มนุษย์เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แม้จะเป็นส่วนน้อยนิด ธรรมชาติมีความสำคัญแค่ใหน เราก็จะมีความสำคัญตามไปด้วย
อย่าคิดเอาชนะธรรมชาติ เรียนรู้เพื่อความเป็นอยู่อย่างสอดคล้อง ไม่ขัดแย้งกับธรรมชาติ เพื่อจะได้มีชีวิตที่เป็นสุข
|
||||
เพลงบทปลงสังขาร (ฉบับโบราณ)
เป็นบทสวดสำหรับพิจารณาความไม่เที่ยง
ความไพเราะของบทปลงสังขารอยู่ที่สาระของบทสวดที่กล่าวถึงความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์
เมตตาอัปปมัญญา
สวดสรภัญญะ
องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน
ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร องค์ใดประกอบด้วย พระกรุณาดังสาคร โปรดหมู่ประชากร มละโอฆกันดาร ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมสานต์ ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย พร้อมเบญจพิธจัก- ษุจรัสวิมลใส เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง กำจัดน้ำใจหยาบ สันดานบาปแห่งชายหญิง สัตว์โลกได้พึ่งพิง มละบาปบำเพ็ญบุญ ข้าขอประณตน้อม ศิรเกล้าบังคมคุณ สัมพุทธการุญ- ญภาพนั้นนิรันดร ปางเมื่อพระองค์ปะระมะพุทธ
กิเลส
กิเลส มีองค์ประกอบคือ
อวิชชา ตัณหา และ อุปาทาน ทั้งหมดเป็น กิเลส อวิชชา คือความไม่รู้ เป็นต้นเหตุไห้เกิด กิเลส อวิชชาตัดได้ด้วยการมี วิชชา วิชชา คือความรู้ วิชชา คือความรู้แจ้งใน อริยสัจ เมื่อมีความรู้แจ้งแล้ว อวิชชาก็ดับ นิพพาน ก็ปรากฏ -------------------------------------------------------------------------------------------------------- อุปาทาน คือ การยึดมั่นถือมั่นทางจิตใจ เช่น
พุทธภาษิตมีอยู่ว่า "เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว เบญจขันธ์ ที่ประกอบอยู่ด้วยอุปาทานนั่นแหละเป็นตัวทุกข์" ดังนั้น เบญจขันธ์ ที่ไม่มีอุปาทานครอบงำนั้นหาเป็นทุกข์ไม่ ฉะนั้น คำว่าบริสุทธิ์หรือหลุดพ้นจึงหมายถึง การหลุดพ้นจากอุปาทานว่า "ตัวเรา" ว่า "ของเรา" นี้โดยตรง ดังมีพุทธภาษิตว่า "คนทั้งหลายย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน" อ้างอิง พุทธทาสภิกขุ. "ตัวกู-ของกู" ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ตัณหา คือ ความกำหนัด หรือ ความอยาก หรือ ไม่อยาก ในความรู้สึก หรือเวทนาที่เกิดขึ้นมา ตัณหา เกิดจาก โลภะ โทสะ โมหะ ที่เป็นผลมาจาก อายตนะภายใน กระทบอายตนะภายนอก ที่เรียกว่า ผัสสะ จนเกิด เวทนา ( สุข ทุกข์ เฉย ๆ ) อายตนะภายใน คือ ประสาทสัมผัส ประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ อายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส (เย็น ร้อน อ่อนแข็ง) อารมย์ทางใจ หรือธรรมารมย์ เมื่อมี กิเลส ก็กระทำกรรมแล้วเกิดเป็นวิบาก หมุนเวียนกันเป็นวงรอบ ทำไห้ ออกจากทุกข์ไม่ได้ วิธีดับกิเลส ก็คือต้องเจริญ มรรค จนมี วิชชา การเจริญมรรค คือ เจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ สมถะ และ วิปัสสนา ------------------------------------------------------------------------------------------------------- แบ่งกิเลสตาม สังโยชน์ สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจคนหรือสัตว์ ไว้กับทุกข์ซึ่งมี ๑๐ อย่าง ๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย ๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต ๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ ๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ๖. รูปราคะ ความติดใจในอายตนะภายในรูปธรรมอันประณีต ๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม ๘. มานะ ความถือตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านในธรรม ๑๐. อวิชชา ความไม่รู้อริยสัจ ผู้ที่ตัดกิเลสได้ก็คือพระอริยะบุคคล โดยแบ่งตามภูมิธรรมได้ดังนี้ พระโสดาบัน สามารถละสังโยชน์ขั้นต้นได้ ๓ อย่างคือ ๑. สักกายทิฏฐิ ๒. วิจิกิจฉา ๓. สีลัพพตปรามาส พระสกิทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางลงได้เท่านั้น ๔. กามราคะ เบาบาง ๕. ปฏิฆะ เบาบาง พระอนาคามี สามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำที่เหลืออีก ๒ ตัวคือ ๔. กามราคะ ๕. ปฏิฆะ พระอรหันต์ สามารถละสังโยชน์เบื้องสูงได้อีก ๕ ข้อคือ ๖. รูปราคะ ๗. อรูปราคะ ๘. มานะ ๙. อุทธัจจะ ๑๐. อวิชชา |
Faraday
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ความสงบเรียบง่าย สอดคล้องกับธรรมชาติ ความสดชื่นงดงาม สรรพเสียงที่ไพเราะเสนาะหู คือสิ่งที่ควรรักษาให้ดำรงค์อยู่ ในช่วงชีวิตของเรา ทำความเข้าใจสังคม สิ่งแวดล้อม ที่เราอาศัยอยู่ และดำเนินชีวิตอย่างสอดคล้องเหมาะสม คือสิ่งดีที่สุดของการดำรงค์ชีวิต ถ้าแม้ไม่สมที่หวัง ไม่เป็นไร ลืมมันเสีย แล้วทำเหตุไหม่เพื่อให้มันเกิดอย่างที่ตั้งใจไว้ -------------------------------------------- สถิติ จำนวน Blog รวม 448 Blog จำนวนผู้ชม 200003 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 670 ครั้ง ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (๑๓.๐๗ น.) จำนวน Blog รวม 445 Blog จำนวนผู้ชม 197298 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 658 ครั้ง ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ (๒๒.๑๗ น.) จำนวน Blog รวม 423 Blog จำนวนผู้ชม 140566 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 349 ครั้ง ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ (๐๙.๔๑ น.) จำนวน Blog รวม 407 Blog จำนวนผู้ชม 122229 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 212 ครั้ง ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ (๐๘.๐๘ น.) จำนวน Blog รวม 407 Blog จำนวนผู้ชม 122024 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 212 ครั้ง ๒๘ มกราคม ๒๕๕๖ (๑๘.๕๒ น.) จำนวน Blog รวม 405 Blog จำนวนผู้ชม 120971 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 208 ครั้ง ๒๖ มกราคม ๒๕๕๖ (๙.๓๙ น.) จำนวน Blog รวม 398 Blog จำนวนผู้ชม 111449 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 167 ครั้ง ๒ มกราคม ๒๕๕๖ จำนวน Blog รวม 391 Blog จำนวนผู้ชม 102211 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 140 ครั้ง ๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน Blog รวม 390 Blog จำนวนผู้ชม 92241 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 128 ครั้ง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จำนวน Blog รวม 375 Blog จำนวนผู้ชม 81537 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 107 ครั้ง ๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ ( ๒๑.๓๙ ) จำนวน Blog รวม 374 Blog จำนวนผู้ชม 80228 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 107 ครั้ง ๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ( ๐๙.๒๔ ) จำนวน Blog รวม 361 Blog จำนวนผู้ชม 78077 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 101 ครั้ง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ( ๑๕.๑๔ ) จำนวน Blog รวม 361 Blog จำนวนผู้ชม 77503 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 101 ครั้ง ๒๙ กันยายน ๒๕๕๕ ( ๑๑.๑๘ ) จำนวน Blog รวม 269 Blog จำนวนผู้ชม 38102 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 69 ครั้ง ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ (๑๑.๒๕ น.) จำนวน Blog รวม 210 Blog จำนวนผู้ชม 18,049 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 65 ครั้ง 6 กรกฎาคม ๒๕๕๕ (๑๖.๓๙ น.) จำนวน Blog รวม 62 Blog จำนวนผู้ชม 5,278 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 65 ครั้ง ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ (๑๐.๑๙ น.)
Group Blog
All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |