Circle of Life : อะไรเอ่ย เดินสี่เท้ายามเช้า สองเท้ายามสาย สามเท้ายามเย็น
title : Circle of Life album : The Lion King: Original Motion Picture Soundtrack astist : Carmen Twillie ft. Lebo M Released : July 13, 1994VIDEO Circle of Life Nants ingonyama bagithi Baba (Here comes a lion, Father) Sithi uhm ingonyama (Oh yes, it's a lion) Nants ingonyama bagithi baba Sithi uhhmm ingonyama Ingonyama Siyo Nqoba (We're going to conquer) Ingonyama Ingonyama nengw' enamabala (A lion and a leopard come to this open place) From the day we arrive on the planet And blinking, step into the sun There's more to see than can ever be seen More to do than can ever be done There's far too much to take in here More to find than can ever be found But the sun rolling high Through the sapphire sky Keeps great and small on the endless round It's the Circle of Life And it moves us all Through despair and hope Through faith and love Till we find our place On the path unwinding In the Circle The Circle of Life It's the Circle of Life And it moves us all Through despair and hope Through faith and love Till we find our place On the path unwinding In the Circle The Circle of Life ไม่ได้เขียน blog นานมากครับ ถ้านับก็คงจะประมาณ 4-5 เดือนเลยมั้ง สาเหตุก็เพราะยุ่งๆเกี่ยวกับเรื่องการงานน่ะครับ มาลองเขียนดูอีกทีก็พบว่าหลายๆอย่างแทบจะลืมไปแล้ว(ทั้งๆที่แต่เดิมก็ไม่ค่อยรู้อะไรอยู่แล้ว) . แต่ว่าช่างมันเถอะครับ จะอะไรก็ตามแต่ ผมก็อยากขอบคุณทุกท่านที่(หลง)เข้ามานะครับ หลังจากนี้ก็จะพยายามเขียนเรื่อยๆเหมือนเดิมครับ(เขียนเอง อ่านเอง ) . . ตอนนี้สถานการณ์ทางเศรฐกิจท่าทางจะแย่ทีเดียวนะครับ พูดถึงเรื่องนี้มันก็ทำให้นึกถึงเมื่อประมาณ 4-5 เดือนก่อนครับ มีอยู่วันหนึ่ง ผมนั่งรถไปประชุมกับเจ้านายข้างนอก ขากลับเจ้านายก็พูดอะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะเกี่ยวกับเศรฐกิจ แกว่าปลายปีนี้กับปีหน้าเศรฐกิจจะไม่ดีนะ ผมก็ถามว่าทำไม แกรู้ได้ไง แกบอกว่า "มันถึงรอบของมันแล้ว" . หัวหน้าแกคงอยู่ในแวดวงนี้มานานจนดูอะไรออกแล้ว เหมือนคนที่อยู่ริมน้ำ เรียกว่าเห็นพระจันทร์ก็รู้เลยว่าน้ำจะมาแล้ว . และเท่าที่เคยอ่านหนังสือมา ในชีวิตนี้มีหนังสือที่ผมอ่านสนุกชนิดวางไม่ลง ก็มีหลายเล่มครับ หนึ่งในนั้นมีเรื่อง ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ของคุณ วินทร์ เลียววาริณ ครับ แม้ว่าไม่ถึงกับอ่านรวดเดียวจบ แต่ก็รู้สึกสนุกและมีความสุขเวลาอ่านมาก แต่ก็อ่านไว้นานมากแล้วครับ (ถ้าจำไม่ผิดก็ตอนที่ได้ซีไรท์นั่นแหล่ะ) จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าตอนนั้นประทับกับแนวคิดของเรื่องนี้ในเรื่อง กงล้อของประวัติศาสตร์น่ะครับ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการหมุนวนเกิดซ้ำของประวัติศาสตร์และชีวิตคน . รายละเอียดจะเป็นอย่างไรคงไม่ขอเล่าล่ะครับ เพราะอย่างแรกคือจำไม่ได้ อย่างที่สองคือไม่อยากให้เสียอรรถรสสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ . . ผมสังเกตได้อย่างหนึ่งนะครับ ในเรื่องของอากัปกิริยาทั้งของเจ้านาย และตัวละครในหนังสือเรื่องประชาธิปไตยบนเส้นขนาน คือ ทุกท่านเหล่านี้จะ "นิ่ง"ต่อสถานการณ์ที่เจอในพักหลังๆพอสมควร หรือว่าถ้าภาษาวัยรุ่นก็คงจะประมาณว่า "เก๋า" ขึ้น . เจ้านายแกคงจะเคยเศรษฐกิจขึ้นๆลงๆมาเกือบ 30 ปีในชีวิตการทำงานของแก ชาวบ้านริมน้ำคงเคยยกของหนีน้ำตั้งแต่เด็ก หรือแม้แต่ตัวละครในหนังสือก็คงจะห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ซ้ำรอยเดิมมาตั้งแต่ยังหนุ่ม . ทุกท่านเหล่านี้คงจะเคยเห็นรอบของเหตุการณ์เหล่านี้ จนเรียนรู้ที่จะรับกับเหตุการณ์ และอยู่กับมันได้น่ะครับ . แต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์ในเรื่อง"รอบ"ของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับ . อาจารย์บางท่านอาจจะเคยสอนเด็กตั้งแต่รุ่นยายยันรุ่นหลาน ชาวนาอาจจะผ่านหน้าฝนและหน้าแล้งมาทั้งชีวิต เด็กน้อยอาจจะเคยสังเกตวงจรชีวิตของกบตั้งแต่ลูกอ๊อดยันเป็นแม่กบจากบ่อใกล้บ้านมาหลายรุ่น . หรือคนไทยอาจจะเคยผ่านความวุ่นวายทางการเมืองมาหลายครั้ง . . สิ่งต่างๆเหล่านี้ หากขึ้นชื่อว่ายังเป็นมนุษย์อยู่ ก็ย่อมที่จะเรียนรู้จากอดีตและประสบการณ์ที่ผ่านมาน่ะครับ เพื่อนำไปสู่ความ"นิ่ง"อย่างที่ผมเข้าใจ(เอาเอง) "นิ่ง" ในที่นี้คงจะหมายถึงการเข้าใจและพร้อมรับกับสถาณ์การณ์ที่จะเกิดน่ะครับ . เพลง Circle of Life เป็นเพลงที่ผมชอบมากครับ ตั้งแต่เด็ก (ความจริงต้องบอกว่าทั้งอัลบั้มนี้เลยล่ะ) ฟังจนเทปยืดไปหลายครั้ง(ต้องซื้อใหม่ 2 หนแน่ะ/แถมหลงไปซื้อแต่ แบบรวม version ของ elton john มาด้วย ) . สำหรับเนื้อเพลง ก็คงจะประมาณเรื่องของ การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย รวมๆแล้วคงจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้เปลี่ยนไป(เอ๊ะ!/ อย่างงนะครับ) คือเปลี่ยนตาม วัฏฐจักรเสียมากกว่า . . วงจรต่างๆในชีวิตมีมากมาย ตั้งแต่วงจรชีวิต กบยันชีวิตคน วงจรที่ยุ่งยากและซับซ้อนก็มีเยอะในช่วงชีวิตคนสักคนอาจจะเจอแค่ครั้งเดียวก็ได้ . ลงได้ชื่อว่าวงจรมันก็ต้องเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆครับ แต่แน่นอนว่ามนุษย์เองก็ไม่หยุดที่จะเรียนรู้จากวงเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ รูปสฟิงค์เอามาจากเว็บนี้ครับ //www.theoi.com/Gallery/M18.4.html ที่เลือกรูปสฟิงค์มาประกอบ เพราะผมนึกถึง เรื่องคำถามของสฟิงค์น่ะครับ ที่แกถามว่า "อะไรเอ่ยเดินสี่ตีนในยามเช้า เดินสอง ตีน ในยามสาย และเดินสามตีนในยามเย็น
.?" คำตอบก็คือ มนุษย์นี่ล่ะครับ เช้า สาย บ่าย เย็น ก็เปรียบเสมือน ช่วงชีวิตของมนุษย์ 4 ตีนคือการคลานในวัยเด็ก 2 ตีนคือการเดินในวัยโตเต็มที่ 3 ตีนคือการเดินโดยใช้ไม้เท้าในวัยชรา (ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ //www.cupid.is.in.th/?md=content&ma=show&id=5 ด้วยนะครับ) . สฟิงค์เองอาจะอยู่มาเนิ่นนานมากๆ สังเกตชีวิตมนุษย์มาหลายชั่วชีวิตคน จนเข้าใจความเป็นไปของมนุษย์ก็เป็นได้ครับ จึงสามารถที่จะตั้งคำถามนี้ได้ . แม้มนุษย์อาจจะอายุไม่ยืนยาวเหมือนสฟิงค์ เราอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ว่าเราก็มีประวัติศาสตร์และการบันทึกต่างๆที่สั่งสมกันมา สามารถช่วยให้เราเข้าใจได้เหมือนกันครับ
Create Date : 01 ธันวาคม 2551
Last Update : 11 มกราคม 2555 16:58:24 น.
0 comments
Counter : 4228 Pageviews.
อิสรภาพแลนด์