Review : Horrible Bosses (2011)
นี่คือหนังที่เป็นตัวอย่างของหนังตลกรวมดาวทั้งหลายแหล่ ที่มีอยู่เกร่อในสังคมภาพยนตร์ทุกวันนี้ เพราะหนังเรียกใช้บริการนักแสดงหน้าคุ้นทั้งหลาย ขนกันมาคับคั่ง แล้วก็มาจัดแต่งองค์ทรงผม เปลี่ยนบทบาทซะัใหม่ ให้กลายเป็นความแปลก ซึ่งนั่นแหละ มันก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ชะงัดนักแล !!!

ผู้กำักับของเรื่องนี้ เซ็ธ กอร์ดอน เคยทำหนังที่เรียกว่า สร้างความตลกได้แบบหึๆเท่านั้นมาแล้วใน Four Christmases ขายดาราระดับรีส วิทเธอร์สปูน และ วินซ์ วอห์น ก็ไม่ได้เป็นความประทับใจสักเท่าไหร่ แต่พอมาเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่า กอร์ดอน มีพัฒนาการในการใช้มุกต่างๆให้เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น มุกสร้างแคแรกเตอร์ให้กับตัวละครในแบบที่แตกต่าง แต่ก็ยังยืนพื้นอยู่ในบริบทของความฮา

เจนนิเฟอร์ อนิสตัน จากบทสาวช้ำรัก ทั้งหลายทั้งปวง ในหนังรอมคอมหลายเรื่อง ก็สลัดมาดนั้นมาลงจอเป็นทันตแพทย์สาวบ้่าเซ็กส์ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเธอก็สามารถดึงเอาความเซ็กซีในตัวออกมา แม้จะผ่านมาถึงขนาดปูนนี้แล้ว แต่ดีกรีความฮ็อตของเธอก็ยังมีอยู่อย่างล้นเหลือ

โคลิน ฟาร์เรลล์ ทำให้เราต้องย้อนนึกไปมอง ทอม ครูซ เวอร์ชั่น Tropic Thunder ที่ึขึ้นจอในมาดชายร่างอ้วนน่าขยะแขยงได้อย่างแนบเนียน และทำให้คนดูเกลียดเขาได้อย่างเข้าไ้ส้ ฟาร์เรล ประสบความสำเร็จในการพรีเซนต์ด้่านมืดของตัวเองด้วยเช่นกันในบทลักษณะเดียวกันนี้ เขามาพร้อมรูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะ หัวเกือบล้าน มีผมสองสามเส้น เคราหนา หน้าเกลียด นิสัยน่าขยะแขยง ไม่น่าคบ แม้จะขึ้นจอในเวลาไม่กี่นาที แต่ความชั่วร้ายของเราก็พุ่งตรง เดลิเวอรี่ ถึงเราอย่างทั่วถึุง

ตัวร้ายของเรื่องอีกตัว ก็คือ เควิน สเปซี่ย์ สมกับการเล่นหนังทริลเลอร์ในบทชั่วๆมานักต่อนัก พอมาชั่วแบบตลกในเรื่องนี้ กลิ่นความชั่วร้ายของเขาก็ยังคละคลุ้่งอยู่ใน chemistry ของตัวละคร มันทำให้เรารู้สึกกลัว กับความน่าเกรงขาม และความมีอิทธิพลในตัวละครได้อย่างอยู่หมัด ทุกซีนที่ปรากฎให้เห็นถึงความเดือดดาลในตัวละครเรื่องนี้ มันทำให้เรานึกเข้าไปถึงตัวละครที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา มันคือนรกของแท้ เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงตัวพ่อที่จัดบทแนวนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และก็ไม่วายที่ยังเข้ากับบริบทหนังตลกได้อย่างลงตัว

ในส่วนของแก๊งค์พระเอก ทั้ง เจสัน เบตแมน, ชาร์ลี เดย์และ เจสัน ซูเดคิส ก็เล่นเข้ากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่ที่น่าชื่นชอบก็คือ การเป็นคอมมิเดี้ยนของ เดย์ ทำให้เราหัวเราะในแคแรกเตอร์ของเขาได้ทุกฉาก เป็นตัวละครที่น่าเอ็นดู แล้วก็สร้างความผิดพลาดให้เกิดขึ้นอยู่่บ่อยครั้ง ถือเป็นตัวขโมยซีนที่ออกมาเรียกเสียงหัวเราะอย่างได้ผล ...ยิ่งเวลาเข้าพระเข้านางกับ อนิสตัน แล้ว เด็ดมาก (ส่วนตัวแล้วชอบโทนเสียงของเขามา ขึ้นจมูกหน่อยๆ)

บทรับเชิญที่สำคัญของเรื่องอีกบทก็คือ เจมี่ ฟ็อกซ์ หลังจากไปโผล่สร้างเสียงฮาในลักษณะเดียวกันมาแล้วแบบแว๊บๆใน Due Date เรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่เขามาพร้อมการแสดงด้านมืดปนตลก ที่ทำออกมาได้น่าพอใจเป็นอย่างมาก

หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลก ที่ให้ความบันเทิง แล้วก็ยึดติดกับบริบทของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย เสียดสีได้อย่างแยบคาย เป็นหนังที่ดูได้ แล้วก็นำกลับไปคิดตา่มได้ ว่าถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับในตัวละครแล้ว เราจะมีวิธีการหาทางออกให้กับปัญหาอย่างไร ส่วนตัวแล้ว ยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ทำให้คุณหัวเราะจนสุดขากรรไกร ได้มากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ เผลอๆ อาจจะขึ้นไปเป็นหนังตลกในดวงใจของใครหลายคน






Create Date : 18 กันยายน 2554
Last Update : 16 มีนาคม 2555 17:54:27 น.
Counter : 512 Pageviews.

0 comment
Review : Transformers : Dark of The Moon (2011)
เก่าเก็บมานาน ขอเอามารีวิวในบล็อกอีกสักรอบ เพราะบล็อกเพิ่งคลอด กับอภิมหาหนังโคตรทำลายล้างเรื่องนี้ ทีไ่มเคิล เบย์ มันส์มือในการปั้นหุ่นต์มาเขย่าโลกา ผลาญช็อตซีจีเป็นว่าเล่น ~

ตามสไตล์ของ เบย์ เขาทำหนังสนุกในบทบริบทของแอ็คชั่น ที่ทำให้คนดูตาค้างได้ไม่ยาก กับฉากต่อสู้ หรือฉากโชว์ฺแสนยานุภาพของซีจีทั้งหลาย ที่จัดมาให้ฟินโดยเฉพาะ จากภาคแรก ในฉากที่เราได้เห็นยานพาหนะืทรานสฟอร์มกลายเป็นหุ่นยนต์ตัวยักษ์ภายในเสี้่ยววินาที เรียกว่าทำให้มีคนดูบางกลุ่มต้องไปหา DVD มานั่ง SLOW ฉากเพื่อดูกลไกการกลายร่างแบบละเอียดกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ขอบอกได้คำเดียวว่า เบย์เนียนมาก

ภาคสอง เบย์ จัดมันส์เน้นๆเช่นเดียวกัน แต่กับเรื่องของเส้นเรื่อง ทำให้เรารู้ว่า เบย์ให้ความสำคัญกับฉากแอ็คชั่นที่ยัดเยียดเข้ามามากจนเกินไป ความสมเหตุสมผลต่่างๆเลยเหมือนดูถูกลดทอนไปแบบตั้งใจสุดๆ ทำให้ภาคสองกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบสุดๆ เมื่อว่ากันถึุงเรื่องของบท !!

แต่กับภาคสามที่เพิ่งเ้ข้าโรงกินเงินเราไปเมื่อกลางปี เบย์ พยายามจะกลับมาปรับแต่งในส่วนของบทให้ลงตัว และดูมีที่มาที่ไปอีกครั้ง แต่ขอบอกว่า ++ มันไม่จำเป็นเลยครับ เบย์ !!! จากที่บกพร่องในภาคสอง พอมาในภาคสาม เหมือนเส้นเรื่องต่างๆ ที่เป็นบทภาคมนุษย์ มันเหมือนถูกยัดเยียดเข้ามา เพื่อให้เรื่องเต็ม และยาวขึ้น ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูโดดมากๆ โดดถึงขนาดที่ว่า ในส่วนท้ายเรื่อง หนังไม่ได้มีความเกี่ยวกันอะไรกับสิ่งที่ปูมาตั้งแต่ต้นแม้แต่น้อย ตัวละครบางตัว ปูซะเหมือนจะมีความสำคัญกับหนังแบบโดยตรง อย่างแคแรกเตอร์ของ จอห์ฺน มัลโควิช ที่ไม่น่าเชื่อว่าเบย์จะจ้างนักแสดงระดับเขา มาปู้ยี้ปู้ยำ ซะขนาดนี้ มันเลยทำให้ภาคจบไม่ฟิืนเท่าที่ควร ด้วยตัวเนื้อเรื่อง บท ที่สะเปะสะปะ และเหมือนเอาฉากแอ็คชั่นมากลบให้มิดในตอนท้าย

ซึ่งฉา่กแอ็คชั่นที่ว่า บางทีก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้น เหมือนที่เบย์เคยทำไว้ได้ในภาค 1 คือมันไม่มีจุดพีค หรือไคลแม็กซ์ให้เราต้องร้องโอ้โห ตาโตเป็นไข่ห่าน บางฉากที่ดูอลังการ ในตัวอย่างจัดมาให้เราได้ชมกันก่อนหนังเข้าเป็นเกือบปีแล้ว ...ภาค 1 ยังมีความแปลกใหม่ในฉากเปิดตัวหุ่นยนต์ และฉากที่ต่อสู้สุดฟินในตอนท้าย ภาค 2 กับฉากต่อสู้ในป่า และปีระมิด ก็ทำให้เราอึ้งได้ง่ายๆ ส่วนภาค 3 ฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ ไพรม์ มันไม่ได้สร้างความประทับใจในแบบที่เคยทำไว้ได้ หรือแม้แต่ฉากตึกถล่ม ก็ทำให้เราอ้าปากค้างได้แค่ไม่กี่วิ เท่านั้นแหละ

สิ่งดีสิ่งเดียวที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยในหนังเรื่องนี้ก็คือ การแสดงของนักแสดงสาว โรซี่ ฮันติงตัน ไวท์ลี่ย์ นางแบบชุดชั้นใน ที่มาเล่นหนังเป็นเรื่องแรก พร้อมกับบุคลิกเผยอปากกระชากอารมณ์ของเจ้าหล่อน บางมุมคล้ายคาเมรอน ดิแอซ ซึ่งก็ทำให้ดูแปลกๆ ซึ่งเธอเองก็ทำหน้าที่ได้ดีเลยแหละ สำหรับบทนี้ โดยพื้นฐานแล้ว มันต้อง ขี้เล่น เน้นเซ็กซี่ เป็นหลัีก ซึ่งเธอก็จัดมาได้ครบถ้วน ทั้งลีลา สีหน้า ท่าทาง โดยเฉพาะเพอร์ฟอร์มานซ์ทางการแสดง แม้จะเป็นเรื่องแรก ก็สอบผ่านไปเลย

อีกรายที่คิดว่าทำให้หนังดูมีพลังขึ้นมาเลยก็ ฟรานเซส แม็กดอร์แมนด์ ที่มาในบทขึงๆขังๆแบบนี้ แนวถนัดเจ๊แกนักแล ดูมีอินเนอร์ส่งกระแทกเจ้าหุ่นยนต์ทั้งหลายกันไปเลย

กล่าวคือ ภาคนี้เป็นภาคปิดตำนานของ Transformers ที่ยังครึ่งๆกลางๆ ค้างๆคาๆ จบแล้วก็ไม่ได้อยากดูต่อนะ จบแล้วก็จบเลย ซึ่งหนังอาจจะจะตอบสนองคอหนังที่ชื่นชอบนวัตกรรมแห่งซีจี แต่ถ้าดูเอามันส์ระเบิดระเบ้อ เวอร์แหลกลาญ เรื่องนี้เหมือนจะทำให้เราผิดหวังเล็กน้อย ...แล้วแต่วิจารณญาณแล้วกันเนาะ







Create Date : 18 กันยายน 2554
Last Update : 16 มีนาคม 2555 17:56:32 น.
Counter : 577 Pageviews.

0 comment
Review : Trust (2011)
นี่คือสุดยอดผลงานหนังโรงเล็กที่คุณควรจะพาคนในครอบครัวไปดูเป็นอย่างยิ่ง กับหนังที่จงใจสะท้อนสังคมกระแทกคนดู เพื่อสอนใจภัยอะไรบางอย่าง ที่เราอาจจะคิดว่าภัยจากภายนอกน่ากลัวแล้ว แต่ที่น่ากลัวว่าสิ่งอื่นใดกลับเป็น ภัยในใจ ต่างหาก

หนังเล่าเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาของสาวน้อยคนหนึ่งที่หลังจากได้ของขวัญวันเกิดเป็นโน้ตบุ้คจากผู้เป็นพ่อที่รักเธอมากกว่าสิ่งอื่นใด เธอกลับเอาไปแชตกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งที่เป็นรักครั้งแรกของเธอ การนัดเจอกันทำให้เธอรู้ว่า เขาไม่ใช่คนที่เธอคิด และเหตุการณ์ในวันนั้นจบด้วยการที่เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา ..เหตุการณ์ทุกอย่างบานปลายขึ้น เมื่อเพื่อนสนิทของเธอ รับรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างหลังจากรู้ว่าเธอไปนัดบอดกับชายคนดังกล่าว และรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอคิดไว้ตั้งแต่แรก จนกระทั่งอนุมานไปเองว่าเธอโดนข่มขืน เรื่องราวจึงไปกันใหญ่เมื่อเพื่อนของเธอดันนำเรื่องไปบอกอาจารย์ในโรงเรียน และหลังจากนั้นก็กลายเป็นเรื่องที่ถึงมือตำรวจ เกิดการสืบสวน สอบสวน กันอย่างพลิกแผ่นดิน ...

แต่เรื่องราวทั้งหมดมันไม่ได้สำคัญกับการหาตัวคนผิดในมุมมองของคนทั่วไปมาลงโทษ แต่กลับเป็นสภาวะความคับแค้นในใจระหว่างคนเป็นพ่อ, แม่ และตัวลูกเองต่างหาก ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายพ่อเกิดความแค้นในใจที่อยากจะลากตัวผู้ชายคนนี้มาลงโทษด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าเขาข่มขืนลูกสาว ฝ่ายแม่ก็พยายามที่จะดึงอารมณ์และสถานการณ์ของสามีและลูกสาวเอาไว้ ส่วนฝ่ายลูกก็พยายามจะบอกเหตุผลทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอคิดให้ทุกคนฟังว่า "เธอรักเขา และเขาไม่ได้ข่มขืนเธอ" ...นั่นก็เป็นเพราะความไว้ใจที่เธอมีัให้กับหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ และไม่คิดว่าจะเกิดเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้

หนังจบลงด้วยบริบทระหว่างพ่อลูก ที่เข้ากับสถานการณ์จริงได้อย่างน่าขนลุก บทสรุปที่ดูไม่เหมือนหนังเอพิคยิ่งใหญ่ แต่โดนใจด้วยการจบแบบอิงชีวิตจริงของคนเรา ด้วยคำสอนบางอย่างเกี่ยวกับความไว้ใจ ...ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดในชีวิต หากเราคิดจะมอบความไว้ใจให้ใครสักคนหนึ่ง เมื่อลืมตาดูโลก คนๆนั้นควรจะเ็ป็นคนที่ให้กำเนิดเรา ..จริงไหม ?

การแสดงของทั้งไคลฟ์ โอเว็นและแคทเธอรีน คีเนอร์ ปะทะกันบนจอในหลายซีนได้อย่างเข้าถึง เหมือนไม่ได้เล่นแต่เป็นชีวิตจริง โดยเฉพา่ะสาวน้อยเลียน่า ลิเบอราโต้ ที่เพิ่งได้ดูหนังที่เธอเล่นเป็นครั้งแรก แต่ก็ตรึงใจสุดๆ ทุกซีน สีหน้า แววตา ท่าทาง เธอคือมืออาชีพตัวจริง (แถมยังเหมือนเป็นร่างทรงนาตาลี พอร์ตแมนในวัยเด็กก็มิปาน) จัดหนักกันแบบไม่มีใครยอมใคร

หนังถือว่าสอนอะไรหลายๆอย่างในหลายแง่มุม สอนถึงภัยสังคม, สอนถึงการไว้ใจมนุษย์, สอนถึงการปฎิบัติต่อคนที่เรารัก, สอนถึงการมีครอบครัว มากมายไปด้วยสาระ และความเจ็บปวดที่หนังมอบให้ก็กลายเป็นยาชั้นดีที่จะทำให้คนดูก้าวเดินต่อไปในชีวิตได้อย่างถูกและควรมากยิ่งขึ้น








Create Date : 11 กันยายน 2554
Last Update : 16 มีนาคม 2555 17:52:31 น.
Counter : 985 Pageviews.

0 comment
Review : Don't Be Afraid of The Dark (2011)
ภาพยนตร์เขย่าขวัญ ภายใต้การสร้าง + เขียนบทของ กิลเยร์โม เดล ทอโร่ ที่หวังว่าน่าจะทำให้หนังน่าเชื่อถือได้ในภาพลักษณ์ของการขายความสยองขวัญเขย่าขวัญสั่นประสาท แม้จะไม่ได้ลงมือกำกับเอง แต่ก็ยังได้กลิ่นอายเบาๆของบรรยากาศใน Pan's Labyrinth และ Hellboy

ในส่วนที่หนังสอบผ่านก็คือ ...บรรยากาศที่สร้างออกมาได้ชวนระทึกด้วยการออกแบบฉากและสถานที่ที่ทำได้น่าขนลุกมากๆ นี่คือต้นแบบของบ้านที่หนังผีหลายๆเรื่องน่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ แสงสี และองค์ประกอบต่างๆถือว่าได้รับการศึกษาในเนื้องานและแหล่งอ้างอิงมาเ็ป็นอย่างดี เป็นตัวเร้าที่ดีให้กับผู้ชมได้อย่างชะงัดนัก

แต่หนังกลับสอบตกในเรื่องของความสมเหตุสมผลบางอย่าง หรือการดีไซน์ตัวสัตว์ประหลาดที่เป็นไคลแม็กซ์ของหนัง เรียกได้ว่าลดทอนความน่ากลัวลงไปอย่างเ็ห็นได้ชัด หนังปูแนวทางลึกลับกระชากต่อมสะดุ้งมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเราได้เห็นหน้าอสูรกายที่โผล่ในตอนกลางเรื่องแล้ว ...อารมณ์เหล่านั้นหายไปในพริบตา แถมบางฉากยังออกแนวน่าขันเสียมากกว่า ด้วยพฤติกรรมบางอย่างของเจ้าอสูรกายพวกนี้ น่าจะทำออกมาได้น่ากลัว และชวนระทึกมากกว่านี้สักหน่อย

ความสมเหตุสมผลที่หาไม่เจอก็มีหลายประการ กลายเป็นช่องโหว่ของหนังที่ไม่น่าให้อภัย ก็คือเจ้าสัตว์ประหลาดใช้เวลานานเกินไปไหม กว่าที่จะเอาสาวน้อยของเรื่องเข้าไปในช่องท่อที่พวกมันอาศัยอยู่ หรือบางทีตกลงจะกลัวแสงสว่างหรือไม่กลัว ตอนท้ายเรื่องเป็นอะไีีรที่ออกแนวมั่วๆเล็กน้อย แต่ก็ยังพอรับได้ ไม่ถือว่าน่าเกลียดเกินไป

ความสยองของบริบทของหนังได้บรรยากาศมาช่วย แต่ตัวเนื้อเรื่อง ค่อนข้างน่าผิดหวัง และไม่ได้ทำให้เราสนุกไปด้วยกันได้ตลอด แต่ต้องชื่นชมในส่วนของนักแสดงที่เล่นกันได้ดีมากๆ โดยเฉพาะ เคที่ โฮล์มสและ สาวน้อยฝีมือฉกาจ ไบลี่ แมดิืสัน ส่วนพ่อกาย เพียรซนั้น มิติแบนราบมากๆ โผล่มาทำขรึมนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ไป ...ไม่ใช่บทสลัีกสำคัญอะไรกับเรื่องสักเท่าไหร่

หนังเ้หมาัะสำหรับคนที่ชื่นชอบงานเขย่าขวัญองค์ประกอบเจ๋งๆ ออกแนวกอธิคๆ เรื่องนี้จัดให้เต็ม แต่ถ้าจะหาหนังผี หรืออะไรที่ชวนสยองจริงๆจังๆ บอกผ่านจะดีกว่านะ






Create Date : 11 กันยายน 2554
Last Update : 16 มีนาคม 2555 17:51:17 น.
Counter : 637 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  

Filmzlap
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Movie Addict, that's all i need to say about MYSELF !!