|
ชีวิตในโรงเรียนเเลกเปลี่ยน2
Pt.2
บล้อกนี้ก็จะเล่าถึงเรื่องโรงเรียนที่ระบบต่างจากของไทยมากๆนะคะ - โรงเรียนเข้าแปดโมง-แปดโมงครึ่ง เพราะงั้น ตื่นได้ประมาณเจ็ดโมงเลย เดินทางค่อนข้างง่าย อย่างเราไปกับโฮส และบางวันก็ขึ้นบัสไปเอง บัสมาตอน 7:52 ถึงโรงเรียนก็แปดโมงกว่าๆ ยังทันอยู่เเละมีเวลาเหลือเลย โดยปกติเด็กที่นี่ ประถมก็ขึ้นบัสไปโรงเรียนกันเองได้เเล้วนะคะ ปลอดภัยเเละสะดวกค่อนข้างมาก เพื่อนจากประเทศอื่นในยุโรปบางคนก็ปั่นจักรยานไปขึ้นเเทรม (เป็นเหมือนรถรางอะค่ะ) ส่วนถ้าไปแลกเปลี่ยนอเมริกา คาบเเรกส่วนใหญ่ 7:20-7:30 นะคะ ต้องตื่นเช้ามากอยู่ เพราะถ้าตกรถบัสรับส่งสีเหลืองๆ ก็ต้องพึ่งโฮสทางเดียว เเละอาจจะลำบากเอาได้ค่า - โรงเรียนจะมีคาบเบรคเยอะมาก ในเเต่ละคาบ ทำให้มีเวลา ทำนู่นนี่ วิชาที่สอนก็มีเเต่วิชาที่จำเป็นจริงๆ ไม่มีชุมนุม (หลายๆประเทศในยุโรปไม่มีชุมนุม) เเต่อย่างประเทศเรา โรงเรียนมัธยมไม่มีเเบ่งสายการเรียน ทำให้ทุกคนเรียนหมดเลย วิทย์สามตัว คณิต ภาษา ก็ถือว่าอาจจะหนักกว่าของไทยนิดนึงที่มันปนกันมาหมดเลย เเต่ก็ไม่ใช่ทุกประเทศในยุโรปค่ะ ประเทศของเพื่อนเราก็แบ่งชัดเจน ถ้าสอบเเล้วเกรดไม่ถึงก็ต้องย้ายสายไม่งั้นก็ไม่ได้เลื่อนชั้นค่ะ โดยสำหรับเรามองว่า อย่างโรงเรียนของประเทศเรา ถึงไม่มีชุมนุม แต่ด้วยเวลาการเข้าเรียนเเละออก ค่อนข้างมีเวลาเหลือ ทำให้เด็กที่ประเทศนี้ส่วนใหญ่ทุกคนจะเล่นกีฬาบางชนิดเป็นประจำ และเล่นเครื่องดนตรีได้กันเเทบทุกคนเลยค่ะ (เปียโน, กีตาร์, ไวโอลิน etc) และด้วยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีการบ้าน ถ้ามีก็คือเป็นสอบเล็กๆไปเลย หรือไม่ก็ทำ presentation ไปนำเสนอเลยทีเดียว ไม่มีพวกงานที่ต้องเขียนลงสมุดเยอะๆแบบไทยมากนักเท่าไหร่55555 เเละด้วยโรงเรียนเลิกประมาณสามโมงถึงสี่โมง เเละส่วนใหญ่ถ้านอนเที่ยงคืน ตื่นเจ็ดโมง ก็ยังได้นอนในปริมาณที่เพียงพอ เวลาหลังเลิกเรียนจึงเอาไปใช้ได้มากมายเลยค่ะ
*เสริมสำหรับประเทศอเมริกา ถ้าใครสนใจไปแลกเปลี่ยนนะค้าบ อเมริกาจะให้เราเลือกวิชาเรียนเองเลยประมาณ5-6วิชา ต่อ1ภาคเรียน เพราะเรียนเหมือนกันทุกวันค่ะ ตารางเรียนเหมือนกันทุกวันเลย ทั้งเทอมก็จะไม่ได้เรียนหลายวิชามากนักเเละเจอครู-เพื่อนตามวิชานั้นๆทุกวัน ถ้ามีการบ้านก็ต้องรีบทำให้เสร็จก่อนวันถัดไปตลอดๆ แต่โรงเรียนที่อเมริกาจะเลิกประมาณ 2:30 - 2:45 p.m. เเละมีกีฬา/ดนตรีให้เข้าร่วมได้ที่โรงเรียนค่ะ ((ประเทศอเมริกา โรงเรียนมีหลากหลายรูปแบบมาก ค่อนข้างขึ้นอยู่กับดวงประมาณนึงว่าจะเจอแบบไหน อาจจะงานเยอะ สอบเยอะ หรือไม่ต้องซีเรียสเรื่องงานเลยก็มี))
- เรื่องระยะเวลาในโรงเรียน ของทางยุโรปจะไม่มีปิดเทอมระหว่างภาคเรียนมากนัก จะเเบ่งย่อยไปเป็น winter break, spring break เป็นหยุดเล็กๆ 1-2อาทิตย์ ในเเต่ละช่วงมากกว่า และในโครงการของบางประเทศ ไม่อนุญาตให้หยุดเรียนนอกเหนือจากที่จำเป็นเลย เช่น หยุดเพื่อไปเที่ยว ในประเทศเราสามารถไปได้ เเต่ต้องยื่นจดหมายไป แต่ในบางประเทศก็ไม่ได้ค่ะ
- เรื่องการบุลลี่ ในทางฝั่งยุโรป เท่าที่คุยกับเพื่อนในประเทศจากเมืองต่างๆ และเพื่อนประเทศอื่น ยังไม่มีใครเจอเหตุการณ์บุลลี่เท่าไหร่นะคะ ไม่ต้องกังวลเลย หรือถ้าทางฝั่งอเมริกา เพื่อนบางคนก็เจอโดนแกล้งบ้าง เเต่เป็นเหตุการณ์แบบครั้งเดียว ยังไม่มีใครเจอที่ถึงขั้นต้องเเจ้งครู/โครงการค่ะ
----อันนี้ก็ยาวมากเเล้ว อาจจะมีเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนอีกถ้านึกออกและยาวพอให้เขียนอีกบล้อก ใครอยากถามอะไรสามารถถามมาได้นะคะ ✨
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2563 |
| |
|
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2563 17:11:35 น. |
| |
Counter : 319 Pageviews. |
| |
|
|
|
ชีวิตในโรงเรียนแลกเปลี่ยน
โรงเรียน Pt.1
เรื่องโรงเรียนก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญในชีวิตการมาเเลกเปลี่ยนมากๆ เพราะเราใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนก็ค่อนข้างมาก รองลงมาจากกับครอบครัวโฮส โรงเรียนในฝั่งทางโซนยุโรป จะมีปัญหาในเรื่องของภาษา ที่นักเรียนที่นี่เรียนเป็นภาษาของประเทศนั้นๆ เราก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ 5555555 เราจะเรียนได้เเค่ในบางวิชาเท่านั้น โดยในบางวิชา ครูก็สอนไปปกติเเล้วเราก็ต้องไปหาเรียนเพิ่มเติมเองทีหลังค่ะ เพราะว่า ในเเต่ละประเทศก็จะไม่เหมือนกัน เช่น ประเทศของเรา เเล้วเเต่ตัวเราเเละโรงเรียนเลยว่าจะตกลงกันยังไง เราจะไม่เรียน ไม่ทำงาน ไม่สอบ ก็ได้ เเต่เราก็จะไม่ได้ใบเกรดกลับไป และก็ยังต้องไปโรงเรียนตามปกติค่ะ ทางของประเทศเรานั้น เราเลือกที่จะเรียนเเละสอบแค่บางวิชา บางวิชาที่ค่อนข้างยากเเละไม่จำเป็นตอนกลับไทยมากนักก็ตกลงกับทางโรงเรียนไปแต่ต้นเลยค่ะว่าไม่เรียน โดยวิชาที่ไม่เรียนก็จะมีพวกสังคม, ประวัติศาสตร์(ประวัติยุโรป), ภาษาประจำประเทศเค้า, ฟิสิกส์ เคมี อะไรพวกนี้ เพราะยากต่อการเข้าใจมากค่ะ5555 รวมถึงวิชาภาษา สเปน เยอรมัน ละติน ก็ไม่เก็บเกรดไป เพราะว่า เเค่ภาษาประเทศนี้ยังยากเลย ถ้าเรียนภาษาอื่นเพิ่มอีกคือไม่ได้จริงๆ 55555 ทีนี้พอถึงเวลาสอบ และใบเกรดของครึ่งเเรกออก ก็ได้เกรดมาบางตัวเผื่อเอากลับไปให้โรงเรียนที่ไทยดูเพราะว่า เราจะไม่ซ้ำชั้น จะกลับไปต่อตามเพื่อนเลย *เพื่อนแลกเปลี่ยนในประเทศเราบางคนได้เรียนโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ ถือว่าดีมากเลยเพราะว่าก็สามารถเรียนเเละเก็บเกรดกลับประเทศไทยได้ตามปกติเลย
*เรื่องการเรียน-การสอบ ขึ้นอยู่กับโครงการประเทศนั้นๆเป็นคนกำหนดนะฮะ โดยโรงเรียนเราต้องไปอยู่เเล้วต่อให้ไม่เรียนก็ต้องเข้าเรียน ถ้าหยุดต้องมีจดหมาย,ใบลาชัดเจนจากโฮส โดยในบางประเทศ ไม่ให้เด็กเเลกเปลี่ยนสอบตอนจบเทอม (ช่วงธันวา-มกรา, มิถุนา) เพราะว่าด้วยเรื่องภาษา ก็จะมีให้ไปทำจิตอาสาตามที่เค้ากำหนดมาเเทนสองอาทิตย์เต็มๆ เพราะว่าทางฝั่งประเทศที่นี่สอบประมาณวันละวิชา เลยทำให้เวลาที่ใช้ในการสอบประมาณสองอาทิตย์เต็มๆ
Pt.2 จะเล่าเรื่องการเรียน เเละโครงสร้างการเรียนการสอนที่ต่างจากไทยโดยสิ้นเชิง คาดว่าจะยาว เลยขอแยกไปอีกอันละกันค่า ✨
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2563 |
| |
|
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2563 16:36:08 น. |
| |
Counter : 168 Pageviews. |
| |
|
|
|
อาหารการกินน
ว่าด้วยเรื่องอาหาร ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าน้ำหนักจะขึ้นช่วงที่ไปแลกเปลี่ยน ตัวเราอยู่มาห้าเดือนกว่าๆแล้ว ขึ้นมาสองโล แหะๆ คือ ทางฝั่งยุโรป กินขนมปังเยอะมากๆๆๆๆๆ จนเราเอือมอะ 55555 แต่อาหารฟาสต์ฟู้ดคือน้อย และประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ราคาอาหารก็ค่อนข้างสูง ( ไก่ทอดฟาสต์ฟู้ดคือราคาสูงจนเพื่อนยอมไม่กินอะ 55555 แต่อย่างเราคือวันไหนถ้าไปเดินเล่นในเมืองหลวง ( บ้านอยู่ใกล้ประมาณ เดินทางด้วยรถไฟ 30 นาทีถึง ) ก็จะกินพวกฟาสต์ฟู้ดบ่อย ทำให้หมดเงินกับการกินไปก็เยอะอยู่พอควรเลย 5555
อาหารที่ประเทศของเรานิยม ก็จะมีพวกมันฝรั่งต้ม หรือบด กับซอสต่างๆ ได้กินผักน้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นซอสกับเนื้อ กับมันฝรั่ง,ข้าว,แป้งชนิดหนึ่งของประจำชาติที่นี่เค้าเลย ก็จะวนๆอยู่ประมาณนี้หน่อย และ ที่นี่ ชอบกินมื้อหลักที่หวานมาก เช่น โดนัทใส้บลูเบอร์รี่ก็กินเป็นข้าวเที่ยงได้ คือมันปกติมาก แต่นี่ไม่โอเคค มันหวาน มันควรเป็นของหวาน 555555
ก็ตอนนี้กำลังพยายามไล่เล่าเรื่อยๆมา จากที่มีบันทึกในสมุดและโทรศัพท์อยู่แล้ว เผื่อใครที่เสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับจะไปแลกเปลี่ยนจะได้เห็นน้า ขอบคุณค่า
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2563 |
| |
|
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2563 1:00:21 น. |
| |
Counter : 196 Pageviews. |
| |
|
|
|
ช่วงเเรกของการมาแลกเปลี่ยน
หลังจากที่ถึงประเทศต้นทาง ก็จะมีการเข้าค่ายก่อน ซึ่่งตรงนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะสอนหลายๆอย่าง เช่น ประโยคสนทนาง่ายๆ, วัฒนธรรมต่างๆของประเทศเพื่อไม่ให้เรา Culture Shock, ให้เรามองย้อนกลับไปว่ากว่าเราจะมาอยู่จุดนี้ เราผ่านอะไรมาบ้างเเละเราก็กลับไม่ได้แล้วด้วย แหะๆ ( ตัวเราเองพอมองไป มันก็นานมากเลย ตั้งเเต่เริ่มสมัครสอบ, สัมภาษณ์ ทำเอกสาร ก็ตั้งเเต่ประมาณต้นๆปี 61เลยด้วยซ้ำ ) ขอเเนะนำหน่อยน้า มันอาจจะดูน่ากลัวกับการที่ไปอยู่ที่ที่ไกลจากบ้านเรามากๆ ตัวคนเดียว ไม่รู้จักใครมาก่อนเลย เเต่ว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองดูนะ มันได้ทำ ได้เป็น อะไรที่ใหม่ไปจากชีวิตปกติของเราตอนแยุ่ที่ไทย เเละมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลย ช่วงเเรกๆ ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอม ก็พยายามปรับตัวเข้าหาโฮส ยอมรับเลยว่าเกร็งมาก 555555 ถ้ามีโฮสพี่น้อง ( Host Siblings ) จะดีมากๆเลย โดยเฉพาะกับเด็กเล็กเพราะ เด็กๆจะไม่ค่อยเขินหรือเกร็งกับเรา เเละเด็กก็มักจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงกลายเป็นเหมือนเราได้เรียนภาษาผ่านการพูดคุยกับโฮสซึ่งช่วยได้มากเลยค่ะ เพราะเด็กมักจะพูดรัวๆเรื่อยๆ ไม่ว่าเราจะฟังออกหรือไม่ก็ตาม 5555 โดยถ้าเรามี Host Siblings ที่อายุมากกว่าเราหรือใกล้เคียงกับเรา มันก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยยิ่งถ้าเข้ากันได้ เเต่ในทางกลับกัน ถ้าอายุเท่ากันเเล้วได้เรียนห้องเดียวกันด้วย บางที อาจจะทำให้เกิดปัญหาที่อยู่ด้วยกันมากเกินจนบางทีเค้าอาจรู้สึกเบื่อ เเละรวมถึง พออายุเราประมาณเดียวกัน บางทีเค้าอาจจะคิดมาก หรือไม่พอใจในบางอย่างที่เราทำเเละส่งผลให้ปัญหามันเเย่จนถึงขั้นไม่คุยกัน คุยกันเฉพาะเวลาจำเป็นก็มีค่ะ ในทางตรงกันข้าม โฮสที่ยังเด็กก็จะไม่ค่อยมีเรื่องแบบนั้นมากนัก ส่วนใหญ่ถ้าเราเล่นกับเค้าบ้าง เค้าก็ถือว่าโอเคเเล้ว แต่บางที เด็กก็ติดเล่นมากจนทำให้เราไม่มีเวลาส่วนตัวของเราเองเลยได้
เรื่องโฮส ก็ถือเป็นการสุ่มดวงอีกอย่างหนึ่งที่ เราอาจจะโชคดี ได้เจอครอบครัวที่เข้ากับเราได้ มีพี่หรือน้องที่ให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านจริงๆ แต่ถ้าโชคร้ายหน่อยเข้ากับโฮสแฟมิลี่ไม่ค่อยได้ ท้ายที่สุดก็อาจจะต้องย้ายโฮสได้ *การย้ายโฮส ส่วนใหญ่ถ้าเข้ากันไม่ได้จริงๆ คุยกับโครงการ ทางโครงการของเราก็จะหาโฮสใหม่ให้นะคะ เพราะปีนี้ที่เราอยู่ มีกรณีย้ายโฮสเยอะมาก ทั้งเด็กไทยเเละเด็กจากประเทศอื่น โดยหลายคน โฮสเป็นคนยื่นเรื่องขอย้ายเอง สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากเข้ากันไม่ได้ แต่ทุกคนก็จะได้โฮสใหม่หมดค่า
ถ้าพร้อมทุกๆอย่างเเล้วยังลังเลว่าถ้ามาจะเป็นยังไง น่ากลัวมั้ย กลัวมีปัญหาอะไร ถ้าอย่างเรา โครงการฝั่งประเทศที่เรามา เจ้าหน้าที่พร้อมช่วยเหลือตลอดค่ะ มีคอนเเทคของเจ้าหน้าที่โครงการเกือบทุกคน สามารถอีเมลล์ หรือส่งข้อความไปได้เลย รวมถึงเด็กทุกคนจะมี Contact Person หรือคนที่คอยช่วยดูเเลเราตลอดปี ซึ่งจะคุยกับเราอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าทุกๆอย่างเราโอเคดีตลอด รวมถึง โครงการนี้ เกือบทุกประเทศ จะมีเข้าค่ายตลอดช่วงเวลาที่อยู่รวม 4 ครั้ง ตลอดปี ( ตอนถึงประเทศ , หลัง8สัปดาห์แรก, หลัง 5 เดือนเเรก, และอันสุดท้ายก็ก่อนกลับค่า ) รวมถึง ระหว่างที่อยุ่ก็มีกิจกรรมให้นักเรียนเเลกเปลี่ยนได้เจอกันบ่อยมาก ถ้ามีปัญหา ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีใครค่ะ To be an exchange student is not only a year in a life, but it's a life in a year
*สงสัยอะไรถามได้ตลอดเลยยย
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2563 |
| |
|
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2563 3:17:16 น. |
| |
Counter : 977 Pageviews. |
| |
|
|
|
วันเดินทาง
22 สิงหาคม 2562 ออกเดินทางจากประเทศไทย
วันเดินทางนี้คือ เจ้าหน้าที่ย้ำมาก เพราะ หลายๆประเทศ (เช่นเรา) บินไปกันเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือคุณครูบินไปด้วย เเละต้องต่อเครื่อง เค้าก็กังวลว่าเราจะหลง หรือตกเครื่อง (สำคัญมากในการดู/ฟังไฟลท์/เกท ! *เพื่อนอเมริกาที่บินคนเดียว ตกเครื่องมาเเล้ว ต้องรอต่อที่สนามบิน เลื่อนเวลา แจ้งเจ้าหน้าที่ค่อนข้างวุ่นวายนะคะ* ก็คือ บินจริงๆ ตีสองกว่าๆ แต่เช้คอินสี่ทุ่ม ก็คือแยกกับทุกคนตรงนั้นตั้งเเต่สี่ทุ่มเลย แง555 บินไปต่อเครื่องที่ดูไบ กว่าจะถึงประเทศปลายทางก็ เกือบ12 ชั่วโมงได้
เมื่อถึงเเล้วก็มีเจ้าหน้าที่โครงการประเทศนั้นมาคอยรับไปเข้าค่ายก่อนจะได้เจอโฮสในวันถัดไป (แต่ละประเทศต่างกันน้า เข่นถ้าเมกา คนละโครงการก็ โฮสมารับที่สนามบินเลย บางประเทศก็เข้าค่ายสามวัน พอเราถึงที่นั่น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ โครงการประเทศนั้นๆเเล้วค่า)
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2563 |
| |
|
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2563 21:24:07 น. |
| |
Counter : 225 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
สมาชิกหมายเลข 5748468 |
|
|
|
|