7 ข้อสำคัญในการเลือกเรียนป.โทที่เกาหลี (ตอน 2)
ช่วงนี้เพื่อนๆที่เกาหลีแข่งกันโพสรูปซากรุะกันใหญ่เรย T^T ส่วนเมืองไทยนี่ร้อนร้อน ทำให้อยากวาร์ปไปเกาหลีจริงๆเรยน้า--
4. Thesis Thesis Thesis! หลักสูตรปริญญาโทในเกาหลีส่วนใหญ่จะเน้นการวิจัย นักเรียนทุกคนต้องทำทีสิสถึงจะจบ อย่างที่อีฮวา ทีสิสเล่มนึงอยู่ที่ 65-100หน้า และจะต้องดีเฟนด์ (สอบสัมภาษณ์เกี่ยวกับทีสิสที่ทำ) กับคณะอาจารย์เป็นภาษาเกาหลีอีก1-2รอบ จริงอยู่ที่อาจารย์บางท่านอนุญาตให้เราเขียนทีสิสเป็นภาษาอังกฤษได้ (เพื่อสนับสนุนการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ)
แต่การเขียนทีสิสไม่ใช่รายงานในคลาส เราจะต้องแก้บ่อยมากถึงมากที่สุด พิชใช้เวลาแปดเดือน เจออาจารย์ที่ปรึกษาทุกๆ1-2อาทิตย์ ทำ SPSS ประมวลผลเอง หาข้อมูลเอง อ่านงานวิจัยเป็นร้อยๆเรื่อง เพื่อเขียนทีสิส 93 หน้า แล้วต้องทำพรีเซ็นท์เป็นภาษาเกาหลีด้วย ถ้าใครได้อาจารย์ที่ปรึกษาดีก็โชคดีไป ถ้าใครได้อาจารย์ที่ปรึกษาร้ายๆ ก็อาจจะแก้จนจบช้าไปอีกเทอม สองเทอม เพื่อนคนจีนในคณะเดียวกันเรียนมาสามปียังไม่จบก็มี ถ้าเป็นไปได้ เลือกหลักสูตรที่ไม่มีทีสิสจะดีกว่า
5. ความน่าจะเป็นในการเรียนจบ อย่างที่บอกว่าทีสิสเป็นเรื่องที่น่ากลัวพอสมควร อาจารย์ท่านนึงถึงกับบอกว่า "คนที่มาเรียนโททุกคน ไม่จำเป็นว่าจะต้องจบทุกคน ถ้างานวิจัยของเค้ายังไม่ดีพอ เราก็ไม่ให้จบ" ในขณะที่อาจารย์บางคณะอะลุ้มอล่วยให้กับเด็กต่างชาติ เพราะเห็นว่าเราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการมาเรียนต่างประเทศ ค่ากินอยู่ ต้องจากบุพการีมาที่นี่ อีกทั้งยังต้องมาเรียนเป็นภาษาเกาหลีแข่งกับเด็กเกาหลีอีก ถ้าโชคดีเจออาจารย์กรณีนี้ก็จะจบได้ง่ายกว่า
เพราะฉะนั้น เลยอยากให้ลองสืบจากนักเรียนไทยที่เคยเรียนคณะและมหาลัยที่เราอยากจะเข้าว่า มีจำนวนคนไทยที่เคยเรียน (แล้วจบด้วยนะ) เยอะมั้ย และเค้าใช้เวลาเรียนนานเท่าไหร่กว่าจะจบ(จบในสองปี หรือสามสี่ปี) อาจารย์ให้ผ่านยากมากมั้ย แล้วดูอีกทีว่าเรายอมรับได้รึเปล่า อาจจะลองถามในเฟส "ชุมชนนักเรียนไทยในเกาหลี" ดูก็ได้
พิชเองก็เป็นคนนึงที่เคยคิดจะทิ้งความพยายามทั้งหมดของตัวเองมาตลอดสองปีเอาตอนเทอมสุดท้าย จุดนั้นคิดแค่ไม่อยากถูกอจ.ด่า ไม่อยากถูกดูถูก อยากกลับไทย อยู่บ้านสบายๆ อยู่กับครอบครัวที่รักเรา แต่พอนึกถึงพ่อแม่ที่ต้องมารับหน้าเรื่องส่งลูกไปเรียนเมืองนอก แต่เรียนไม่จบ ก็กัดฟันสู้ต่อจนจบมาได้ อย่าลืมว่าคนไทยที่มาเรียนโทที่เกาแล้วสุดท้ายเรียนไม่จบ ถอดใจ กลับบ้านไปมือเปล่าก็มีไม่น้อย เพียงแต่ส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่เคสคนที่ประสบความสำเร็จบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
6. คนในคณะ เพื่อนๆที่ไปเรียนอังกฤษ เมกาจะเจอความยากลำบากเรื่องการเรียน เรียนยาก สอบยาก ส่วนเรานักเรียนเกาหลี ความยาก 50% อยู่ที่ภาษา อีก50% อยู่ที่คน ถึงแม้จะมีคนพูดกรอกหูว่าคนเกาหลีไม่ดีอย่างงู้นอย่างงี้ เราก็จะเถียงในใจว่า "แต่เพื่อนเกาหลีที่ชั้นเจอนิสัยดีนะ" "แต่ละคนไม่เหมือนกันซักหน่อย" "ชั้นไม่ใช่เทอ เทอทนไม่ได้ แต่ชั้นอาจจะทนเกาหลีได้มากกว่าเทอก็ได้"
ก่อนไปเกาหลีพิชก็คิดอย่างนี้ เรยอยากบอกว่า "เชื่อเค้าเถอะค่ะ" 555555 จริงอยู่ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่คนเกาหลีไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบสังคมไทย ที่สนับสนุนให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง คิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ออกจากกรอบ ในทางตรงข้าม เกาหลีถูกเลี้ยงมาให้คิดเหมือนกัน ตามกฎเหมือนกัน ใครแหกกฎ คิดวิธีเอง จะถูกมองว่าประหลาด นานๆไปคนเกาหลีเลยคิดอะไรเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นคนเกาหลีที่เค้าไปเจอ ก็นิสียเหมือนๆกับคนเกาหลีที่เราจะต้องเจอเนี่ยแหละค่ะ
เพราะงั้น เลยอยากแนะนำให้เรียนคณะที่มีเพื่อนต่างชาติอยู่บ้าง เราจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก โดดเดี่ยวจนเกินไป เพราะคนเกาหลีเค้าไม่ช่วยเหลือใครนะคะ ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เช่น ถ้าเค้าอาสาจะตรวจงานเกาหลีของเราให้ เราก็จะต้องช่วยเค้าสรุปเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษเพิ่ม หรือถ้าวันนี้เค้าพาเราไปเลี้ยงข้าว สองวันต่อมาก็จะมาขอสัมภาษณ์เราเรื่องงานวิจัยเกี่ยวกับเด็กต่างชาติที่เค้าทำอยู่
นอกจากเรื่องเพื่อนต่างชาติ จำนวนผู้หญิงในคณะ ถ้าเยอะมากๆ (มหาลัยหญิงล้วน) ก็จะมีการจิก เมิน หมั่นไส้ตามสไตล์หญิงเกาหลี ถ้าเป็นผู้ชาย แล้วเราเป็นผู้หญิง เค้าก้อจะช่วยเยอะหน่อย อายุก็มีส่วน ป้าๆมักจะใจดี ช่วยเหลือนร.ต่างชาติมากกว่าสาวๆ รวมไปถึงเกาหลีที่โตเมืองนอก ก็จะปรับตัวเข้าหาได้ง่ายกว่าเกาหลีดั้งเดิมที่ไม่เคยออกจากประเทศ
7. การยอมรับในไทย/เกาหลี หลังเรียนจบ "ตอนนี้ชั้นแค่อยากทำตามความฝัน ครั้งนึงอยากลองใช้ชีวิตที่เกาหลี อยากเห็นโลกกว้าง อยากค้นหาตัวเองงงงงงงงงงงง" สองปีผ่านไป จบกลับมานั่งกุมขมับ เพราะเพื่อนก้าวหน้ากันไปไกลแล้ว แต่เราใช้เวลาไปสองปีที่เกาหลี... ได้ปริญญามาใบนึง5555 ไม่ได้จะบอกว่าเราเสียเวลาไปเปล่าๆปี้ๆ แน่นอนว่าประสบการณ์ชีวิต การพึ่งพาตัวเอง การได้ฝึกงานตปท. เป็นการพัฒนาตัวเองอย่างนึง และเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้หากเรายังนั่งทำงานในออฟฟิส ตอกบัตรไปวันๆ แต่ก็อยากให้คิดถึงอนาคตบ้างว่าในสายงานเรา ยอมรับคนจบจากเกาหลีมากน้อยแค่ไหน แล้วเรายอมรับได้มั้ยหากจะต้องมาพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่ (ที่ส่วนใหญ่มองว่าเราไปเรียนเกาหลีจะไปตามดารา บ้าเคป๊อบ ไปกินเนื้อหมา ฯลฯ)เห็นว่า เด็กจบเกาหลีก็มีดีนะจ้ะ ถ้าคิดว่าทำได้ สู้ไ่มถอย ก็ลุยเล้ยยยย!
*Credit photo from cuteinkorea
Create Date : 28 มีนาคม 2557 |
Last Update : 31 มีนาคม 2557 19:57:47 น. |
|
31 comments
|
Counter : 5812 Pageviews. |
|
|
|