Group Blog
 
All Blogs
 
ไทเก๊ก หมัดทะลุฟ้า The Master of Taichi ตอน 4





ไทเก๊ก หมัดทะลุฟ้า The Master of Taichi ตอน 4



ซ่งชิงช่วยชุนเสื้อผ้าที่ขาดให้กับฟงหนิน

เหมยฟงหนิน: ข้าซุ่มซ่ามจะตาย ชุนไปเดี๋ยวข้าก็ทำขาดอีก
ซ่งชิง: ขืนไม่ชุน เสื้อเจ้าได้เป็นผ้าขี้ริ้วแน่
เหมยฟงหนิน: ดีออก ข้าจะได้เหมือนโม่หม่า ยังกับพี่น้องกันเลย
ซ่งชิง: เหมือนตรงไหน โม่หม่าน่ะ ต่อให้เขาใส่เสื้อผ้าขาดๆ ก็ดูสมชายชาตรี
ส่วนเจ้าน่ะเหรอ ใส่แล้วดูเหมือนขอทานมากกว่า
เหมยฟงหนิน: เดี๋ยวนี้ เวลาพูดถึงโม่หม่า ดูเจ้าไม่ค่อยรังเกียจเขาแล้วนะ
ซ่งชิง: ข้ารู้แล้วว่า เขาดูเย็นขา แข็งกระด้างก็แค่ภายนอกเท่านั้น
เหมยฟงหนิน: ในที่สุด เจ้าก็เข้าใจ
ซ่งชิง: ข้ากับเขาต่างเป็นเด็กกำพร้า ข้าก็เหมือนกับเขา
ข้าย่อมเข้าใจเขาดีกว่าคนอื่น
เหมยฟงหนิน: เจ้ากับเขาไม่เหมือนกันซักหน่อย
ซ่งชิง: ทำไมไม่เหมือน
เหมยฟงหนิน: ตั้งแต่แม่ข้ารับเจ้ามาเลี้ยงดู เจ้าก็ไม่ใช่เด็กกำพร้าอีกต่อไป
เจ้ามีแม่ และเจ้าก็มีข้าด้วย

สองคนคุยกันหนุงหนิง บาดใจเหยียนฉีเฉียวซะจริงๆ





ฉีเฉียวไม่กล้าขอให้ฟงหนินเลิกกับซ่งชิง
แต่ก็ไม่ยอมให้ฟงหนินทิ้งเธอเช่นกัน
ในเมื่อเธอเป็นคนของฟงหนินแล้ว เธอต้องได้เป็นเมียหลวง

อ้าว จะได้ไง ก็ซ่งชิงเป็นคู่หมั้น ต้องมาก่อนดิ
ยังไงฉีเฉียวก็ไม่ยอม มารดาของเธอไม่ได้แต่งงานกับบิดา
ทำให้เธอเป็นเด็กที่ไม่ได้รับการยอมรับ
เธอไม่อยากให้ลูกต้องมาเจ็บปวดใจเหมือนเธอ

เห็นน้ำตาคนรัก ฟงหนินก็ตัดสินใจไม่ถูก ขอคิดดูก่อนละกัน





จื้อกุ้ยใช้สมุนไพรที่โม่หม่าให้มา รักษาแผลบนใบหน้า
ใช้ไป ก็คิดถึงคนให้ไป




ตัดฟืนมาทั้งวัน ยังมีแรงมาขอฝึกวิชาอีก
แรงดียังกับวัวแน่ะ
โม่หม่าไม่เห็นแปลก คนฝึกกังฟู ไม่ได้สำคัญที่ความแข็งแรงหรอกหรือ

กวนซานเยวี่ย: อ้อ ใช้แข็งสู้กับแข็งนะ
แล้วถ้านักชกรัสเซียแข็งแกร่งกว่าเจ้าล่ะ
โม่หม่า: คู่ต่อสู้ยิ่งแกร่ง ข้าต้องแข็งแกร่งกว่า
กวนซานเยวี่ย: เจ้าอายุยังน้อย และแข็งแกร่ง
ส่วนอาจารย์อายุมากแล้ว แรงก็ไม่ค่อยมี
ทำไมเจ้าไม่เคยเอาชนะอาจารย์ได้เลยล่ะ
สู้กันด้วยกำลัง ต่อให้ชนะได้ ก็มีแต่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องบาดเจ็บ
หรือต้องเปรียบว่าใครบาดเจ็บกว่าใคร
วิถีของไทเก๊ก ต้องไม่เป็นฝ่ายจู่โจม ต้องไม่ใช้กำลัง ไม่ปะทะโดยตรง
ยืมกำลังคู่ต่อสู้มาโจมตีจุดอ่อนของเขา
หากเจ้าเป็นฝ่ายจู่โจม จะรู้จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้อย่างไร
เจ้าไม่ควรประมาทนักชกรัสเซีย เฮ้อ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ




โม่หม่ากลัวอาจารย์ไม่สอนวิชา รีบบอกว่าเข้าใจขึ้นมาเชียว
สู้ไปสู้มา ไม่เห็นเข้าใจที่อาจารย์พูดซะหน่อย
เลยเจออาจารย์น้อคสลบ






ฟงหนินตั้งใจมาหาโม่หม่าเพื่อขอคำปรึกษา
อาจารย์กวนช่วยเอง ไม่มีปัญหาอะไรแก้ไขไม่ได้
แล้วเรื่องผู้หญิงล่ะ อาจารย์จะช่วยได้ไหม

เรื่องของเรื่อง ก็อยู่ที่ความอยากได้ อยากเป็น
แต่มีได้ก็ต้องมีเสีย ของอย่างนี้ต้องปล่อยวาง
เอาเป็นว่า เรื่องนี้ต้องค่อยๆ จัดการ ไม่งั้นอาจแห้วทั้งคู่

อือม ตกลงอาจารย์ช่วยได้มั้ยเนี่ย




จื้อกุ้ยเป็นเพื่อนฉีเฉียวซื้อติ๋มซำไปฝากฟงหนิน
ดูท่าพี่สาวคนนี้จะไม่ยอมแต่งกับใครนอกจากฟงหนินแน่ๆ

จื้อกุ้ยขอตัวไปพบโม่หม่า เขาสัญญาจะเอาสมุนไพรรักษาแผลมาให้




ฟงหนินคิดตก หากคิดเอาชนะ ก็ไม่มีใครชนะ
ไหน ไหน ฉีเฉียวก็เป็นฝ่ายมาทีหลัง ขอให้ยอมเป็นเมียน้อยเถอะ
สำหรับฟงหนิน เมียหลวง เมียน้อย ก็รักเท่ากัน จะเอาชนะคะคานไปทำไม




ฉีเฉียวกลัวหนูที่วิ่งเข้ามาในห้อง เลยเผลอตัวใกล้ชิดฟงหนิน
ความจริงเธอก็ไม่เรียกร้องอะไรมาก ขอแค่ฟงหนินทำตามประเพณี
อย่าให้เธอเป็นแบบแม่ ก็พอใจแล้ว





ซ่งชิงบังเอิญแวะมาหาฉีเฉียวที่ห้อง
เลยได้เห็นภาพบาดตาเข้าไปเต็มๆ อย่างนี้เขาเรียกจับชู้คาเดียงใช่ปะ





ซ่งชิงเดินเปะปะไปถึงสะพานที่จื้อกุ้ยนัดกับโม่หม่า
จื้อกุ้ยเห็นอาการของเธอ ก็รู้ว่าซ่งชิงรู้เรื่องฟงหนินกับฉีเฉียวเข้าให้แล้ว
อย่าเสียใจไปเลย ความรักผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ยากจะควบคุมได้

ซ่งชิง: เจ้าไม่เข้าใจ นอกจากครอบครัวนี้ ข้าไม่มีอะไรอีก
ตอนนี้ แม้แต่ครอบครัวข้าก็ไม่ม่
เหยียนจื้อกุ้ย: ตกลง เจ้าเสียดายครอบครัว หรือเสียดายฟงหนินกันแน่
ใช่ว่าจะต้องเป็นสามีภรรยากันจึงจะนับว่าเป็นครอบครัว
พี่น้องก็เป็นครอบครัวเดียวกันได้

โอ้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นน้องจื้อกุ้ย พูดจามีเหตุผลกับเขา






ฟงหนินตามมาง้อซ่งชิง พอดีโม่หม่าเพิ่งมาถึง
โม่หม่าโกรธแทนซ่งชิง อย่างนี้ต้องชกให้รู้สึกตัวซะมั่ง
ซ่งชิงรับภาระทางบ้านทุกอย่าง ยังจะทำผิดต่อเธอ คิดจะทิ้งเธออีกหรือ
ฟงหนินยืนยันว่าไม่เคยคิดทิ้งซ่งชิง





แล้วจะเอายังไง แค่สำนึกผิดไม่มีประโยชน์
บอกมาเลยว่าระหว่างซ่งชิงกับฉีเฉียวจะเลือกใคร




จื้อกุ้ยไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เรื่องในครอบครัวให้เขาตัดสินใจกันเอง
คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว โม่หม่าไม่พอใจผลักจื้อกุ้ยกระเด็น
ไม่เกี่ยวได้ไง หากวันนี้ฟงหนินไม่เลือกซ่งชิง โม่หม่าไม่ยอมรามือแน่
ฟงหนินยืนยันว่าเขาไม่คิดทิ้งซ่งชิง งั้นก็ดีแล้ว อย่าให้รู้แล้วกันว่าทำผิดต่อซ่งชิงอีก






โม่หม่ามัวแต่ฉุนฟงหนินจนลืมเอายาให้จื้อกุ้ย
เธอจึงรีบตามเขามา

เหยียนจื้อกุ้ย: จะโกรธไปทำไม เรื่องความรักไม่มีถูกผิด
ท่านไม่ใช่พวกเขา ย่อมไม่เข้าใจ
โม่หม่า: ข้ารู้แต่ลูกผู้ชายต้องมีความรับผิดชอบ
ตอบแทนน้ำใจคนอื่น ด้วยนำใจ
เหยียนจื้อกุ้ย: แล้วท่านเอาสมุนไพรมาให้ข้าทำไม
เพราะมีน้ำใจหรือสำนึกผิด
โม่หม่า: ก็บอกแล้วว่าที่ข้าฆ่าหวงซุ่นไม่เกี่ยวกับเจ้า
เหยียนจื้อกุ้ย: แล้วแผลบนใบหน้าข้าล่ะ
โม่หม่า: เจ้าบาดเจ็บเพราะช่วยข้า ข้าก็ต้องช่วยรักษาเจ้าสิ
เหยียนจื้อกุ้ย: แล้วต่อไปล่ะ
โม่หม่า: ทายานี้แล้ว หน้าเจ้าก็จะไม่เป็นแผลเป็นแน่

โม่หม่าเอ๊ย ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้จิตใจสาวหวั่นไหวไปซะแล้ว





สุดท้าย ซ่งชิงกลับยอมถอนตัว ยกเลิกการหมั้นหมาย
ตอนแม่ฟงหนินจัดการเรื่องหมั้นหมาย ก็ไม่เคยถามความสมัครใจของฟงหนิน
ส่วนเธอเอง ก็ยอมหมั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณตระกูลเหมยที่เลี้ยงดูเธอมา
เมื่อฟงหนินมีคนรัก สู้ซ่งชิงหลีกทางให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน
ก็นับว่าเธอได้ตอบแทนบุญคุณเหมือนกัน
อีกอย่างเธอเองกับฟงหนินก็เหมือนพี่สาวน้องชายมากกว่าจะเป็นสามีภรรยา





ซ่งชิงตัดสินใจเดินทางกลับหมู่บ้าน
ฟงหนินขอให้เธอช่วยเกลี้ยกล่อมมารดาให้ด้วย
อย่าให้โกรธเรื่องฉีเฉียว ซ่งชิงรับปาก





อาจารย์กวนให้โม่หม่าฝึกรับเต้าหู้ไม่ให้เละ
โธ่เอ๊ย กะอีแค่รับเต้าหู้จะยากแค่ไหนเชียว

ที่ไหนได้ กี่ก้อน กี่ก้อนก็เละหมด





นักพรตน้อยรายงานว่ามีผู้หญิงมาขอพบ
โม่หม่านึกว่าเป็นจื้อกุ้ยมาอีก จึงให้ไล่กลับไป
พอรู้ว่าเป็นซ่งชิงเท่านั้นแหละ รีบออกมาต้อนรับแทบไม่ทัน




ซ่งชิงแวะมาลาโม่หม่า ยังไงก็ต้องขอบคุณที่ช่วยพูดแทนให้
เธออยู่ตระกูลเหมยมาหลายปี ไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรด้วยตนเอง
หนนี้ เธอเป็นคนเลือกที่จะไม่แต่งงาน รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่จะกลับไปหมู่บ้าน ก็กระอักกระอ่วนใจ เพราะไม่รู้จะกลับไปในฐานะอะไร

คิดไม่ออกก็อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนเถอะ ซ่งชิงอาสาเป็นคนทำกับข้าว





ปกติฝีมือทำกับข้าวนักพรตน้อยไม่เอาอ่าว เจอกับข้าวฝีมือซ่งชิงยิ่งกว่าได้ขึ้นสวรรค์
โม่หม่าแปลกใจว่าทำไมข้าวทุกถ้วยจะต้องมีพุทราแห้งด้วย

ซ่งชิง: ก็เพื่อเตือนใจตัวเองให้เห็นคุณค่าของข้าวทุกคำน่ะสิ
คนเราต้องกินข้าวเพื่อยังชีพ การจะมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย
การจะมีข้าวกินทุกมื้อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ข้าเคยเป็นเด็กกำพร้า เคยอดมื้อกินมื้อ
ข้าจึงใส่พุทราแห้งเพื่อเตือนใจตัวเอง ให้เห็นคุณค่าของข้าวทุกคำ
และเห็นคุณค่าของชีวิต
กวนซานเยวี่ย: ข้าวถ้วยนี้ ไม่เพียงแต่มีความหมาย ยังอร่อยอีกด้วย
หากเจ้าอยู่ทำกับข้าวให้พวกเรากินทุกวันได้ คงจะดีไม่น้อย
เจ้าก็อยู่ที่นี่ ทำกับข้าวให้พวกเรากินเถอะนะ

ซ่งชิงตัดสินใจอยู่อารามเต๋า ไม่กลับหมู่บ้าน




ให้โม่หม่าฝีกรับเต้าหู้ตอนนี้ ดูท่าจะเร็วเกินไป
ให้ฝึกถือเต้าหู้ให้อยู่ก่อนแล้วกัน อาจารย์กวนฝากซ่งชิงให้ช่วยดูแล
และคอยเปลี่ยนเต้าหู้ก้อนใหม่ให้ ถ้าก้อนเก่าเละ หรือตกจากมือโม่หม่า

ซ่งชิง: ใจเย็นๆ นะ ท่านทำได้แน่ ท่านต้องชนะนักชกรัสเซีย
โม่หม่า: ข้าต้องทำให้ได้ มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของข้านี่
แต่เจ้าสิ ทำไมห่วงใยข้านักล่ะ
ซ่งชิง: เจ้ากับข้าล้วนเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่คอยดูแล
พวกเรารอดมาได้ด้วยกำลังของตัวเอง เราจึงเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่มากกว่าคนอื่นๆ
หากข้าให้พลังแก่ท่านได้จะดีไม่น้อย มีพลังของคนสองคน ท่านจะต้องชนะแน่





โม่หม่าแปลกใจ ทำไมซ่งชิงหยิบเต้าหู้ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
ซ่งชิงเองก็ไม่รู้ ก็หยิบไปตามธรรมชาติ ไม่ได้คิดอะไรอ่ะ





กงศุลรัสเซียต้องการรู้ฝีมือของโม่หม่า
ตอนนี้ กงศุลทั้งหลายต่างวางเดิมพันข้างนักชกรัสเซียเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อย
ไม่อยากให้เกิดการผิดพลาด




จั๊วะเหวินซุ่นเชิญกวนซานเยวี่ยมาดื่มน้ำชา เพื่อสอบถามความคืบหน้าในการฝึกฝน
รองนายกเทศมนตรี ฉีเจียงได้โอกาสให้ลูกน้องทดสอบฝีมืออาจารย์กวน
พวกกระจอกแบบนี้ ใช้แค่มือเดียวอาจารย์กวนก็จัดการได้หมด





อาจารย์ยังฝีมือขนาดนี้ ลูกศิษย์ก็คงไม่ด้อย
กงศุลรัสเซียยอมไม่ได้ ถ้านักชกรัสเซียจะเป็นฝ่ายแพ้
ไฉเหว่ยเสนอให้ตัดกำลังโม่หม่าซะ




หมดเต้าหู้ไปเป็นกิโล โม่หม่าจะทำไม่สำเร็จ
จนนึกถึงที่ซ่งชิงพูด เขาจึงเข้าใจเคล็ดในการรับเต้าหู้ไม่ให้เละ





ไฉเหว่ยส่งลูกน้องมาทำร้ายโม่หม่า จนมือได้รับบาดเจ็บ




โม่หม่าแอบได้ยินอาจารย์กวนคุยกับซ่งชิงเรื่องอาการบาดเจ็บของเขา
อย่างน้อยต้องใช้เวลารักษานานนับเดือน จึงจะใช้พลังหมัดได้
แต่ก็อาจเป็นโชคดีของโม่หม่าก็ได้ ซ่งชิงฟังแล้วงง ใช้หมัดไม่ได้ จะโชคดียังไง
แพ้ขึ้นมาก็ต้องถูกประหารนะ




ฟงหนินกับจื้อกุ้ยมาหาโม่หม่า จึงได้รู้ว่าซ่งชิงอยู่ที่อารามด้วย
เมื่อจื้อกุ้ยรู้ว่าโม่หม่าได้รับบาดเจ็บ ก็ร้อนใจมาก




จื้อกุ้ยไม่เข้าใจ ทำไมต้องยึดถือแพ้ชนะเป็นเรื่องสำคัญ
ชีวิตสิสำคัญกว่าเป็นไหนไหน เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ ทำไมไม่หนีไปซะล่ะ
จะอยู่เป็นตัวตลก ให้เขาหัวเราะเยาะกันหรือไง




ซ่งชิงเห็นโม่หม่าจะหนีไปจากเมืองหลวงพร้อมจื้อกุ้ย
ทำแบบนี้ ก็เท่ากับยอมแพ้ จะต้องเป็นผู้ร้ายหนีการตามจับไปตลอดชีวิต
ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปากกับใครเขา

เหยียนจื้อกุ้ย: เธออยากให้โม่หม่าตายหรือ
สภาพอย่างนี้ เขาไม่มีทางชนะแน่ ยังจะห่วงศักดิ์ศรีอะไรนักหนา
ซ่งชิง: โม่หม่า ทีท่านมีทุกวันนี้ เพราะท่านไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
ความมุ่งมั่นทำให้ท่านมีชีวิตรอด แล้วจะมายอมแพ้เอาตอนนี้หรือ
ต่อไปท่านจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในเงามืด ไม่มีวันเชิดหน้าชูตาได้อีกนะ
เหยียนจื้อกุ้ย: โม่หม่า อย่าไปฟังเธอพูด ชีวิตท่านสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
โม่หม่า: หากให้อยู่อย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ข้าขอตายดีกว่า






พรุ่งนี้จะถึงเวลาต่อสู้ ตำรวจมารับตัวโม่หม่ากลับไปคุมขัง
อาจารย์กวนมอบขนนกให้โม่หม่า
เพียงใช้สิ่งที่อาจารย์สอนมาได้ซักครึ่งหนึ่ง รับรองชนะแน่
จำไว้ว่าไม่จำเป็นต้องเอาชนะด้วยกำลัง





ถึงวันแข่งขัน จื้อกุ้ยยังไม่พอใจที่ซ่งชิงยุให้โม่หม่าต่อสู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะแพ้

เหยียนจื้อกุ้ย: อาจารย์กวน โม่หม่าจะสู้เขาได้แน่หรือคะ
กวนซานเยวี่ย: แพ้หรือชนะ อยู่หรือตาย อยู่ที่โชคชะตาของเจ้าตัวแล้วล่ะ











Create Date : 13 เมษายน 2552
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 9:57:55 น. 7 comments
Counter : 1223 Pageviews.

 
แวะมาอ่านแล้วจ้า ฟงนินนี่นะ แย่จริงๆ

อ่านแล้วเคืองน่ะ เรื่องแบบนี้ มีคนเดียวไม่พอเนี่ย

แต่ซ่งซิงเป็นคนดีจริงๆค่ะ


โดย: midori IP: 124.120.205.98 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:20:57:40 น.  

 
ลุ้นดีจัง เอาใจช่วยโมหม่าคะ

ว่าแต่ฟงหนินกับซ่งชิงยังไม่ได้แต่งงานกัน คงไม่ถึงกับเป็นชู้หรอกเนอะ


โดย: Cipher IP: 58.8.133.11 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:21:06:27 น.  

 
ท่านน้องมิ พี่ว่าซ่งชิงอาจจะโล่งอกก็ได้นะ

เพราะมีสามีที่ตัวเองไม่มีความนับถือให้ มันคงอัดอั้นตันใจน่าดู

ท่านน้องมล สมัยก่อน ถึงฟงหนินกับซ่งชิงจะยังไม่ได้แต่งงานกัน

แค่หมั้นกันโดยผู้ใหญ่เห็นชอบ มีแม่สื่อถูกน้อง

เขาก็ถือว่ามีพันธะผูกพันจะยกเลิกโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้

โม่หม่าถึงโกรธนักที่ฟงหนินทำเช่นนี้

โดยมารยาทแล้ว ต้องขออนุญาตเมียหลวงก่อน

จึงจะรับเมียน้อยเป็นภรรยา แต่งเข้าบ้านได้ ไม่งั้นก็ถือว่าเป็นเมียเก็บ

ศักดิ์ศรีต่ำกว่าเมี่ยน้อย ถือว่าไม่มีฐานะในตระกูลค่ะ

จื้อกุ้ยถึงมีปมด้อยว่าเป็นลูกเมียเก็บไงคะ แถมยังเป็นเมียคนใช้ซะอีก

เทียบกับบ้านเราน่าจะเป็นทำนองเมียทาสอ่ะค่ะ

ลูกเมียทาสก็เป็นได้แค่ทาสในบ้าน ไม่มีศักดิ์เทียบลูกเมียเอก



โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:23:10:10 น.  

 
น่าสงสารซ่งชิงกับฉีเฉียวจริงๆ ฟงหนินไม่แมนเอาซะเลยค่ะ ไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง จะเลือกทางไหนก็ไม่เลือก โอนไปเอนมา ไม่ไหว ไม่มีความเด็ดขาด

โมหม่าถึงตอนนี้จะดูว่าไม่มีอนาคตแต่เค้าก็กล้าตัดสินใจกว่า ดูมีความเป็นแมนกว่าเยอะเลย คิดว่าซ่งชิงตัดสินใจเลิกกับฟงหนินน่ะดีแล้ว


แอบขำจื้อกุ้ยค่ะ ชีวิตตอนนี้ตกอับ แต่ชุดของเธอก็ยังคุณหนูทุกชุดเลยนะนั่น


โดย: O-yohyo วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:13:55:33 น.  

 
ซ่งชิงดูแก่กว่าฟงหนินมากเลย
ตอนมาอยู่กับโมหม่าทรงผมค่อยดูดีขึ้นหน่อยนะคะ


โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 125.26.144.190 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:21:27:59 น.  

 
เรื่องนี้ยิ่งมายิ่งสนุก ^^
เปิดฉากมาด้วยฉากสวีทน่ารักมากค่ะ
เข้าใจความรู้สึกฉีเฉียวนะ ฟงหนินแหละผิด มีคู่หมั้นแล้วก็ไม่บอกสาวเจ้าเค้า เฮ้อ
แล้วยังให้ซ่งซิงจับได้จังๆแบบนี้อีก เราเป็นซ่งชิงต้องเข้าไปตบๆๆฟงหนินซะให้หายแค้น ฮึ
ดีแล้วโม่หม่าเข้าไปทวงสิทธิ์ของซ่งชิงให้ ซ่งชิงจะได้ไม่รู้สึกไร้ญาติขาดมิตร
-----------------

เหยียนจื้อกุ้ย: ตกลง เจ้าเสียดายครอบครัว หรือเสียดายฟงหนินกันแน่
ใช่ว่าจะต้องเป็นสามีภรรยากันจึงจะนับว่าเป็นครอบครัว
พี่น้องก็เป็นครอบครัวเดียวกันได้


-- ต๊าย เจ๊จื้อกุ้ย เข้าใจยุมากเลยค่ะ ไม่พูดเลยนะ ว่าซ่งชิงเป็นคู่หมั้นมาก่อนต้องได้สิทธิ์อันชอบธรรมแน่ ยุให้ตัดใจ เป็นพี่น้องกันไปเลยนะ ร้ายจริงๆ
เรียนรู้จากพี่สาวเธอไวมากกก!!

------------------------------
อาจารย์กวนที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ดูออกว่าโม่หม่าน่ะเป็นคนแข็งกร้าว ให้สาวๆมาอยู่ใกล้ๆช่วยสอนในจุดนี้แทนอาจารย์ได้ดีกว่า ฉลาดมาก
หรือไม่ก็แค่.............เบื่อรสชาดอาหารฝีมือนักพรตน้อย หุหุ
เอ้อ แต่ใครรู้บ้างว่า ใส่พุทราแห้งมันเกี่ยวอะไรกันเหรอ ไม่เข้าใจความหมายแฝงอ่ะ

-------------------

โห คุณจอมยุทธหญิงตัดจบได้ทรมานใจคนอ่านมากเลยค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ โม่หม่าจะรอดได้ไงเนี่ย แค่รับเต้าหู้เป็น ไอ้นั่นตัวโตชะมัด


โดย: แมวเก้าแต้ม IP: 114.128.11.183 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:21:13:13 น.  

 
ท่านแมวตอนตอ่อไปคงแอบทรมานใจนิดนึง
โม่หม่าเจ็บตัวหนักเชียว

พุทราแห้งน่าจะเป็นปรัชญาแฝงเรื่องเกี่ยวกับใช้ชีวิตนะแบบที่ซ่งซิงพูดถึง การฝึกไทเก๊กก็ใช้วิธีที่เป็นหลักธรรมชาติ เข้าใจชีวิตประมาณนั้น พูดวกไปวนมาแฮะ
ว่าแต่ใกล้จะเจอคุณชายสุดหล่อแล้ว


โดย: midori IP: 124.122.189.218 วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:20:53:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

magarita30
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add magarita30's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.