(02) ระดับความสำคัญของ “เรื่องกินเรื่องใหญ่” ต่อการควบคุมพฤติกรรมทางสังคมและการเมือง

หากคุณคิดว่า “จะชักนำชาวบ้านเลือกมาอยู่ข้างคุณทางการเมือง (แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราว, ไม่ถึงกับภักดีอย่างมั่นคง)” แล้วละก็ คุณต้องทำการบ้านสองข้อนี้ให้หนักและแก้โจทย์ให้แตก ทะลุปรุโปร่งเสียก่อน;

สิ่งที่คุณจะต้องเข้าใจเป็นประการแรกก็คือ …ต้องรู้และเข้าใจให้ได้ว่า “ชาวบ้านธรรมดานั้นล้วนมีความเหมือนที่แตกต่างกัน”?
ประการที่สองต่อมาคือ… “มูลค่าของเรื่องกินเรื่องใหญ่ ต่อชาวบ้านแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกัน”?

ไปดู “ตัวแปรแห่งชัยชนะ” กันเลย

1. ตัวแปรด้าน “กำลัง” หรือคุณจะเรียกมันว่า “ทุน” หรือ “โอกาส” หรือ “โชคลาภ, บุญ, วาสนา, กรรมเก่า” ก็ได้ …คนเราแต่ละคน, แต่ละครอบครัว, แต่ละพื้นเพภูมิหลังย่อมมี “ทุนกำลัง” ไม่เท่ากัน

- คนชาวบ้านที่พอมีกำลังเงิน กำลังทรัพย์อยู่บ้างไปจนถึงผู้มีอันจะกินนั้น, “เรื่องกินเรื่องใหญ่” ย่อมเป็นปัจจัยกำหนดการชักนำให้พวกเขาตัดสินใจเชื่อและตัดสินใจทำอะไร ๆ ในการดำรงชีวิตได้น้อย …และพวกเขาย่อมจะไม่ถูกชักนำให้เลือกข้างทางการเมืองด้วยสิ่งจูงใจเพียงเพื่อเรื่องให้ตนเองและครอบครัวมีกินไปวัน ๆ เท่านั้น

- คนชาวบ้านที่มีกำลังเงิน กำลังทรัพย์น้อย ไปจนถึงผู้อัตคัดขาดแคลนยากไร้นั้น, “เรื่องกินเรื่องใหญ่” ย่อมเป็นปัจจัยกำหนดการชักนำให้พวกเขาตัดสินใจเชื่อและตัดสินใจทำอะไร ๆ ในการดำรงชีวิตได้มาก …และพวกเขาย่อมพร้อมที่จะถูกชักนำให้เลือกข้างทางการเมืองด้วยสิ่งจูงใจเพียงเพื่อเรื่องให้ตนเองและครอบครัวมีกินไปวัน ๆ เท่านั้น

- ปัญหาของโจทย์ข้อนี้ก็คือ “แล้วข้อเสนอเรื่องเงิน(เฉพาะหน้า, ชั่วครั้งชั่วคราว) หรือ คำมั่นสัญญาว่าจะให้…มีกิน (ไปวัน ๆ ) จะมีผลชักจูงให้ชาวบ้านเชื่อและตัดสินใจลงมือปฏิบัติเพื่อเลือกไปอยู่กับนักปกครองหรือนักการเมือง(สนอง)ผู้หยิบยื่นข้อเสนอให้(หรือให้มากกว่าคู่แข่ง) อย่างได้ผลได้อย่างไร”?; …

- แน่นอนว่า เงินและคำมั่นสัญญาระดับนี้จะซื้อชาวบ้านกลุ่มผู้มีอันจะกินส่วนใหญ่ไม่ได้, แต่ข้อเท็จจริงก็คือชาวบ้านผู้พอจะมีกำลัง/ทุน/ทรัพย์/โอกาสบางคนยอมรับข้อเสนอนี้เพราะ “ไม่มีตัวเลือกที่ตนเองพึงใจในสนามการแข่งขัน” และบางคนในกลุ่มนี้เลือกที่จะได้เงินก้อนนี้มากกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไป จึงยกระดับตนเองขึ้น “เป็นหัวคะแนนแจกเงินเสียเอง”

- แต่ฐานเสียงส่วนข้างมากเป็นกอบเป็นกำ อันจะส่งผลเป็นปัจจัยชี้ขาดการแพ้ชนะได้ คือ “ชาวบ้านธรรมดา …ที่ถือว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ต้องมาก่อนผลประโยชน์เรื่องอื่น ๆ… เหตุเพราะว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้มีอยู่ด้วยสัดส่วนมากกว่าหรือก้ำกึ่งกับฐานชาวบ้านกลุ่มที่พอมี”กำลังทุน”อยู่บ้าง (หรือระดับมีอันจะกิน) อีกอย่างหนึ่งคนกลุ่มด้อยทุนด้อยโอกาสนี้มีแนวโน้มในการตัดสินใจเลือกข้างอย่างเป็นกลุ่มเป็นก้อนจึงเป็นตัวถ่วงน้ำหนักที่มีผลต่อชัยชนะในสนามแข่งขัน

- เดี๋ยวก่อน! แม้สมมติฐานจะเป็นดังว่ามานี้… แต่การซื้อ(การตัดสิน)ใจของคนชาวบ้านด้วย “ข้อเสนอเพื่อสนองคุณสมบัติด้านเรื่องกินเรื่องใหญ่” ก็ใช่ว่าจะทำกันได้ด้วยวิธีการสามัญง่าย ๆ ก็หาไม่, เพราะเหตุใด? คำตอบคือก็เพราะว่า “มีผู้เสนอให้เขา/ชาวบ้านธรรมดาได้มีกินไปวัน ๆ ลงแข่งในสนามการแข่งขันหลายราย และมูลค่าของเรื่องกินเรื่องใหญ่ของงแต่ละรายนั้นก็แตกต่างกัน”

- การอภิปรายถึงการแก้โจทย์นี้จึงยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนความ; จริงอยู่หลายกรณี “ผู้เสนอให้ สิ่งมีกิน—ที่มีมูลค่าสูงกว่า หรือสูงที่สุด ย่อมควรจะเป็นผู้ซื้อ(การตัดสินใจเลือกข้างของ)ชาวบ้านได้ …แต่ในหลายกรณี โดยเฉพาะในช่วงสมัยที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของสังคมชาวบ้านไทยเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากมายไปสู่ความซํบซ้อนของโลกยุคใหม่ มูลค่าสำหรับตอบสนองเรื่องกินเรื่องใหญ่ของชาวบ้านธรรมดาก็จึงซับซ้อนขึ้น”, มูลค่าดังว่านั้นมีความซับซ้อนอย่างไร?

- ได้แก่ (๑) มูลค่าประเภทหมูไปไก่มาหรือแบบซึ่ง ๆ หน้า ทำนองเงินมากาเบอร์, (๒) มูลค่าทวีค่าประเภทหมูไปไก่มาผนวกกับมูลค่าความเชื่อถือในมูลค่า(ที่จะทำให้พวกชาวบ้านมีกิน)ของบุคคลลงสนามแข่งขั้น, (๓) มูลค่าทวีค่าประเภทหมูไปไก่มาผนวกกับมูลค่าความเชื่อถือในมูลค่า(ที่จะทำให้พวกชาวบ้านมีกิน)ด้านนโยบายและผลงาน(ที่จะทำให้พวกชาวบ้านมีกิน)ของพรรคการเมืองในสนามแข่งขัน, (๔ )มูลค่าทวีค่าประเภทหมูไปไก่มาผนวกกับมูลค่าความเชื่อถือในมูลค่า(ฯ)บุคคลลงสนามแข่งขัน รวมทั้งมูลค่า(ฯ)ด้านนโยบายและผลงานของพรรคการเมืองในสนามแข่งขัน,

- (๕) มูลค่าประเภทที่ (๒) ที่ไม่ต้องพ่วงมูลค่าประเภทหมูไปไก่มา, (๖) มูลค่าประเภทที่ (๓) ที่ไม่ต้องพ่วงมูลค่าประเภทหมูไปไก่มา, (๗) มูลค่าประเภทที่ (๔) ที่ไม่ต้องพ่วงมูลค่าประเภทหมูไปไก่มา และไม่ต้องพ่วงมูลค่าความเชื่อถือในมูลค่า(ที่จะทำให้พวกชาวบ้านมีกิน)ของบุคคลลงสนามแข่งขั้น.

- และก็… สรุปแล้ว สุดยอดแห่งตัวแปรที่จะมีผลอย่างถาวรต่อ “การชักนำชาวบ้านเลือกมาอยู่ข้างคุณ/หรือกลุ่มพรรคทางการเมืองฝ่ายคุณ (แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราว, ไม่ถึงกับภักดีอย่างมั่นคง)” หรือคาดหวังได้ว่าจะพัฒนาไปสู่ “การเลือกข้างทางการเมืองของชาวบ้านแบบยั่งยืน ภักดี มั่นคง” ก็คือ การแลกมาด้วย …..”มูลค่าด้านนโยบายและผลงาน(ที่จะทำให้พวกชาวบ้านมีกิน)ของพรรคการเมืองในสนามแข่งขัน”

- ….ถามจริง ๆ เฮอะ … (ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ศกนี้ หรือว่าจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปก็ตาม)
ฟัง/อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว …

มองเห็นทิศทางของผลแพ้ชนะภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ กันบ้างละยัง?



2. ตัวแปรด้าน “เวลา” หรือคุณจะเรียกมันว่า “ความเสี่ยง” ก็ได้ (…ค้างไว้แค่นี้และ แล้วจะเข้ามาเขียนบันทึกต่อคราวหน้า)

Create Date : 24 สิงหาคม 2549
Last Update : 24 สิงหาคม 2549 13:49:56 น.		1 comments
Counter : 639 Pageviews.
Share Tweet