3 กระต่ายพันธุ์ฮิต เลือกอย่างไรให้โดนใจ...แต่ไม่โดนหลอก!!

กระต่าย



เลือกกระต่ายสายพันธุ์ฮิตอยางไร?? ให้โดนใจ...แต่ไม่โดนหลอก!! (petnews2005)

ใครอยากเลี้ยงกระต่าย ยกมือขึ้น…

           ในปัจจุบันคงต้องยอมรับว่าการเลี้ยงกระต่ายไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่ใคร ๆ เคยคิด เพราะมีสิ่ง อำนวยความสะดวกในการเลี้ยงเจ้าขนปุยมากมาย ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร หรืออุปกรณ์การเลี้ยงต่าง ๆ ที่เจ้าขนปุยของคุณต้องการ

    และหากคุณกำลังมองหาเพื่อนที่รู้ใจ หรือสัตว์เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความน่ารัก ซุกซน แต่ไม่ส่งเสียงดัง และไม่ทำร้ายเด็ก ๆ คำตอบของคุณก็คือ เจ้ากระต่ายขนปุยแน่นอน เพียงคุณมีเวลาอย่างน้อย วันละ 3 ชั่วโมง มีสถานที่ที่เหมาะสม คือ มีอากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน ไม่ร้อนจัด ลมไม่พัดแรง และไม่ชื้นแฉะ คุณก็สามารถเลือกกระต่ายน่ารัก ๆ สักตัวมาเลี้ยงได้เลย

           อ้อ...แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรศึกษา ข้อมูลของสายพันธุ์กระต่ายที่คุณจะเลี้ยงให้ดีเสียก่อน เพราะเจ้าขนปุยแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเด่น และความต้องการในเรื่องของการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณไม่มีข้อมูลอะไรเลย คุณอาจได้ กระต่ายที่มีลักษณะไม่สมบูรณ์ตามลักษณะที่ควรจะเป็นของแต่ละสายพันธุ์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าโดน หลอกนั่นเอง

  วันนี้เราจึงขอนำเสนอข้อมูลดี ๆ ของเจ้าขนปุย 3 สายพันธุ์ ที่กำลังฮิต มาบอกถึงลักษณะเด่น และลักษณะที่แตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ และเลือกเลี้ยงให้ โดนใจ แต่ไม่โดนหลอกนั่นเอง

           โดยพันธุ์แรกที่แนะนำ คือ เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf) เจ้าขนปุยหนึ่งเดียวที่ ได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแหงวงการกระตายสวยงาม (Gem of the Fancy Rabbits) ซึ่งได้มีการนำเข้า สายพันธุ์คุณภาพระดับประกวดจากสหรัฐอเมริกามาในประเทศไทยเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2546 โดยสีที่นำเข้ามา คือ สีขาว ตาฟ้า, สีดำสร้อยทอง (Black Otter) และสีดำสร้อยเงิน (Black Silver Marten)



เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ
เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ


           และในปีต่อมาได้มีการนำเข้าสีอื่น ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สีทองแดง (Siamese Sable) ,สีควันบุหรี่ (Siamese Smoke Pearl) , สีฮิมาลายัน (Himalayan) และสีที่หายากอย่างสีวิเชียรมาศ (Sable Point) หรือสีพื้นต่าง ๆ อาทิ สีดำ ,สีบลู ,สีช็อกโกแลต ทำให้ในตอนนี้ ในตลาดบ้านเรามีกระต่าย เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ สีต่าง ๆ มากมายให้เลือกซื้อเลี้ยงกันตามความชื่นชอบ อีกทั้งกระต่ายพันธุ์นี้ยังเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงมากในวงการนักพัฒนาสายพันธุ์กระต่ายสวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแห่งวงการกระต่ายสวยงามนั่นเอง

   กระต่ายแคระเนเธอร์แลนด์ หรือ เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ มีลักษะเด่น คือ ลำตัวสั้น กะทัดรัด ไหล่ สะโพก ความสูง สมมาตรกันอย่างสวยงาม หัวกลม โต สมดุลกันกับลำตัว คอสั้น หูตั้งตรง ขนนุ่ม-แน่น สม่าเสมอและเป็นมันเงางาม ลักษณะของขนเป็นแบบโรลแบ็ค (Rollback) คือ เมื่อหวีย้อนแนวขน จะสามารถกลับมาเป็นทรงเดิมได้ ตากลมโต สดใส หางตรงและมีขนเต็ม ลักษณะของสีขน สีตา และสี เล็บต้องตรงกันตามมาตรฐานของสีนั้น ๆ เช่น สีบลู หรือสีสวาด หรือสีเทาควันบุหรี่ ต้องมีตาสีเทา เป็นต้น น้ำหนักที่เหมาะสมเมื่อโตเต็มที่ คือ 0.9 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักมากที่สุดของสายพันธุ์นี้ คือ 1.15 กิโลกรัม 

           กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ เป็นกระต่ายที่มีสีให้เลือกมากที่สุด โดยสามารถแบ่งได้ เป็น 5 กลุ่มสี และมีสีหรือลักษณะสีย่อย ๆ อีกกว่า 24 สี ตามมาตรฐานที่สมาคมพัฒนาพันธุ์กระต่าย แห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ARBA กำหนดให้มีการประกวด ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Varieties), กลุ่มสีเฉด (Shaded Varieties) , กลุ่มสีขนอะกูติ (Agouti Varieties) , กลุ่มแทนหรือกลุ่มมีสร้อย (Tan Varieties) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Any Other Varieties)




ฮอลแลนด์ลอป


           ส่วนกระต่ายที่ได้ชื่อว่าแสนรู้ที่สุด และเป็นที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทยในตอนนี้ คงต้องยกตำแหน่งให้กับเจ้าหูตก ฮอลแลนด์ ลอป (Holland lop) เพราะเป็นที่ทราบกันดีถึงลักษณะที่น่ารัก และโดดเด่น คือ มีหูตกอยู่ที่ข้างแก้ม ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากกระต่ายปกติที่เราคุ้นเคย แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าหูตกสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนเลี้ยงกระต่าย แต่เป็นเพราะว่า ฮอลแลนด์ ลอป เป็นกระต่ายที่มีความเชื่องมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง และเป็นกระต่ายมีหุ่นแข็งแรง บึกบึน สามารถจดจำชื่อของตัวเองได้ และยังรู้จักเจ้าของอีกด้วย

           เรียกได้ว่าเป็นกระต่ายในดวงใจของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่กระต่ายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง จนมีการตั้งมอตโต้ของกระต่ายสาย พันธุ์นี้ ว่าเป็น ฮอลมาร์กบรีด (The Hallmark Breed) หรือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นตรา เครื่องหมายของกระต่ายเลยทีเดียว

    นอกจากนี้ ฮอลแลนด์ลอป ยังจัดได้ว่าเป็นกระต่ายกลุ่มหูตกที่มีขนาดเล็กที่สุด และมีลักษณะเด่นที่หัวกลมโต ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา น้าหนักน้อย ลำตัวสั้ น หูสั้ น ไหล่กว้างหนา และมีความสูงสมดุลกั ทั้ งตัว ในเพศผู้จะมีขนาดลำตัวและหัวที่ใหญ่กว่าเพศเมีย ส่วนน้าหนักของตัวผู้ที่เหมาะสมเมื่อโตเต็มที่ คือ 1.6 กิโลกรัม ตัวเมีย 1.7 กิโลกรัม และนํ้าหนักมากที่สุดที่พบคือ 1.8 กิโลกรัม ส่วนชื่อเรียกของ กระต่ายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอปนั้น ในแต่ละประเทศจะเรียกแตกต่างกันไป เช่น ในประเทศอังกฤษ จะเรียก ฮอลแลนด์ลอป ว่า "มินิลอป" แต่เรียก มินิลอป ว่า "ดวอฟลอป"

           ความแตกต่างระหว่างเจ้าหูตกฮอลแลนด์ลอป และมินิลอปนั้น เห็นได้จาก ฮอลแลนด์ลอป จะมีหัวที่กลมกว่ามินิลอป และมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่ามาก คือประมาณ 1.6-1.8 กิโลกรัม ในขณะที่มินิลอป จะหนักกว่าถึงสองกิโลกรัมเลยทีเดียว (ประมาณ 2.5-2.7 กิโลกรัม) และเมื่อโตเต็มที่ ใบหน้าความยาวของหู และสัดส่วนระหว่างหัวกับตัวจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ที่แตกต่างมากที่สุด ก็คือ เรื่องของ ขน ซึ่งกระต่ายฮอลแลนด์ลอปสายพันธุ์แท้จะมีขนที่นุ่มลื่นเป็นเอกลักษณ์

           ส่วนในเรื่องของสีสัน เจ้าหูตกฮอลแลนด์ลอป ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีสีสันให้เลือกมากมาย โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่าง ๆ ได้มากถึง 7 กลุ่มสี คือ กลุ่มอะกูติ (Agouti) , กลุ่มสีขาวแต้ม (Broken) , กลุ่มสีขาวมีมาร์กกิ้งแปดแต้ม (Pointed White) , กลุ่มสีพื้น (Self) , กลุ่มสีเฉด (Shaded) , กลุ่มสีพิเศษ (Ticked) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Wide Band) ซึ่งได้รับการรับรองโดย ARBA แล้วทั้งสิ้น และในปัจจุบันได้มีสีอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการรับรองเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2548 คือ กลุ่มสร้อยทอง หรือ ออตเตอร์

และเจ้าหูตกอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่หลาย ๆ คนนิยมเลี้ยงในปจจุบันก็คือ อเมริกันฟัซซี่ลอป (American Fuzzy Lop) กระต่ายขนาดเล็ก จัดอยูในกลุ่มกระต่ายแคระเช่นเดียวกัน แต่มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด คือ หูตกแนบข้างแก้มสวยงาม และขนยาวสลวย ส่วนลักษณะเด่นอื่น ๆ ของสายพันธุ์นี้ ก็คือ ลำตัวสั้น กะทัดรัด หัวกลม ใหญ่ และติดกับหัวไหล่ เหมือนไม่มีคอ หูหนา แบน และยิ่งสั้นยิ่งดี เพราะเป็นการแสดงถึงลักษณะของกระต่ายแคระ หัวและหูปกคลุมด้วยขนสั้นธรรมดา ขนที่หน้าสามารถตัดแต่งได้ตามความเหมาะสมและสวยงาม ขาหลังมีขนธรรมดา

   ส่วนขนที่ตัวจะหนาแน่นเสมอกันตลอดทั้งตัว มีลักษณะขนค่อนข้างหยาบ และยาวไม่น้อยกว่า 2 นิ้ว ด้วยลักษณะของ ขนของเจ้าหูตก อเมริกันฟัซซี่ลอป ที่มีสองแบบ คือ ขนชั้นในที่นุ่มฟู และมีขนาดสั้นกว่าขนชั้นนอกที่มีความยาวและแลดูหยาบกว่าขนชั้นใน ทำให้ดูเหมือนว่าเจ้ากระต่ายพันธุ์นี้มีขนาดที่ใหญ่เกินกว่าความเป็นจริง ทั้งที่น้ำหนักของเค้าไม่ได้มากอยางที่คิด โดยตัวผู้จะมีนํ้าหนักเมื่อโตเต็มที่คือ 1.6 กิโลกรัม และตัวเมีย 1.7 กิโลกรัม ส่วนน้าหนักมากที่สุดของสายพันธุ์นี้ คือ 1.8 กิโลกรัม

           อเมริกันฟัซซี่ลอป มีกลุ่มสีตามมาตรฐาน ARBA 6 กลุ่มสี ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Group) กลุ่มสี ขนอะกูติ (Agouti Group) กลุ่มสีเฉด (Shaded Group) กลุ่มสีขาวมีแปดแต้ม (Pointed White Group) กลุ่มขาวลายแต้มสีต่าง ๆ (Broken Group) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Wide Band Group)






Free TextEditor



Create Date : 22 ธันวาคม 2554
Last Update : 22 ธันวาคม 2554 10:36:15 น.
Counter : 613 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

evezangz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Free Clock
★Rangsit University ★
Engineering วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม#1 Rsu Ł° ชิล ชิล งง่ายๆแต่ไม่ได้ใจง่ายนะ สบายๆ ถ่ายรูปคือสิ่งที่ชอบ


MY VIP Friend