Group Blog
 
All Blogs
 
The Drive of Life 5







จากตอนที่แล้ว หวังเส้าเฟินยอมให้หัวเหวินเช่ากลับเข้ามานอนในห้องช่วงที่ลูกสาวอยู่บ้าน
เหวินเช่ายื่นใบลาออกจากบอร์ดบริหาร เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตน
เส้าเฟินยังคงไม่พอใจ แล้วที่ไปนอนกับผู้หญิงอื่นล่ะ จะให้ยกโทษให้ง่ายๆ ได้ไง
ถ้าอยากชดเชยความผิด ก็ต้องทำงานที่ Kwok Wai ต่อไป

หัวเหวินเช่า: ผมจะไปสู้อะไรกับพี่ใหญ่ได้
หวังเส้าเฟิน: ใช่สิ คุณมันคนขี้ขลาด ดีแต่หลบอยู่หลังพี่ชาย





เส้าเฟินเหลือบเห็นชิงหลินอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบเปลี่ยนท่าที

หวังเส้าเฟิน: คุณนี่ซุ่มซ่ามจัง ทำของชั้นตกหมดเลย รีบไปทำงานได้แล้ว
(ทำปากหวานให้ลูกได้ยิน แต่แอบกระซิบด่า) คนทุเรศ
หัวเหวินเช่า: งั้นผมไปนะ แต่คุณยังไม่ได้จูบผมเลย
หวังเส้าเฟิน: (กระซิบ) ลองมาจูบชั้นสิ ชั้นกัดปากคุณขาดแน่





ชิงหลินไม่สบายใจ เธอรู้สึกว่ากลับมาหนนี้อะไรๆ ก็แปลกไป
อย่างงานศพคุณตา ลุงใหญ่ก็ไม่ไป เส้าเฟินได้แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ




หัวเหวินเช่าเข้าไปเก็บของที่ออฟฟิศ ชิงหยูรู้สึกใจหาย
คนครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ทำไมต้องทำเช่นนี้
เหวินเช่าปลอบใจหลานสาว ก็แค่ลาออกจากบริษัทเอง ไม่ได้ตัดอาหลานกันซักหน่อย
ว่างๆ ก็ยังไปช้อปปิ้ง ดื่มน้ำชา ร้องคาราโอเกะกันได้





หัวเหวินฮั่นเข้ามาง้อน้องชายให้อยู่ต่อ
อย่างมากเค้าก็จะบอกซิ่วฟั่นเองว่าเหวินเช่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เหวินเช่าไม่รับความปรารถนาดี
มันก็เหมือนกระดาษเอกสารที่เข้าเครื่องทำลายไปแล้วก็เอากลับคืนมาไม่ได้
(ก็ปริ้นท์ใหม่สิยะ ไม่เห็นจะยาก)

หัวเหวินฮั่น: พี่ก็บอกแกแต่แรกแล้วว่าพี่จะทำทุกอย่างเพื่อ Kwok Wai
หัวเหวินเช่า: อะไร อะไร ก็เพื่อ Kwok Wai
ระหว่างบริษัทก่อสร้างกับน้องชายเนี่ยอะไรสำคัญกว่ากัน
หัวเหวินฮั่น: แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง แล้วแกไม่คิดถึงคนงานนับพันที่บริษัทเราบ้างหรือ
พวกเค้าเชื่อมั่นเรา ที่เราทำงานหนักเพื่อบริษัทมาหลายปี มันไม่มีความหมายรึไง
หัวเหวินเช่า: พี่ถูกเสมอแหละ พี่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย
น่าจะส่งชื่อพี่ไปลงกินเนสบุ้คให้รู้แล้วรู้รอด
หัวเหวินฮั่น: พูดยังไงแกถึงจะยอมเข้าใจ
หัวเหวินเช่า: ยังไงผมก็ไม่เข้าใจ พี่อย่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้มั้ย
พี่จะว่าผมซื่อ ผมเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ทุกวัน ทุกวัน





หวังเส้าเฟินนัดหัวเหวินฮั่นออกมาคุย
คุณหวังยกหุ้นให้สองพี่น้องไว้ไม่น้อย ตอนนี้หวังเส้าเหลียงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Kwok Wai
เขาขู่ว่าจะกลับมายึดตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารคืน แต่สุดท้ายก็เผยไต๋
ที่จริงก็อยากขายหุ้นให้กับหัวเหวินฮั่นนั่นเอง

หัวเหวินฮั่น: Kwok Wai เป็นบริษัทของพ่อคุณนะ ทำไมถึงคิดขายหุ้นให้ผม
หวังเส้าเหลียง: ชั้นเกลียดนาย ถ้าบริษัทขาดทุน ชั้นคงดีใจ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ชั้นถือหุ้นไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่ถ้าบริษัทได้กำไร ชั้นก็ต้องขอบใจนาย ซึ่งชั้นไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่
ชั้นอยากจะขายหุ้นให้นาย คนอื่นจะได้รู้กันซะทีว่าหัวเหวินฮั่นเป็นคนอกตัญญู
จะไม่ซื้อหุ้นชั้นก็ได้นะ แต่ถ้าใครให้ราคาดี ชั้นก็จะขาย
ถึงตอนนั้น มีคนอื่นมาถือหุ้นใหญ่ นายก็คงลำบาก คิดดูให้ดีแล้วกัน





หวังเส้าเหลียงมาไม้นี้ หัวเหวินฮั่นก็กลุ้มใจ ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ ก็ไม่ดีทั้งนั้น
หุ้นของตระกูลหวังคนตระกูลหวังกลับไม่ใส่ใจ ทำไมคนตระกูลหัวต้องมาปวดหัวแทนด้วย
เว่ยหย่งเปียวสนับสนุนให้ซื้อหุ้น ยังไงคนก็มองเหวินฮั่นในแง่ไม่ดีอยู่แล้ว

หัวเหวินฮั่น: ชั้นไม่สนใจว่าใครจะมองชั้นยังไง ชั้นทำตามจิตสำนึกตัวเอง
ชั้นสัญญากับคุณหวัง ว่าตราบใดที่ชั้นยังอยู่ ตระกูล หวังจะเป็นส่วนหนึ่งของ Kwok Wai ตลอดไป
เว่ยหย่งเปียว: คุณหัวครับ ที่คุณควรทำให้ตระกูลหวัง คุณก็ทำไปหมดแล้ว
ทำไมคุณไม่อธิบายให้พวกเค้าฟังล่ะ
หัวเหวินฮั่น: ถ้าพวกเค้ามีเหตุผล ก็คงจะเข้าใจได้เอง ถ้าไม่มีเหตุผล เสียเวลาอธิบายไปก็เท่านั้น

หัวเหวินฮั่นเป็นห่วงน้องชาย เฮ้อ โตแล้วไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด
ยังไงตระกูลหวังกับตระกูลหัวก็เป็นญาติกัน ก็ไม่อยากให้น้องชายต้องลำบากใจ
ถึงเขาจะซื้อหุ้นจากหวังเส้าเหลียง ก็หวังว่าสองตระกูลจะไม่กลายเป็นศัตรูกัน




หวังเส้าเฟินไม่อยากขายหุ้น เธออยากเก็บไว้เป็นทุนในการสู้กับหัวเหวินฮั่น

หวังเส้าเหลียง: จะสู้ยังไง เราสู้กับเค้ามายี่สิบปีแล้ว เคยชนะซักครั้งมั้ย
สู้ผมขายหุ้นเอาเงินมาตั้งต้นทำธุรกิจของตัวเองดีกว่า
หวังเส้าเฟิน: พ่อเพิ่งจะเสียไป เธอก็ขายสมบัติซะแล้ว พ่อรู้ต้องโกรธแน่
หวังเส้าเหลียง: ถ้าพี่ฝันถึงพ่อ บอกท่าน ช่วยอวยพรให้ผมด้วย
ผมจะได้กลับมาแก้แค้นหว่าหมั่นฮอน
ได้เงินแล้ว ผมจะไปทำธุรกิจที่ไต้หวัน พี่จะไปกับผมมั้ย
หรือพี่อยากจะอยู่ที่นี่ จมปลักกับไอ้คนขี้แพ้ล่ะ
พี่ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็บอกผมแล้วกัน






หัวเหวินเช่า: เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าทะเลาะกับเส้าเหลียงอีกเลย
ปล่อยให้เขาทำตามใจเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว คุณก็อย่าคิดกลับไปที่ Kwok Wai อีกเลยนะ
หวังเส้าเฟิน: แล้วไปแล้วเหรอ คุณคิดว่าชั้นจะยอมปล่อยสมบัติพ่อ
ให้อยู่ในมือคนอกตัญญูอย่างพี่ชายคุณหรือ ไม่มีวัน
หัวเหวินเช่า: ผมเป็นห่วงคุณ ไม่อยากให้คุณเป็นทุกข์
หวังเส้าเฟิน: คุณห่วงชั้น หรือห่วงผู้หญิงอื่นกันแน่
พ่อชั้นหลงไว้ใจพี่ชายคุณ ชั้นก็หลงแต่งงานกับคนไม่ซื่อสัตย์
หากไม่มีคนตระกูลหวัง พวกคุณสองพี่น้องคงกลายเป็นขอทานไปนานแล้ว
ไม่อยู่สุขสบายแบบนี้หรอก บอกมาซิ คุณนอนกับผู้หญิงอื่นมาแล้วกี่คน
หัวเหวินเช่า: ผมยอมรับว่าผมไม่ซื่อสัตย์กับคุณ แต่มันคนละเรื่องกันนะ ที่รัก
หวังเส้าเฟิน: อย่ามาที่ร้ก ที่รักนะ ถ้าไม่เห็นกับลูก ชั้นหย่ากับคุณไปนานแล้ว





มัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ทันเห็นลูกสาว
ชิงหลินเสียใจที่พ่อกับแม่จะเลิกกัน ฉากแบบนี้นึกว่ามีแต่ในหนัง ไม่นึกว่าจะเกิดกับตัวเอง




ชิงหลินเตลิดออกจากบ้าน เหวินเช่ากับเส้าเฟินออกตามหา
ฝนก็ตก รถก็ดันยางแตกซะอีก เฮ้อ ทำไงได้ ทั้งสามีทั้งรถบุโรทั่งพอกัน
เหวินเช่าออกไปเปลี่ยนยางกลางสายฝน
ทำเป็นปากแข็งไปยังงั้น ความจริงเส้าเฟินก็ยังรักสามี
อยู่ดีๆ ก็นึกถึงสมัยยังรักกันอยู่





ยังกับจัดคิว รถใหญ่แซงมาเบียด ทำให้เส้าเฟินตกใจ นึกว่าสามีจะโดนรถเฉี่ยวซะแล้ว
ชิงหยูโทรมาบอกว่าชิงหลินอยู่กับเธอ เส้าเฟินจึงหมดห่วงไปเปลาะหนึ่ง





หัวเหวินเช่า: ขึ้นรถเถอะ ฝนตกหนักเดี๋ยวคุณจะเปียกหมด เดี๋ยวผมก็เปลี่ยนยางเสร็จ
หวังเส้าเฟิน: ชีวิตนี้ คุณเคยทำอะไรสำเร็จบ้าง ช่างเถอะ ตามช่างมาเปลี่ยนก็แล้วกัน
หัวเหวินเช่า: เส้าเฟิน ผมขอโทษ รถมันเก่าแล้ว ก็ต้องมีปัญหา
แต่แค่ยางแตกเท่านั้น คุณก็จะทิ้งมันแล้วหรือ เราใช้รถคันนี้มานาน
มันจะผิดยังไงก็ย่อมมีความผูกพันกันบ้าง ผมรู้ว่ารถคันนี้มันไม่มีค่าอะไร
ทั้งเก่า ทั้งดื้อ แถมยังชอบวิ่งผิดทาง แต่อย่าทิ้งมันเลยนะ ให้โอกาสมันเถอะ ยางแตกเราก็ซ่อมได้นี่






หัวเหวินเช่า: ถ้าคุณยังเชื่อมั่น รถคันนี้ก็ยังวิ่งได้ เพราะรถคันนี้ อยากจะพาเราสามคนไปด้วยกันทั้งครอบครัว
ผมสัญญาว่าถ้ารถคันนี่มันวิ่งออกนอกลู่นอกทาง หรือทำให้คุณลำบากอีกล่ะก็
คุณจะขายมันทิ้งเป็นเศษเหล็กซะก็ได้ ให้โอกาสมันอีกสักครั้งเถอะ





จ๊อกกิ้งแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วหรือ ท่าทางอยู่แคนาดาจะเอาแต่เที่ยวสิท่า

หัวชิงหลิน: หัวเจิ้นปัง อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านได้มั้ย
หัวเจิ้นปัง: พ่อแม่ทะเลาะกันอย่างนี้ดีออก
จะได้ฉวยโอกาสหนีไปอยู่แคนาดา เที่ยวให้มันส์ไปเลย
หัวชิงหลิน: พี่ก็ชอบล่ะสิ
หัวเจิ้นปัง: เธอจะตัดสินใจยังไง พี่ก็อยู่ข้างเธอเสมอแหละ




หัวเจิ้นปัง: อ้อ ลืมบอกไป เมื่อคืนพ่อแม่เธอตามหาเธอใหญ่
อาเล็กบาดเจ็บที่มือด้วย แต่เธอคงไม่ซึ้งหรอกใช่มะ
พ่อแม่อยากโง่เองที่เป็นห่วงเป็นใยลูก
อาเล็ก ชิงหลินไม่อยากจะเห็นหน้าอา อากลับไปซะเถอะ
ชิงหลิน ต่อให้พ่อแม่รักเธอ เป็นห่วงเธอแค่ไหน
เธอก็ไม่จำเป็นต้องยกโทษให้พวกท่านหรอก อย่าใจอ่อนง่ายๆ ล่ะ

พูดขนาดนี้ยังไม่เก็ทก็กลุ้มล่ะ ชะแว้บดีกว่า ให้พ่อลูกเคลียร์กันเอง





เหวินเช่าวิ่งตามลูกสาวจนเหนื่อย เลยแว่บไปซื้อไอติมมาง้อ
โธ่ พ่อ หนูไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อย
ชิงหลินเห็นหมั่นเซ็กเลือดออกที่มือ ปรากฏว่าเป็นคนละข้างกับที่บาดเจ็บเมื่อคืน
แค่ซื้อไอติมก็ซุ่มซ่ามหกล้มได้ ถ้าไม่เจ็บตัวลูกสาวจะหายโกรธง่ายๆ ยังงี้มั้ยเนี่ย






หวังเส้าเฟินดีใจที่ลูกสาวหายโกรธยอมกลับบ้าน
เธอตัดสินใจจะไปอยู่กับลูกสาวที่แคนาดา
หัวเหวินเช่าไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาตอบไม่ถูก





หัวเหวินเช่า: ทำไมอยู่ดีๆ คุณตัดสินใจไปแคนาดา
หวังเส้าเฟิน: เส้าเหลียงก็ไปไต้หวัน คุณก็ลาออก
หรือจะให้ชั้นกลับ Kwok Wai ไปสู้กับพี่ชายคุณตามลำพังล่ะ
ชั้นใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างมีความสุขจะดีกว่า ลูกสำคัญที่สุดสำหรับชั้น
หัวเหวินเช่า: แต่การอพยพเป็นเรื่องใหญ่
หวังเส้าเฟิน: ถ้าคุณเห็นชั้นกับลูกสำคัญ ถ้าคุณอยากเริ่มต้นใหม่จริง จะลังเลไปทำไม
หัวเหวินเช่า: ตกลง เราสามคนไปเริ่มต้นกันใหม่ที่แคนาดา




วันนี้ เจิ้นปังอารมณ์ดีแต่เช้า เที่ยวจูบอรุณสวัสดิ์เค้าไปทั่ว
ก็จะทำสัญญาซื้อขายที่ดินแล้วนี่ นาฬิกาดันมาเสียพอดี เกือบไปไม่ทันแล้วมั้ยล่ะ







ทำสัญญาครั้งแรก แม่เลยเตือนพ่อว่าทำไมไม่ให้ปากกานำโชคลูก

หัวชิงหยู: ได้ยินว่าน้องเอาไปแล้วนี่คะ
หัวเหวินฮั่น: เอ๊ะ จะเอาไปทำไม เมื่อกี้ เจิ้นปังว่าจะไปทำสัญญากับบริษัทอะไรนะ




เจิ้นปังงงที่สัญญาไม่เห็นเหมือนที่ตกลงกันไว้

เว่ยเทียนสิง: เธอผิดเองที่ไม่สนใจธุรกิจบริษัทของพ่อเธอ
ถ้าเธอใน่ใจซักหน่อยก็จะรู้ว่าชั้นเป็นใคร
หัวเจิ้นปัง: คุณพูดอะไร พ่อผมเกี่ยวอะไรด้วย





ที่แท้ เว่ยเทียนสิงเคยพ่ายแพ้ให้กับหัวเหวินฮั่น ทำให้เค้าจำฝังใจ

ตอนนั้น เว่ยเทียนสิงกว้านซื้อวัตถุดิบเพื่อโก่งราคา
โรงงานเหล็กร่วมมือกันบอยคอต ถ้าเค้าไม่ยอดลดราคาวัตถุดิบลงก็จะยุติการผลิต
ยอมขาดทุน ก็ไม่ยอมให้เว่ยเทียนสิงขูดรีด
เค้ารู้ตัวว่าสายป่านยาวสู้เหวินฮั่นไม่ได้ จึงต้องยอมเซ็นสัญญาขายวัตถุดิบในราคายุติธรรม





เว่ยเทียนสิงเจ็บใจ เก็บสัญญาฉบับนั้นไว้จนถึงทุกวันนี้
ที่ทำทุกอย่างก็เพื่อความสะใจแค่เนี้ย

เจิ้นปังอึ้งไปเลย ยังมีคนบ้าทำธุรกิจแบบเนี้ยอีกเหรอ
หัวเหวินฮั่นไม่สนใจกับเรื่องไร้สาระ ได้ปากกาคืนแล้วก็กลับกันเถอะ




หัวเหวินฮั่น: แพ้หนนี้ ไม่ใช่ความผิดของลูก
หัวเจิ้นปัง: หนนี้ผมไม่แพ้นะ ผมชนะต่างหากล่ะ
หัวเหวินฮั่น: ธุรกิจก็แบบนี้แหละ ตอนที่แกคิดว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว
ก็มีอะไรพลิกผันตลอด
หัวเจิ้นปัง: วันหน้าผมต้องเอาคืนเค้าบ้าง
หัวเหวินฮั่น: ทำธุรกิจจะเอามาเป็นอารมณ์ไม่ได้
ถ้าคิดอย่างนั้น ลูกจะต่างยังไงกับเว่ยเทียนสิง
ถ้าอยากจะชนะ ก็ต้องแกร่งพอ ถ้าลูกแกร่งพอ ก็ไม่มีใครกล้าหลอกลวงลูก
หนนี้ที่ เว่ยเทียนสิง เลือกลูกเป็นเป้าหมาย เพราะเขารู้ว่าลูกสู้เค้าไม่ได้
หัวเจิ้นปัง: แต่เค้าใช้เล่ห์เหลี่ยมนี่
หัวเหวินฮั่น: เล่ห์เหลี่ยมก็เป็นกลยุทธแบบหนึ่ง คิดซะว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน




ฝ่ายหัวเจิ้นเหวิน ไม่รู้เรื่องรู้ราว ยังเตรียมตัวเปิดร้านอาหารอยู่เลย



เจิ้นปังได้แต่เซ็ง ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คงต้องหาที่ดินผืนใหม่มั้ง
ตอนนี้ก็ปล่อยให้จี้เหม็งรับหน้าลูกค้าไปก่อนละกัน




เจิ้นเหวินโทรมาหาเจิ้นปังก็ไม่เจอตัว อึ้งจี้เหม็งก็พูดจาคลุมเครือ
จะทำหรือไม่ทำก็ไม่บอกให้แน่




เจิ้นเหวินรับปากเพื่อนๆ ว่าจะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อสอบถามให้แน่ชัด
หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น เค้ายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง




สี่ซัมเหยียนได้ข่าวว่าหัวเหวินเช่าประกาศขายบ้านไปแล้ว
หัวเหวินฮั่นเป็นห่วงน้องชาย จะไปรอดรึเปล่าก็ไม่รู้
ขืนไปทำธุรกิจก็คงสู้คนอื่นไม่ได้ จะไปเป็นลูกจ้างเค้าก็ไม่แกร่งพอ
อย่างมากก็ได้แต่เปิดร้านอาหารรอวันเกษียณ

หัวเหวินฮั่น: ชั้นจะไปพูดกับมัน
สี่ซัมเหยียน: อย่าเลยค่ะ พูดไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ
ให้ชั้นเป็นคนไปพูดเองก็แล้วกัน





สี่ซัมเหยียนทำเป็นซื้อปูไปฝาก อยู่ฮ่องกงอาหารอร่อยออก
ไปอยู่ที่อื่นอาจจะไม่ได้กินนะ คิดจะไปจากฮ่องกงจริงๆ หรือ

หัวเหวินเช่า: บ้านก็ขายไปแล้วนี่
สี่ซัมเหยียน: พี่ใหญ่คงคิดถึงเธอ
หัวเหวินเช่า: เหรอ แต่ผมคงไม่คิดถึงเค้าหรอก พี่อย่าพูดแทนเค้าเลยน่า
สี่ซัมเหยียน: เธอไปที่โน่นไม่มีใคร ต้องไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ศูนย์
แน่นอนล่ะ เค้าต้องเป็นห่วงเธอ




แหม โดนขัดจังหวะซะก่อน หัวเหวินหงตั้งใจมาส่งน้องชาย
ถ้าไปแคนาดาแล้วคงเจอกันยาก สี่ซัมเหยียนชวนทั้งคู่ไปกินข้าวบ้าน
ดูหน้าแต่ละคนดิ ดูไม่จืดเลย เห็นแก่พี่สะใภ้ ยอมก็ได้





หัวเจิ้นเหวินมาถึงฮ่องกง ก็รีบโทรหาเจิ้นปังที่บริษัท
ได้ยินแต่เสียงฝากข้อความ ว่างานจะล่าช้าไปประมาณสองอาทิตย์
จึงมาดักรอเจิ้นปังจนพบ

หัวเจิ้นปัง: เจิ้นเหวิน มาฮ่องกงตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่โทรมาบอก จะได้ไปรับ
หัวเจิ้นเหวิน: โทรมา นายเคยเปิดมือถืองั้นเหรอ

หัวเหวินฮั่นเห็นทั้งคู่ที่หน้าคอนโด จึงชวนขึ้นไปบนบ้าน





เจิ้นเหวินรู้ว่าพ่อมาด้วยก็ชักเกรงใจไม่อยากบอก จึงขอตัว
แต่เหวินฮั่นรู้แกว ชวนสองหนุ่มเข้าไปคุยในห้องหนังสือ





หัวเหวินหงเตือนเหวินเช่าให้คิดดูให้ดีก่อนว่าอยากไปจริงหรือ
จริงๆ เหวินเช่าก็สับสน อายุก็ไม่น้อยจะให้ไปปรับตัวกับชีวิตที่แคนาดาคงยากอยู่
แถมต้องไปเริ่มต้นใหม่ อายุก็ปูนนี้จะไปทำอะไรได้
วันวันคงได้แต่คอย คอยกิน คอยนอน แล้วก็คอยวันตาย
แต่ขืนไม่ไปเส้าเฟินมีหวังขอเลิกแน่

หัวเหวินหง: การดื่มไม่แก้ปัญหาหรอก ต้องแก้ที่สาเหตุ
นายคิดว่าชีวิตนายกับครอบครัวนาย อะไรสำคัญกว่าล่ะ
หัวเหวินเช่า: ยังไง ผมก็ขายบ้านไปแล้ว ก็เท่ากับผมตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่หรือ
หัวเหวินหง: ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสนใจใคร เป็นลูกผู้ชายหน่อย
นายมีครอบครัวที่ต้องดูแลนะ





หัวเจิ้นปัง: งานแค่ล่าช้าไปบ้าง พอหาที่ดินใหม่ก็ได้สร้างแน่
หัวเจิ้นเหวิน: นายพูดยังงี้ได้ไง ชั้นสร้างร้านอาหารเฟสแรกไปแล้ว
ถ้านายไม่สร้างโรงแรม ชั้นจะสร้างร้านอาหารทำไม
หัวเจิ้นปัง: ไม่เร็วอย่างนั้นมั้ง
หัวเจิ้นเหวิน: ก็นายบอกว่าจะเริ่มงานภายใน 1 เดือน นายให้ชั้นช่วยสนับสนุน
พอชั้นช่วย นายก็ทิ้งทุ่นกันแบบนี้เหรอ
หัวเจิ้นปัง: ชั้นก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้
หัวเจิ้นเหวิน: นายสร้างปัญหาใหญ่ให้ชั้นแล้วรู้มั้ย ไม่มีโรงแรม ที่ดินแถบนั้นก็ไม่มีค่า
เงินทองที่ลงทุนไปก็สูญเปล่า
หัวเจิ้นปัง: ทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยงกันบ้าง
หัวเจิ้นเหวิน: พูดแบบไม่รับผิดชอบนี่หว่า เงินทองพวกนี้พวกเราทำงานหามาด้วยความยากลำบาก
ลูกคนรวยอย่างนายอาจไม่สะดุ้งสะเทือน แต่พวกเราเดือดร้อน
หัวเจิ้นปัง: จะมาโทษกันได้ยังไง นายเป็นคนขอจัดการเรื่องอาหารการกินเอง
นายเต็มใจทำเองนี่ ชั้นเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ชั้นไม่ได้หลอกนาย ชั้นต่างหากที่ถูกหลอก





หัวเหวินฮั่น: พอแล้ว เจิ้นปัง ความเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ
สัญญาปากเปล่า ก็ถือเป็นสัญญา ยังไม่ทันมีอะไรแน่นอน ก็เที่ยวไปสัญญาลมๆ แล้งๆ
เจิ้นเหวิน เธอเองก็เหมือนกัน ถึงเธอไม่ตั้งใจจะโกงคนอื่น
แต่เธอก็ต้องระมัดระวังในการทำธุรกิจ สัญญาก็ไม่ได้เซ็น เธอจะเรียกร้องอะไรได้
เธอไม่รู้หรือไงว่า ทำธุรกิจก็เหมือนทำสงคราม
ไม่มีใครเค้าสงสารคนที่ลงทุนโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีซะก่อน
ลุงเป็นลุงใหญ่ของเธอ ยังไงลุงก็ต้องช่วย คนหนุ่มนี่น้า
เอ้า นี่เงินหนึ่งแสนเหรียญ ทำไม ไม่พอหรือ
หัวเจิ้นเหวิน: ลุงใหญ่ครับ ที่ผมมานี่ เพราะอยากจะรู้ว่างานจะเลื่อนไปนานแค่ไหน
และมีอะไรที่ผมจะช่วยได้ ลุงพูดถูก การทำธุรกิจต้องอาศัยการตัดสินใจที่ดี
ผมไว้ใจคนผิดก็สมควรแล้ว ผมไม่กล้ารับเงินลุงหรอกครับ
หัวเหวินฮั่น: คิดซะว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน เธอเดินทางมาตั้งไกล
กลับไปมือเปล่าจะสู้หน้าใครได้ รับเงินไปเถอะ





หัวเหวินหง: จะรับมือเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
หัวเหวินฮั่น: หนนี้เจิ้นปังเป็นฝ่ายผิด ชั้นคิดว่าสมควรชดเชยให้เจิ้นเหวิน
หัวเจิ้นปัง: ผมเป็นคนบอกให้เปิดร้านอาหารเอง ผมก็ควรรับผิดชอบ
หัวเหวินหง: ทำธุรกิจก็ต้องมีกำไรขาดทุน ได้ไม่ดีใจ เสียไม่ฟูมฟาย
ถึงเราจะจนก็ไม่ยอมให้ใครเอาเงินฟาดหัว
หัวเหวินฮั่น: เงินฟาดหัวอะไร เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น






หัวเหวินหงไม่พอใจ พาหว่าเจิ้นเหวินกลับ
เหวินฮั่นปวดหัว ที่ทำเพราะหวังดีกับหลาน ทำไมเหวินหงถึงมีอคตินัก

หัวเหวินฮั่น: ถึงเธอจะไม่พอใจพี่ เธอก็ไม่ควรห้ามเจิ้นหมั่นรับเงินจากพี่
รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้
หัวเหวินหง: เจิ้นหมั่น ลูกตัดสินใจเองเถอะ
หัวเจิ้นเหวิน: ขอบคุณครับลุงใหญ่ แต่ผมคงไม่รับ
หัวเหวินฮั่น: ก็นับว่ากล้าตัดสินใจดี แต่ใช้อารมณ์มากไปหน่อย
หัวเจิ้นปัง: ทั้งหมดเป็นความผิดของผม อารอง ถ้าจะโทษก็โทษผมเถอะครับ
พ่อแค่อยากช่วยผมแก้ปัญหาเท่านั้น
สี่ซัมเหยียน: เอาล่ะ เอาล่ะ ไหนๆ เจิ้นหมั่นก็มาด้วย
กินข้าวแล้วค่อยๆ คุยกันดีกว่านะ
หัวเหวินฮั่น: ไม่ว่าพี่ทำอะไร พวกเธอก็ชอบคิดว่าสิ่งที่พี่ทำน่ะผิด
ที่พี่ชดเชยให้เจิ้นหมั่น เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้ลูกหลานกินใจกัน
แค่รุ่นเรามีปัญหากันก็พอแล้ว หรือว่าเธออยากให้คนรุ่นหลังขาดพี่ขาดน้องกัน
พี่ทำผิดตรงไหน






หัวเหวินเช่า: พี่ทำอะไรไม่เคยผิดหรอก พี่ให้พี่สะใภ้ไปห้ามไม่ให้ผมอพยพ
แล้วก็บอกพวกบอร์ดไม่ให้ซื้อหุ้นของผม
หัวเหวินฮั่น: ต่อให้เธอจะไป ก็ไม่ควรโง่ขายหุ้นของตัวเอง
หัวเหวินหง: เหวินเช่ามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ พี่หัดเคารพการตัดสินใจของคนอื่นบ้างไม่ได้หรือไง
หัวเหวินฮั่น: เพราะเค้าตัดสินใจไม่เป็น ชั้นถึงต้องคอยตัดสินใจให้ยังไงล่ะ
มาฮ่องกงตั้งหลายปี ทำงานหนักกว่าจะมาถึงวันนี้
ตอนนี้จะทิ้งทุกอย่างไปมันคุ้มแล้วหรือ ชั้นกลัวว่าจะหมั่นเซ็กจะตัดสินใจผิด ต้องเสียใจไปชั่วชีวิต





หัวเหวินเช่า: ต่อให้ผมตัดสินใจผิด ก็เป็นการตัดสินใจของผมเอง
พี่หัดเคารพการตัดสินใจของน้องๆ บ้างสิ ตอนนั้น พี่จับไม้แดงเพื่อมาฮ่องกง
พี่ก็โกงพี่รอง พี่บอกว่าทำไปเพื่อพี่รอง พี่เกือบทำให้ครอบครัวผมแตกแยก พี่ก็บอกว่าทำเพื่อผม
พี่ไม่เคยทำอะไรผิด พี่คิดว่าทุกคนต้องทำตามพี่คนเดียว
หัวเหวินหง: พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราไปกันเถอะ









Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 19 มกราคม 2554 20:03:47 น. 3 comments
Counter : 1097 Pageviews.

 
เฮ้อ...เซ็งตาหงเจงๆ มีอคติไปหม๊ด


โดย: เมษ์ (Kungga ) วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:19:50:48 น.  

 
แหมๆ คนเขาก็ยังมีอคติบ้างแหละน่าน้องเมษ์ ว่าแต่พ่อตัวดีมันน่าจับตีก้น ไปพูดให้ความหวังแล้วไรบผิดชอบต่อ อย่างนี้ต้องลงโทษ ด้วยอะไรดีน้า555แม่ยกชักมีอากร ขนาดป่วยไข้ก้ขอแวะมาให้เห็นหน้า


โดย: midori IP: 124.120.212.103 วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:21:06:47 น.  

 
ตอนนี้ดูแล้วรู้สึกสงสารลุง หว่าหมั่นฮอน ค่ะ
จริงๆ เค้าก็เป็นคนเผด็จการนะ แต่ก็เจตนาดีกับน้องๆ และลุกหลาน
พอเห็นโดนทุกคนรุมรังเกียจ
ก็รู้สึกสงสารขึ้นมาไงไม่รู้


โดย: O-yohyo IP: 58.9.160.102 วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:22:55:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

magarita30
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add magarita30's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.