Group Blog
 
All Blogs
 
Face To Fate ตอน 4





จากตอนที่แล้ว ฮูหยินเสิ่นกลับมายังสำนัก หลี่ปูยีจำได้ว่านางคือยั่วหลาน

หล่ายเหยิกยี: ฮูหยินเสิ่นท่านงามสมคำร่ำลือจริงๆ
ฮูหยินเสิ่น: ท่านหมอหล่ายล้อเล่นแล้ว
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ ดูสิ แม้แต่ท่านหลี่ยังจ้องท่านตาไม่กระพริบเลย พูดอย่างนี้ ท่านเสิ่นคงไม่ถือข้านะ






หลี่ปูยียังข้องใจว่านางจะใช่ยั่วหลานหรือไม่ แต่นางปฏิเสธ เจ้าสำนักเสิ่นบอกว่าชื่อเดิมนางคือ Mai Tsim

หล่ายเหยิกยี: ท่านสนใจฮูหยินเสิ่นเป็นพิเศษ หรือว่าท่านดูโหงวเฮ้งนางแล้ว มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือ
หลี่ปูยี: จมูกฮูหยินเป็นสันตรง แสดงให้เห็นว่านางเป็นคนเยือกเย็น ไม่ค่อยจะโกรธใครง่ายๆ
แต่โหนกแก้มฮูหยินค่อนข้างสูง บางครั้งนางอาจมุ่งมั่นในการทำงานมาก
ข้าคิดว่านางสับสนเรื่องความรัก แต่สุดท้ายแล้ว นางจะเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง

ท่านหมอหล่ายมองแบบ รู้นะคิดอะไรอยู่





หลี่ปูยีนึกถึงตอนที่ได้รู้จักกับยั่วหลานครั้งแรก พวกเค้าช่วยหญิงสาวจากอันธพาล




ต่อมาทั้งคู่สนิทสนมกันจนกลายเป็นความรัก หากอยู่ดีๆ ยั่วหลานกลับจากไปโดยไม่อำลา
หลี่ปูยีไม่อาจตัดใจทิ้งกล้วยไม้ที่เค้าตั้งใจมอบให้นางได้ จึงเก็บดอกกล้วยไม้เอาไว้

เห็นดอกไม้ก็เหมือนเห็นสาวในดวงใจว่างั้นเถอะ





ท่านหมอหล่ายตามมากวนน้ำให้ขุ่น

หลี่ปูยี: มาทำไม มีอะไรให้ข้าช่วย
หล่ายเหยิกยี: ข้าว่าเจ้าน่าจะคิดออกนะ
หลี่ปูยี:วันนี้เกิดเรื่องตั้งมากมาย ใครจะไปจำได้
หล่ายเหยิกยี: ก็จริงนะ โชคชะตานี่ช่างเป็นเรื่องไม่คาดคิดจริงๆ ใครจะไปนึกว่าคนอย่างหลี่ปูยียังมีเรื่องที่คาดคำนวณไม่ได้ ว่าแต่คนรักเก่าที่ชอบปลูกกล้วยไม้ของท่านคือฮูหยินเสิ่นใช่มั้ย (เอ่อม ถามกันดื้อๆ อย่างนี้เลยเหรอจ๊ะท่านหมอหล่าย)
หลี่ปูยี: สตรีที่ชอบปลูกกล้วยไม้มีตั้งมากมาย
หล่ายเหยิกยี: แต่นางทำให้เจ้าไม่เป็นตัวของตัวเอง แถมยังทำให้เจ้าทำนายผิดพลาดอีกต่างหาก ข้าว่าคงจะมีแต่ฮูหยินเสิ่นที่ทำได้
หลี่ปูยี: อย่าเข้าใจผิดนะ เจ้าไม่ควรพูดแบบนี้ จะเสื่อมเสียถึงฮูหยิน
หล่ายเหยิกยี: เจ้าจะหลอกคนอื่นด้วยคำพูดอย่างไรก็ได้ แต่สายตาเจ้ามันฟ้อง





เสิ่นฉินหงยังคงดื้อถึงว่านางไม่ผิดที่หนีลงจากเขา ก็พ่อเป็นคนสอนให้กำจัดคนชั่วอภิบาลคนดีเองไม่ใช่เหรอ แล้วนางทำตามเนี่ยมันผิดตรงไหน

เสิ่นซิงหนาน: ถ้ายังไม่สำนึก ข้าจะลงโทษให้เจ้าอยู่ที่ผาสำนึกตนไปจนตลอดชีวิต
ฮูหยินเสิ่น: ท่านพี่ ฉินหงยังเด็ก ท่านพี่ค่อยๆ สอนนางเถอะ
เสิ่นฉินหง: ไม่ต้องมาขอร้องแทนข้าเลย
เสิ่นซิงหนาน: เจ้า
ฮูหยินเสิ่น: ท่านพี่ ใจเย็นๆ ค่ะ
เสิ่นซิงหนาน: (ใจอ่อนขึ้นมาเชียว) ได้ เห็นแก่แม่เจ้า ข้าจะยกโทษให้เจ้าสักครั้ง





เสิ่นซิงหนาน: ตั้งหลายปีแล้ว ทำไมนางยังไม่ยอมรับเจ้าซะที
ฮูหยินเสิ่น: ท่านจะโทษนางก็ไม่ได้ อย่างไรข้าก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของนาง
เสิ่นซิงหนาน: แต่นับวันนางยิ่งดื้อดึง
ฮูหยินเสิ่น: อาจบางทีเพราะพวกท่านพ่อลูกไม่ค่อยได้พูดคุยกัน ข้าคิดว่าฉินหง ก็กดดันไม่น้อย เพราะนางเป็นลูกสาวท่าน ท่านย่อมคาดหวังต่อนางกว่าศิษย์อื่น
นางเองก็อยากทำได้อย่างที่ท่านคาดหวัง จึงยิ่งพยายามหนักขึ้น สุดท้าย นางก็คิดว่าท่านจู้จี้กับนางมากไป ส่วนท่านก็คิดว่านางหัวแข็ง
เสิ่นซิงหนาน: ถูกของเจ้า




เจ้าสำนักหวงซาน เตี่ยมชัง และ Ngan tong ต่างถกเถียงกันหาตัวแทนคนใหม่แทนสามคนที่ตายไป
ยังไม่ทันจะสู้กับศัตรูเลย ก็ไม่สามัคคีกันซะแล้ว
หลี่ปูยีเสนอให้เชิญยอดฝีมือที่เคยถูกขับออกจากสำนัก กลับมาช่วยเหลือ ทุกสำนักล้วนปฏิเสธ
แถมยังสงสัยว่าเค้ามีนอกมีในอะไรกับฝ่ายอธรรมรึเปล่า งั้นอยู่ไปก็คงเปล่าประโยชน์ ทางใครทางมันละกัน




ศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่ค่อยสบายใจ แถมยังมาโดนศิษย์สำนักอื่นเสียดสีที่เป็นคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้
(จะบอกว่ายิ่งที ยิ่งรำคาญพวกฝ่ายธรรมะทั้งหลายอ่ะค่ะ ไม่เห็นมีดีเลย ยกเว้นท่านเมิ่นก็ดันซี้ไปซะแล้ว)

เสิ่นซิงหนานไม่พอใจที่พวกฝ่ายธรรมะต่อว่าบิดานางว่าปกป้องแต่ศิษย์ตัวเอง จนเกือบมีเรื่องกัน
ดีที่ศิษย์พี่รองห้ามไว้ทัน ศิษย์พี่ใหญ่ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ คิดว่าเพราะเค้าเป็นต้นเหตุ รู้งี้น่าจะตายไปซะดีกว่า





ศิษย์น้องได้แต่หวังว่าท่านหมอหล่ายจะช่วยรักษาอาการศิษย์พี่ใหญ่ให้ดีขึ้นได้
เพื่อเตรียมรับมือฝ่ายอธรรม ศิษย์เขาปลาบินจึงขยันฝีกกระบี่ เยี่ยม่งเซอะเห็นกระบี่ของเสิ่นฉินหงบิ่นไป จึงเตือนให้นางอย่าลืมหากระบี่เล่มใหม่





หลี่ปูยีขอให้เจ้าสำนักเสิ่น นำข้อเสนอของเค้าไปพิจารณาให้รอบคอบ
ระหว่างนั้นฮูหยินเสิ่นกับ เยี่ยม่งเซอะนำชามาให้เจ้าสำนักเสิ่น
เยี่ยม่งเซอะมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีกับหลี่ปูยีเท่าไหร่ ยังไงก็เป็นคนนอก มาเจ๋ออะไรกับเรื่องของฝ่ายธรรมะเค้า




หลี่ปูยีรู้ตัวว่าเค้าไม่ควรอยู่ที่สำนักเขาปลาบินนาน เค้าจึงตัดสินใจว่าจะจากไปในวันพรุ่งนี้ สบอารมณ์เยี่ยม่งเซอะพอดี ก็เล่นมองหน้าอาจารย์หญิงเรื่อยเลย



หลี่ปูยีพบกับศิษย์พี่ใหญ่ ซ่งหว่าเตินโดยบังเอิญ เค้ากลับคิดว่าหลี่ปูยีมาตามหาเค้า

ซ่งหว่าเติน: ท่านมาหาข้าทำไม หรือว่าชะตาข้าถึงฆาตจริงๆ
หลี่ปูยี: โลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าชะตากำหนด ดูอย่างกระถางกล้วยไม้ใบนี้สิ ถ้าข้าปล่อย มันคงจะตกแตก

หลี่ปูยีแกล้งปล่อยกระถางให้ตก แต่ใช้เท้ารับไว้กระถางจึงไม่แตก

หลี่ปูยี: หากเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้ ข้าจะสอนวิธีได้โชคดี และหลีกเลี่ยงโชคร้ายได้อย่างไร
คนเราอาจจะรู้ว่าชะตาเป็นอย่างไร แต่ไม่จำเป็นต้องยอมรับมัน
ศิษย์พี่ใหญ่: แต่สิงที่เกิดขึ้นแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้

ศิษย์พี่ใหญ่เล่าให้หลี่ปูยีฟังว่า 15 ปีที่แล้ว เค้าทำให้ศิษย์น้องต้องตาย
ตอนนั้นเค้ากับศิษย์น้องเดินทางไปกำจัดคนชั่ว ศิษย์น้องถูกหัวหน้าโจรจับเป็นตัวประกัน
แต่อารามอยากจับโจร เค้าไม่ได้ห่วงใยศิษย์น้อง สุดท้ายศิษย์น้องจึงต้องตาย
หลายคืนมานี้ เค้าฝันถึงศิษย์น้องจนไม่รู้จะทำอย่างไร

หลี่ปูยี: ใครบ้างไม่เคยทำผิด เจ้าต้องปล่อยวางซะบ้างนะ ศิษย์น้องเจ้าอยากกำจัดคนชั่ว ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะทำให้ความหวังของศิษย์น้องเจ้าเป็นจริง

หลี่ปูยีสัญญาว่าเค้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครอย่างเด็ดขาด





คืนนั้น ศิษย์พี่ใหญ่ก็ฝันร้ายอีกจนได้ หลี่ปูยีเองก็สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี จึงมาหาเค้าที่ห้อง
แต่เค้าก็ไม่อยู่ พอดีพบกับท่านหมอหล่าย พวกเค้าตามไปพบศิษย์พี่ใหญ่ฆ่าตัวตายที่ผาสำนึกตน
เมื่อตรวจสภาพศพ พบว่าเค้าตายไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ตายมานานขนาดนี้ หมอเทวดาก็ช่วยไม่ได้





ทุกคนต่างไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างศิษย์พี่ใหญ่จะฆ่าตัวตาย ท่านหมอหล่ายคิดว่าอาจเป็นเพราะใจปีศาจทำให้เค้าเห็นสิ่งที่เค้าเกลียดกลัวที่สุด และไม่สามารถกำจัดมันได้ จึงฆ่าตัวตาย

เยี่ยม่งเซอะ: ก็เจ้ารักษาเค้าแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเค้ายังฆ่าตัวตายอีกล่ะ เจ้าไม่ควรได้ชื่อว่าหมอเทวดาเลย
หล่ายเหยิกยี: เอ งั้นข้าควรจะไปฆ่าตัวตายซะอีกคนเลยดีมั้ย
เสิ่นซิงหนาน: ม่งเซอะกับหว่าเตินรักกันเหมือนพี่น้อง นางกำลังเสียใจ อาจพูดเกินเลยไปบ้าง หวังว่าท่านหมอหล่ายจะใจกว้าง





หาเรื่องท่านหมอหล่ายไม่ได้ ก็มาหาเรื่องหลี่ปูยีต่อ

เยี่ยม่งเซอะ: หลี่ปูยี เมื่อคืนเจ้าพูดอะไรกับศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเห็นเจ้าอยู่กับเค้า
หลี่ปูยี: ข้ากับเค้าไม่ได้พูดอะไรกันเลย
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่เหรอ ตั้งแต่เจ้าปรากฎตัว ศิษย์สำนักฝ่ายธรรมะตายกันไปกี่คนแล้ว เจ้าชอบพูดจาไร้สาระ ทำให้คนต้องตาย วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า

อารมณ์ร้อนจริงแม่คุณ อาจารย์ห้ามแทบไม่ทัน
ไม่ว่าใครจะถามยังไง หลี่ปูยีก็ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่องอย่างเดียว




หล่ายเหยิกยี: พี่หลี่ ถ้าเจ้ารู้ว่าทำไมคุณชายซ่งถึงทำเช่นนั้น เจ้าก็บอกพวกเรามาเถอะ
หลี่ปูยี: ขอโทษ ข้าบอกไม่ได้
หล่ายเหยิกยี: ถึงเจ้าไม่บอก ข้าก็พอเดาได้





ท่านหมอหล่ายสวนทางกับเจ้าสำนักคงท้งซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงสำนักเขาปลาบิน
เจ้าสำนัก Kwok มองเค้าด้วยสายตาแปลกๆ




เยี่ยม่งเซอะและเสิ่นฉินหงเก็บข้าวของศิษย์พี่ใหญ่ พวกนางชวนกันไปเซ่นไหว้พี่ใหญ่ที่ผาสำนึกตน
ระหว่างทางได้ยินศิษย์สำนักเตี่ยมชัง และ Ngan Tong พูดจาเหยียดหยามศิษย์พี่ใหญ่
ฉินหงไม่พอใจ คิดจะสั่งสอน แต่ม่งเซอะห้ามปรามไว้ นางเกรงอาจารย์รู้เข้าจะเป็นเรื่อง
ฉินหงอ้างว่านางรับปากอาจารย์จะจัดการเรื่องโลงศพให้กับศิษย์พี่ใหญ่ จึงขอตัวกับม่งเซอะ






ฉินหงลงมือสั่งสอนศิษย์เตี่ยมชังและ Ngan Tong ศิษย์ที่ถูกทำร้ายสังเกตุเห็นกระบี่ของนางบิ่น



ฮูหยินเสิ่นขอร้องให้หลี่ปูยีเปิดเผยความลับของศิษย์พี่ใหญ่

หลี่ปูยี: ข้าไม่มีอะไรจะบอกท่าน ข้าสัญญากับจอมยุทธ์ซ่งไว้ว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้
ฮูหยินเสิ่น: มันยากนักหรือที่จะพูดความจริง
หลี่ปูยี: ท่านอยากรู้ความจริง แล้วท่านล่ะ เคยมีความลับที่ไม่อยากบอกใครหรือไม่
ที่จริง คนเราล้วนมีความลับ ท่านเองยังไม่อยากเปิดเผย แล้วทำไมถึงอยากรู้ความลับของคนอื่นเล่า
ฮูหยินเสิ่น: ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหลี่ ลาก่อน





หลี่ปูยี: ยั่วหลาน ข้าขอโทษ
ฮูหยินเสิ่น: ทำไมท่านต้องขอโทษ อย่างที่ท่านพูด คนเราล้วนมีความลับที่ไม่อยากเปิดเผย
ข้าสิต้องขอโทษท่านที่จากท่านมาโดยไม่ได้บอกลา ความจริง ก่อนที่ข้าจะพบกับท่าน ข้าได้หมั้นหมายกับเสิ่นซิงหนานแล้ว
แม้ข้าจะหวั่นไหวใจ แต่สุดท้ายแล้ว ข้าต้องทำตามขนบประเพณี ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวัง
หลี่ปูยี: ไม่เคยมีใครที่ทำให้ข้ารักอย่างลึกซึ้งเช่นท่านมาก่อน ข้าไม่เคยลืมท่าน

ฮูหยินเสิ่นได้ยินเสียงคนแอบฟัง นางจำผ้าเช็ดหน้าได้ว่าเป็นของม่งเซอะ





ยังไม่ทันที่ฮูหยินเสิ่นจะได้อธิบายให้ม่งเซอะฟัง ก็เกิดเรื่องใหญ่เสียก่อน
บรรดาเจ้าสำนักต่างเรียกร้องความเป็นธรรมที่ลูกศิษย์ถูกทำร้าย
พวกเค้าต้องการให้ตรวจกระบี่ของศิษย์สำนักเขาปลาบินเพื่อหาคนผิด
เยี่ยม่งเซอะรู้ทันทีว่าต้องเป็นฝีมือของศิษย์น้องสี่แน่นอน





เยี่ยม่งเซอะเกรงอาจารย์จะลงโทษบุตรสาว นางจึงยอมรับสารภาพเอง
เจ้าสำนักเตี่ยมชังและหวงซานกดดันให้เจ้าสำนักเสิ่น ลงโทษศิษย์เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
แม้ว่าเจ้าสำนัก Ngan Tong จะเห็นว่าไม่ควรลงโทษรุนแรง แต่เจ้าสำนักเสิ่นก็ตัดสินใจขับเยี่ยม่งเซอะออกจากสำนัก






เรื่องยังไม่ทันเรียบร้อย เจ้าสำนักเสิ่นก็ต้องปวดหัวเมื่อศิษย์มารายงานว่าเจ้าสำนักคงท้งเกิดสู้กับท่านหมอหล่าย

เจ้าสำนักคงท้ง: เห็นแก่หน้าเจ้าสำนักเสิ่น ข้าจะละเว้นชีวิตเจ้าซักครั้ง
หล่ายเหยิกยี: ฮูหยินเจ้าทิ้งเจ้าไป เกี่ยวอะไรกับข้า เห็นแก่หน้าเจ้าสำนักเสิ่น ข้าจะยอมละเว้นชีวิตเจ้า
หลี่ปูยี: เจ้าทำอะไรอีกล่ะ
หล่ายเหยิกยี: เปล่านี่ ข้าแค่ร่วมดื่มสุรากับฮูหยินเค้าครั้งเดียว หลังจากนั้น ข้าก็ไม่เจอนางอีก
เจ้าสำนักคงท้ง: ได้ยินมันยอมรับแล้วใช่มั้ย
หล่ายเหยิกยี: ที่ข้าบอกฮูหยินเจ้าไปถูกต้องแล้ว นางเป็นสตรีที่สุภาพนุ่มนวล ไม่น่ามาแต่งงานกับคนหยาบกระด้างเช่นเจ้า นางทิ้งเจ้าไปก้ดีแล้วนี่
เจ้าสำนักคงท้ง: มิน่าล่ะ คนถึงว่าเจ้าเป็นคนสารเลวมากตัณหา
หล่ายเหยิกยี: คนเค้าพูดเจ้าก็เชื่อ หากข้าจะจีบผู้หญิงซักคน นางต้องงามเหมือนฮูหยินเสิ่นสิ (อ้าว ปากเหรอท่านหมอ)

เจ้าสำนักเสิ่นไม่พอใจที่ท่านหมอหล่ายพูดจาล่วงเกินฮูหยินครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ไล่ก็เหมือนไล่
ท่านหมอหล่ายจึงคิดจากไป หลี่ปูยีจึงตัดสินใจไปกับเค้าด้วย ลูกสุพรรณดีมาก






ศิษย์พี่รอง และศิษย์ทุกคนช่วยกันขอร้องอาจารย์ให้เห็นใจม่งเซอะอย่าขับไล่นางออกจากสำนัก
เจ้าสำนักเสิ่นประกาศว่าหากยังมีใครขอร้องแทนนางอีกจะต้องโดนขับไล่ออกจากสำนักเช่นกัน

เยี่ยม่งเซอะมากราบลาอาจารย์ อาจารย์ไม่ยอมแม้แต่จะเหลือบมองนาง ทำให้นางเสียใจมาก






ฮูหยินเสิ่นมาส่งเยี่ยม่งเซอะนางไม่เชื่อว่าม่งเซอะจะเป็นคนทำร้ายศิษย์สำนักอื่น
แต่สถานการณ์ตอนนี้ 5 สำนักต้องร่วมใจกันต่อต้านฝ่ายอธรรม อาจารย์นางจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้
ฮูหยินรับปากว่าหลังจบการประลองยุทธ์กับฝ่ายอธรรม นางจะขอร้องเจ้าสำนักให้รับม่งเซอะกลับเป็นศิษย์อีกครั้ง
เยี่ยม่งเซอะขอร้องให้อาจารย์หญิงช่วยดูแลอาจารย์แทนนางด้วย




ระหว่างเดินทาง เยี่ยม่งเซอะพบเหตุการณ์ศพถูกขโมย นางจึงคิดจะสืบหาต้นตอ



ม่งเซอะออกสำรวจสุสานยามราตรี นางโดนคนร้ายซัดฝ่ามือใส่จนสลบไป








Create Date : 23 ธันวาคม 2549
Last Update : 1 ธันวาคม 2550 9:45:59 น. 5 comments
Counter : 1034 Pageviews.

 
กำลังสนุกเลยค่ะหลี่ปูยีมีเพื่อนดีจริง


โดย: midori IP: 124.120.203.170 วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:20:08:55 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ ขอมาโม้ตอน 4 เลยละกัน

ท่านหมอหล่ายกวนโอ๊ย ได้ใจม๊ากมาก

เจ้าชู้ก็ม๊ากมาก แล้วใครจะได้คู่กับท่านหมอหล่ายเนี่ย

บท Yip Mung-sik น่ารำคาญจังค่ะ
โห..ไม่เคยมองใครแง่ดีเลยเหรอไง
สงสารหลี่ปูยีค่ะ
สมแล้วที่โดนท่านหมอหล่ายกัดตลอด

เรื่องนี้ดูมีปมน่าติดตามดีนะคะ
แต่ใจปีศาจเนี่ย คลี่คลายง่ายไปหน่อยอ้ะ
ยังไม่ท่านได้ให้ท่านหมอหล่ายแสดงฝีมือเลย

ปล. ช่วงนี้ o-yo ก็ป่วย หากท่านหมอหล่ายอารมณ์ดี
วานเจียดยาให้ด้วยนะคะ
ส่วนค่าตอบแทน ไปเก็บที่แม่ยกฟงละกันค่า
เห็นว่าเตรียมช็อคกาจุ๊บไว้ให้ด้วยน้า


โดย: O-yohyo IP: 58.9.160.20 วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:20:56:37 น.  

 
ท่านหมอหล่ายเค้าหลายใจไปซักนิด แต่พอถึงตอนรักจริง เค้าก็จริงจังน้า แม่ยกเป็นพยานจ้า

ขอตัวไปเอนเตอร์เทนท่านหมอหล่ายก่อนนะคะ จะได้อารมณ์ดีมาเจียดยาให้ o-yo ได้


โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 27 ธันวาคม 2549 เวลา:16:26:55 น.  

 
หนุกจังเลยค่ะ

ชักจะชอบท่านหลี่แล้ว อิๆ

ท่านหมอนี่เป็นตัวของตัวเองดีจัง ชอบคูร2เลยอย่างงี้


โดย: เมษ์ (Kungga ) วันที่: 24 มีนาคม 2550 เวลา:2:56:56 น.  

 
เร่งสนุกแล้ว อ่านๆไปเหมือนการ์ตูนสืบสวนเลย จบเรื่องหนึ่งมีอีกเรื่องขึ้นมา ชอบแนวนี้ครับ


โดย: กุนซือ(เสธ) IP: 202.29.54.62 วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:19:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

magarita30
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add magarita30's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.