Mamavatu : ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเราไม่รู้
title : Mamavatu album : Salt Rain astist : Susheela Raman Released : May 8, 2001
Mamavatu Mamavatu Sri Sarasvati Mamavatu Sri Sarasvati Kamakoti peta NiVasini Mamavatu Sri Sarasvati Komalakara Saroja Drita Veena Komalakara Saroja Drita Veena Seematita Vara Vak Vibhushani Mamavatu Sri Sarasvati Rajadiraja Poojita Charane Rajiva Nayane Ramaniya Vadane Sujana Manorata poorana Chature Nijaguna shobhita manimaya haare Ajabhava vandinta Vasudeva Charanarchita Sakala Veda Sara * (SOLO vocal + violin) * Mamavatu Sri Sarasvati Mamavatu Sri Sarasvati Mamavatu Sri Sarasvati Mamavatu Sri Sarasvati คิดแล้วก็อดอนาถตัวเองไม่ได้เหมือนกันครับ ฟังเพลงภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง นี่เดาะไปฟังภาษาอินเดียซะงั้น (น่าจะภาษาสันสกฤตนะ) . แต่ว่า เดิมทีแรกที่ผมติดใจเพลงนี้ไม่ใช่ด้วยเนื้อหาหรอกครับ(เพราะฟังไม่เข้าใจอยู่แล้ว) แต่เป็นเรื่องของดนตรีและการร้องล้วนๆเลย โดยเฉพาะท่อนโซโล่ไวโอลินกับนักร้อง มันฟังแล้วเคลิ้มพิกล คล้ายพวกมือกีต้าร์ บลูส์จะชอบร้องทำนองออกมาด้วยตอนโซโล่น่ะครับ . อย่างว่านะครับ แม้ดนตรีไม่มีพรมแดน ไม่มีภาษา แต่สำหรับผม ผมว่าถ้าเรารู้ความหมายของเพลงก็คงจะเพิ่มความไพเราะเข้าไปอีกเยอะเลยทีเดียว แต่ว่าภาษาสันสกฤต(เห็นในเว็บเนื้อร้องเขาว่างั้น) ยังไงผมก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องล่ะครับ . คิดไปคิดมา (แบบเข้าข้างตัวเอง) ดูๆไปแล้วก็มีความสุขดีนะครับ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ไปหมดมันเสียทุกเรื่องก็ได้ ถ้าเรามีความสุขกับตรงนี้มันก็พอเพียงแล้ว บางทีรู้มากไปก็จะทุกข์มากซะอีก . เหมือนอย่างที่คุณมาโนช พุฒตาล บอกไว้ในเพลงไกล อัลบั้มไตรภาคนั่นแหล่ะครับ ว่า"ปัญญาความรู้เท่าทันความเศร้าหมอง" . จากกรณีนี้ ทำให้ผมนึกถึงโฆษณา โฟมล้างหน้าผู้ชายอันหนึ่งน่ะครับ ที่ล้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย และก็มีการตัดภาพสิงโตล่าเหยื่อ สลับกันไป เพลงประกอบที่เป็นเพลงภาษาอะไรสักอย่าง ไม่ญี่ปุ่นก็เกาหลีมั้ง ฟังๆแล้วก็เพลินดีครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่เข้าใจความหมายของเพลงนี้ ผมคนหนึ่งที่ไม่รู้ความหมายเพลงนี้ล่ะครับ (ขนาดฟังว่าเป็นภาษาอะไรยังไม่รู้เลย ) ไม่แน่หากรู้ความหมายของเพลงแล้วอาจจะรู้สึกตะหงิดๆกับโฆษณานี้ก็ได้ . อย่างไรก็ตามเพลง mamavatu นี้ ผมได้ลองหาคำแปลดู เท่าที่พอจะหาได้และทำความเข้าใจ น่าจะเป็นเพลงที่ผู้ร้องต้องการร้องเพลงสรรเสริญเทพธิดา Saraswati มั้งครับ เทพธิดา Saraswati คาดว่าคงจะมีชื่อที่คนไทยเราใช้เรียกกัน แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ถ้ามีผู้รู้จะแนะนำก็จะขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ เท่าที่อ่านดู เทพธิดา Saraswati (สารวดี รึเปล่า) น่าจะเป็นเทพแห่งความรู้และการเรียนรู้ , ความรอบรู้ ครับ . . ว่าแล้วเชียวว่า ไม่รู้แต่แรกก็ฟังเพลินๆอยู่แล้วเชียว แต่ว่าพอรู้ความหมายเข้าอย่างนี้ ผมยิ่งชอบเพลงนี้เข้าไปอีกครับ
Create Date : 30 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 เมษายน 2551 15:25:32 น.
Counter : 613 Pageviews.
Surrender : ยุคใครยุคมัน
title : Surrender album : Heaven Tonight astist : Cheap Trick Released : January 30, 1978
Surrender Mother told me, yes, she told me I'd meet girls like you. She also told me, "Stay away, you'll never know what you'll catch." Just the other day I heard a soldier falling off Some Indonesian junk that's going round. Mommy's alright, Daddy's alright, they just seem a little weird. Surrender, surrender, but don't give yourself away, ay, ay, ay. Father says, "Your mother's right, she's really up on things." "Before we married, Mommy served in the WACS in the Philippines." Now, I had heard the WACS recruited old maids for the war. But mommy isn't one of those, I've known her all these years. Mommy's alright, Daddy's alright, they just seem a little weird. Surrender, surrender, but don't give yourself away, ay, ay, ay. Whatever happened to all this season's losers of the year? Ev'ry time I got to thinking, where'd they disappear? When I woke up, Mom and Dad are rolling on the couch. Rolling numbers, rock and rolling, got my Kiss records out. Mommy's alright, Daddy's alright, they just seem a little weird. Surrender, surrender, but don't give yourself away, ay, ay, ay. Away. Away. ผมรู้จักเพลงนี้ครั้งแรกตอนประมาณปี 2537-38 นี่ล่ะครับ ตอนนั้นผมฟัง version ของวงชื่อ Chick เป็นวงผู้หญิงล้วน (รึเปล่า) ครับ แต่ว่า จนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าวงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ที่พอจะรู้บ้างก็มีวงชื่อ Cheap Chick อยู่ครับและ cover เพลงนี้ไว้ด้วย (เข้าใจว่าต้องการจะล้อชื่อวง Cheap Trick นี่ล่ะ) . จำได้ว่าตอนนั้นผมกับเพื่อนที่ฟังด้วยกัน ชอบเพลงนี้มากๆเรียกว่าฟังวนกันจนเทปยืดเลย และก็เข้าใจตลอดว่าเป็นเพลงของวง Chick จนพวกเราได้ยินเพลง ลีลา ของ I'm fine , thank you ศิลปินไทย มันก็คุ้นๆขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ แต่ก็ไม่ว่าอะไรครับ เพราะก็ฟังมันด้วยกันทั้งคู่ . จนเมื่อมารู้ว่า เพลงนี้จริงๆแล้วต้นตำรับเป็ของวง Cheap Trick และก็เป็นเพลงที่มีศิลปินหลายกลุ่ม เอามา cover กันบ่อยมากเหมือนกัน ผมก็ถึงบางอ้อ ในหลายๆเรื่อง(I'm fine , thank you อาจจะ cover กับเขาด้วย) . แต่ที่ยังไม่ถึงบางอ้อสักทีก็คือ ความหมายของเพลงครับ ฟังมันๆมาตั้งหลายปี ไม่เคยมานั่งจับความหมายสักที พอมานั่งดูจริงๆก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี . เอาเป็นว่าแม้ไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ก็พอจะจับเรื่องราวคร่าวๆได้ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวมั้ง เห็นมี Daddy , Mommy เกี่ยวกับทหารอะไรสักอย่าง น่าจะเป็นช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงๆนั้นรึเปล่า อ่านใน wiki เขาก็ว่าคนร้องน่าจะหมายถึงเด็กในยุค Babyboom คงจะเป็นเด็กสักคนที่พูดถึงพ่อแม่ตัวเอง ที่เป็นทหารอเมริกันแล้วก็เพิ่งลับมาจากการสงครามรึเปล่า . เอาเป็นว่า วันนี้ผมแค่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ละกันครับ (แถไปจนได้) Babyboomer ในความเข้าใจของผมก็คือเด็กอเมริกัน(และประเทศอื่น)ที่เกิดในช่วงหลังสงครามโลกเสร็จสิ้นแล้ว เพราะเหล่าทหาร ที่เพิ่งได้กลับประเทศต่างก็ตั้งใจกันปั๊มลูกออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้เด็กที่เกิดในช่วงนี้มีเยอะเป็นพิเศษ ไปๆมาๆ ผมก็ไม่แน่ใจว่าคนในประเทศอื่น แต่เกิดในช่วงนี้จะเรียกตัวเองจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนยุค Babyboom รึเปล่า อาจารย์ที่เคยสอนความหมายของคำนี้ให้กับผม แกก็ว่าแกเป็นเด็กในยุคนี้ . ผมสังเกตว่าพ่อแม่เวลาสั่งสอนเรา แกมักจะเปรียบเทียบยุคเรากับยุคของพวกเขา หรือผู้ใหญ่ที่จะวิพากษ์วิจารณ์เด็กๆ ก็มักจะยกประสบการณ์ในยุคของตนมาเปรียบเทียบเสมอ เช่นถ้าเป็นผู้ใหญ่ยุคต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เดือนตุลา ก็มักจะมองว่านักศึกษายุคหลังๆไม่ค่อยสนใจการเมืองเท่าไรนัก หรือคนญี่ปุ่นยุคหลังแพ้สงครามโลก ที่มองเด็กๆยุคใหม่ว่าเหล่าะแหล่ะ . ประกอบกับ ผมเริ่มสังเกตยุคของผมเองด้วย และความหวนระลึกในวัยเยาว์ของหลายๆคนที่อายุใกล้ๆผม ไม่ว่าจะเป็น ตั้งแต่จากหนังเรื่องแฟนฉันที่ประสบความสำเร็จทางตลาดอย่างมาก รวมถึงการชอบชวนระลึกพูดถึงเรื่องราวในยุคของตน เช่นยุคของผมที่โตมา ก็อย่างเช่น แบบเรียนภาษาไทย มานี มานะ ,โดราเอมอน,นกแล,คาราบาว เกมส์ฮาตาริ นินเทนโด ฯลฯ หลายๆอย่างนี้เวลาคนยุคเดียวกันคุยกันมักจะสนุกออกรส มีความสุข เปรียบเทียบตนเองกับยุคโน้นยุคนี้ . ดูไปดูมา ผมว่าเราเองก็สามารถที่จะแบ่งเป็นยุคๆได้เหมือกัน แต่ละยุคของแต่ละคนต่างก็มีตัวแปรอะไรแตกต่างกันไป ทำคนในยุคนั้นๆแตกต่างกันไปทางความคิดและวิถีชีวิตได้เหมือนกัน อย่างในกรณีของกลุ่มนักศึกษาเดือนตุลาของไทยเรานั้น ได้มีบทบาททางการเมืองค่อนข้างมาก ในขณะเดียวกันถ้าจำไม่ผิดช่วงเวลานั้นนักศึกษาทั่วโลกก็มีบทบาททางการเมืองมากเช่นกัน หรือในกรณีของคนญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วงแพ้สงครามโลก เพื่อที่จะต่อสู้ดิ้นลนให้อยู่รอด จึงได้มีแรงบันดาลใจร่วมกันในการก่อร่างสร้างประเทศกันขึ้นมาใหม่ จนป่านนี้เมื่อคนยุคนั้นเริ่มจากไป เด็กรุ่นลูกๆหลานๆ เข้ามาก็ตอนที่ญี่ปุ่นกลับมาเป็นมหาอำนาจแล้ว ความู้สึกแห่งการดิ้นลนอาจจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ได้ หรืออย่างในปัจจุบันนี้ที่เด็กๆยุคใหม่อยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางการสื่อสาร และคอมพิใเตอร์ที่เรียกว่าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็อาจจะรับรู้ หรือฝังจำเกี่ยวกับเรื่องประมาณนี้ และส่งผลต่อวิถีชีวิตของเขาอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้ ดังเช่น เด็กๆมักมาถามการบ้านทางอินเตอร์เน็ต หาเพื่อน ซื้อหนังสือ เล่นเกมส์ออนไลน์ . อืม พูดไปพูดมา ชักจบไม่ลงแหะ เอาเป็นว่าจะยุคไหนก็ได้ครับ ถ้าเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนไป เข้าใจ แต่จะยอมรับหรือไม่ก็เรื่องของเรา แต่อะไรที่มันเป็นเรื่องของสามัญสำนึกทั่วไปของมนุษย์ ที่ไม่ว่ายุคไหนก็ยอมไม่ได้ อันนั้นก็ต้องขอไว้เช่นกันครับ อย่างเพลงบางเพลงที่พูดถึงการการนอกใจ ,มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ,อยากคบไว้ทั้งสองคน ฯลฯ อะไรเทือกๆนี้ ผมว่ายุคไหนก็รับไม่ได้เหมือนกันครับ จะมาบอกว่ายุคนี้สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมว่ามันก็ไม่ใช่นะครับ
Create Date : 11 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 เมษายน 2551 15:28:27 น.
Counter : 2729 Pageviews.
Superman (It's Not Easy) : กว่าจะมาเป็นเทพ
title : Superman (It's Not Easy) album : America Town astist : Five for Fighting Released : September 26, 2000
Superman (It's Not Easy) I cant stand to fly Im not that naive Im just out to find The better part of me Im more than a bird...im more than a plane More than some pretty face beside a train Its not easy to be me Wish that I could cry Fall upon my knees Find a way to lie About a home Ill never see It may sound absurd...but dont be naive Even heroes have the right to bleed I may be disturbed...but wont you concede Even heroes have the right to dream Its not easy to be me Up, up and away...away from me Its all right...you can all sleep sound tonight Im not crazy...or anything... I cant stand to fly Im not that naive Men werent meant to ride With clouds between their knees Im only a man in a silly red sheet Digging for kryptonite on this one way street Only a man in a funny red sheet Looking for special things inside of me Inside of me Inside me Yeah, inside me Inside of me Im only a man In a funny red sheet Im only a man Looking for a dream Im only a man In a funny red sheet And its not easy, hmmm, hmmm, hmmm... Its not easy to be me ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ (ความเข้าใจตามเกณฑ์ความรู้ทางภาษาอังกฤษอันน้อยนิด) ผมว่าเพลงนี้เขาคงจะพูดถึงอารมณ์อ่อนล้าของ ซูปเปอร์แมนน่ะครับ ประมาณว่า "เห็นฉันทำนู่นนี่ได้ ฉันอาจจะเก่งเกินคน ทนเหมือน........คอนกรีตเสริมเหล็ก (ไม่เอาตามชื่อหนังละกัน) แต่จริงๆฉันก็มีด้านที่เหมือนคนทั่วไป อยู่ แล้วการที่ต้องบินไปนู่นมานี่ ช่วยคนนู้นทีคนนี้ที มันก็ไม่ง่ายเลยนะ" . . ตอนเรียน มหาวิทยาลัย อาจารย์เคยพาไปชมงานศิลปะ ที่หอศิลป์เจ้าฟ้า ครับ ตอนนั้นจำได้ว่า แต่ละภาพ เขียนได้ตื่นตาตื่นใจมาก พวกเราก็ชมไปวิจารณ์กันไปอย่างเมามัน พอขากลับ พวกเรานั่งรถกลับคันเดียวกับอาจารย์ที่พาไป พวกเราก็ยังคุยกันเรื่องงานแสดงอยู่ จนมีเพื่อนคนหนึ่งครับ เขาก็พูดถึงเรื่องการแสดงออกทางอารมณ์ของอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แล้วก็ทำท่าทางล้อเลียน อาจรย์ที่พาไปก็พูดขึ้นมาว่า "พวกคุณอาจจะล้อเลียนสนุกสนานได้ แต่ว่าคุณอาจจะไม่รู้หรอกว่า ที่คุณเฉลิมชัย แสดงอารมณ์ออกมาได้ขนาดนี้ แปลว่าเขาต้องมีอะไรอีกมากมายภายใน สุดที่พวกคุณจะรู้ได้อีกนะ" พวกผมฟังก็งง ครับอะไรภายใน กำลังภายในรึเปล่า อาจารย์แกก็เลยยกตัวอย่างภูเขาน้ำแข็ง ครับ ว่าจริงๆแล้วที่เราเห็นภูเขาน้ำแข็งลอยอยู่เหนือน้ำนั้น มันเป็นแค่ส่วน 2 หรือ 3 จากใน 10 ส่วนเท่านั้น ส่วนอีก 7 -8 ส่วน นั้น อยู่ใต้น้ำทั้งหมด . อาจารย์แกบอกอีกว่า การที่เราเห็นอารม์ที่แสดงออกของคุณเฉลิมชัยได้มากมายขนาดนั้น นั่นต้องแปลว่าแกมีอารมณ์อย่างนี้อยู่อีกมากมายภายใน ที่เราเห็นเป็นส่วนที่ ล้น ออกมาเท่านั้นเอง . "ฉะนั้น(อาจารย์แกพูดต่อ) การที่พวกคุณมองว่าเหมือนพวกคุณปรกติ จริงๆแล้ว พวกคุณแค่อาจจะยังไม่ถึงจุดล้นก็ได้" . ผมฟังก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับ แต่ก็ขอตีความว่าคนเก่งๆ กับคนทั่วๆไปอาจจะมีแรงขับเคลื่อนภายในบางอย่างต่างกัน . คนที่เราเห็นว่าเขาเก่งกาจ ทำอะไรที่น่าสนใจตลอดเวลา จริงๆแล้วเขาก็ต้องการแรงขับมากเป็นพิเศษด้วย ยกตัวอย่างคุณสรยุทธ ที่อ่านข่าว ผมเห็นหน้าจอโทรทัศน์ เขาน่าจะเป็นคนที่ขยันทำงานมาก ถ้าไปสัมผัสตัวจริงของเขา(เช่นไปอยู่ด้วยสัก 1 เดือน) เราอาจจะเห็นเขาทำงานหนักมากกว่าที่เข้าใจเสียอีก . พูดไปพูดมา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับซูปเปอร์แมน ผมว่ามันก็น่าจะคล้ายๆกับเนื้อเพลงนี้เหมือนกันนะครับ ที่ว่า "เห็นฉันเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่ง่ายนักหรอกนะ" . ความจริงผมว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะคนที่เด่นดัง หรือโดดเด้งก็ได้ครับ แนวคิดนี้ก็ใช้กับคนทั่วไปน่าจะได้ แต่ละคนอาจจะเป็นภูเขาน้ำแข็ง แต่ละก้อน ที่เราเห็นเขา เราก็เห็นไม่หมดอยู่ดี ส่วนที่เราเห็นนั้นเป็นส่วนที่พ้นน้ำของเขา เพื่อออกมาอวดโฉมชาวโลกเท่านั้น . ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่บอกว่าทุกคนใส่หหน้ากากเข้าหากันนะครับ(เดี๋ยวเข้าใจผิด) แต่ผมคิดว่าการที่เราเห็นส่วนที่เป็นตัวเขาในส่วน ที่เหนือผิวน้ำนั้น สิ่งนั้นมันย่อมเกิดมาจากก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่อยู่ใต้ผิวน้ำ สั่งสมจนมาเป็นตัวเขานั่นแหล่ะครับ . เฮ้อ...พูดไปก็เข้าตัว ตอนนี้ผมมันก็คงเป็นได้แค่ก้อนน้ำแข็งที่(หัวใจ)ละลายอย่างรวดเร็ว ตามสภาวะโลกร้อน(ใจ) นี่ล่ะครับ รูปภูเขาน้ำแข็ง โดย Global Marine Drilling ใน St. Johns, Newfoundland ครับ
Create Date : 21 กรกฎาคม 2550
Last Update : 6 เมษายน 2551 15:31:05 น.
Counter : 1225 Pageviews.
อิสรภาพแลนด์