ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนสกปรก รกรุงรัง หรือไม่ได้หมายคุณเป็นคนสกปรกน่ารังเกียจ แต่คุณเคยสังเกตุไหมว่ารอบๆตัวคุณมีสิ่งของต่างๆที่คุณเก็บสะสมไว้ไม่ว่าจะได้ใช้หรือไม่เคยได้เอามาใช้ หรือมันเคยมีประโยชน์ณ.ชว่งระยะเวลาหนึ่ง หรือเคยมีความหลังกับสิ่งเหล่านั้น แต่ปัจจุบัน(ปีกว่าแล้ว) ที่คุณไม่เคยแตะมันอีกเลย ข้าวของเหล่านี้ล้วนแต่เป็นขยะที่เราสะสมไว้ในบ้านและชีวิตของเรามาอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ มุมในบ้านจะต้องมีข้าวของสารพัด ของสะสม ทั้งเล็ก และใหญ่ ทั้งของเล่น ของใช้ ของมีประโยชน์ และของไร้สาระ ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวที่สร้างพลังงานซาชี่(พลังงานไม่ดี)ให้แก่ชีวิตของเรา รู้ไหมว่าคุณได้สะสมความรกรุงรังไว้มาก จนน่าตกใจเชียวแหละ
          ของที่มีความหมายมากสำหรับคุณ  อาจเป็นขยะสำหรับคนอื่น  และของที่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นอาจไม่มีค่าอะไรสำหรับคุณเลย ดังนั้นการลดความรกรุงรังในชีวิตของคุณจึงหมายถึงการกำจัดสิ่งที่คุณคิดว่ามันไม่มีประโยชน์สำหรับคุณอีกต่อไปให้ออกไปจากชีวิต  และคุณก็คือคนที่จะต้องระบุว่าอะไรคือความรกรุงรัง  แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนง่ายๆดังนี้                                                         
ให้เลือกเก็บของมีค่าขึ้นมาก่อน                                                                                                                                                    
          สิ่งของที่เคยให้ความสุขที่ให้ความสุขใจ หรือ ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถือเป็นสิ่งมีค่าสำหรับคุณ เพราะมันนำมาซึ่งพลังงานทเซิงชี่(พลังงานที่ดี) การได้อยู่ในวงล้อมของสิ่งที่มีความหมายสำหรับคุณ และคุณรัก จะช่วยเสริมความกำลังใจและความแข็งแกร่งให้แก่ตัวคุณ ทั้งนี้ก็เพราะคลื่นพลังงานที่ดีที่ส่งออกมาจากสิ่งของเหล่านี้เป็นไปในจังหวะที่สอดคล้องกับพลังงาน(ด้านบวก)ในตัวคุณ

ให้เลือกทิ้งความทรงจำที่เป็นขยะ                                                                     
          สิ่งของที่เคยทำให้คุณเป็นทุกข์ เจ็บปวดใจ สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจ ทำให้คุณเครียด ทำให้จิตใจของคุณขุ่นมัว หรือทำให้คุณอ่อนล้าทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า นำมาแต่ความทรงจำที่อับเฉา ไม่ว่าในทางใดทางหนึ่งให้ถือว่ามันเป็นขยะ คุณควรจะเก็บกวาดข้าวของเหล่านี้แล้วเอาไปทิ้งหรือเอาไปบริจาคให้หมด เพื่อไม่ให้รบกวนจิตใจ หงุดหงิดใจ หรือสร้างความรู้สึกเครียดให้กับคุณอีก
          ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกเบื่อหรือไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น  เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของตกแต่ง หนังสือ ของสะสม ของที่ระลึก เฟอร์นิเจอร์เก่าที่ไม่ได้ใช้ หรืออะไรก็ตามแต่ ไม่ว่าจะของมีค่าหรือไม่มีค่า เล็กหรือใหญ่ หากมันไม่มีความหมายอะไรที่พิเศษสำหรับคุณแล้ว...ก็จงทิ้งไปซะ เอาไปขาย หรือเอาไปบริจาคก็ได้!

8 วิธีเพิ่มพลังงาน ดีดีให้(บ้านของ)คุณ
      1. เริ่มที่ใจของคุณก่อนทำใจให้สดชื่นเป็นกลาง จากนั้นให้ เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ แล้วไล่ความเฉื่อยชาให้ออกไปจากตัวคุณ โดยการกระตุ้นตัวเองด้วยการวาดมโนภาพบ้านของคุณที่มีพลังงานดีดีสะอาด สดชื่น สดใส และเป็นมงคล ให้เวลากับตัวเองสำหรับเรื่องนี้ แล้วกำหนดว่าจะใช้เวลาทำทุกอย่างที่เขียนในรายการนี้ในระยะเวลาเท่าไร อาจจะภายในช่วงสุดสัปดาห์เดียว หรือว่าช่วงสุดสัปดาห์ตลอดทั้งเดือน โดยแบ่งงานที่จะทำหรือห้องต่างๆ ในแต่ละสุดสัปดาห์ก็ได้
      2. จัดระเบียบ ใช้เวลาสักสิบนาทีในแต่ละห้อง เพื่อจดว่าแต่ละห้องต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เป็นต้นว่า ข้าวของเกะกะที่คุณต้องเก็บกวาด หรือของที่ต้องซ่อมแซม เสร็จแล้วก็เรียงลำดับความสำคัญของห้องต่างๆ มอบหมายให้สมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านจัดการกับห้องต่างๆ หากคุณต้องการให้พวกเขามีส่วนร่วม หรือไม่คุณก็มอบหมายตัวเองว่าจะทำห้องไหนบ้างในแต่ละวัน
      3. เริ่มยังไง ง่ายที่สุดคือเริ่มจากห้องที่มีความสำคัญน้อยที่สุดสำหรับคุณเพราะคุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการตัดลินใจว่าสิ่งใดใช่ไม่ใช่ ยังต้องการอยู่หรือไม่ และค่อยเก็บห้องที่สำคัญที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้การตัดสินใจของคุณคล่องขึ้นและรับรองว่าจะทำให้คุณทำงานได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยและรวดเร็วอย่างแน่นอน
      4. เปลี่ยนห้องนอนของคุณหรือห้องอะไรสักห้องหรือที่ว่างๆให้เป็นห้องสำหรับสะสางงาน ห้องนี้จะเป็นห้องที่คุณใช้วางของทุกอย่างที่คุณต้องการเอาไปทิ้ง เอาไปซ่อม เอาไปบริจาคหรือเอาไปขาย
      5. ซื้อถุงดำใส่ขยะ ขนาดใหญ่ แข็งแรงทนทาน สำหรับใส่ข้าวของทุกอย่างที่คุณไม่ต้องการ ไม่เอา การเก็บกวาดสิ่งของนั้นถือเป็นการสะสางสิ่งที่รกรุงรังได้ดีมากๆ แถมยังทำได้ง่ายอีกด้วย อย่าปล่อยให้ตัวเองมานั่งเครียดกับคำว่า “รักพี่เสียดายน้อง” ถ้าคุณยังลังเล ก็ให้เก็บเอาไว้ก่อน แล้วของพวกนี้จะกลายความรกรุงรังที่ต้องทิ้งในคราวต่อไป  และเมื่อคุณทำแบบนี้ได้ คุณก็จะค่อยๆ ละความเป็นอัตตาของคุณลงไป ทำให้ยึดติดกับวัตถุสิ่งของน้อยล ง การกำจัดข้าวของไม่ใช่เรื่องที่ทำเพียงครั้งเดียว เมื่อระยะเวลาผ่านไป คุณจะต้องทำมันอย่างสม่ำเสมอขึ้น อย่างน้อยๆอาจจะปีละครั้งหรือสองครั้ง
      6. หากตรวจดูแล้วพบว่าคุณมีเงินเหลือพอที่จะฟื้นฟูสภาพบ้านของคุณด้วยการทาสีใหม่อย่างน้อยปีละครั้ง จ้างช่างเก่งๆ หรือถ้าอยากประหยัด ก็สามารถทำด้วยตัวเองถ้าคุณมีฝีมือพอ ค่อยๆ ทำไปทีละห้องๆ สนุกกับการใช้สีสัน แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ใช้สีขาว (สีขาวเป็นสีที่มีพลังหยางมาก ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จิตสงบ และในทางวิทยาศาสตร์ก็เป็นสีที่ให้ความสว่างช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง) เหมาะที่จะใช้สำหรับทุกๆห้อง แต่ก่อนที่จะทาสีให้ทำการขัดพื้นผิวที่จะทาสีให้เรียบร้อยเสียก่อน อย่าลืมว่าพื้นผิวเหล่านี้มีพลังงานชี่ที่ไม่ดีสะสมอยู่ ดังนั้นจึงควรขจัดออกออกไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยใส่พลังงานที่สดใหม่ลงไปแทนที่ กลิ่นของสีใหม่จะสร้างความรู้สึกสดใสให้แก่บ้าน(ข้อสำคัญ อย่าอารมย์เสียขณะทำเพราะจะทำให้พลังงานไม่ดีฝังลงไปในผนังบ้าน)
      7. อากาศที่สดชื่น และ แสงสว่าง เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดในการฟื้นฟูพลังงานดีดีให้แก่บ้านหรือห้องของคุณ ลงทุนซื้อไฟเพิ่ม เช่น โคมไฟแบบใหม่ ไฟสาดเพดาน หรือไฟหลืบ แล้วคุณจะทึ่งว่ามันช่วยสร้างพลังงานที่อบอุ่นและสว่างไสวให้แก่บ้านของคุณได้มากเลย อีกวิธีที่น่าสนใจคือการนำพลังงานดีดีจากแสงอาทิตย์เข้ามาใช้ด้วย “วินโดว์ คริสตัล” คือการนำคริสตัลเจียระไน(ถ้าไม่มีใช้วัสดุใกล้เคียงหาซื้อได้แถวสำเพ็งมาร้อยกับเส้นเอ็นใสๆเป็นเส้นๆ)ไปแขวนไว้ที่หน้าต่างแทนผ้าม่านเก่าๆเพื่อให้ดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์เข้ามา และ แสงอาทิตย์มีพลังในการฟื้นฟูทุกๆ สิ่งภายในบ้านของคุณ ทั้งผนัง เครื่องเรือน หมอน เบาะ พรม และผ้าม่าน แสงอาทิตย์ยังนำพลังหยางอันสดใสเข้ามาภายในบ้านด้วย
      8. ให้ใช้ กระแสสายลม ที่ถ่ายเทเข้ามาภายในบ้าน การที่มีกระแสลมพัดเข้ามาเบาๆ ในบ้านเท่ากับเป็นการเชื้อเชิญพลังชี่ใหม่ๆให้เข้ามาสู่บ้าน เป็นวิธีที่ได้ผลในการบำบัดและฟื้นฟูพลังงานในบ้าน ถ้าไม่เป็นเรื่องที่น่าลำคาญจิตใจนัก การแขวนระฆังลมที่ทำจากโลหะและมีเสียงกุ๊งกิ้งไพเราะเวลาต้องสายลมก็เป็นอีกวิธีที่จะนำพลังงานดีดีเข้ามาสู่บ้านของคุณ