<<< a_somjai a_somjai's blog === อ่านเขียนบล็อก อ่านเขียนโลก <<<== a_somjai อ่านเขียนบล็อก a_somjai a_somjai's blog
Group Blog
 
All Blogs
 

To be a Monk ออกบวช

Mekong #10 / Long Nan ล่องน่าน (rec: 110821)
Song: To be a Monk ออกบวช in Cm (Bb Eb F)
Music by a_somjai






*บ่นกับบ้าน
- คราวนี้ บทศึกษา คือดนตรี ซอบวชนาค พื้นเมืองน่าน



อนึ่ง ในคำร้องซอนี้ มีเอ่ยถึงคำว่า "พอยเปกข์" (ออกเสียงว่า ปอยเปกข์) "บ่ใช่ปอยบวช" นั้น, ต้องเข้าใจว่า ปอย คือ งานบุญ งานมหรสพ งานเฉลิมฉลอง อย่างงานฉลองถาวรวัตถุใหญ่ ๆ เรียก ปอยหลวง และงานฉลองทำศพพระเถรผู้ใหญ่เรียกว่า ปอยล้อ (เพราะมีการลากปราสาทแห่ศพไป) เป็นต้น, ส่วนคำว่า -เปกข์ เป็นคำนามมักใช้เป็นส่วนท้ายของคำสมาส หมายถึง ผู้เพ่ง ผู้มุ่ง ในที่นี้หมายถึง อุปสัมปทาเปกข์ คือ ผู้เพ่งอุปสมบท ผู้มุ่งอุปสมบท ออกบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา คนพิ้นล้านนาทางภาคเหนือจึงเรียกการบวช-อุปสมบทเป็น ""ตุ๊ ตุ๊เจ้า ...มาจาก สาธุเจ้า คือ พระภิกษุ" ว่า เปกข์, ส่วนที่ว่า "เปกข์บ่ใช่บวช" ก็เพราะว่าทางพื้นเมืองภาคเหนือจะเรียก การบรรพชาเป็นสามเณร ว่า "บวช... บวชลูกแก้ว บวชพระน้อย" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักวัฒนธรรมเชิงท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรมชาวไทใหญ่-ไทหลวง ว่า "บอยส่างลอง" และความจริงแล้วตอนที่ชาวบ้านชาวเมืองจัดงานฉลองบวชกันนั้น เป็นขั้นตอยของ "งานบวชนาค อย่างชื่อเพลง ซอบวชนาค" นี้ จึงเป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่ผู้นั้นจะเข้าสู่พิธีกรรมเปลี่ยนผ่านชีวิต "ไปดำเนินวิถีชีวิตตามแบบพระภิกษุสามเณร Monkhood" นั้นเอง

- และ "ปอยส่างลอง บุญบวชลูกแก้ว" ตามไปดูเพิ่มเติมที่ Link: Poi Sang Long - an essay in 100 photos by Thumbnails

- เพลงพื้นบ้าน สำหรับเล่นในงานบวชนั้น ของเก่าท่านลงตัวมาก ส่วนงานของเราวันนี้ออกมาสำเนียงแปร่ง ๆ แบบโลก(ใหม่) ๆ ...(อะเปล่านี่...คริ คริ)




Updated: 3 ตุลาคม 2554
เช้านี้ (ก่อนเก้าโมงเช้า) วันนี้เข้าไปพบเรื่องนี้เข้า ...ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อน เขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Ho THAMSILY เขียนภาษาลาวอ่านว่า โหทำสี บวดลูกแก้ว แต่ฟังจากภาษาพูดของชาวบ้านแล้ว คล้าย ๆ ว่า กึ่ง ๆ ปน ๆ ระหว่าง ลาว ลื้อ ไต อย่างแน่นอน เรากำลังเดาว่า พวกเขาคงอาศัยอยู่ในเขตลาวเหนือ และท่องไปมาระหว่างพม่าด้านติดกับจีนตอนใต้

ก็พยายามตามหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพวกเขาและเรื่องในวิดีโอนี้อยู่ เราถอด Ho THAMSILY ออกมาในตอนนี้ว่า น่าจะเป็น หัวธรรมสิริ เพราะ คำว่า หัว ในสำเนียงไต/ลื้อ ออกเสียงเป็น โห เ่ช่นเดียวกับคำว่า ผัว งัว ตัว ว่า..โผ โง โต

อย่า่งไรก็ดี แม้ว่า หัวธรรมศรี หรือ หัวธรรมสิริ จะออกเสียงเป็น โหทำสี ตามสำเนียงลื้อ/ไตดังว่านี้แล้ว ก็ยังจะออกเสียงว่า.. โห-ธรรม -มะ-สะ-หลี ก็ได้อีกด้วย, นอกจากนี้คำว่า Ho โห นั้นอาจจะสันนิษฐานเป็นคำในความหมายว่า โห่ แห่ หอ ห่อ ก็ย่อมได้ (ซึ่งในชั้นนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า...ก็ไม่น่าจะใช่ คำอื่นนอกจาก โห หัว)

เมื่อดูเรื่องจากภาพแล้ว ประเพณีชีวิตชาวพุทธของเครือญาติเรานี้ ย่อมเป็นเรื่องเดียวกันกับ ปอยบวชบรรพชาสามเณร "บวชลูกแก้ว ปอยส่างลอง" แน่นอน ... หากว่าข้าพเจ้าค้นลึกลงไปแล้วจะเอามาเล่าบันทึกไว้สู่กันในภายลูนก็แล้วกันเด้อ ...ในชั้นนี้ จากตัวอย่างงานบันทึกของวิดีโอนี้ เป็นงานของหมู่ศรัทธาพี่น้อง "บ้านน้ำเกียง" มีโพสต์ไว้ 4 ตอน ความยาวตอนละประมาณ 25 นาทีขึ้นไป ข้อมูลภาคสนามนี้เป็นเรื่องของคนทางเมืองลาวแน่ ๆ เพราะสังเกตเห็นว่า "สำเนียงคำเว้าของผู้คนก็ออกไปทางสำเนียงภาษาลาวเป็นส่วนมาก ท่าทาง การแต่งตัว รวมทั้งการขับร้องเพลงก็ทรงคือคนอยู่ทางเมืองลาว แม้ว่าผ้านุ่งของ เหล่านาคน้อย/ลูกแก้ว นั้นก็เป็นผ้าโสร่ง มีความหลากหลายลวดลายแบบชาวลาว ลื้อ ไต พม่า ......แต่แปลกที่แขกคนมาร่วมงานกินอาหารบางอย่างด้วยตะเกียบคงเพราะว่าพวกเขาอยู่ใกล้เขตติดต่อจีน ส่วนพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีทางศาสนานั้นก็โกนคิ้วอย่างพระไทย รวมทั้งคำสวดบางช่วงใกล้เคียงมาทางภาษาสูตรเมืองไทยด้วย ...แต่อยางไรก็ดี อาจจะมีวิดีโอเรื่องเดียวกันของคนกลุ่มวัฒนธรรมร่วมกันนี้ อันเป็นข้อมูลจากชุมชนอื่น ที่มีผู้อื่นโพสต์ไว้ในชื่ออื่นก็ได้ จึงจะได้ตามหากันต่อไป

* หากท่านใดมีความรู้เรื่องนี้ โหธรรมสิริ ประการใด ก็ขอโปรดเมตตากรุณาให้คำแนะนำ ชี้ทางการค้นคว้าไว้ในส่วนของ comment หน้านี้ด้วย จะได้เป็นบุญกุศลแก่การค้นคว้าทางด้านวัฒนธรรมประเพณีชีวิตชาวพุทธของคนเครือไต/ไท-ลาว-ลื้อ อย่างยิ่งครับ





Updated: 4 ตุลาคม 2554

ไปค้นมา "พบแล้ว"
โห ทำสี ก็คือ หัวธรรมสิริ นั้นเอง
หัวธรรมศรี ก็คือ ชฎา ... แล้วชฎาคืออไรละ?
ชฎาเป็นเครื่องสวมศีรษะที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยเครื่องทองหรือเงิน ประดับอัญมณีและพวงดอกไม้โลหะ ชฎาที่เป็นเครื่องราชศิราภรณ์ส่วนใหญ่เรียกว่า "พระชฎา" หรือ "มงกุฎรอง" (ดูเพิ่มเติมตาม Link)

ดังนั้น โห ทำสี ที่กล่าวถึงกันอยู่นี้ก็คือ ชฎา ที่ทำขึ้นให้ "ลูกแก้วผู้ที่จะบวชบรรพชาเป็นสามเณร" ได้สวมใส่ในระหว่างงานประเพณีก่อนเข้าสู่พิธีบวชบรรพชา

ไปดูเรื่องเกี่ยวข้องกับประเพณี ตำนานและพิธีกรรมที่ว่านี้กัน
"บวชลูกแก้ว หรือปอยส่างลอง" ของคนเชื้อสายไทใหญ่ /ไต/ลื้อ

ประเพณีปอยส่างลอง (ดูเพิ่มเติมตาม Link นี้ แล้วจะเข้าใจและยินดีกับเรื่องตามวิดีโอชุด "Ho THAMSILY โห ทำสี" ของเมืองลาวที่นำมาแขวนไว้ในบล็อกนี้ได้มากขึ้น)

ประวัติความเป็นมาของประเพณีปอยส่างลองมีกล่าวกันไว้หลากหลายตำนานแตกต่างกันไปตามพื้นที่ ซึ่งก็ปรากฏตำนานต่างๆกันดังนี้

ตำนานแรก
เมื่อครั้งพุทธกาลนั้นพระพุทธเจ้าได้ขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อจะเสด็จกลับลงมาเมืองมนุษย์ก็มีเทพสี่ตนเป็นเทวดา 2 ตน นางฟ้า 2 ตนลงตามมาด้วย เพราะอยากเห็นบ้านเมืองมนุษย์มากเนื่องจากว่าคิดว่าบ้านเมืองมนุษย์นั้นต้องสนุกสนานมากเพราะจะมีงานต้อนรับพระมารดาของพระพุทธเจ้า ดังนั้นเทพทั้งสี่จึงได้แต่งกายสวยงามสวมชฎามงกุฎ ฟ้อนรำร่วมกันกับมนุษย์ เพราะฉะนั้นถ้ามีงานปอยส่างลองจึงให้ส่างลองแต่งกายอย่างสวยงาม มีการนำชฎามาสวมใส่ให้แก่ผู้บวชอย่างสวยงามตามพุทธตำนาน

ตำนานที่สอง
ตำนานนี้กล่าวไว้ว่า การเป็นส่างลองนั้นเป็นการเลียนแบบประวัติของพระพุทธเจ้าตอนที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะครองกรุงกบิลพัสดุ์ก่อนจะออกผนวช การกระทำทุกอย่างในช่วงเวลาการเป็นส่างลองจะปฏิบัติเสมือนการปฏิบัติต่อพระมหากษัตริย์นั่นเอง

ตำนานที่สาม
ประวัติความเป็นมาของหนังสือไทยใหญ่ที่เขียนโดยเจ้าหน่อคำ และนายบุญศรี นุชจิโนได้แปลไว้ กล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาลในกรุงราชคฤห์ มีกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าพิมพิศาล ได้สร้างพระวิหารถวายพระพุทธเจ้าและปาวารณาตัวเป็ยทายกของพระพุทธเจ้าตลอดชีวิต พระเจ้าพิมพิศาล มีโอรสพระองค์หนึ่ง นามว่าอาชาตศัตรู วันหนึ่งเจ้าชายอาชาตศัตรูได้เสด็จมายังลานพระวิหารที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ได้พบกับพระเทวทัต พระเทวทัตจึงได้อัญเชิญเสด็จขึ้นไปบนกุฏิพร้อมทั้งยกย่องว่าเป็นผู้มีบุคลิกเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง สมควรเป็นกษัตริย์ปกครองบ้านเมืองโดยเร็ว พร้อมกับยุแหย่ว่าพระเจ้าพิมพิศาลนั้นแก่ชราแล้ว ไม่ควรเป็นกษัตริย์อีกต่อไป เพราะไม่สามารถนำทัพไปสู้รบกับใครได้ อาจสูญเสียแผ่นดินให้กับเมืองอื่น จึงแนะนำให้ฆ่าเสีย เจ้าชายอาชาตศัตรูเมื่อได้ฟังดังนั้นก็เกิดความขุ่นเคืองไม่พอพระทัย จึงตำหนิว่าใครจะฆ่าบิดาของตัวเองได้ลงคอแล้วรีบกลับไป ฝ่ายพระเจ้าเทวทัตไม่ลดละความพยายาม ได้หาโอกาสมาพบกับเจ้าชายอาชาตศัตรูอีกครั้ง พร้อมทั้งทูลกระซิบว่าให้พระองค์จับ พระบิดาขังไว้ไม่ให้เสวยอาหาร 7 วัน ก็จะสิ้นพระชนม์ไปเอง ซึ่งเราก็จะฆ่าพระพุทธเจ้าโดยงัดก้อนหินขนาดใหญ่ให้กลิ้งลงมาทับ แล้วเราก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าส่วนพระองค์ก็จะได้เป็นกษัตริย์และเป็นทายกเรา จากนั้นเราทั้งสองจะได้ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นต่อไป เจ้าชายอาชาตศัตรูเมื่อได้ฟังดังนั้นก็หลงเชื่อและสั่งให้ทหารนำบิดาไปขังไว้และไม่ให้ผู้ใดนำอาหารไปให้เสวย ฝ่ายพระมเหสีด้วยความรักและความสงสาร ในพระสวามี จึงได้ทำขนมใส่เกล้าผม บางครั้งใส่รองเท้า และทาตามตัวเข้าไปเยี่ยมและให้เสวย จนครบ 7 วันพระเจ้าพิมพิศาลยังไม่สิ้นพระชนม์ แต่สามารถนั่งนอนและเดินออกกำลังกายได้ ในที่สุดเจ้าชายอาชาตศัตรู ได้สั่งให้ทหารเฉือนเนื้อฝ่าเท้าของพระบิดาแล้วเอาน้ำเกลือทา ไม่ให้เดินไปมาได้ ในขณะเดียวกันเจ้าชายอาชาตศัตรูได้พาพระโอรสไปเยี่ยมพระมารดา และทรงตรัสว่าลูกชายคนนี้ข้ารักมาก แต่ตัวข้าเมื่อยังเล็ก พระบิดาจะรักเหมือนข้าหรือเปล่าไม่ทราบ พระมารดาจึงตรัสว่าเจ้ารักลูกเจ้ามากนั้นไม่จริง เพราะของเล่นต่างๆที่มีค่ามหาศาลที่ลูกเจ้าเล่นอยู่ขณะนี้ ล้วนเป็นของที่พ่อเจ้าซื้อให้ทั้งสิ้น เจ้าไม่ได้ซื้อหามาให้ลูกเจ้าแม้แต่ชิ้นเดียว เจ้าชายอาชาตศัตรูเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงสำนึกผิดและรีบเสด็จไปยังที่คุมขังเพื่อนำพระบิดาออกมารักษาพยาบาล แต่พบว่าพระบิดาได้สิ้นพระชนม์ไปเสียแล้ว จึงรู้สึกเสียใจมากและรีบเสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับเล่าเรื่องให้ฟังดดยตลอด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าเพราะคบคนผิดจึงได้ทำบาปมหันต์เช่นนี้ แต่เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ให้นำพระโอรสมาถวายเป็นทานในพระพุทธศาสนา โดยให้เขาสมัครใจ เมื่อทราบดังนั้น เจ้าชายอาชาตศัตรูจึงได้นำพระโอรสพร้อมด้วยพระสหายอีก 500 คน ที่มีความสมัครใจ และบิดามารดาอนุญาตแล้วไปถวาย โดยเริ่มแรกให้อาบน้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอมที่แช่ด้วยเพชร พลอย ทองคำ และเงินไปรับศีล 5 จากพระพุทธเจ้า และแต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มของส่างลอง นำไปแห่ตามถนนสายต่างๆในกรุงราชคฤห์ เมื่อครบ 7 วัน จึงนำส่างลองไปบรรพชาเป็นสามเณรต่อหน้าพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย พระพุทธเจ้าจึงให้นามพระโอรสองค์นี้ว่า “จิตตะมเถรี “ จึงเป็นที่มาของปอยส่างลองที่คนไทยใหญ่ไดยึดถือสืบทอดกันมา


- ขอส่งท้ายว่า "เห็นไหม... ไต ไท ลาว ลื้อ ขึน/เขิน...ก็ คนเคอ/เครือเดียวกันมานั้นแล้ว"











 

Create Date : 22 สิงหาคม 2554    
Last Update : 4 ตุลาคม 2554 11:34:07 น.
Counter : 996 Pageviews.  

Long Nan ล่องน่าน

Mekong #09 (rec: 110819)
Song: Long Nan ล่องน่าน in Cm (Bb Eb F)
Music by a_somjai






*บ่นกับบ้าน
- คราวนี้ บทศึกษา คือดนตรี ซอเกี้ยวสาว พื้นเมืองน่าน



- ทำแล้วปรากฏว่าไม่ได้อารมณ์หยิกหยอกเย้าเหมือนเนื้อร้อง แต่กลับได้อารมณ์ลึกของสำเนียงดนตรี....ออกมาเป็นเพลงเศร้า (จะว่า...วอนบ่าวอ้อนสาว...ก็ได้.)




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2554    
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 13:27:15 น.
Counter : 509 Pageviews.  

Mekong Long Nan แม่ของ ล่องน่าน

Mekong #08 (rec: 110817)
Song: Mekong Long Nan แม่ของ ล่องน่าน in Em (D A G9)
Music by a_somjai









*บ่นกับบ้าน
- วันนี้ไม่มีบทพากย์ มีแต่คำที่เกี่ยวข้อง;
Mekong
Nan
แม่โขง
แม่ของ
ซอ
แคน
ขับ
ลำ
ล่อง
เต้ย
ลาย
น้ำไหล
ลื้อ
ลาว
พม่า
น่าน
อีสาน
thailand
Lao
music


- ดูชม แล้วคิดตาม บทศึกษา ต่อไปนี้ละกัน







 

Create Date : 17 สิงหาคม 2554    
Last Update : 17 สิงหาคม 2554 15:29:02 น.
Counter : 551 Pageviews.  

New Mekong port, ปอดใหม่ 2011 (ท่าเรือเชียงแสน-เชียงของ)

Mekong #07 (rec: 110202)
New Mekong port, ปอดใหม่ 2011 (ท่าเรือเชียงแสน-เชียงของ)
Music by a_somjai




*บ่นกับบ้าน
- เพลงเกี่ยวกับแม่น้ำโขง แต่งและเล่น่ไว้ ตั้งแต่ 2 มีนาคม 2554 แล้ว, หยิบเอามาฟังใหม่ เห็นว่าใช้ได้อยู่ เลยเอามาบันทึกสู่กันฟังไว้, ก็ให้พยามฟังว่ามีเสียงพื้นถิ่นหลุดออกมาหรือบ่?

- ความจริงแล้วเคยใส่คำร้องออกกลิ่นอายทาง 'ลำสาละวัน' ลงไปด้วย...
ร้องว่า
"ดอกกำลังจะบาน
น้ำโขงก็กำลังจะทรง
(เอ้า) ว่าดอกกำลังจะบาน
เมืองบ้านก็กำลังจะดี ...(โอ้ว่าเมืองบ้านกำลังจะดี)
โลกใหม่ ๆ ไหนก็ไหลเข้ามาซ้อน
โลกเก่าเก่าก็ต้องฟั่ง(รีบ)หนีไปนอน
โอ้ว่า...โลกเก่าเก่าเราก็ต้องจำจากจร...
...ย้อนถูกเขาตอนให้เตี้ยลง เตี้ยลง ๆ ๆ ๆ"

แต่ไม่ได้ใส่เนื้อไว้ใน MV นี้ เพราะช่วงนี้...รู้สึกว่า.."ภาษาคนมันรกรุงรัง..อะ"



- เพลงนี้ใช้คีย์บอร์ดเสียงสังเคราะห์ ผสมกับเสียงกีตาร์โปร่ง




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2554    
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 11:57:19 น.
Counter : 641 Pageviews.  

SOUL OF MEKONG, ใจเคียงโขง คนเชียงของ in F#m

Mekong #06 (rec110805)
song: SOUL OF MEKONG, ใจเคียงโขง คนเชียงของ in F#m
music: a_somjai






*บ่นกับบ้าน
- คราวนี้ ทำเพลงใหม่ เพื่อแก้ตัวจากคราวที่แล้ว ที่ทำ "กาดเช้า เชียงของ" (Mekong #06/1) ไว้แล้ว กลายเป็น เพลง "กาดมั่ว" ฮ๋า ฮ๋า
- ฟังแล้ว ก็พอออกสำเนียงถิ่นคนลุ่มน้ำโขง แหละเนอะ




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2554    
Last Update : 5 สิงหาคม 2554 13:50:20 น.
Counter : 584 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

a_somjai
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add a_somjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.