โฟล์คเหน่อ เล่นดนตรี เขียนกวี วิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณฯ

Group Blog
 
All blogs
 
• หนังสือทำมือ | Blog สู่ Book:

เช้า วันที่ 16 ตุลาคม

แสงอุ่นอ่อนเริ่มเรื่อระบายตีนฟ้าฝั่งตะวันออก ฝนเพิ่งขาดเม็ด ยังคงเหลือไอละอองว่อนวิ่งในสายลม หยดน้ำจากชายคาทิ้งตัวลงบนพุ่มไม้หน้าบ้านเช่า เปาะแปะ

ผมสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ปลุกความเงียบของหมู่บ้านก่อนรุ่งอรุณวันนี้

วันที่ผมผ่านค่ำคืนแห่งการกรำงาน โดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน

สี่คืนเต็ม ๆ ที่ผมไม่ได้หลับนอน โดยใช้ภาวะของการบังคับตัวเอง เพื่อไปสู่จุดแห่งความมุ่งหวังการเสร็จสิ้นของชิ้นงาน โดยมีเส้นตายของกำหนดวันเวลา

ชิ้นงานที่ผมกล่าวถึง คือชิ้นงานออกแบบเพื่อไปสู่การรวมเล่มหนังสือทำมือ

หนังสือทำมือที่ชื่อ “บันทึกการเดินทางของ ศิลปินโฟล์คเหน่อ”

กล่าวโดยรวม ๆ ก็คืองานเขียนที่เป็นรูปแบบความเรียงบอกเล่าเรื่องราว และวิถีชีวิตของคนเขียนกวี เล่นดนตรี รวมไปถึงการดำเนินชีวิตริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณฯ

ก่อนหน้านี้ 4 วัน คือจุดเริ่มต้นสู่กาละแห่งการทำงานในห้องนอน

ห้องนอนซึ่งเป็นห้องเดียวกับห้องทำงาน โดยหวังอาศัยความเงียบงันของช่วงเวลากลางคืน เพื่อให้มีสมาธิเพียงพอ เพื่อนำพาผลงานไปสู่คนอ่านในแบบรูปเล่มหนังสือทำมือ

แต่การณ์กลับไม่เป็นดังนั้น ตลอด 4 คืน ที่ผมนั่งทำงาน สายฝนสั่งลาฤดูกลับเทกระหน่ำทับท่วมหลังคาบ้านตลอด ทั้ง 4 คืน แถมบางค่ำคืน มีเสียงหวีดร้องหาคู่ของแมวติดสัด ดังเข้ามาจากหน้าบ้านเป็นระยะ

การเรียกสมาธิที่แตกกระเจิง เพื่อเข้าสู่ภาวะแห่งการงาน จึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หลังการหยุดชะงัก ไปกับเสียงรอบข้าง ที่คาดคิดว่าจะเงียบสนิท แต่ก็มิได้สนิทอย่างที่คิด

ตลอดเกือบสัปดาห์ ผมใช้เวลาเริ่มต้นสู่ห้วงหลับนอนที่ 6 โมงเช้า เพื่อไปตื่นอีกทีตอนเที่ยง อาบน้ำ กินกาแฟ ก็เข้ามาทบทวนงานช่วงคืนผ่าน ก่อนออกไปกินข้าว แล้วกลับเข้ามาลุยงานต่อจนถึง 6 โมงเย็น แล้วใช้เวลางีบหลับเอาแรง 1 ชั่วโมงตื่นอีกทีตอน 1 ทุ่ม ทบทวนงานก่อนอาบน้ำแต่งตัว แล้วคว้ากีตาร์ใส่ท้ายรถเก๋ง บึ่งตรงสู่เวทีดนตรีในร้านอาหารกลางใจตัวเมือง

ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไปผมใช้เวลา 1 ชั่วโมง ในการขับขานบทเพลงโฟล์คซองกล่อมลูกค้า

หลัง 3 ทุ่มกีตาร์โปร่งถูกเก็บโยนใส่รถ แล้วขับบึ่งกลับเข้าบ้านเช่า ลงมือลุยงานต่อจนรุ่งสาง

ช่วงฟ้าสางของทุกวัน ผมต้องสตาร์ทมอเตอร์ไซด์คันเก่าปลุกความเงียบของหมู่บ้าน ขับมุ่งไปสู่ร้านกาแฟ ที่ริมฝั่งแม่น้ำ

กาแฟ ปาท่องโก๋ ไข่ลวก อ่านหนังสือพิมพ์ หรือถ้าหิวมากก็หาโจ๊กใส่ท้อง ก่อนบึ่งมอเตอร์ไซด์ กลับเข้าบ้านเช่า ปิดบานประตูหน้าต่าง ปิดโทรศัพท์มือถือ แล้วทิ้งตัวลงนอนหลับใหลเป็นตาย ก่อนจะเปิดเปลือกตาอีกทีตอนเที่ยงวัน

คืนวันที่ 13 ตุลาคม ผมเริ่มต้นงานด้วยการดึงงานเขียนประเภทความเรียงมาจากบล๊อคโอเคเนชั่น เรียงลำดับเรื่องโดยยึดวันเวลาของเหตุการณ์เรื่องราวที่เขียน แล้วจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่

มีนักเขียนท่านหนึ่งเคยบอกว่า การแก้ไข ขัดเกลางานเขียนนั้น มันยากแสนเข็ญกว่าการเขียนงานซะอีก

เห็นจะจริงอย่างท่านว่า

ตลอดค่ำคืนนั้น หลังการลำดับงาน และจัดหมวดหมู่เสร็จ ผมต้องนั่งแก้ไขงานที่เขียน ทั้งแก้คำผิด เรียบเรียงประโยค วางลำดับโครงเรื่องใหม่ ซึ่งไอ้ที่คิดว่าง่าย ๆ กับงานที่เขียนเสร็จแล้ว แต่สุดท้าย ผมต้องใช้เวลาหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน เพื่อนั่งแก้ไขงานเขียนของตัวเอง

ค่ำคืนวันที่ 14 ผมเริ่มต้นงานที่โปรแกรมจัดหน้าหนังสือ Pagemaker 7.0 โดยมีหลักในการจัดหน้าคือ ต้องใช้พื้นที่ในหนึ่งหน้ากระดาษให้คุ้มค่าที่สุด เพราะหลังปริ้นงานออกมาเป็นต้นแบบ ผมต้องนำต้นแบบนี้ไปสู่ร้านถ่ายเอกสาร

ซึ่งพอถึงตรงนั้น จำนวนแผ่นกระดาษแต่ละแผ่นที่ถ่ายเอกสารออกมานั้นคือต้นทุนของเล่มหนังสือทำมือ

ผมจึงเลือกที่จะออกแบบเพื่อถ่ายเอกสารใน Page Size Lagal คือ กว้าง 8.5 นิ้ว ยาว 14 นิ้ว แล้วแบ่งเป็นสามคอลัมน์ จัดขนาดคอลัมน์ให้เต็มทั้งหน้ากระดาษ เพื่อประหยัดต้นทุน

หลังกำหนดจุดคอลัมน์หนึ่งด้าน ก็ต้องไปวางคอลัมน์สำหรับอีกด้านเพื่อให้ตรงกันเวลาถ่ายเอกสาร รายละเอียดปลีกย่อยตรงนี้ก็ยากอีกครับ กว่าจัดวางให้ตรงกันแต่ละคอลัมภ์ ก็ใช้เวลาไปมากโข และเสียแผ่นกระดาษเพื่อทดลองปริ๊นออกมาดู ไปหลายแผ่นทีเดียว

เที่ยงคืนของวันที่ 14 หลังเสร็จสิ้นการกำหนดจุดวางคอลัมน์ ก็ได้เวลาเข้าสู่งานวางตัวอักษร และจัดลำดับหน้า นั่นก็รวมไปถึงการจัดหน้า ลำดับหมวดหมู่ สารบัญ และประวัติส่วนตัวด้วย และยังมีการจัดวางภาพประกอบอีก ขั้นตอนนี้ ใช้เวลารวมแล้ว 2 วัน 2 คืน

คืนสุดท้าย ท่ามกลางสายฝนเทกระหน่ำ และเสียงหวีดร้องของแมวติดสัด

เที่ยงคืน หลังงานจัดหน้าเสร็จเรียบร้อย ปริ๊นออกมาวางเรียง ผมก็เริ่มสู่งานออกแบบปก ในโปรแกรม Photoshop งานออกแบบปก เป็นงานที่คุ้นชิน จึงไม่รู้สึกยาก โดยเลือกรูป ที่ปรากฏในหน้าบล็อก โอเคเนชั่น นั่นแหละ มาเป็นหน้าปกหนังสือ

ก่อนรุ่งสางของวันที่ 16 ผมปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หลังปริ๊นแผ่นปก สี่สีออกมา 15 ปก เท่าจำนวนเล่มหนังสือที่ต้องการสั่งทำ ด้วยข้อจำกัดของเงินทุนผลิต

เบ็ดเสร็จแล้วหนังสือทำมือ บันทึกการเดินทาง เล่มนี้จะมีทั้งหมด 140 หน้า แบ่งภาคเรื่องได้ 4 ภาค คือ ภาคหนึ่ง “ถนนกวี” ภาคสอง “ถนนดนตรี” ภาคสาม “ถนนสู่เวที” และภาคสี่ “ถนนแห่งชีวิต”

ผมขับมอเตอร์ไซด์ ฝ่าละอองน้ำเล็ก ๆ หลังฝนปลายฤดูสั่งลา มุ่งสู่ร้านกาแฟ ริมแม่น้ำสุพรรณ ด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง เมื่อได้เห็นชิ้นงานของตัวเอง เสร็จเรียบร้อย

หากไม่รับปาก กับเพื่อนที่กำลังจะไปเปิดบูธ ขายหนังสือที่ งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ว่าจะรวมเล่มหนังสือทำมือไปฝากขายพร้อมซีดีเพลงด้วย ผมคงไม่อดตาหลับขับตานอน ได้ขนาดนี้หรอกครับ

แต่เมื่อรับปากไว้แล้ว ก็ต้องทำให้ได้ แม้หลังวันเสร็จเล่มหนังสือผมแอบส่องกระจกแล้วเห็นเงาตัวเองไม่ผิดอะไรกับผีตายซาก

เช้าวันนี้ ผมสั่งกาแฟ ไข่ลวก ปาท่องโก๋ เหมือนเคย นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นข่าวพาดหัว “ แชตลวงข่มขืน เด็ก 14 ยับเยิน” อ่านแล้วก็ให้ถอนหายใจ

เหลี่ยมมุมของโลกออนไลน์ มีหลายด้าน แบ่งแยกชัด ๆ ก็คือ ด้านดีและด้านไม่ดี แล้วแต่ใครจะเลือกเหลี่ยมมุมไหน ผมเลือกที่เหลี่ยมมุมในบล็อกโอเคเนชั่น ซึ่งผมมั่นใจว่านี่คือเหลี่ยมมุมที่ดี

เสร็จสิ้น กาแฟเช้า ผมขับรถกลับเข้าบ้าน หวังนอนพักเอาแรงสักงีบ สายหน่อย พอร้านถ่ายเอกสารเปิดทำการ ผมคงต้องรีบนำต้นฉบับ ไปให้เขาจัดการถ่ายเอกสารและตัดเข้าเล่ม ซึ่งก็คือขั้นตอนสุดท้าย พอรุ่งอีกวัน ผมก็คงได้หนังสือทำมือ 15 เล่ม ไปให้เพื่อนวางขายในงานมหกรรมหนังสือได้เสร็จเรียบร้อย

ก่อนเข้าสู่ห้องทำงานและห้องนอน ผมแอบส่องกระจกดูตัวเองอีกครั้ง เห็นสารรูปของคนพักผ่อนไม่เพียงพอแล้ว มันไม่น่าดูจริง ๆ

ครั้นพอเปิดประตูเข้าห้อง ผมก็แทบผงะ

อะไรกันนี่ สภาพห้องของผมทำไมถึงเป็นเช่นนี้

ตลอด คืนวันที่ผมทำงาน ผมไม่เคยได้หยิบจับอะไรในห้องทำงานเพื่อจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเลย เศษกระดาษที่ปริ๊นทดลองงาน หนังสือเล่มที่ถูกรื้อเอามาเป็นแบบอย่าง แบบงานของหนังสือทำมือเล่มเก่า แก้วกาแฟที่มีคราบกาแฟค้างเขลอะ ถ้วยชามที่ใส่ข้าวมากินในห้องแล้วไม่ได้ล้าง เสื้อผ้าที่ถอดทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่าง วางเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้นห้องและบนโต๊ะหน้าจอคอมพิวเตอร์

4 วันมานี้ผมไม่มีเวลาจัดห้อง ไม่มีเวลาเก็บล้างถ้วยชาม ไม่มีเวลาเก็บซักเสื้อผ้า ไม่แม้แต่จะเก็บสิ่งของที่เสมือนกองขยะสุมห้อง ให้อยู่เป็นที่เป็นทางสักชิ้น

4 วันมานี้ ผมทุ่มเทให้กับหนังสือทำมือ เล่มนี้ของผมแบบเต็ม ๆ โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวจริง ๆ หรือนี่

ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน กลางห้องที่กระจัดกระจายไปด้วยแผ่นกระดาษ ถ้วยชาม และเสื้อผ้า

“ใครมาแอบข่มขืนกูหรือเปล่าวะเนี่ย ห้องกระจุยกระจาย ร่างกายดูโทรมเชียว หรือเราจะเลือกเหลี่ยมมุมของโลกออนไลน์ผิด” ผมแอบคิดอยู่ในใจ ก่อนปิดเปลือกตาหลับสนิทอีกครั้ง

.....................................................

ป.ล. เอนทรี่นี้เขียนไว้เมื่อปี 2550 และหนังสือทำมือก็เป็นหนังสือที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 50 ก็ยังพอเหลืออยู่บ้าง แต่งานมหกรรมหนังสือปีนี้ หนังสือทำมือที่ค้างในสต๊อคของผมไม่สามารถนำไปวางขายในงานได้ สาเหตุเพราะ หน้าปกหนังสือทำมือได้โดนแดดเลียจนซีดหมดราคา และหมดสภาพแล้ว ...อุ๊บส์ อึ๊ย เจริญฯ!!!…

ดังนั้นจึงขอแสดงความเสียดายมา ณ. โอกาสนี้ (ว่าไป อิ อิ ครายไปเสียดายกับเมิง ฮึ)

เพลง จดหมายของนักเขียน

ศิลปินโฟล์คเหน่อ




Create Date : 19 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 กันยายน 2553 1:11:54 น. 0 comments
Counter : 401 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

โฟล์คเหน่อ
Location :
สุพรรณบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผลงานโฟล์คเหน่อ

สี่สิบสอง นักเขียน คนบ้า กวีหน้าราม กีตาร์โปร่ง
Friends' blogs
[Add โฟล์คเหน่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.