the way of fabulous taste...

เมื่อกุ้งดึ๋งดั๋ง ปะทะ อ้อยหวานจ๋อย อร่อยแน่งานนี้

อาหารเกาหลี กับอาหารเวียดนามฟีเวอร์ไม่แพ้กันเลยจริงๆ แต่มาช่วงหลังๆเกาหลีอาจมีแต้มต่อเล็กน้อย ก็ Ambassador สุดเท่ห์อย่างหนุ่มเรนเล่นข้ามน้ำข้ามทะเลบุกมาโกยคะแนนถึงที่แบบนี้สาวไทยจะไม่เทใจให้ได้ยังไงล่ะค่ะ สาวร่างบางในชุดอ๋าวหย่ายเลยพากันน้อยใจไปหมด


ล่าสุด Food route จึงขอเรียกคะแนนความนิยม ด้วยเมนู "กุ้งเด้งพันอ้อย" สูตรประยุกต์ที่อร่อยแท้ๆแม้ไม่จิ้มอะไรเลย...เนื้อกุ้งสดเด้งดึ๋ง หุ้มอ้อยหวานๆ ทอด+ย่างจนสุดหอม...แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว! มัวรอช้าอยู่ใยเล่า พุ่งเข้าครัวกันเลยดีกว่าค่ะ



::สูตรสำเร็จความอร่อย::
3 ส่วน กุ้งขาว
1 ส่วน มันหมูแข็งสับหยาบ
2 ช.ต. ซอสหอยนางรม
1/4 ช.ช. เกลือ
1/4 ช.ช. พริกไทยขาวป่น
1 ฟอง ไข่แดง
1/2 ช.ต. กระเทียมสับ
1 ช.ต. แป้งมัน
12 แท่ง อ้อยอ่อนๆ

เตรียมกุ้งเด้งแบบบ้านๆ - เคยได้ยินไหมค่ะว่า เกี๊ยวกุ้งเด้งดึ๋ง เนื้อกุ้งใสกรุบกรอบเกินจริง เค้าทำโดยแช่สารเคมีบ้าง หรือผสมผงบอแรกซ์ลงไปบ้าง น่ากลัวจริงๆค่ะ...กลับมาอร่อยแบบBack to Basic ปนผสมเทคนิคนิดหน่อยดีกว่าค่ะ

- ก่อนอื่นกุ้งต้องสด เย็น(ถ้าซื้อมาเก็บไว้ยังไม่ใช้ให้เรียงใส่ถาด โยนเข้าช่องfreezeทันที) จากนั้นแกะเปลือกออกให้เกลี้ยงรวม ทั้งส่วนมันกุ้งเอาออกให้หมด ถ้าเสียดายของหั่นแยกไว้ต่างหาก เอาไปทำไข่เจียวกุ้งก็ได้ค่ะ
- ผ่าหลังเอาเส้นดำออก แล้วนำไปล้างน้ำเย็น 2 -3 น้ำ โกยใส่ตระแกรงสะเด็ดน้ำ จากนั้นห่อด้วยผ้าขาวบางทีละน้อย ซับแล้วบีบเอาน้ำออกให้แห้งที่สุด
- ถ้ากุ้งยังเป็นตัวๆอยู่ให้ตบด้วยอีโต้ (ห้ามสับ) จนได้เป็นเนื้อกุ้งเป็นแบบนี้ค่ะ


ส่วนมันหมูแข็งก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือสับหยาบๆ


ลงมือปรุงโดยเทเนื้อกุ้งกับมันหมูรวมกันลงในชามผสม



ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยขวดนี้




ตามด้วยเกลือค่ะ


และคู่หูคู่กัน...พริกไทยค่ะ



เติมแป้งมันนิดหน่อย คนแรงๆให้เข้ากัน




ต่อมากระเทียมสับ


ตามด้วยไข่แดง แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง (ถ้าไข่ฟองเล็ก ตักไข่ขาวเติมๆได้หน่อยนึงค่ะ อย่าใส่มากเดี๋ยวส่วนผสมแฉะเกินไป) จากนั้นคลุมพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักส่วนผสมไว้10-20นาทีในตู้เย็นค่ะ


เพื่อไม่ให้เวลาวิ่งผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ มาหั่น เกลาอ้อยให้เป็นแท่งกลมเกลี้ยงแบบนี้กันค่ะ


อ้อยต้องซื้อมาเกลาเองค่ะ ไม่มีแบบสำเร็จรูปขาย เพราะถ้าหั่นเก็บไว้อ้อยจะดำคล้ำค่ะ...ซื้อมาแล้วก็แบ่งเป็น 6 ส่วน(ถ้าแท่งเล็กก็หั่นแบ่ง 4 ส่วน)





เกลาขอบออกให้หมดจด กลมเกลี้ยงค่ะ




เมื่ออ้อยถอดรูป ก็งดงามแบบนี้แหละค่ะ


กุ้งพร้อม อ้อยพร้อม ก็จับมาชนกันเลยค่ะ


พันเสร็จเรียบร้อยก็จับคลุกแป้งอเนกประสงค์บางๆนิดหน่อยค่ะ ทอดในน้ำมันท่วมๆด้วยไฟปานกลางพอให้ผิวนอกสุก แล้วค่อยนำไปย่างต่อให้หอม แต่ถ้าขี้เกียจก็ทอดให้สุกทีเดียวเลยก็ได้ค่ะ


สุกอร่อย พร้อมหม่ำแล้ว น้ำจ้ง-น้ำจิ้มไม่ต้องค่ะ ง่ำๆๆ หร่อยจังฮู้...กุ้งดึ๋งดั๋ง กับ อ้อยหวานจ๋อย



ลองทำกินกันดูค่ะ ได้ผลยังไงแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้าง...จะรอตรวจการบ้านค่ะ




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2550    
Last Update : 28 มิถุนายน 2550 11:36:43 น.
Counter : 2094 Pageviews.  

"Very blueberry low-fat creamcheese tart" อ้วนน้อย อร่อยนาน Umm...!

11 มีนาไปงานออกร้านภริยาฑูตของสภากาชาดไทยที่พารากอนฮอลล์ ได้ของมาเพียบเลยล่ะแต่ที่ถูกใจที่สุด คือ บลูเบอร์รี่กระป๋องราคาเพียงกระป๋องละ 100 บาท ประหยัดไปตั้ง 37บาทแน่ะ....ทีแรกตั้งใจว่าจะทำBlueberry cheesecake แต่หัวตีตะกร้อพัง...เศร้าๆๆๆ เอาเป็นว่ากินอะไรง่ายๆแทนก็แล้วกัน...มั่วไปมั่วมาจนได้เป็นเมนู Very Blueberry low-fat creamcheese tart อ้วนน้อย อร่อยน๊าน นาน...มามะไปทำกินกัน!



::สูตรสำเร็จความอร่อย::
20 แผ่น ครีมแครกเกอร์
150 กรัม เนยสด
1/4 ถ้วย น้ำร้อน
1 ช.ช. เจลาตินผง
200 กรัม ไลท์ครีมชีส
1/4 ถ้วย น้ำตาลไอซิ่ง
1/2 ถ้วย โยเกิร์ตไขมันต่ำรสมิกซ์เบอร์รี่
1/2 ช.ต. นมข้นหวาน
ตามชอบ บลูเบอร์รี่กระป๋อง


คู่หูอ้วนน้อย



เอาล่ะเริ่มต้นด้วยการบดครีมแครกเกอร์ก่อนใครมีไม้นวดแป้งก็ใช้ไม้กลิ้งไปกลิ้งมา ใครมีสากก็ทุบๆจนละเอียด



เทพรวดใส่ชามผสม



ละลายเนยในไมโครเวฟแล้วเทใส่ตามลงไป


เอาช้อนบี้ๆกดๆหรือจะใช้มือขยำก็ตามสบายเลยจ้า



พอเข้ากันแล้วก็กรุใส่ถ้วยฟลอยด์อันเล็กน่ารัก เอาไปแช่เย็นไว้ก่อนอย่างน้อย10นาที


เตรียมน้ำร้อนมาแล้วโรยเจลาตินลงไปทีละน้อย



มันจะค่อยๆดูดน้ำ


คนๆๆให้ละลายเข้ากันแล้วพักไว้ก่อน


เตรียมชามผสมอีกใบพร้อมตะกร้อมือเป็นอาวุธคู่ใจ


ตักครีมชีสใส่ลงไปถ้าใครอยากอ้วนก็ใช้แบบ full-fat ก็ได้นะจ๊ะ



ตีๆคนๆให้เหลว...อ่าได้ล่ะ


ค่อยๆเติมไอซิ่งลงไปเลย


ตีๆอีกรอบจนเนียนฟู น่าจิ้มดูดจริงๆ



เทโยเกิร์ตตามลงไปเลย


ตามด้วยนมข้นหวาน....ชอบหวานกว่านี้ก็เติมเข้าไปอีก


อย่าลืมใส่เจลาตินที่ละลายน้ำลงไปล่ะ เนื้อครีมชีสจะได้ดึ๋งดั๋งนิดนึง



บลูเบอร์รี่โปะหน้าอย่างเดียวไม่พอ ต้องฝังอยู่ในเนื้อครีมชีสด้วยสิเนอะ


กระหน่ำใส่ลงไป กินเองไม่หวงเครื่องอยู่แล้ว ขี้เหนียวเดี๋ยวไม่อร่อยนะ



คนๆเบาๆให้เข้ากัน เห็นไหม สีม่วงระเรื่อสวยเชียว



ตักใส่ถ้วยเลย



โปะหน้าด้วยบลูเบอร์รี่อีกที อู้ว...อดใจไม่ไหวแล้วนะ


....ข่มใจไว้กินพรุ่งนี้เช้านะ ท่องไว้ "อ้วนๆๆๆๆ"......



....คืนนึงผ่านไปไวเหมือนโกหก....เปิดตู้เย็นก่อนเลย เตรียมอาวุธ ชงคาปูชิโนร้อนสักถ้วย...อ้าปากกว้างๆๆ หม่ำๆๆ



อีกคำๆๆ...อ่า อ้ำ


พักแป๊ปนึงเดี๋ยวจุก...



อิ่มแล้ว อาบน้ำ แต่งตัว ไปทำงานกันเถอะ...ลุย!




 

Create Date : 27 มีนาคม 2550    
Last Update : 22 เมษายน 2550 19:25:30 น.
Counter : 1654 Pageviews.  

ร้อนฉ่าหน้าเตา ผัดก๋วยเตี๋ยวคั่วหมู อู๊ดๆๆๆ

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์จุดประกายบล็อกแรกแห่งปีซะทีเย้ๆๆๆๆ หลังจากโดนลมพิษเล่นงานเลยต้องจำใจพักร้อนยาวข้ามปี พอได้พักผ่อนชาร์จแบตเต็มที่ก็ชักคันไม้คันมือลงครัวทำเมนูหมูๆกิน

จำได้ว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วหมูเจ้าประจำ(ของหม่าม้า)อยู่ตรงตรอกสุกร(ที่บ้านเรียกตรอกโรงหมู) เวลาคิดอะไรไม่ออกก็ไปอุดหนุนอาแป๊ะแกอยู่บ่อยๆๆ (ปัจจุบันแกไม่ได้ผัดเองแล้วล่ะ)

ก๋วยเตี๋ยวคั่วของแกหอมอร่อยดี เพราะคั่วในหม้อด้ามบนเตาถ่านไฟแรงๆๆ หลังจากแกเกษียณแขวนตะหลิวก็ไม่ค่อยได้ไปกิน ลองคั่วๆมั่วๆเอาเอง อืม!พอเข้าวัดเข้าวาได้เหมือนกัน

โชว์ตัวสักหน่อย



หมักหมูก่อนเลย



ทำตามลูกศรไปเลยค่ะ แล้วหมักไว้ครึ่งชั่วโมง



ผสมซอสผัดก๋วยเตี๋ยวคั่วต่อเลยค่ะ (อัตราส่วนนี้ต่อ 1 จานใหญ่ )



หมูก็หมักแล้ว ซอสก็ผสมแล้ว เอ๊ะขาดอะไรอีกนะ...ไปดูกัน



ครบหมดแล้ว ที่นี้ก็ได้เวลาเคาะกะทะแล้วซิ ปีนี้มาแบบสองภาษาเลย อิอิๆๆ



ตามดูกันต่อ



ใกล้ได้กินแล้ว หิวๆๆๆๆ



เสร็จล่ะ โกยใส่จาน





อิ่มๆๆ ล้างปากด้วยไอติม



อีกสักรส



อิ่มหน่ำสำราญ ไปทำงานต่อล่ะ




 

Create Date : 22 มกราคม 2550    
Last Update : 22 มกราคม 2550 21:06:34 น.
Counter : 3103 Pageviews.  

Quick Banoffee Pie ขนมกล้วยๆๆ อร่อยแบบกล้วยๆๆ

ใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกที ไหนจะต้องเคลียร์งาน ไหนจะต้องเตรียมงานปาร์ตี้ ไหนจะต้องเตรียมของหนีไปเที่ยว....
เวลาก็แทบจะไม่เหลือแล้ว....ทำขนมอะไรที่ "เร็ว ง่าย อร่อย" แจกจ่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ และผู้มีอุปการะคุณกันดีกว่า

Banoffee pie สูตรดั้งเดิมของ2หุ้นส่วน "Lan Dowding" และ "Nigel Mackenzie" เจ้าของภัตตาคาร "The Hungry Monk" ในประเทศอังกฤษ ส่วนคาราเมลต้องใช้เวลาตุ๋นนมข้นทั้งกระป๋องข้ามวันข้ามคืน จนนมข้นสีครีมนวลๆกลายเป็นคาราเมล วิธีโบร่ำโบราณแบบนี้อันตราย และเสียเวลามากค่ะ ตั้งแต่นั้นมาBanoffee pie เลยถูกปฏิวัติเรื่อยมา....กลายเป็น Quick Banoffee pieยังไงล่ะค่ะ



::สูตรสำเร็จความอร่อย::
-ส่วนฐานพาย-
150 กรัม คุกกี้ชอกโกแลตบดละเอียด(โอริโอ/ครีมโอ) หรือ Digestive biscuits
75 กรัม เนยละลาย

-ส่วนคาราเมล-
40 กรัม น้ำตาลทรายสีรำ/น้ำตาลทรายขาว
30 กรัม น้ำตาลทรายแดง
200 กรัม นมข้นหวาน

-ส่วนท็อปปิ้ง-
2 ลูก กล้วย
1 ถ้วย วิปปิ้งครีม
2 ช.ต. น้ำตาลไอซิ่ง
1 ช.ต. ผงโกโก้


ชั่งตวงวัดส่วนผสมฐานพาย+คาราเมลก่อนเลย




วิปปิ้งครีมแช่เย็นเจี๊ยบไว้ แต่ถ้าใครขี้เกียจตีครีมเองจะใช้วิปป์ครีมสำเร็จรูป แบบซื้อมา ฉีดปุ๊บ กินปั๊บ ก็ได้ค่ะ




กล้วยๆๆ...แฮะๆลืมถ่าย ขออนุญาต Getty imageนะค่ะ...




เริ่มเลย...เทคุกกี้บดลงในอ่างผสมซะ




เทเนยละลายตามลงไปเลย




กดๆ บดๆ ขยำๆ ทำยังไงก็ได้ค่ะให้มันรวมตัวกัน




จนกลายเป็นแบบนี้...ไม่น่ากินเลยใช่มั๊ยค่ะ...เหมือนยางมะตอยเลย เฮอะๆ




ตักยางมะตอย เอ้ย!คุกกี้ใส่ถาดฟอยด์(ขนาด 6นิ้วได้ 2ถาดค่ะ)แล้วกรุๆๆ กดๆๆให้แน่นเลย




กรุต่อไป




ชันขอบด้วยเพื่อความสวยงาม...ใช้ช้อนดันขอบถาดพร้อมกับใช้นิ้วกดเนื้อคุกกี้ด้านบนเบาๆ




ปิ๊ง! สวยงามแล้ว แช่ตู้เย็นซะ 20-30นาทีให้ฐานเกาะแน่นกันดี




เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ระหว่างที่รอ...ตั้งหม้อทำคาราเมล...เทน้ำตาลทรายลงในหม้อ




ตามด้วยน้ำตาลทรายแดงค่ะ




เปิดไฟอ่อนๆๆ




ทันทีที่ความร้อนปะทะความหวาน ก็ละลายซิค่ะ




เหลืออีกหน่อย ใจเย็นๆค่ะ




ละลายแล้ว...คนๆด้วยพายไม้




เติมนมข้นหวานตามลงไปเลย อย่าลืม!คนไปด้วยนะค่ะ...เดี๋ยวจะไหม้ซะก่อน




หมั่นคนๆจนส่วนผสมหนืด หนึบ เหนียว




รีบเทลงในฐานพายที่ทำไว้ก่อนหน้าทันทีค่ะ ขอย้ำว่า*เททันที*ค่ะ เดี๋ยวคาราเมลจะแข็งโป๊กซะก่อน




สไลด์กล้วยหนา 0.5 cm โปะตามลงไป ชอบเยอะใส่เยอะ ชอบน้อยใส่น้อย ตามศรัทธาค่ะ




ก่อนจะแจกจ่ายตีวิปปิ้งครีมเย็นเจี๊ยบกับน้ำตาลไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง โปะๆ ปาดๆแบบไม่ต้องตั้งใจมากลงบนกล้วย หรือใช้วิปป์ครีมสำเร็จรูปแบบกระป๋องฉีดโปะก็ได้...สุดท้ายร่อนผงโกโก้ทั่วๆกะให้พอสวยงาม เสร็จแว้ว ง่ายไหมล่ะค่ะ




นี่แหละค่ะ Quick Easy Yummy Banoffee Pie....Merry Christmas & Happy new year 2007ทุกคนค่ะ




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2549    
Last Update : 23 ธันวาคม 2549 22:08:18 น.
Counter : 2136 Pageviews.  

food route :: "สตรอเบอรี่สังขยานมสด" เมนูหวานๆพลัดถิ่นเชฟกะทะเหล็ก

รีบทำ รีบถ่าย รีบโหลด(ลงคอม) กำลังจะโพส "[เชฟกะทะเหล็ก]........." ว้า!หมดเขตซะแล้ว เศร้าๆๆ เซ็งๆๆ หมดอารมณ์โพส วันนี้หัวไม่ไบรท์คิดงานไม่ออกอัพบล็อกแบ่งปันเมนูหวานๆให้เพื่อนๆห้องก้นครัวได้ไปลองทำกินกันในStrawberry Season....ดีกว่า



:: สูตรสำเร็จความอร่อย ::
2 ถ้วยตวง นมสด
100กรัม สตรอเบอรี่
1/4 ช้อนชา เกลือป่น
1/4 ช้อนชา ผงวานิลลา
1ถ้วยตวง น้ำตาลทราย
1/4 ถ้วยตวง แป้งสาลีอเนกประสงค์
1 หยด กลิ่นสตรอเบอรี่
1 ฟอง ไข่ไก่

:: ลงไม้ลงมือ ::
1. เตรียมนมสดโดยผสมนข้นจืด 1ถ้วย+น้ำเปล่า1ถ้วย=นมสด แต่ถ้าใครมีนมสดพาสเจอร์ไรส์ก็ใช่ได้เลยค่ไม่ต้องผสมน้ำเปล่า
2. หั่นสตรอเบอรี่เป็นชิ้นเล็กๆ เทลงเครื่องปั่น เติมนมสดที่เตรียมไว้ 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นจนละเอียดเป็นส่วนผสมข้นๆ
3. ผสมรวมกับนมสด เติมแป้ง น้ำตาลทราย เกลือ ผงวานิลลา กลิ่นสตรอเบอรี่คนให้เข้ากัน
4. กรองผ่านผ้าขาวบางลงในกะทะทองเหลืองพักไว้ก่อน
5.ตีไข่ไก่จนขึ้นฟูเป็นสีเหลืองครีม พักไว้ก่อนอีกเช่นกัน
6.นำกะทะทองเหลืองขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนช้าๆ
7.เมื่อส่วนผสมเริ่มข้นขึ้น ค่อยๆเติมไข่ไก่ที่ตีไว้พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไข่กระจายตัวไม่ปะทะความร้อนโดยตรงจนทำให้ไข่สุกเป็นลิ่ม ต้นเหตุที่ทำให้สังขยาเนื้อไม่เนียน
8.กวนต่อจนส่วนผสมข้นดังรูป ตักใสถ้วยกินคู่กับขนมปังนึ่งร้อนๆได้เลยค่ะ

ตัวประกอบพร้อม



จะขาดนางเอกได้อย่างไร



นมสดหมดตู้เย็นขี้เกียจเดินไปซื้อ...นมข้นจืดก็ใช้ได้ค่ะแต่ต้องผสม
สูตร :: นมข้นจืด 1ถ้วย +น้ำเปล่า 1ถ้วย = นมสด



น้ำเปล่า 1 ถ้วย



ได้นมสดแล้ว



หั่นนางเอกเป็นชิ้นเล็กๆ จะได้ไม่ทรมานมอเตอร์เครื่องปั่น



เทลงไปเลย



ขโมยนมสดที่ผสมไว้มาใส่สักสองช้อน เทตามลงไปให้ปั่นง่ายขึ้น



ปั่นๆๆๆๆๆ



ได้มาเป็นส่วนผสมข้นๆแบบนี้ค่ะ (Strawberry puree')



เทผสมรวมกับนมสดลงไปเลย



คนๆๆๆให้เข้ากัน สีชมพูหวานกำลังงาม



เติมแป้งสาลีอเนกประสงค์



เติมน้ำตาลทราย ใช้ได้ทั้งแบบฟอกและไม่ฟอกค่ะ



แต่งรสด้วยเกลือนิดหน่อย



แต่งกลิ่นด้วยผงวานิลลา + กลิ่นสตรอเบอรี่(ตามศรัทธา)



เพื่อสังขยาเนียนๆต้องกรองก่อนกวนค่ะ



เตรียมใส่กะทะทองเหลืองไว้ อ่อ!แถมเคล็ดลับนิดนึง
การกวนในกะทะทองจะช่วยให้สีสังขยาไม่หม่นหมองค่ะ



ส่วนไข่ไก่จัดการใส่กะละมังไว้



ตีแรงๆ เร็วๆ



จนกระทั่งฟูสีครีมแบบนี้ล่ะค่ะ พักไว้ก่อน



นำกะทะทองเหลืองที่มีส่วนผสมกวนด้วยไฟอ่อนๆ



พอเริ่มข้นแบบนี้



ค่อยๆเติมไข่ไก่ที่ตีจนขึ้นฟูตามลงไปเลย อย่าลืม!กวนอย่างต่อเนื่องล่ะ ป้องกันไข่ปะทะความร้อนโดยตรงจนกลายเป็นลิ่มไข่สุก เนื้อจะไม่เนียนค่ะ



กวนด้วยพายไม้ต่อค่ะแบบนี้ยังไม่ได้ที่ ทนปวดแขนอีกนิดนึงนะ



ต้องแบบนี้ค่ะ ลองเอาพายไม้ช้อนตักสังขยาขึ้นมาสองครั้ง ถ้าซ้อนกันเป็นชั้นแบบนี้ ถึงจะเรียกว่าPerfectค่ะ



เทใส่ถ้วย พร้อมจิ้มกินค่ะ



สังขยาก็ต้องเสิร์ฟกับขนมปังสิเนอะ



หรือจะแบบนี้ดี อัพเกรดให้หรูหน่อย



มาดูกันใกล้ๆเลย



ถึงแม้จะเศร้าที่ไม่เข้าท้าชิงเชฟกะทะเหล็ก แต่มีสตรอเบอรี่สังขยานมสดไว้กินปลอบใจ ก็โอค่ะ




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2549    
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 21:36:33 น.
Counter : 4099 Pageviews.  

1  2  3  

messykitchen
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




One of world foodie. Most of my lifetime spend in the kitchen...that's why I come to be bloggang member especially food &recipe room.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add messykitchen's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.