<<< a_somjai a_somjai's blog === อ่านเขียนบล็อก อ่านเขียนโลก <<<== a_somjai อ่านเขียนบล็อก a_somjai a_somjai's blog
Group Blog
 
All Blogs
 
ล้านนาก่อนยุคนครพิงค์เชียงใหม่: ‘เวียงเจ็ดริน’ และ ‘เวียงเชฏฐบุรี’

ตำนานเมืองใหญ่ในล้านนา ฉบับบ้านเมือง (19)
บุกเบิกที่ป่าให้เป็นเมือง สร้างเรื่องให้เป็น ‘ลัวะ’ (10)



ทั้ง‘ลัวะ’ ทั้ง'ไท’ ใน'เมืองล้านนา’:
(4) ‘เวียงเจ็ดริน’ และ ‘เวียงเชฏฐบุรี’



แต่ก่อน ‘เช่น(ชั่ว)ตระกูล’ ‘มูล(เชื้อ)เก่าปู่ย่า’ ‘เหมาะ’ ‘หม่อน’ แห่งเรามานั้น
เขาก็เล่ากันสืบมาว่า “เวียงล้านนาแลเวียงนารัฐนี้ ยุบลง ๒ เทื่อแล้วแล ว่าอั้น”

ลุน(ภายหลัง)นั้นมา(ที่เมืองยุบทั้ง ๒ ครั้ง) คนทังหลายชุม(หมู่พวก)อันเขายังอยู่นั้น
เขาก็พากันหนีไปอยู่ ‘บ้านนอกขอกป่า’ ‘ที่จิ่มใกล้ข้างดอย’ อยู่ตาม ‘ซอกห้วยริมดอย’
เหตุว่าจักอยู่ที่ต่ำที่เพียง(ที่พื้นราบ) เขาก็กลัวน้ำท่วมและกลัวยุบเหมือนเมื่อก่อนนั้น


แล้วตำนานก็เล่าซ้ำความตามแบบแผนเดิมอีกคือ การสร้างเมืองใหม่ ว่า---
เมื่อภายหลัง ‘ทั้งลัวะทั้งไท’ ก็แพร่พอกออกพันธุ์กันมากหลวงหลาย
ในกาลนั้น เชื้อเก่าท้าวพระยาเสนาอามาตย์ (---ชาว’ไทรักลัวะแลลัวะรักไท’ทั้งหลาย-- อันหลังนี้สำนวน a_somjai เพิ่มเติมให้เข้ายุคสมัยนี้ดอกนะท่านผู้ฟัง)

เขาก็ฟู่จา(อู้จา พูดจา) กันว่า “เราก็ควรสร้างรั้วแปงเวียงแถมใหม่เทอะ
คัน(หาก) เรา (อ่าน เฮา) บ่สร้างบ่แปง หลอน(กลัวว่า) ที่โหล่งแม่ระมิงค์หากเยียะ(ทำ)นาปี ๑ ย่อมมีขึ้นลงเป็นเกณฑ์ข้าวในเมืองที่นี้ กินคุ้มไป ๗ ปี ก็เปนชาตาเมืองที่นี้
จักเป็นสาธารณะแก่ข้าเสิก(ข้าศึก)ชะแล”
เขาก็ว่าอั้น(อย่างนั้น)ชุ(ทุก)คนแล

เขาก็ว่าเราจักสร้างที่ใดชา (ชา อ่าน จา)
คัน(หาก)จักสร้างที่ต่ำก็(เข็ด)หลาบเสียแล้ว
เขาก็จิ่งพากันไปไหว้ เจ้ารสี ว่า—
“ข้าทังหลายก็กลัวข้าเสิกศัตรู ไปภายหน้าจักหาที่เพิ่งบ่ได้
ก็ใคร่พากันสร้างเวียงแถม จักสร้างที่ต่ำก็กลัวยุบกลัวล่ม
กลัวเหมือนเวียงเก่าเล่าชา ข้าทังหลายก็กลัวแท้แล
ขอพระรสีเจ้าจุ่งอินดูกรุณาผู้ข้าทังหลาย
ขอไปชี้บอกเขตแดนที่อันจักแปงเวียงแก่ผู้ข้าทังหลาย”

ที่นั้นพระรสีตนมีเมตตามหากรุณา ลงมาจากดอยสุเทพแล้ว
ก็ชี้ที่ “เวียงเจ็ดริน” ที่นั้นหื้อเขาแล
ลาง(บาง)ที่ก็เป็นแภะ( ป่าโปร่ง, ป่าละเมาะ) อยู่
ลางที่ก็เป็นดงอยู่
เขาก็ชวนกันเผี้ยว(แผ้ว)ถางแล้ว
“ก็ชวนกันแปงรั้วแปงเวียง อยู่ทิศตะวันออก ตีนเขาอุสุปัพพตา หั้นก็มีแล”
(เขาหรือดอยอุสุปัพพตา แแปลว่าดอยอ้อยช้าง บางครั้งเรียก ดอยลัวะ ก็คือดอยสุเทพ นั้นเอง)

เจ้ารสีก็ใส่ชื่อว่า ‘เวียงเชฏฐบุรี’
และเจ้าตนเสวยเมืองนั้นชื่อว่า ‘พระยาสะเกต’ เปนเค้า (เป็นประเดิม, เริ่มแรก)
หนภายขระกูล (ข้างฝ่ายตระกูล)ลัวะ มี ’พระยาวีวอ’ เป็นประธาน”


--ถึงตรงนี้--ต้องขออนุญาตขัดจังหวะการฟังนิทานตำนานของท่านเสียแล้วครับ
เพราะ--- มีข้อสังเกตแทรกเข้ามาอย่างนี้ครับ:

(๑) หากพิจารณาเนื้อความจากตำนานแล้ว เมืองโบราณของชาว’ไทรักลัวะ-ลัวะรักไท’ ชื่อ “เวียงเจ็ดริน” ซึ่งผู้เขียนสุ่มเดาเข้าใจเอาเองว่าตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขตรั้วสีม่วงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ถนนห้วยแก้ว) ปัจจุบันนี้---
คงเป็นเวียงเก่า มีตั้งอยู่มาแล้ว ก่อนน้ำท่วม’เวียงนารัฐ’ ยุบล่มจมน้ำครั้งที่ ๒
และอาจเป็นได้ว่า‘เวียงเจ็ดริน’เป็นเมืองร่วมสมัยกับ 'เวียงล้านนา’ ที่ล่มจมน้ำเมืองแรกเสียด้วยซ้ำ

(๒) ‘เวียงเชฏฐบุรี’ สร้างทับ ‘เวียงเจ็ดริน’

(๓) เมืองล้านนาสมัย ‘เวียงเชฏฐบุรี’ มีผู้ปกครองร่วมกันจากกลุ่มชนแบ่งกันหยาบ ๆ ได้ ๒ กลุ่ม ได้แก่ ท้าวพระยาฝ่ายไท (คำ ไท นี้ หากอ่านออกเสียงสำเนียงลื้อหรือไทยใหญ่ จะปากว่า ไต) ถือว่าเป็นเค้าเป็นประธานคือว่าเป็นใหญ่กว่าอีกฝ่าย (คงเพราะผู้เขียนตำนานนี้อ้างอิงอำนาจของ ตระกูล‘ไท’ สืบแต่ 'เจ้าหลวงคำแดง’ ด้วยกระมัง)

กับอีกฝ่ายซึ่ง งานเขียนชุดนี้ได้นำเสนอมาแล้วว่า ยังมีคนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่เขตดอยอ้อยช้างแต่เดิมนั้นก็มีหัวหน้าชนหลากหลายกลุ่มวัฒนธรรม ได้รับการแต่งตั้งเป็นท้าวพระยาและยอมรับกันให้เป็นประธานเป็นใหญ่ฝ่าย(ชนเผ่าพื้นเมือง)ตระกูลลัวะ

(๕) ตำนานได้เลื่อนตำแหน่งหัวหน้า(ประธานผู้เป็นใหญ่)ฝ่ายลัวะทั้งหลาย จาก ‘ขุนหลวง’ มาเรียกว่า ‘พระญา/พระยา’ เช่นเดียวกับหัวหน้าไททั้งหลายแล้ว ตำนานนี้เรียกชื่อตำแหน่งเต็ม ๆ ว่า “พระยาวีวอ” ครับ



ก็และดังนี้ผู้เล่าจักขอพาท่านผู้อ่านผู้ฟังกลับไปต่อเรื่องในตำนานกัน อีกรอบครับ ---
“เขา (ทั้ง‘ลัวะ’ ทั้ง’ไท’ ใน 'เมืองล้านนา’) ก็พากันสร้างแปงรั้วแปงเวียง
ก็แล้วทั่ว(ครบ)ถ้วนบัวรมวล(บริบูรณ์)แล้ว
เขาก็พากันอยู่เปนที่สุคติคมนะ
‘เปนดีมีฮั่ง’ (มั่งมี)ด้วยเข้า(ข้าว)ของสมบัติแท้แล”




ความจริงเรื่องราวของทั้ง‘ลัวะ’ ทั้ง’ไท’ ใน’เมืองล้านนา’ ในตำนานเชียงใหม่ปางเดิม มีอยู่อีกยืดยาว เล่าอีก ๓ เดือน (3x4=12 สัปดาห์)ก็ไม่จบ แต่จำเป็นต้อง(ตัดบท)ยุติไว้เพียงนี้ก่อน เก็บไว้ว่ากันในประเด็นมุมมองอื่น ๆ เมื่อพันธมิตรกุ้ชาติ—เอ้ยเมื่อท่านผู้อ่านแควน ๆ blog around the blog ต้องการ (5555—ฮา ๆ)

เพราะผู้เล่ามีเหตุผลอย่างนี้ครับ; ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่สำนวนนี้มีปรากฏคำ ‘พระยาแมนตาทอก’ อันเป็นพระยาเป็นใหญ่ฝ่ายไทย กับ คำว่า“ขอกฟ้าผีตายยืน” อันเข้าใจว่าเป็นดินแดนหรือขอบเขตอำนาจชายขอบของจักรวรรดิจีนโบราณติดเขตแกว(ญวน) เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมทั้ง‘ลัวะ’ ทั้ง’ไท’ ใน’เมืองล้านนา ยุคเวียงเชฏฐบุรีและ/หรือเวียงเจ็ดริน นี้ด้วย

ความในตำนานเชียงใหม่ปางเดิมตอนหนึ่งเล่าว่า---
“พระยาแมนตาทอก ก็ป่าวยังโยธา ยกกำลังริพล ออกไปรบกับด้วย ’ผีตายยืน’ แท้หั้นแล
เขาก็พากันไปรบผี ก็ฆ่าฟันผีฝูงนั้น ผีชุม(พวก)นั้นเขาก็พ่ายหนีเมือ(กลับ)รอด(ถึง)เมืองเขา
คือว่าที่ ‘ขอกฟ้าผีตายยืน’ พุ้นแล้ว

‘พระยาแมนตาทอก’ ก็ไล่ขับผีไป และไปถูก ’ปืนพิษ’ (ของ) ’ผีตายยืน’ ก็ลวกตายเสียที่นั้นแล …
… ผีก็มาคุมเวียงแวด(ล้อม)ขังยังเวียงเชฏฐบุรี คือว่าเวียงเจ็ดริน นานได้ ๓ ปี เวียงก็ลวดแตก”
(นี้คือ เครื่องชี้สนับสนุนการวินิจฉัยของ a_somjai ในข้อ (๒) ‘เวียงเชฏฐบุรี’ สร้างทับ ‘เวียงเจ็ดริน’ ดังกล่าวแล้ว)

ความจริงเรื่องราวของ ‘แมนตาทอกขอกฟ้าตายืน’ ผู้ปราบกองทัพและฆ่าขุนเจืองวีรบุรุษของชนชาติต่าง ๆ ในอุษาคเนย์นี้ มีในนิทาน ตำนาน หรือวรรณกรรมโบราณเรื่อง ท้าวรุ่ง(ฮุ่ง)ท้าวเจือง อย่างเช่นวรรณคดีภาษาลาวและในตำนานเมืองพะเยาเป็นต้น (ดูที่นี่ และ ที่นี่) –[คำสำคัญและเรื่องราวดังกล่าวในตำนานลัวะ—เชียงใหม่ปางเดิม--นี้ ทำให้ a_somjai มีการบ้านหนักในการสำรวจ “ตำนานพระญาเจือง – ขุนเจือง – ลาวเจือง” หรือท้าวรุ่ง/ฮุ่งขุนเจื๋องธรรมิกราช ของกลุ่มชนและบ้านเมืองไท-ลาว-ลื้อ-แกว ถิ่นต่าง ๆ ---คงมีงานภาษาพื้นบ้านให้ค้นอ่านอีกหลายแหละครับ]
--เก็บเอาไว้เล่าสู่กันฟังแบบยาว ๆ ในโอกาสข้างหน้าละกันครับ



คราวหน้าจะมาเล่าต่อ…เรื่องเมือง—
‘เวียงเวสาลี’, ‘เมืองนพบุรี’, และ ‘เวียงสวนดอกไม้หลวง’
ต้องตวยอ่านเน้อเจ้า!



อ้างอิง:
1. ตำนานเชียงใหม่ปางเดิม สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, (ปริวรรต) พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. 2537,

posted by a_somjai on Thursday , February 22, 2007.



Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2550 6:51:06 น. 3 comments
Counter : 787 Pageviews.

 
มาอ่านตำนานเมืองเจียงใหม่ตวยคนเจ้า .......


โดย: หนูชล วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:39:51 น.  

 
เฉยๆ ก็ดี


โดย: คน IP: 124.157.221.117 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:39:18 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.5.122 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:6:27:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

a_somjai
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add a_somjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.