทางผมนี้มีแนวโน้มที่จะตันสูงเพราะก็ยังไม่รู้จะไปแปะมือใครต่อ(คราวที่แล้วก็ยังไม่ได้ส่งต่อเลย ).ไม่เป็นไร ที่ผมว่าตอนแรกว่าคิดไม่ออก ก็คือคุณแป้งหอมบอกว่า tag อันนี้เป็นการคิดคำถามกวนๆหรือจะว่าเอาฮาก็ได้ยิ่งดีและจากประสบการณ์ส่วนตัวหลายๆอย่างๆก็บอกผมชัดเจนครับว่า ผมเอาดีเรื่องตลกๆไม่ค่อยรุ่ง ส่วนใหญ่จะแป๊กหรือไม่ก็ฮากริบ .แต่เอาครับ ไม่ขัดศัรทธาคุณแป้งหอมแน่นอน เมื่อชวนเล่นผมก็จัดให้ครับ.เริ่มเลยนะครับ1. ถ้าเรากัดแอ๊ปเปิ้ลคำแรกเจอหนอน 1 ตัว ,กัดคำที่สองเจอหนอนสองตัว , กัดคำที่สามเจอหนอนสามตัวถามว่า ต้องเจอหนอนกี่ตัวถึงจะน่ากลัวที่สุดตอบ ครึ่งตัว เพราะอีกครึ่งตัวอยู่ในปากเรา.2. ในเพลงอยากร้องดังๆของปาล์มมี่มีตำรวจ 1 ท่านชื่อว่าอะไรตอบ จ่าดำ (จ่าดา ดา ดำ จ่าดำ จ่าดำ ....).3.ถ้าเขียวเหมือนพระอินทร์แล้วบินจะเหมือนอะไรตอบ เอกพันธ์ บรรณลือฤทธิ์( ขออภัยที่ไม่สะกดชื่อบิณฑ์ให้ถูกนะครับ /ถ้าสะกดถูก็รู้กันหมดน่ะสิ ).4. ถะ ถั่วอะไรตลก (เริ่มหมดมุข)ตอบ ถั่วแระ.5. ถ้าที่ผมถามมาทั้งหมดนี้ ไม่ฮา จะให้ทำอย่างไรให้มันฮา (ข้อนี้ตอบถูกเอาไปเลย 5คะแนน)ตอบ ฮานาก้า!..หมดแล้วครับ มุขฝืดประจำตัว ถ้าเป็นเพื่อนฝูงเรียกกันง่ายๆ ก็เรียกว่ามุขควายหวังว่าทุกท่านคง พอใช้แก้เซ็งได้บ้างนะครับ(หรือว่าเซ็งกว่าเดิมหว่า/ถ้างั้นก็ขออภัยครับ)ฮ่า..เอาเป็นว่าแค่เข้ามาอ่านก็ขอบคุณทุกท่านแล้วครับ.อ๊ะ! ลืมบอกวิธีดูเฉลย การจะดูเฉลยก็แค่กดปุ่ม Ctrl+A พร้อมกันก็จะเห็นคำตอบในช่องคำตอบน่ะครับส่วนที่ว่าจะ tag ใครต่อก็ยังคิดไม่ออกเลยครับ (ใครอยากรับก็บอกได้นะครับ)
tag : เรื่องใหม่ในชีวิต นำแสดงโดยเรื่องเก่าๆในชีวิต
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณคุณ Plin, :-p นะครับที่ชวนเล่นและแนะนำว่าคืออะไรจะว่าไป ไม่ใช่ผมไม่รู้จักหรอกครับ แต่ก็รู้รายละเอียดน้อยมาก ถ้าเทียบเป็น เปอร์เซ็นต์คงจะประมาณ 20 %พูดไปก็เขิน ว่ามัวไปทำอะไรอยู่ ไม่ได้สนใจความเป็นไปของชาวบ้านเขา.เอาเป็นว่า ถ้าตามที่ผมเข้าใจ ผมจะต้องเล่าเรื่องของผม 5เรื่อง แล้วส่งต่อให้คนอื่นอีก 5 คน แหม่....ดูไปดูมาคล้ายๆจดหมายลูกโซ่พระครูธรรมโชติเหมือนกันนะครับ (แล้วเราจะส่งให้ใครดีล่ะเนี่ยตั้ง 5 คน).นึกอะไรไม่ค่อยออก ว่าอยากจะบอกอะไร เอาเป็นว่าเล่าจากประสบการณ์ทางการศึกษาเป็นtheme ละกัน เริ่มจากลืมตาดูโลกไปจนจบมหาวิทยาลัยนั่นล่ะ.1. เกิด ผมเกิดที่โรงพยาบาลศิริราชครับ ตอนที่แม่ท้องผมและเตรียมจะคลอด ก็ได้ไปนอนที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมคลอด คืนก่อนที่ผมจะเกิด แม่เล่าให้ฟังว่า แม่ฝันว่านั่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล แล้วก็มองออกไปที่หน้าต่าง ตรงคลองบางกอกน้อย เห็นเครื่องบินของญี่ปุ่นบินมาทิ้งระเบิดตรงนั้นมากมาย(เดาๆเอาว่าน่าจะเป็นสถานีรถไฟบางกอกน้อย/ตอนสงครามโลกครั้งที่2)....แม่บอกว่าบินมาเยอะมากทิ้งระเบิดกันน่ากลัวผมฟังแล้วก็.... ทำไมคนอื่นเขาเป็นลูกแก้วบ้าง ช้างบ้าง คนอุ้มเด็กบ้างฯลฯทำไมฉันต้องเป็นญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิดเนี่ย...สรุป...ผมว่าแม่คงจะเครียดน่ะครับเพราะท้องแรก..2. ประถม หนังสือเล่มแรกที่อ่านจบคือเรื่อง"ช้างน้อยฮานาโกะ" ครับ อ่านจบตอน ป 4. ที่จำได้ก็เพราะเป็นหนังสือเรื่องยาวเรื่องแรกที่อ่านจบ ความจริงก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆเล่มที่อ่านจบครับแต่ส่วนใหญ่เป็นนิทาน กับหนังสือมีภาพประกอบเป็นส่วนใหญ่เนื้อเรื่องคือสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่น (อีกแล้ว) ที่ส่งผลกระทบต่อช้างในสวนสัตว์(ช้างไทยด้วยนะ)อันนี้มั้งที่ทำให้ผมค่อนข้างชอบ ช้างมากมาจนถึงทุกวันนี้ครับ..3. มัธยมต้น ตอนม.ต้นผมชอบฟังเพลงของพี่พรายปฐมพร ปฐมพรมากครับ ส่งผลให้ช่วงนั้น ตาขวางเป็นพิเศษ มีชั่วโมงหนึ่งเรียนเสร็จ อาจารย์แนะแนวตรงปรี่เข้ามาที่หลังห้องมุมซ้ายสุดที่นั่งของผม แล้วฉุดแขนผมไปนั่งตักเตือนที่ห้องแนะแนว แกถามว่าผมอยากเรียนอะไร,มหาวิทยาลัยอะไรผมก็ตอบไปว่า "อยากเรียน A มหาวิทยาลัย B" (ขอสงวนชื่อสถาบันกับคณะนะครับ เพื่อไม่ให้พวกเขาเสื่อมเสีย )อาจารย์แนะแนวฟังเสร็จก็บอกว่า "เธอรู้ไหม ครูเคยเรียกรุ่นพี่ เธอคนหนึ่งมานั่งอย่างนี้แล้วก็ว่าอย่างที่ครูว่าเธอนี่ล่ะ แล้วครูก็ถามเขาเหมือนถามเธอ รุ่นพี่คนนั้นก็ตอบแบบเธอนี่ล่ะ""แต่ว่าเขาไปติดมหาวิทยาลัย C" ครูแนะแนวตบท้ายด้วยความเคารพมหาวิทยาลัย C ตอนนั้นผมคิดในใจว่ามหาวิทยาลัยอะไรวะ ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อ...สุดท้ายจับพลัดจับผลู ผมก็จบคณะ A มหาวิทยาลัย C เหมือนรุ่นพี่นั้นเป๊ะเลยมานั่งคิดก็เชื่อว่าโลกนี้ความบังเอิญมันช่างมากมายจริงๆครับ..4. มัธยมปลาย ตอนเรียนม.ปลาย ผมอยู่ในช่วงจะเข้าสู่ปี 2000 พอดีเลย แล้วตอนนั้นข่าวลือต่างๆเรื่องเกี่ยวกับปี 2000 มันก็มีหลาบแบบครับ ตอนนั้นผมเองก็จัดว่าเป็นตัวขี้เกียจเรียนมือวางอันดับต้นๆเหมือนกัน แม่ก็เครียดเหมือนกันครับ เพราะว่าใกล้จะ entrance แล้วด้วย แกก็เตือนแกมบ่นบ่อยๆตอนนั้นข้ออ้างเดียวที่ผมใช้อ้างคือ "เดี๋ยวปี 2000 โลกก็แตกไม่เห็นต้อง ent เลย" (แม่ฟังแล้วกุมขมับเลย) ความจริงก็ไม่ได้เชื่อครับ โลกมันแตกง่ายๆเพราะปีเลขที่มนุษย์อุปโลกขึ้นมาก็คงจะน่าตลกสิ้นดี แต่ตอนนั้นเรียกว่าใช้แหย่แม่ด้วยครับ(ความจริงคือขี้เกียจ).มีวันหนึ่งแม่บอกว่า มีหนังสือของคุณสรจักรจะออก ชื่อว่า "จับโกหก น้อสตราดามุส" ให้ไปหาซื้อมาอ่านซะผมจำได้เลยครับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ผมรอให้ออกวางขาย พอเริ่มวางขายแม่รีบให้เงินไปซื้อมาอ่านอย่างเร็ว ผมก็อ่านรวดเดียวจบเลยครับ(สนุกมาก).วันรุ่งขึ้นแม่ถามว่า "ไง เชื่อว่าโลกจะแตกอีกรึเปล่า""อืม ไม่เชื่อแล้ว" ผมตอบ"งั้น ก็ขยันเรียนซะ มีสมาธิ entrance" แม่บอก"อืม ได้ๆ ..................แต่คงไม่ติดหรอก......." ผมตอบแม่ "!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"..5. มหาวิทยาลัย ผมไม่เชื่อว่าผีมีจริงครับ...จนกระทั่ง....มีคืนหนึ่งครับ น้องผมเขาเพิ่งเข้าปีหนึ่ง ยังไม่มีโต๊ะทำงานเขาก็มาที่ห้องผมบอกขอใช้โต๊ะหน่อย(ผมกับน้องเรียนคณะเดียวกัน) ผมซึ่งวันนั้นไม่มีงานส่ง ก็นอนอยู่ก็บอกว่า ใช้ไปเหอะ แล้วผมก็นอนต่อแต่น้องผมมันทำงานแล้วก็เปิดเพลงฟัง เสียงดังใช้ได้เลยครับ ผมนอนไม่หลับ เลยต้องระเห็จมานอนข้างล่างปูเสื่อ เอาหมอนวางห่มผ้าห่มก็นอนได้เลยครับปิดไฟนอนกลางบ้านซะเลยทันใดนั้นตอนอารมณ์ครึ่งหลับครึ่งตื่นผมก็รู้สึกเหมือนตัวมันเกร็งๆขยับไม่ได้สายตาที่พอจะเหลือบดูอะไรได้บ้างก็ เหลือบไปเห็นตรงปลายเท้าเหมือนมีอะไรบางอย่างลอยเข้ามา(ขอเน้นคำว่า"ลอย"นะครับ คืออยู่ระดับพื้นแต่ไม่มีกิริยาว่าขยับอวัยวะอะไรเลย) ในความมืดที่สาสยตาปรับระดับได้แล้ว ผมมองเห็นขาของผู้ชายลอยมาครับ เป็นข้อเท้าที่ท่าทางไม่กำยำนักที่มองเห็นเฉพาะข้อเท้านี่ก็เพราะว่าผมนอนระดับพื้นน่ะครับ คอเกร็งขยับไม่ได้ ใช้แค่ลูกตาเหลือบมองได้เท่านั้น.ร่างผู้ชายคนนั้นลอยจากปลายเท้าไปหยุดยืนที่หัวนอนผมครับ ตอนนี้ไม่เห็นอะไรแล้วแต่รู้สึกอย่างรุนแรงเลยว่าหยุดยืนมองเราที่หัวนอนแน่ๆ.ยืนได้สักพักเขาก็นั่งยองๆลงที่หัวนอนผมแล้วก็ชะโงกหัวเข้ามาใกล้หัวของผมทันใดนั้นผมก็ได้ยินคำว่า "ผมหิวนะ ผมหิวนะ ผมหิวนะ" ก้องอยู่ในหัวผมไปหมดเลยครับ.เสร็จแล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้ว"เหมือนจะ"หายไปผมก็หายเกร็งในบัดดลไม่ต้องรออะไรมากครับผมคว้าหมอนกับผ้าห่มได้ก็รีบวิ่งกลับที่ห้องเลยน้องเห็นหน้าตาตื่นก็ถามว่าเป็นอะไร ไหนว่านอนไม่ได้ผมไม่ตอบครับ แต่สั่งว่าทำเสร็จก็เปิดไฟทิ้งไว้ให้ด้วย.เช้าขึ้นมาก็ไปตักบาตรให้เขาครับผมคิดว่าน่าจะเป็นผีบ้านผีเรือน เพราะน้องผมก็เคยเจอมาแล้วบอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันแม่ก็บอกว่าเจ้าของบ้านเป็นผู้ชายสมัยโบราณ.ทุกวันนี้ถ้าตื่นเช้าหรืออดนอนผมก็จะตักบาตรให้เขาครับ..ฮ่า...เล่ามาซะยืดยาว ท่านใดอ่านจบก็ขอบคุณนะครับท่านใดอ่านไม่จบก็ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเช่นกันครับ(ว่าแต่ อีก 5 คนจะส่งให้ใครดีล่ะเนี่ย )