~~~ทรรศนะที่หลากหลาย สู่ปัญญาที่กว้างไกล~~~
Group Blog
 
All blogs
 
ติดป้ายรถเมล์ 800คัน ขึ้นฟรีวันนี้ รถไฟชั้น3ก็พร้อม

"164ขบวน" ทั่วปท. ดีเดย์เที่ยวแรก"ตี4" "ค่าน้ำ-ค่าไฟ"ก็เริ่ม ส่วนหอพักเดือนกย.


ขึ้นฟรีวันนี้-รถเมล์ร้อน 800 คันพร้อมบริการรับ6มาตรการช่วยคน จน "คมนาคม"ติดสติ๊กเกอร์"รถเมล์ ฟรีเพื่อประชาชน" ไว้เรียบร้อยแล้ว ให้บริการประชาชนใน 73 เส้นทาง โดยจะปล่อยรถฟรีสลับกับรถเก็บตังค์ ส่วนรถไฟ ก็พร้อมวันนี้ ให้ขึ้นฟรีชั้น 3 ทั้งหมด 164 ขบวนต่อวัน ดีเดย์เที่ยวแรกตี 4 ด้านค่าน้ำฟรี 50 ยูนิตแรก ในบิลระบุว่า "รัฐบาลรับภาระ" ขณะที่ค่าไฟฟ้าถ้าไม่เกิน 80 หน่วยไม่ต้องเสียเงิน แต่ถ้าเกิน 81 หน่วยแต่ไม่ถึง 150 หน่วยจะเสียค่าไฟแค่ครึ่งเดียว อพาร์ต เมนต์-แฟลต-หอพักที่มีค่าเช่าห้องไม่เกิน 3,000 บาท จะได้รับส่วนลด แต่จะเริ่มเดือนก.ย.นี้

เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่อู่จอดรถบางเขน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานติดสติ๊กเกอร์รถโดยสารประจำทาง เตรียมความพร้อมให้บริการรถโดยสารฟรีกับประชาชน ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ว่า ได้เตรียมความพร้อมติดสติ๊กเกอร์สีน้ำเงิน-ขาว บริเวณกระจกหน้ารถ หลังรถ และด้านบนประตูขึ้น-ลงรถ ข้อความ "รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน" ตามนโยบายรัฐบาลในโครงการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งจะเริ่มให้บริการในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป โดย ขสมก.ได้จัดรถเมล์ร้อนจำนวน 800 คันใน 73 เส้นทางให้บริการฟรีแก่ประชาชน ส่วนจะขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวหรือไม่เป็นเรื่องในอนาคตที่จะต้องประเมินสถานการณ์ความเหมาะสมอีกครั้ง

นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมสั่งการให้ ขสมก.อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้บริการรถเมล์ฟรี โดยพนักงานเก็บเงินประจำรถ และนายตรวจต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วย ทั้งนี้ ในการปล่อยรถเมล์ร้อนครั้งนี้จะเป็นการปล่อยรถเมล์ร้อนฟรีสลับกับรถเมล์ที่เก็บค่าโดยสารปกติอย่างต่อเนื่องทุกวัน และจัดเก็บสถิติเพื่อประเมินผลการดำเนินงานด้วย อีกทั้งจะใช้เป็นข้อมูลประเมินสถานการณ์และภาวะค่าครองชีพว่า ยังมีความจำเป็นต้องต่ออายุโครงการอีกหรือไม่

ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การขยายระยะเวลาช่วยเหลือประชาชนเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรี ขสมก.และการรถไฟฯ พร้อมจะให้บริการ เพราะจากการประเมินเบื้องต้นได้รับความ สนใจจากประชาชนอย่างมาก ส่วนเงินชดเชยที่รัฐบาลจะจ่ายคืนให้หน่วยงานคงเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้พูดคุยกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการขสมก. กล่าวว่า คาดว่าผู้ใช้บริการที่มีกำลังทรัพย์อาจเข้ามาใช้บริการรถเมล์ฟรีด้วย ดังนั้นหากใครสามารถจ่ายค่าโดยสารได้ก็ขอให้เลือกใช้รถที่เสียค่าโดยสาร เพื่อให้ผลของโครงการดังกล่าวนี้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่มีรายได้น้อย เรื่องการชดเชยต้นทุนการเดินรถเมล์ร้อนจำนวน 800 คันที่เข้าร่วมโครงการ คิดเป็นเงินจำนวน 1,224 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบฉุกเฉินเร่งด่วนปี 2551 ที่รัฐบาลอนุมัติให้ โดยต้นทุนการเดินรถแต่ละคันประมาณ 8,500 บาทต่อคันต่อวัน และในการพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับชดเชยนั้น ขสมก. หารือกับสำนักงบประมาณแล้วว่า ตลอด 6 เดือน ขสมก.มีภาระที่ต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนพนักงาน ซึ่งถือเป็นรายจ่ายทุกครึ่งเดือนและทุกเดือน หากเป็นไปได้จะขอให้สำนักงบฯ จ่ายงบฉุกเฉินทุกต้นเดือน เพื่อให้ ขสมก.มีสภาพคล่อง คาดว่าเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า

นายฉัตรชัย ชัยวิเศษ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่รัฐบาลช่วยเหลือเพื่อลดค่าครองชีพที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่นั้นแม้จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาพรวมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทาง แต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารขสมก. เพราะในช่วงเวลา 6 เดือนที่ ขสมก.จัดให้มีรถฟรีวิ่งให้บริการประชาชนนั้นคาดว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการรถร่วมเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หรือ 600 ล้านบาทในช่วงเวลา 6 เดือน อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการจะประเมินผลกระทบที่ได้รับจากมาตรการดังกล่าวอีกครั้ง และจะขอความช่วยเหลือจากกระทรวงคมนาคมเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการรถร่วมในช่วงเวลาดังกล่าว

"ทางผู้ประกอบการขอร่วมให้บริการรถเมล์ฟรีตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ แต่ทางรัฐบาลไม่อนุมัติให้เอกชนเข้าร่วม ทำให้เอกชนได้รับผลกระทบ เพราะประชา ชนจะแห่ไปขึ้นรถโดยสารฟรีของขสมก. โดยเอกชนจะหาให้บริการฟรีและให้ภาครัฐจ่ายชดเชยรถแอร์ 8,500 บาทต่อวันเท่ากับรถของขสมก. รถร้อนชดเชยให้ 7,000 บาทต่อวัน ขณะที่รถร้อนของ ขสมก.ภาครัฐต้องจ่ายชดเชยให้วันละ 7,500 บาท ขณะที่รายได้จริงของรถโดยสารร่วม ขสมก.โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่รถร้อน 5,500 บาทต่อวัน และรถแอร์จะอยู่ที่ 6,000 บาทต่อวัน" นายฉัตรชัยกล่าว

วันเดียวกัน นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ทางการรถไฟฯ จะให้บริการมุ่งเน้นการให้บริการรถชั้น 3 โดยแบ่งออกเป็นรถเชิงพาณิชย์กับรถเชิงสังคม ปกติการรถไฟฯ จะให้บริการต่อวันประมาณ 250 ขบวน แบ่งเป็นรถบริการเชิงสังคม 164 ขบวน ที่เหลือเป็นรถเชิงพาณิชย์ คือรถไฟชั้น 3 ที่ต่อพ่วงกับรถเร็วหรือรถด่วน ไม่ได้ให้ใช้ฟรี ซึ่งปัจจุบันรถบริการเชิงสังคมมีรถวิ่งหลักๆ 4 ประเภท คือ รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น และรถรวม ยกตัวอย่าง รถชานเมืองเป็นรถที่วิ่งในรัศมีห่างจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 150 กิโลเมตร เช่น กรุงเทพฯ-ปราจีนบุรี, กรุงเทพฯ-แก่งคอย, กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี ฯลฯ

นายศิริพงศ์กล่าวว่า ส่วนรถท้องถิ่นจะวิ่งในพื้นที่แต่ละภูมิภาค เช่น พัทลุง-สุไหงโกลก, ตันหยงมัส-ยะลา, สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่ ฯลฯ ซึ่งการให้บริการรถไฟแต่ละขบวนจะมีการติดป้าย "รถไฟฟรีเพื่อประชาชน" สลับตู้เว้นตู้ โดยอีกป้ายจะติดบอกจุดเริ่มขึ้นที่ต้นทาง-ปลายทาง เช่น กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ โดยประชาชนสามารถขึ้นใช้บริการได้ทุกตู้ ทุกขบวนที่มีป้ายติดบอกดังกล่าว

"ทางการรถไฟฯ จะออกเป็นตั๋วรวมเพื่อความสะดวก และให้พนักงานเก็บสถิติบนรถว่ามีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนเท่าไร ส่วนผู้โดยสารสามารถขึ้นรถไฟได้ฟรีและไม่ต้องรับตั๋ว ส่วนพนักงานที่ดูแลก็จะใช้ธงสัญลักษณ์เพื่อบอกกล่าวพนักงานขับรถไฟว่าพร้อมเดินรถหรือไม่ ทั้งนี้พนักงานต้องดูแลผู้โดยสารและเก็บสถิตยอดขึ้น-ลงด้วย" นายศิริพงศ์กล่าว และว่า รถไฟบางขบวนอาจไปไม่ถึงที่หมายของประชาชน ดังนั้น ประชาชนอาจจะต้องต่อรถไฟเพื่อเดินทางไปถึงที่หมาย เช่น ต้องการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ต้องขึ้นรถไฟชั้น 3 จากกรุงเทพฯ-พิษณุโลก และต่อรถไฟจากพิษณุโลก-เชียงใหม่ โดยประชาชนที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายถวิล สามนคร รองผู้ว่าการร.ฟ.ท. เปิดเผยภายหลังตรวจความพร้อมขบวนรถไฟที่จะให้บริการฟรีในวันที่ 1 ส.ค.ว่า ร.ฟ.ท.ได้นำป้ายข้อความว่า "รถไฟฟรีเพื่อประชาชน" เป็นตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีเขียว ติดข้างขบวนรถไฟควบคู่กับป้ายบอกเส้นทาง ซึ่งประชาชนที่ต้องการเดินทางสามารถขึ้นไปบนขบวนรถได้โดยไม่เสียค่าโดยสาร และไม่ต้องติดต่อขอรับตั๋วโดยสารจากทางสถานี ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.จัดขบวนรถชาน เมือง ขบวนรถท้องถิ่น ขบวนรถธรรมดา และขบวนรถรวม จำนวนทั้งสิ้น 164 ขบวนไว้บริการในแต่ละวัน โดยมีระยะทางไกลสุดที่ 420 กิโลเมตร หากประชาชนที่ต้องการเดินทางไกลกว่านี้จะต้องศึกษาเส้นทางเพื่อที่จะเปลี่ยนขบวนรถไฟในแต่ละช่วง โดยสามารถสอบถามรายละเอียดที่โทร. 1690 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

"เชื่อว่าประชาชนจะหันมาเดินทางด้วยรถไฟเพิ่มขึ้น 15-20% โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์คาดว่าจะมีประชาชนหนาแน่น ซึ่งหากพบว่าผู้โดยสารหนาแน่นมากร.ฟ.ท.ได้จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟสำรองไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วย ส่วนขบวนรถไฟฟรีที่จะให้บริการขบวนแรก คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวตะเข้ เวลา 04.15 นาที" นายถวิลกล่าว

นายชวลิต สารันต์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลจัดทำ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน เพื่อลดผลกระทบให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย ซึ่ง 1 ใน 6 มาตรการคือ งดเก็บค่าน้ำประปาภาคครัวเรือนประเภทที่อยู่อาศัยในรายที่ใช้น้ำไม่เกิน 50 ลูกบาศก์เมตร หรือไม่เกิน 50,000 ลิตร/เดือน โดยรัฐบาลจะรับภาระแทน จะมีผลตั้งแต่เดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ กปภ.ซึ่งมีสำนักงานประปา 228 สาขา รับผิดชอบการให้บริการน้ำประปาในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ยกเว้นกรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ และบางพื้นที่ที่เทศบาลและ อบต. ดำเนินการเอง จะงดเก็บค่าน้ำประปาตั้งแต่ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จค่าน้ำประปา ในรอบการจัดเก็บเดือน ส.ค.51 และสิ้นสุดเดือนม.ค.52 แต่จะยังมีเจ้าหน้าที่ไปอ่านมาตรที่บ้านและได้รับใบแจ้งหนี้ตามปกติ โดยในใบแจ้งหนี้จะพิมพ์ข้อความว่า "รัฐบาลรับภาระ" เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามตรวจสอบปริมาณน้ำที่ใช้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับนิติบุคคลหรือผู้ประกอบการให้เช่าอาคารชุดหรือห้องเช่าที่มีระดับราคาค่าเช่าไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/เดือน และมีการใช้น้ำเฉลี่ยต่อห้องไม่เกิน 50 ลูกบาศก์เมตร/เดือน ขอให้นำสัญญาเช่าไปลงทะเบียนที่สำนักงานประปาทั้ง 228 สาขา เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้อยู่อาศัยจริง ภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ส่วนลูกค้าประเภทที่อยู่อาศัยที่ใช้น้ำเกิน 50 ลูกบาศก์เมตร/เดือน และลูกค้าประเภทอื่นๆ สำนักงานประปาทุกสาขาจะยังคงจัดเก็บค่าน้ำตามปกติ

วันเดียวกัน ที่กระทรวงมหาดไทย นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำนายภัสสร เวียงเกตุ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นายสมศักดิ์ จันทร์น้อย ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) นายศักดา ปโรสิยานนท์ รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) และนางรัตนา กิจวรรณ ที่ปรึกษาผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แถลงความพร้อมในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปา และไฟฟ้า ของครัวเรือน ตาม 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทย สนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป จนถึงเดือนม.ค.2552

โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ในส่วน กฟน.จะมีการแบ่งการเก็บค่าไฟออกเป็น 2 ลักษณะ คือบ้านที่อยู่อาศัย และอาคารชุดที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วย จะได้รับส่วนลด โดยรัฐบาลจะรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งในส่วนของค่ากระแสไฟ ภาษี ค่าบริการ และค่าเอฟที โดยผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของผู้ที่ใช้ไฟฟ้า 81 หน่วย แต่ไม่เกิน 150 หน่วย จะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่งจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด สำหรับอาคารชุด อพาร์ตเมนต์ แฟลต หอพัก ที่มีค่าเช่าห้องไม่เกิน 3,000 บาท จะได้รับส่วนลดในลักษณะเดียวกับบ้านพักอาศัย แต่จะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2552

นายภัสสรกล่าวว่า ส่วนของ กฟภ.จะเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับ กฟน. แต่สำหรับผู้ที่ใช้ไฟของ กฟภ. ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่มีผู้ใช้ไฟน้อย จึงคาดว่าจะมีผู้ที่ไม่ต้องชำระค่าไฟฟ้าทั้งหมด ประมาณ 8.9 ล้านราย ซึ่งเป็นส่วนลดประมาณ 6.3 พันล้านบาท ที่รัฐบาลจะต้องชดเชยให้กับกฟภ. ในส่วนของผู้ที่ได้ส่วนลดครึ่งหนึ่งคาดว่าจะมี 1.8 ล้านราย คิดเป็นเงินส่วนลดประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์เป็นเงินส่วนลดทั้งหมด 7.3 ล้านบาท ที่รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับภาระดังกล่าว

ด้านนายศักดากล่าวว่า ทั้ง กปน.และ กปภ.จะให้ผู้ที่ใช้น้ำไม่เกิน 50 ยูนิตไม่ต้องชำระค่าน้ำ แต่สำหรับ ผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารชุด หอพัก อพาร์ตเมนต์ แฟลต ผู้ประกอบการจะต้องแจ้งขอรับสิทธิ์เสียก่อน โดยการคำนวณจะเป็นการนำตัวเลขการใช้มาหารจำนวนห้องพักที่มีอยู่จริง มีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้ อย่างเช่น หอพักมีห้องพักอยู่ 100 ห้อง แต่มีผู้อาศัยอยู่เพียง 80 ห้อง ก็จะต้องนำตัวเลข 80 ไปหารกับจำนวนค่าน้ำทั้งหมด ซึ่งหอพักแห่งนี้จะต้องใช้น้ำไม่เกิน 4,000 ยูนิต

นางรัตนากล่าวว่า สำหรับครัวเรือนที่เช่าอาศัยอยู่ในอาคารชุด หรือเช่าประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีราคาเช่าไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน ต่อห้อง นิติบุคคลหรือผู้ประกอบการจะต้องมาลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. กฟน. และกฟภ. เพื่อขอรับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวภายในวันที่ 15 ส.ค. โดยจะต้องยื่นเอกสารคือ สำเนาหนังสือจากส่วนราชการที่แสดงการประกอบกิจการที่พักอาศัยให้เช่า พร้อมสำเนาสัญญาเช่า เป็นหลักฐานประกอบการลงทะเบียน เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้อยู่อาศัยจริง ซึ่งสามารถขอลงทะเบียนได้ที่การประปาฯ และการไฟฟ้าฯ ทุกสาขา

นายพงศ์โพยมกล่าวว่า การออกใบแจ้งหนี้สำหรับผู้ที่ได้รับส่วนลดทั้งหมดจะมีข้อความว่า รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่าย ส่วนผู้ที่ชำระผ่านทางการหักบัญชีธนาคารก็จะได้รับส่วนลดเช่นเดียวกัน ซึ่งในแต่ละหน่วยงานจะออกใบแจ้งหนี้ไม่พร้อมกัน แต่ทุกหน่วยงานจะออกใบแจ้งหนี้ให้ครบ 6 เดือน ซึ่งอาจจะลดหลั่นกันไป สำหรับมาตรการดังกล่าวนี้จะใช้ 6 เดือน เมื่อครบแล้วขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะให้ดำเนินการต่อหรือไม่ หากไม่ดำเนินการต่อจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง



...นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่แท้จริงหรือ???....

ในความคิดเห็นส่วนตัว การกระทำอย่างนี้เทียบได้กับการจับปลาใส่มือประชาชน

การกระทำอย่างนี้ดีจริงหรือ?

น่าจะสอนให้ประชาชนจับปลาด้วยตัวเอง... มิใช่จับปลาให้ประชาชนอย่างนี้

เพราะหากสอนให้เขาจับปลาเองเป็น เขาจะไม่อดตายเพราะเขาเหล่านั้นมีความรู้ที่จะสามารถจับปลาหากินเองได้ในภายภาคหน้า แต่การจับปลาใส่มือเขา หากภายภาคหน้าไม่มีใครมาจับปลาใส่มือเขา มิแย่หรอกหรือ?


ประชาชนจะทำอย่างไร???


===============================================



...ศิริลักษณ์






ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก //www.matichon.co.th


Create Date : 02 สิงหาคม 2551
Last Update : 2 สิงหาคม 2551 21:02:14 น. 3 comments
Counter : 325 Pageviews.

 
แวะมาเจิมเมื่อกี้คุณแม่เราก็ถามว่า
ไปขึ้นรถฟรีหรือยัง
ก็บอกว่ารถฟรีหรืออะไรฟรีๆ
ไม่ว่างไปขึ้นฟรีเลยล่ะ
แวะมาเจิมแล้วเม้นท์ทักทายก่อนไปนอนจ๊ะ
เพราะพรุ่งนี้ต้องทำงานเช้ายันดึก


โดย: อุ้มสี วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:22:49:14 น.  

 
เฮ้อ

เข้าสู่ยุคเข้ายากหมากแพงต้องทำใจ

ช่วยๆกันหน่อยละกันคร้าบบบ


โดย: democracy51 IP: 119.42.77.21 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:16:53 น.  

 
= = ในเรื่อง รถเมล์ ฟรีมันก็มีทั้งข้อและก็ข้อเสียอ่าค่ะ

ข้อดีคือว่า ทำให้คนหันมานั่งรถเมล์มากขึ้น

มากกว่าจะหันไปนั่งรถส่วนตัว

ข้อเสียคือ = =รถเมล์แน๊นแน่น

นส.รพีพร สุขเกษม
ID:5131601161


โดย: pOisoN IP: 58.8.83.98 วันที่: 31 สิงหาคม 2551 เวลา:2:45:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กน้อย ณ ดอยแง่ม
Location :
เชียงราย Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"เด็กน้อย ณ ดอยแง่ม"


เด็กนิติศาสตร์กลุ่มเล็กๆ ที่เพิ่งก้าวล่วงรั้วโรงเรียนมัธยมมาเป็นนักศึกษาน้องใหม่แห่งมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศไทย...


"มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง"


ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ จักเป็นที่ที่พวกเราได้สานความฝันให้เป็นจริง เป็นที่ซึ่งหล่อหลอมให้เด็กน้อยในวันวาร เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป...


...ปลูกป่า สร้างคน...
พวกเราจักสืบสานปณิธานแห่งแม่ฟ้าหลวงไทย


=============================

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ!
Friends' blogs
[Add เด็กน้อย ณ ดอยแง่ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.