<<< a_somjai a_somjai's blog === อ่านเขียนบล็อก อ่านเขียนโลก <<<== a_somjai อ่านเขียนบล็อก a_somjai a_somjai's blog
Group Blog
 
All Blogs
 

Procrastination - ผลัดวันประกันพรุ่ง: หยุดยั้ง ดินพอกหางหมู (2)

ถามจริง ๆ เหอะ
“การผลัดวันประกันพรุ่ง – procrastination”
เป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดปัญหาแก่คนเรา ทุก ๆ กรณีเลยหรือไม่?

หากตอบกันจริง ๆ แล้ว ก็ต้องตอบว่า “ไม่”
เพราะการทำสิ่งใดเดี๋ยวนั้น หรือ ทำให้เสร็จเลย
ไม่—ได้หมายความว่า ผลงานที่ออกมาหรือผลลัพท์ที่ตามมาจะ “ดี งาม ถูก ควร” เสมอไป
(บางคน บางที่ บางเวลา การทำงานช้า หรือ ทำอย่างเร่งรีบจนนาทีสุดท้าย
ก็อาจ ถูก ดี งาม ควร กว่าการทำแบบ ไม่ ผัดวันประกันพรุ่ง ก็ได้)

แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้าง ไม่ให้เราควรจะเลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งเสียเลย
อ้าว…แล้ว การผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นปัญหา หรือว่า เป็นคุณ (แปลว่า มีผลดี) กันล่ะ?
แต่ละท่านก็ลองตอบคำถามดังกล่าวนี้กันเอาเองละกัน

สิ่งที่ควรคุยกันนั้นคือ ความจริงที่เป็นสากลของมนุษย์เราก็ว่าได้
คือ..คงไม่มีใคร ปฏิเสธว่า การผลัดวันประกันพรุ่ง อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง จนติดเป็น นิสัยเคยตัว แล้วนั้น
นำมาซึ่ง ผลแห่งสิ่งที่คนไทยเรียกว่า “ดินพอกหางหมู”

ดินพอกหางหมู ในสำนวนภาษาไทย หมายความว่าอย่างไร?
ต้องไปเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ดูเป็นอันดับแรก

หน้า ๔๐๗
ดินพอกหางหมู (สำนวน) ที่คั่งค้างพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ

ตามความหมายนี้ ถ้าสิ่งที่คั่งค้างพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ นั้น เป็นเงินทอง ทรัพย์สิน หรือว่าสติปัญญา มันก็คงดีอยู่ดอก
แต่หากว่า “เป็น...งาน ผลงาน การงาน” แล้วละก็ …หนักหนาสาหัสเชียวแหละ จริงแมะ …ดังนั้นต้องเข้าใจว่า สำนวน “ดินพวกหางหมู” นั้น ต้องการบอกว่า มีความหมายไปในทางไม่ดี ทางลบ แหละเนอะ

ผลแห่ง Procrastination – การผลัดวันประกันพรุ่ง คือ ดินพวกหางหมู สามารถทำร้ายอาชีพการงานของคุณได้เลยทีเดียว อย่างเช่น เจ้านายของคุณคาดหวังว่า คุณจะทำโครงการให้แล้วเสร็จตามเวลา ซ้ำท่านยังให้เวลาคุณทำ(ได้ช้า ๆ )อย่างเต็มที่เพื่อมิให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานเสียอีก แต่แล้วการผลัดวันประกันพรุ่งของคุณ ก็อาจฉุดคุณไว้กลายเป็นเรื่อง “ดินพอกหางหมู” จนสายเกินกาลเสียแล้วก็ได้ เฮ้อ….

ด้วยเหตุนี้ เราจึงพบว่า มีเว็บไซต์ หรือ บล็อกมากมายที่เขียนบ่นถึงเรื่องนี้เอาไว้ และบ้างก็แนะนำวิธีการ แก้ไข ปัญหา ผลัดวันประกันพรุ่ง จนทำให้เกิดดินพอกหางหมู เอาไว้หลายแง่มุม ตั้งแต่ระดับทฤษฎี แนวทางประฏิบัติ ไปจนถึงบอกเล่าประสบการณ์ตรง ยกตับอย่าง (เช่น เว็บไซต์ ต่างประเทศ) เขียนทำนองว่า….



- ผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดปัญหาหลักทั้งใน หน้าที่การงาน และ ชีวิตส่วนตัว (เขาว่า)มันมีสาเหตุมาจากความเบื่อหน่ายในงาน หรือการมีบาดแผลกับงานนั้นจนไม่รู้สึกสนุกกับการลงมือทำงานนั้น ๆ แนวทางการแก็ไขการผลัดวันประกันพรุ่งก็คือลดความเจ็บปวดหรือความเบื่อหน่ายนั้นเสีย เพิ่มความสนุก ความท้าทายให้กับมัน ทำมันอย่างมีความสุข นึกถึงรางวัล ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่คุณจะได้รับจากการทำงาน และคุณจะสูญเสียโอกาสดี ๆ นี้ไปถ้าหากคุณ “ผลัดวันประกันพรุ่ง พูดสั้น ๆ ก็คือ…แก้โดยการสร้างแรงจูงในด้านบวกให้เพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นตัวเองให้ตื่นตัวอยู่เสมอ

- แน่นอน, เราทุกคน ก็จะต้อง “ผลัดวันประกันพรุ่ง” กันบ้างในบางครั้งบางคราว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญทีเดียวที่คุณจะต้องพิจารณาดูบ้างว่า ความประพฤติแบบพลัดวันประกันพรุ่งของคุณนี้มันมีมากน้อยบ่อยครั้งเพียงใด “ดินพอกหางหมู”ของคุณ มีผลต่อความล้มเหลวในชีวิตคุณบ้างหรือเปล่า (หรือ มันไม่เกี่ยวไว้ย…?, หากเป็นอย่างนั้น ก็แล้วแต่คุณละกัน อิอิ.)

- คนที่มัก ผลัดวันประกันพรุ่งนั้น ก็จะมีแนวโน้มที่จะ ผลัดวันประกันพรุ่ง กับชีวิตตนเองไปเสียทุกเรื่องนั้นแหละ (666 หัวเรอะ ไม่ออกอะ) วิธีการขั้นต้น สำหรับผู้ที่อยากเลิกผลัดวันประกันพรุ่ง ขอแนะนำว่า ลองทำความเข้าใจในหัวข้อต่อไปนี้โดยลำดับ (1) เมื่อไรกัน และที่ไหนบ้าง ที่ถือว่า การผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นปัญหา (2) มีเหตุผลพื้น ๆ (ฐาน) ใดบ้างที่คนเราจะยกเอามาอ้างเพื่อ ผลัดวันประกันพรุ่ง และ (3) มีวิธีการดี ๆ อะไรบ้าง หรือ อย่างไรบ้าง สำหรับนำมาใช้เพื่อจัดการเอาชนะ พฤติกรรมผลัดวันประกันพรุ่ง



มาดูเว็บไซต์เมืองไทยเราบ้าง
เอา Bloggang.com ที่เขียนเกี่ยวกับคำว่า “ดินพอกหางหมู” ละกัน










นอกเหนือจากนี้ หากสนใจก็ตามไปอ่านของเพื่อนสมาชิกบล็อกแก๊งได้ครับ


เรื่องนี้ ขอจบไว้เพียงเท่านี้ละกัน
สวัสดี

(สิ่งที่คนเราอยากจะทำให้กับชีวิตตัวเอง ที่จะนำมาเล่าไว้เป็นอันดับ 3
คือ .. "ฉันอยากตกอยู่ในห้วงรัก - I want to Fall in love" …สนใจไหมเอ่ย)







post by a_somjai on wednesay, November 21, 2007 @ 10:00 AM.




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 11:40:39 น.
Counter : 4327 Pageviews.  

stop procrastinating: เลิกนิสัย “ผลัดวันประกันพรุ่ง” (1)

“เดี๋ยวเอาไว้ก่อน ว่าง ๆ ค่อยทำก็ได้”
“เอาไว้วันหลัง ทำเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไว้ใกล้ ๆ หมดเวลา ค่อยทำก็ยังทัน”
“อันตัวข้าพเจ้านี้ มันเป็นคนขี้เกียจเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว นี่พูดจริง ๆ นะวุ้ย!”
“ฉันไม่ชอบ ครู/อาจารย์ คนนี้เลย …นั้นแหละคือเหตุผลที่ฉันไม่ทำงาน(การบ้าน)ส่ง”
“มันตื่นเต้นดีออก ที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อย ในนาทีสุดท้าย”
“ฉันอยากให้ งานของฉันสมบูรณ์ที่สุด …เลยต้องทำมันอย่างดี ต้องผ่านการไตร่ตรองให้ดีก่อน…ต้องละเลียด คิดนาน คิดยาว แล้วค่อยลงมือทำ…อย่างว่าช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม…”
(หรือว่า “…แหะ แหะ …เอาไว้ก่อนน่า…เดี๋ยวค่อยทำ” ….ก็ไม่รู้นะ)


คนจำนวนมากมักอ้าง…หรือเชื่อตามคำพูด หรือความคิด ทำนองนี้…แบบข้างบนนี้แหละ
แล้วพวกเขาหรือว่ารวมตัวเรานี้ ก็มักใช้ชีวิตเป็นอยู่แบบ ความคิด คำพูดอย่างว่ามานี้แหละ จริงแมะ!
และนั้นก็ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วว่า…มันได้กลายเป็นเรื่องความเคยชินของใครต่อใครไปเสียแล้ว
ที่สุด… ของความคิดเช่นนี้ ส่งผลให้ เกิดปัญหาที่เรียกกันว่า…
“การผลัดวันประกันพรุ่ง – procrastination” นั้นเอง

แล้วก็ไอ้นิสัย….พลัดวันประกันพรุ่งนี้แหละ
มนุษย์ในทุกสังคมก็ยอมรับร่วมกันว่าเป็นนิสัยไม่ดี …
เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวคนเรา …ที่เขาไม่พึงปรารถนา
การพลัดวันประกันพรุ่ง….เป็นตัวถ่วงความเจริญของชีวิต
จริงแมะ!

ด้วยเหตุนี้เองละกระมัง ที่ผลการสำรวจอ่านข้อมูลความรู้จาก Website หรือ weblog ต่าง ๆ ของ a_somjai เพื่อเขียนงานนิทานชาวบล็อกสำนวนใหม่ชุดนี้ เพื่อค้นหาคำตอบต่อคำถามที่ว่า …
“คุณอยากทำอะไรให้กับชีวิตตัวเองบ้าง - What do you want to do with your life?”
แบบว่า…สุ่มตัวอย่างแบบตามใจฉัน จากประชากรเน็ตบนโลกไซเบอร์ โลกออนไลน์ หรือ โลกอินเตอร์เน็ต
สรุปได้จาก…ข้อมูลเกือบทั้งหมดก็คือคนเล่นบล็อก หรือ bloggers นั้นแหละ
จึงพบว่า…
จึงพบว่า คนเราส่วนมาก (เหล่านั้น)
สื่อสารแสดงออกไว้บนเว็บไซต์หรือบล็อกของตน ๆ ในทำนองว่า…
“I want to stop procrastinating. – ฉันอยากจะหยุด ละ ลด เลิก พฤติกรรม การผลัดวันประกันพรุ่ง”

(จำนวนคนที่ปรารถนาเช่นนี้ เป็นอันดับสอง รองจาก ฉันอยากกำจัดน้ำหนักส่วนไม่พึงปรารถนา - I want to lose unwanted weight.)


ขออ้างอิงข้อสรุปนี้สักหน่อนเด้อ
ความจริงเชิงประจักษ์สามารถยืนยันได้จากข้อมูลการค้นหาโดย google search engine (เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา บ่ายสองโมง) ดังนี้

1. ผลการค้นหา รายการจากประมาณ 10,400,000 สำหรับคำว่า procrastination
2. ผลการค้นหา รายการจากประมาณ 43,400 ภาษาไทย หน้าสำหรับคำว่า ผลัดวันประกันพรุ่ง
3. รายการจากประมาณ 43,800 ภาษาไทย หน้าสำหรับคำว่า ผัดวันประกันพรุ่ง (มีคนเขียน ผลัด เป็น ผัด แบบนี้มากขนาดนี้เชียว)

ส่วนชาว bloggang ก็มีมากเช่นกัน....
5. Results about 433 from bloggang.com for ผัดวันประกันพรุ่ง
6. Results about 806 from bloggang.com for ผลัดวันประกันพรุ่ง.

แต่ใครจะตามไปอ่านได้หมด ครบถ้วนกระบวนความละเนอะ…อิอิ (กลัวเป็นบ้าจ๊ะ)

ขอหยิบเอางานของสมาชิกบล็อกแก๊งสักตัวอย่างละกัน
(ที่เขาบอกไว้อย่างชัดเจนว่า…อนุญาตให้เผยแพร่ต่อไปได้)


บล็อกคุณ bigbabe101 เรื่อง อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง..fก่อนจะสายเกินไป Last Update : 23 มีนาคม 2550 16:36:39 น




-QUOTE-

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง..fก่อนจะสายเกินไป

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย................ ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น.....
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง



…..และเวลานี้….


ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..ค่อยส่ง..จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้



-QUOTE END-


นี้คือตัวอย่างผลเสียที่อาจเกิดขึ้น
แล้วในเวลาต่อมาอาจจะทำให้คนเราเสียใจที่ไม่ได้ลงมือทำเสียแต่ยัดนี้ เดี๋ยวนี้
ขอบคุณ คุณ bigbabe101
ที่เอาสิ่งดี ๆ มาแบ่งปันสู่กัน
เพื่อบอกสิ่งดี ๆ เช่นนี้ ต่อ ๆ กันไป



ส่วนท่านที่สนใจลงลึก
เรื่อง การผลัดวันประกันพุร่ง ของคนเรานั้น
เอายังงี้ก็แล้วกัน…ขอบอกแนวทางเพื่อการค้นหาจาก Search engine สำหรับท่านผู้เข้ามาอ่านบล็อกนี้ แบบว่า…เพื่อทำรายงานทางวิชาการไว้ก่อนละกัน

(เพราะอาศัยข้อเท็จจริงที่เราค้นพบ จากการเล่นบล็อกมานี้ ก็เข้าปีที่สามแล้ว ว่า…ถ้าหากคุณไม่ใช่มีวัตถุประสงค์เล่นบล็อกแบบ “แวะเยี่ยมเยียน สื่อสารกันภายในกลุ่มครอบครัว ญาติมิตร กลุ่มเพื่อน ๆ ผู้สนใจร่วมกัน อย่างเหนียวแน่เพียงอย่างเดียว"
แต่คุณเล่นบล็อกแบบว่า..ต้องการให้มีผู้เข้ามาเยี่ยมบล็อกของคุณเป็นกอบเป็นกำ เป็นกลุ่มตัวเลข สม่ำเสมอ แล้วละก็...
ขอบอกต่อว่า...มากกว่าร้อยละ 80 ของ visitors ของ blog ใด ๆ ต่างอ้างอิง (คลิ๊กเข้า) มาเยี่ยมชมบ้านบล็อกใด ๆ จากการสืบค้นหาสิ่งที่อยากรู้อยากเห็นผ่าน "คำสำคัญ" จากบริการ search engine อย่างเช่น Gooเle, Yahoo, MSN เสียเป็นอันขาดแท้ ๆ นะจะบอกให้)


(ดังนั้น คำแนะนำสำหรับการเล่นบล็อกอย่างมีแก่นสารสาระบ้าง ก็คือ...เขียนบล็อก อ่านบล็อก โดยเน้นที่ คำสำคัญ - Key words, Index หรือว่า Tag -- a_somjai เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ที่นี่ ส่วนท่านที่อ่านเอาเพลิดเพลิน ก็ผ่านย่อหน้าถัดไปนี้ ได้เลยครับ)

สำหรับการสืบค้นเรื่องนี้ต่อไป ให้มุ่งไปที่...
คำสำคัญ - Key words: procrastinating, procrastination, improving, laziness, life, personal, self improvement, self-improvement, work, health, ผัดวันประกันพรุ่ง,ผลัดวันประกันพรุ่ง, ดินพอกหางหมู, การงานคั่งค้าง, ขี้เกียจทำงาน, การพัฒนาตนเอง, การปรับปรุงตน


แสดงว่า เรื่อง “ผลัดวันประกันพรุ่งนี้”
เป็นเรื่องใหญ่ ยืดยาว และสำคัญต่อคนเรามาก
ต้องเก็บเอามาหากิน บนบล็อกได้อีกหลายตอน
(หากสนใจก็ลองติดตามอ่านละกัน ...ตามอัธยาศรัยครับ)




post by a_somjai on Sunday, November 18, 2007 @ 3:25 PM.




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2550 17:10:58 น.
Counter : 1098 Pageviews.  

ฉันอยากกำจัดน้ำหนักส่วนไม่พึงปรารถนา - I want to lose unwanted weight.

เมื่อคราวที่แล้ว ได้เล่าไว้ในบล็อกหมวด “นิทานชาวบล็อก ตอน คุณอยากทำอะไรให้กับชีวิตตัวเองบ้าง” ว่า .. จากการสำรวจแบบสังเกตเอาเอง (555) โดยการเข้าไปอ่าน ไปดูในเว็บบล็อก หรือ ชุมชนเว็บบล็อก ต่าง ๆ ที่พอจะอ่านภาษาเขารู้เรื่องแล้ว a_somjai (สรุปเอาเอง) พบว่า ….

คนเล่นเน็ต ประชากรชาวเน็ต ที่เรียกว่า Netizen นั้น
จะบอกความต้องการ ความปรารถนา ความอยากจะทำอะไรกับชีวิตตัวเองเป็นอันดับ ๑ ก็คือ…
“ฉันอยากจะลดน้ำหนักตัว - I want to lose unwanted weight”

คำถามแรกต่อปรากฏการณ์นี้ คือความสงสัยว่า…
“ทำไมชาวโลกจำนวนมากในปัจจุบัน จึงอยากเอาน้ำหนักตัวออกไปจากร่างกายตนเอง กันหนักหนา”

หรือว่า… มนุษย์เราทุกวันนี้ …มีส่วนเกินของร่างกายมากขึ้นกว่ามุนุษย์ในอดีตที่ผ่านมา
สรุปว่า …คนเราทุกวันนี้ ….วิตกกังวลว่า…คนเองอ้วน… จนเป็นปัญหา
เอ่อ…ความอ้วน …การอ้วน …เป็นปัญหา…เป็นวาระประชาชน
ใช่ไม่ใช่…พ่อแม่ พี่น้อง? (ฮา)

เอาล่ะ เรื่องที่จะคุยกันวันนี้
จึงเกี่ยวข้องกับคำสำคัญดังต่อไปนี้;
ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, อ้วน, diet, อดอาหาร, กินเพื่อสุขภาพ, อาหารเพื่อสุขภาพ, ออกกำลังกาย

(ลองไป ค้นหาข้อมูลใน – Search engine อย่าง Google, Yahoo, หรือว่า MSN ดูก็แล้วกัน คุณจะพบว่ามีแหล่งข้อมูลหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่ท่วมท้นล้นจอคอมพ์ทีเดียว –ดังนั้นจึงขอไม่กล่าวถึงรายละเอียดไว้ในที่นี้ ก็แล้วกัน ---เพราะโต ๆ กันแล้ว หากสนใจเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับคำต่าง ๆ ดังว่ามาแล้วละก็ ให้รู้จักค้นคว้ากันเองบ้างเดะเพ่—555—อันนี้ขอต่อว่านิสัยเสีย ๆ ของคนไทยด้วยกันนะ ที่ส่วนใหญ่ไม่มีนิสัยค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเองเอาเสียเลย มักคอยให้คนอื่นคอยป้อนอยู่ตลอดเวลา ผลก็เลยกลายเป็นแบบ…เขาว่ามา ข้าก็ว่าตาม ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง สี รูปทรง ลายประดับของเสื้อผ้าที่สวมใส่ในปัจจุบันนี้ พวกเราชาวไทยส่วนใหญ่ก็จะเป็นทำนองว่า…เจ้าว่างาม (ฯ)ข้าก็งามตามอย่างเจ้า - เป็นต้น)

อ้าวว…หาเรื่อง…นอกเรื่องเสียแล้ว ซิเรา
เข้ามาว่าเรื่อง…อ้วน ๆ กันต่อดีกว่า


ในโลกไซเปอร์ โลกออนไลน์ หรือ โลกอินเตอร์เน็ตของเรานี้ มี คนเล่นบล็อก หรือ bloggers จำนวนมาก ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่อง ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, อ้วน, diet, อดอาหาร, กินเพื่อสุขภาพ, อาหารเพื่อสุขภาพ, ออกกำลังกาย

เอากันใกล้ ๆ ง่าย ๆ
สำรวจกันที่ Bloggang.com นี้แหละ
ไป ค้นหาทุกสิ่งใน BlogGang ที่หน้ารวมชุมชนออนไลน์ของเรากันเลย

ชาวบล็อกแก๊งที่เขียนเรื่อง “ลดน้ำหนัก” (ส่วนคำอื่น ๆ ก็ลองไปค้นดูกันเองละกัน)



จากการค้นหาโดยกูเกิ้ลพบว่ามี Results ประมาณ/about 8,980 from bloggang.com for ลดน้ำหนัก
และ (ตัวอย่างเช่น - ) Results 1 - 10 of about 8,980 from bloggang.com for ลดน้ำหนัก ได้แก่

- คุณ hamble pie โพสต์บล็อกเกี่ยวกับ ลดน้ำหนัก เมื่อเดือน 03/มีนาคม ปี 2550/2007 เขียนว่า --“ที่เล่ามาทั้งหมดเนี่ย ต้องใจเย็นๆน้ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใดการลดน้ำหนักก็ไม่ง่ายฉันนั้น อย่างน้อยๆก็ประมาณ 3 -4อาทิตย์ ...”

- คุณ เนเวอร์แลนด์ โพสต์บล็อกเกี่ยวกับ สูตรลดน้ำหนัก พอจะทำได้ เมื่อเดือน 04/เมษายน ปี 2549/2006 เล่าว่า “*กินกระเทียมสดและพริกไทยทุกวัน เพราะจะช่วยลดคลอเลสเตอรอลและลดน้ำหนักได้ *วางแผนการกินล่วงหน้าแต่ละมื้อ การกินโดยไม่คิดก่อนจะทำให้เผลอไปกินอาหารที่ไขมันสูง ... “

- คุณ Healthy Service โพสต์บล็อกเกี่ยวกับ ลดน้ำหนักลดพลังงาน เมื่อเดือน 03/มีนาคม ปี 2550/2007 ไว้ด้วยข้อความว่า “หลายท่านอาจเคยประสบปัญหาอยากลดน้ำหนัก แต่พอเริ่มควบคุมอาหาร น้ำหนักกลับลดลงแค่เพียงนิดหน่อย เห็นตัวเลขบนตราชั่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากก็หาทางเปลี่ยนวิธีใหม่ ... “ และ(บล็อกนี้เป็นบล็อกของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ) เธอเขียนเกี่ยวกับ – ลดน้ำหนักให้เหมาะกับตัวเอง เมื่อวันที่16 เดือน09/กันยายน ปี 2550/2007 ว่า “เมื่อรู้ตัวหรือรู้สึกว่า เริ่มมีไขมันมาติดเกาะ หรือน้ำหนักเพิ่มเร็ว อึดอัด เสื้อผ้าคับ หลายคนคงนึกถึงโปรแกรมลดน้ำหนักด้วยอาหาร หรือการออกกำลังกายรีดไขมัน ...” หรือเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 นี้ เธอก็เขียนเรื่อ การใช้ยาลดน้ำหนัก ว่า “เรื่องนี้เป็น ...
เป็นที่นิยมมากตามคลินิกลดน้ำหนัก เนื่องจากเห็นผลเร็วมาก ใช้ไม่กี่วันน้ำหนักลดลงมากมาย แต่เป็น ภาพลวงตา เพราะสิ่งที่ลดไปไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำในร่างกาย ...” เท่านั้นยังไม่พอ กูเกิ้ล ยังพบว่า เธอเขียนเรื่องเล่าเกี่ยวกับ เมนูลดน้ำหนักสำหรับสาวรักสวย ไว้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2007 ว่า “สาว ๆ สมัยนี้ อยากเอวบางร่างน้อย ต้องไปเสียเงินเข้าครอสลดน้ำหนักกันมากมาย เพื่อที่จะกำจัดส่วนเกินสัก 3 กิโล 5 กิโล แต่คุณสาว ๆ เชื่อไหมคะว่า จริง ๆ แล้ว ...” และคุณ Healthy Service ยังได้เขียนเรื่อง ยาลดน้ำหนัก ไว้เมื่อ 30 ตุลาคมที่ผ่านนี้เอง/2007 บอกว่า “อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่าการลดน้ำหนักให้ได้ผล ไม่ได้อยู่ที่การใช้ยา แต่หัวใจของการลดน้ำหนักอยู่ที่การควบคุมอาหารและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ...” เป็นต้น.


- คุณ rainwindy เขียน- -----สูตร Diet (ลดน้ำหนัก) ภายใน 7 วัน ไว้เมื่อวันที่ 9 เดือน01/มกราคม ปี 2549/2006บอกว่า “สูตรพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ลดน้ำหนักได้ 9 กก. ใน 1 สัปดาห์ (หลังจาก 7 วันทานได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ขึ้น) ก่อนจะเริ่มปฏิบัติทำตามสูตรดังนี้: ...”


- และสุดท้าย ขอยกตัวอย่างบล็อกของ คุณบิ๊กบึ๊ม77 เธอเขียน blog หมวดย่อยเรื่อง ลดน้ำหนักด้วย สาม อ. ไว้เป็นเรื่องชุด น่าสนใจมากครับ เธอเริ่มเล่าประสบการณ์ตรงตั้งแต่วันแรก (24 กันยายน 2007) จนถึงโพสต์ล่าสุด 11 พฤศจิกายน 2007) โดยเริ่มเขียนนำเรื่องไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน โดยได้บอกกล่าวถึงความตั้งใจของเธอในสิ่งที่เธอ อยากทำอะไรให้กับชีวิตตัวเอง - What do I want to do with mylife? ก็คือ ฉันจะลดน้ำหนักตัว – I want to lose unwanted weight. ในหัวเรื่องว่า เริ่มพรุ่งนี้ การลดน้ำหนัก ด้วย สาม อ ดังนี้




"เริ่มพรุ่งนี้ การลดน้ำหนัก ด้วย สาม อ

เริ่มพรุ่งนี้ การลดน้ำหนัก ด้วย สาม อ
หลังจากประสพความสำเร็จ กับ หลัก สาม อ ของกรมอนามัย ที่ทำให้ตัวเอง ลดน้ำหนักได้ถึง สิบห้ากิโลกรัม ภายในสองเดือน และหลังจากจบคอร์ส ก็พักตัวเอง
ทานมากขึ้น ออกกำลังมากขึ้น แต่น้ำหนักตัวไม่ขยับ

จึงตั้งใจว่า จะกลับมาใช้วิธี สาม อ เป็นหลัก อีกครั้งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้

หลัก สาม อ คือ อะไร

อ แรก อาหาร ต้องรู้จักเลือกทานอาหาร ให้ถูกต้อง ไม่ทานของหวาน มัน แป้ง ของย่อยยาก อาหารขยะ น้ำอัดลม สุรา ยาเมา ไม่ทานมากเกินไปในแต่ละมื้อ เป็นต้น

อ ที่สอง ออกกำลังกาย ต้องรู้จัก การออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่มากเกินไป ไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย หาความรู้ในการออกกำลังกาย ให้เหมาะสม

อ ที่สาม อารมญ์ คือต้องรู้จักหักห้ามอารมญ์ตัวเอง ไม่ให้เกิดความอยากกิน มากเกินไป ต้องรู้จักทำอารมญ์ตัวเองให้พาตัวเองไปออกกำลังกาย ต้องรู้เสมอว่าเรากำลังลดน้ำหนักอยู่ดังนั้นเราควรจะทำอะไรบ้างที่จะทำให้เราประสพความสำเร็จ ต้องรู้จักฝึกสมาธิ ฝึกอารมญ์ ฝึกการหายใจ เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้ตัวเอง เพราะ การลดน้ำหนักจะก่อให้เกิดความเครียดกับตัวเองค่อนข้างมาก

สิ่งที่จะทำในสองเดือนข้างหน้า คือ หันกลับไป ทำตัวเหมือน ตอนที่เข้าคอร์ส ไร้พุง กับ กรมอนามัย ในช่วงสองเดือน ที่ สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ สิบห้า กิโล"


(ต้นฉบับ ยังมีเล่าต่ออีกครับ, อ้อ--ต้นฉบับ ตัวอักษรเธอใช้เป็นสีชมพู แต่ผมขออนุญาตเปลี่ยนเป็นสีขาว เพราะเหตุที่ผู้สุงอายุ มองแล้วปวดใจ เอ้ยปวดตาครับ!)

หากท่านใดสนใจ ก็ตามลิงค์ไปอ่านได้เลยครับ ที่นี่


ส่วนขาวบล็อกแก๊งท่านอื่น ๆ นั้น หากท่านที่สนใจ ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, อ้วน, diet, อดอาหาร, กินเพื่อสุขภาพ, อาหารเพื่อสุขภาพ, ออกกำลังกาย ก็ลองไป search หาข้อมูลกันดูได้ และก็ตามไปอ่านกันตามอัธยาศัยนะครับ





posted by a_somjai on Thursday, November 15, 2007 @ 04:01 AM
สำเนา / ตีพิมพ์คู่ขนานไว้ที่ นิทานชาวบล็อก
และที่ deedeestory.blogspot.com


ของฝากวันนี้
เราเตือนคุณแล้วให้...
ระวัง....คุณกำลังถูกจับตามองอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง




SMILE! You're on Google camera

"Google controls your e-mail, your videos, your calendar, your searches… What if it controlled your life?"

หยิบจาก
RADAR FICTION เรื่อง SCROOGLED By Cory Doctorow

เชื่อเราอะยังหละ
จาก
a_somjai




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 4:56:26 น.
Counter : 552 Pageviews.  

คุณอยากทำอะไรให้กับชีวิตตัวเองบ้าง - What do you want to do with your life?

คนที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั้น
วัน ๆ หนึ่ง ก็คงต่างก็คิดอยากจะทำอะไร ๆ มากมาย
แต่แล้ว ก็ได้ทำบ้างไม่ได้ทำบ้าง
จริงแมะ!

อย่างตัวฉันเอง—คนเขียนบล็อก คนเล่นบล็อก หรือว่า Blogger คนหนึ่งในยุคนี้
ก็อยากจะทำโน้นทำนี่ แล้วก็เขียนบอกเล่าไว้บนเว็บบล็อกของตัวเอง
ก็ที่ a_somjai’s blog ในหมู่บ้านชุมชน Bloggang.com และที่ Dee Dee Story หมู่บ้าน blogspot.com




หลายเรื่องที่ได้ทำ แล้วก็ได้เล่าไว้หลายอย่าง ติดต่อกันยาวนาน (ตั้งแต่ สิงหาคม ๒๕๔๘ / August 2005) ก็ที่บ้านบล็อกแห่งแรกในโลกไซเบอร์คือ a_somjai’s blog นั้นหละ

ส่วนตัวอย่างเรื่องที่เริ่มทำแล้วก็แช่ทิ้งไว้ร่วมครึ่งค่อนปี ก็คือความพยายามจะทดลองทำมาหากินบนอินเตอร์เน็ต แล้วก็เขียนเล่าประสบการณ์ไว้ที่ Dee Dee story ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๐ / 2007-05-30 นั้น ก็ทำเพียงได้โพสต์ครั้งเดียว แล้วต้องละทิ้งไป (ด้วยมันเรื่องมากจริง ๆ และไม่สนุกอีกด้วย) เป็นต้น


แต่คนเรานั้น
บางทีการรื้อฟื้นความคิดริเริ่มเก่า ๆ มาประติดประต่อใหม่
จับโน้น ชนนี้ ให้เข้าที่เข้าทางใหม่
มันก็ดีเหมือนกัน

อย่างวันนี้ ฉันก็เริ่มงานเป็นชิ้นเป็นอัน รอบใหม่
โดยการรวมเอาเรื่องเล่าหมวด นิทานชาวบล็อก ในเวที a_somjai’s blog
มารวมเข้าไว้กับบล็อก Dee Dee story
มาทำใหม่ ในครั้งนี้เป็นต้น

ทำยังไงกันล่ะ?

คือย่างนี้...
เรื่องที่จะนำมาเล่าคุยกัน
ก็จะมานำเสนอไว้ ในรูปแบบและเนื้อหาที่ โพสต์ / publish ควบคู่กันไป
อาจมีเนื้อหาเป็นสำเนาเดียวกัน
หรือว่า เนื่อหาและรูปแบบเสริมกัน
หรือว่า สองบล็อกนี้ โยนลูก บทสนทนากันไปมาก็ได้

จะเรียกว่าเป็นการทดลอง blgging – เล่นบล็อก อีกรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้



แนวทางการพูดคุยเล่าเรื่องไว้นี้
จะออกแนวสนุกสนาน...นะจะบอกให้
แต่ก็แทรกความรู้ไว้ด้วยแหละ
(ตาม Style ของ a_somjai เจ้าของ--คนเขียนบล็อก ...ขอคุยโม้หน่อยน่า)


ไหน ๆ แล้วก็...ขอเริ่มเรื่องที่จุดเริ่มต้นนของงานเขียนวันนี้ ก็แล้วกัน
(จุดนั้นคือว่า... คนเรามักคิดจะทำอะไรหลาย ๆ อย่าง นั้นแหละ จริงแมะ)

ณ ที่นี้ เป็น….
คำถามแรกที่ควรจะถามกัน …
“แล้วคุณแต่ละคน คิดจะทำอะไรให้กับชีวิตตัวเองกันบ้างละ?”
What do you want to do with your life?

คำตอบคือ… I want to do this ------->>> ………


คุณ ๆ ที่หลงเข้ามาอ่าน “บทออกแขก - กล่าวนำ ” นี้แล้ว
คิดว่า “แนวเรื่อง” น่าสนใจติดตามอ่านต่อไหมละครับ?


อย่างตอนแรก ๆ ที่จะนำผลการค้นคว้าบนอินเตอร์เน็ต มาคุยกันนั้น
จะเป็น 10 อันดับต้น ๆ ของ สิ่งที่คนเราอยากจะทำให้เกิดมี เกิดเป็น ขึ้นกับชีวิตตัวเอง ที่คนเรามักจะคิด จะถาม จะปรารถนา หรือว่าจะสร้างขึ้นตั้งไว้ในใจของตนเองว่า.......

I want to do this ------->>>

(โดยจัดเรียงจำนวนความปรารถนาของคน จากมีผู้ปราถนามากที่สุดไปหาน้อย) ได้แก่ ------(อ่านดู แล้วคุณว่าน่าจะใช่ไหมล่ะ? ------->>>

1. ฉันอยากจะลดน้ำหนักตัว (อิ ฮิ) - lose weight / to lose unwanted weight

2. ฉันอยากจะเลิก (หยุด ลด ละ) นิสัยเลว ๆ ไม่ดี บางอย่าง แบบว่า ผลัดวันประกันพรุ่ง - stop procrastinating

3. ฉันอยากจะตกหลุมรัก (ใครบางคน อิ อิ) - Fall in love

4. ฉันอยากเขียนหนังสือ (สักเล่มก็ยังดี ...อยากเป็นนักเขียน 555) - write a book

5. ฉัน (หรือใคร ๆ ก็) อยากมีความสุข (กันทั้งนั้นแหละคูณณณณ) - be happy



6 – 10 ขออุบไว้ก่อนละกัน อิ อิ …ต้องตามมาอ่าน (555)




posted by a_somjai on Wednesday, November 14, 2007 @ 11:53 AM

สำเนา / C.C ตีพิมพ์คู่ขนานไว้ที่
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=esanlanna&group=7
และที่ //deedeestory.blogspot.com/



ของฝากวันนี้
ระวังนะ....คุณกำลังถูกจับตามองอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง


SMILE! You're on Google camera
หยิบจาก RADAR FICTION เรื่อง SCROOGLED

"Google controls your e-mail, your videos, your calendar, your searches… What if it controlled your life?"

By Cory Doctorow




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2550 9:02:42 น.
Counter : 439 Pageviews.  

นิทานชาวบล็อก: ขออภัย….ฉันก็แค่บล็อกเกอร์มือสมัครเล่น…? (2/ต่อ)



นิทานต่อจาก บล็อกนี้


เล่าต่อ...

เมื่อหันกลับมามอง…ความเป็นจริงในส่วนของ “bloggers” แล้ว….

ในชีวิตจริง: “คุณอาจจะเป็นครูบาอาจารย์ผู้ชำนาญการด้านการสอนภาษาไทย - วรรณคดีไทย จนได้รับการยอมรับว่าคุณเป็นผู้มีฝีมือในระดับมืออาชีพ ”,

แต่ในโลกของชุมชนบล็อกเกอร์ “คุณอาจเป็นเพียงมือสมัครเล่น ในการเล่าเรื่องราวสื่อสารผ่านบล็อก…ในรูปลักษณ์ไดอารีบันทึกส่วนตัวของคุณเอง เมื่อประเมินจากคุณค่าของเนื้อหาที่คุณเขียนไว้อันพึงมีต่อผู้เข้ามาอ่านบล็อกของคุณ …และหากติดตามตรวจสอบการเข้าไปโพสต์ความคิดเห็นของคุณในบล็อกของคนอื่น ๆ แล้ว อาจพบว่ามีการให้แง่คิด ความรู้ ความเห็นน้อยมาก หรือ บางครั้งคุณได้แต่เข้าไปอ่านบล็อกคนอื่นที่เขาเขียนอะไรไว้มากมาย โดยไม่เคยโพสต์ข้อความอะไรทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย… “

ในชีวิตจริง: “คุณอาจเป็นมือสมัครเล่น ผู้มีความสามารถพื้น ๆ ในการขับร้องเพลงคาราโอเกะ หรือเล่นเครื่องดนตรีบางชิ้นได้ เพื่อให้ตัวเอง ให้คนในครอบครัวและให้ญาติมิตรชิดใกล้ พอฟังกันได้เท่านั้น”

ส่วนในโลกของบล็อกเกอร์แล้ว “คุณอาจเป็นเพียงคอลัมนิสต์ออนไลน์มือสมัครเล่น ที่เขียนบล็อกเพื่อความเพลิดเพลินนอกเวลางานก็จริงอยู่ แต่ทว่า....งานของคุณได้สื่อสารบนบล็อกได้ในระดับเดียวกับมืออาชีพ เพราะคุณสามารถนำเสนอเรื่องราว ข่าวสาร บทวิเคราะห์วิจารณ์ ผลงานศิลปะของศิลปินนักร้อง นักแต่งเพลงหรือบริษัทผลิตเพลง-ดนตรี ที่นำเสนอกันอยู่ในวงการโลกบันเทิง ….ได้ไม่ด้อยไปกว่า คอลัมนิสต์ด้านบันเทิงคดีตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร หรือแม้แต่นักวิชาการระดับครูบาอาจารย์ผู้อยู่ในวงการศึกษา การเรียน การสอนด้านนี้”


นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า :

….พวกเราท่านคนเล่นบล็อกบนโลกอินเตอร์เน็ต/ชุมชนคนออนไลน์ทั้งหลาย ….ก็จึงมีสถานะเป็นอยู่อย่างคลุม ๆ เครือ ๆ อยู่ระหว่าง “การเป็นมืออาชีพ กับ การเป็นมือสมัครเล่น” เฉกเช่นเดียวกับ ผู้คนในชุมชนมืออาชีพและมือสมัครเล่นในโลกแห่งชีวิตจริง นั้นแหละหนอ.

นิทานตอนนี้ จบลงแล้ว (ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ว่ากัน… แต่หากมีความเห็นอะไร ก็ลองเขียนคอมเมนต์…ลงไว้แลกเปลี่ยนกัน…ดูเด่ะ….ท้าทาย…แล้วละเอ้า!)”




เนื้อเรื่องในนิทานต้นฉบับ…ที่ถูกนำไปเล่าหลังบ้านบล็อก :

ข้อความถูกแบน หมายเลข ๑ : “…ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคุณบางคน เข้าไปเยี่ยมบล็อกของเพื่อน ๆ บล็อกเกอร์คนอื่น ๆ ตามที่อยู่ตามไซต์ต่าง ๆ มากมายหลายคนเป็นประจำ…..โดยเพียงแต่อ่านผ่าน ๆ ไม่เอาความ ไม่เอาเรื่อง ไม่เอาแก่นสารสาระที่เขาต้องการบอกต้องการสื่อสาร…แต่ประการใด

“และ ที่แย่ที่สุด (ในทัศนะของมืออาชีพ) คือกรณีศึกษาพฤติกรรมที่น่าสนใจในหมู่… บล็อกเกอร์ชาวไทยจำนวนมาก…ก็คือ.บล็อกเกอร์ชาวไทยส่วนหนึ่งขยัน เข้าไปเยี่ยมบ้านเพื่อนเก่าชาวบล็อกเกอร์ด้วยกัน หรือ บล็อกเกอร์หน้าใหม่ ๆ …เป็นประจำ…บางครั้งก็เข้า ๆ ออก ๆ พร้อมกับโพสต์อะไรเป็นร่องรอยไว้เพียงน้อยนิดหรือสั้น ๆ ….วันละหลาย ๆ เที่ยว เสียด้วย”


ข้อความถูกแบน หมายเลข ๒ : “…แต่คุณพระช่วย! ความจริงแล้ว …(หากรู้ความจริงนี้แล้ว…คุณจะหนาว)…. หล่อน หรือ เขา…เหล่านั้น ไม่เคยอ่านงานที่คุณเจ้าของบล็อกทุ่มเทแรงกายแรงใจและเวลาโพสต์สารที่ต้องการสื่อกับชาวโลก…คือไม่เคยอ่านทำความเข้าใจสิ่งที่คุณเขียนใส่ลงไปบนบล็อกของคุณเจ้าของบล็อกเลย …เขาและหล่อนจะมาเยี่ยมบ้านคุณเกือบทุกวัน…เขาและหล่อนหมั่นเพียรมาเยี่ยมบล็อกของคุณเป็นเวลาแรมเดือนแรมปี…แต่เขาเหล่านั้นไม่เคยอ่านข้อความของคุณอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลย….แม้สักบรรทัดเดียว”

ข้อความถูกแบน หมายเลข ๓ : “เออ…ถึงตรงนี้…ขอออกตัวไว้ก่อน …ว่าตามความเห็นส่วนตัวแล้ว….บางแง่มุมของฉัน…..a_somjai เอง…คิดว่า…การเล่นบล็อกแบบ ‘ขี่ม้าชมดอกไม้ ‘หรือ ‘จรเที่ยวเทียวไปเยี่ยวรดเสาประตูรั้วหน้าบ้านคนอื่น’ …ตามรายทางเรื่อยไป เช่นนี้ ….(ต้องชี้แจงก่อน….?)

“(ข้อความว่า 'การจรเที่ยวเทียวไปเยี่ยวรดเสาประตูรั้วหน้าบ้านคนอื่น’ นี้ไม่ได้หยาบอะนะ …เพียงแต่…สังเกตพฤติกรรมการท่องเที่ยวนอกบ้านของสุนัขตัวผู้…แล้วนำเอามาเขียนเป็นความเปรียบให้เห็นภาพเท่านั้นเองแหละ... เอ่อการปัสสาวะรดต้นไม้ รดยางรถยนต์ รดเสาไฟฟ้า หรือรดเสาประตูรั้วหน้าบ้านคนนี้ เป็นการแสดงอาณาเขตของสุนัขตัวผู้เมื่อต้องออกจากถิ่นที่อยู่ปกติของมันนั้นเองครับ) …คือแบบว่า….การเข้าไปเยี่ยม ๆ มอง ๆ การจัดบ้านช่องห้องหอของชาวบ้าน…ตามแบบวิถีวัฒนธรรมชาวบล็อกแบบไทย ๆ นั้น…มันก็…ทำให้เจ้าของบ้าน…และฝูงชนผู้มาเยี่ยมบ้าน (แบบว่า…พวกไทยมุง)…เกิดความอบอุ่นใจ…หายหว้าเหว่…ไป ได้ในระดับหนึ่งเหมือนกัน"


ข้อความถูกแบน หมายเลข ๔ :“อีกประการหนึ่ง แบบพฤติกรรม ‘จรเที่ยวเทียวไปเยี่ยวรดเสาประตูหน้าบ้าน…ตามรายทางดะเรื่อยไป’ ของชาวบล็อกเกอร์บางรายเช่นนี้ …ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรดอกคุณ….. มันก็มีเกิดขึ้นได้กับชาวบล็อกเกอร์ทั่วโลกนั้นแหละนะ…จะบอกให้ …เรื่องนี้มีนักศึกษาบล็อกวิทยา - blogologist เขาอธิบายว่า…เป็นอาการอย่างหนึ่งของ—คนเล่นบล็อก—ที่ “เสพย์ติดบล็อก – blog addicts” ขั้นรุนแรง, คือเป็นอาการเดียวกันกับ “คนเสพย์ติดเทคโนโลยี” …ตัวอย่างเช่น…ในยุครุ่นปู่รุ่นพ่อเรานั้น ปรากฏว่า คนเพิ่งขี่จักรยานสองล้อเป็นใหม่ ๆ จะติดการปั่นจักรยานเที่ยวไปเรื่อย บางครั้งไม่มีจุดหมาย, ในยุคต่อ ๆ มาก็เหมือนกัน คน..โดยเฉพาะวัยรุ่น---สิงห์มอร์เดอร์ไซต์…เมื่อมีรถจักรยานยนต์ขับขี่เองได้ ก็จะขับขี่ร่อนโฉบไปเรื่อย…ไม่มีจุดหมายปลายทางทีแน่นอน…และไม่ต้องมีธุระจำเป็นอะไรมารองรับ …แล้วแม้ในยุคสมัยนี้ พวกขับรถยนต์เป็นใหม่ ๆ หรือว่าพวกชอบขับรถไปเรื่อย ๆ ก็เหมือนกันแหละ… (จริงแมะ)

“…คอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยี…อินเตอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยี…เกมคอมพิวเตอร์/เกมออนไลน์ โทรศัพท์มือถือ ไอพอด ....และเวปบล็อก หรือบล็อก.....ล้วนแล้วแต่เป็น....'ไฮท์เทคโนโลยี' ที่เมื่อคนเราเล่นเป็น เล่นได้ แล้วก็ย่อมเกิดการเสพย์ติด ได้เช่นเดียวกัน …เมื่อคนเสพย์ติดไฮเทคโนโลยีแล้วย่อมแสดงพฤติกรรม…อาการเสพย์ติดออกมาไม่ต่างจากหรือมากเสียกว่า…อาการของคนเสพย์ติดโลว์เทคโนโลยี เสียอีก"




กลับไปร่ำลาคนฟังนิทาน..เล่าเรื่องต่อ...ที่หน้าบ้านบล็อก :

“เพื่อน ๆ ชาวบล็อกเกอร์ที่รัก…..คุณเคย… สังเกตเห็น… ตั้งคำถาม… กับตัวเองบ้างไหม? ว่า…บ่อยครั้ง จนเรียกได้ว่าซ้ำซาก… ที่คุณพบว่า…คุณหรือใคร ๆ ร่วมบ้านเดินไปเปิดโทรทัศน์แล้ว ดูรายการโดยไม่ได้มีความสนใจอะไรในสารที่เขาส่งออกอากาศมานั้นอย่างจริงจัง และหลายครั้งไม่เคยตอบได้ว่าเราเปิดดูหรือเปิดแล้วไม่ดูโทรทัศน์ทำไม?

“การที่ตัวคุณเองถูกลากจูง—ถูกดึงดูดให้ไปเปิดโทรทัศน์..นั่ง ยืน นอนดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์ได้โดยไม่ค่อยทราบสาเหตุฉันใด…การที่คุณเข้าไปนั่งต่อหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์…เหมือนเป็นไปโดยคุณปล่อยให้ตนเอง…ไม่อาจฝืนหรือไม่อยากขัดขืน….ยินยอมตามไปโดยสมัครใจ …ก็เป็นไปได้ด้วยเหตุผล ….”การเสพย์ติดเทคโนโลยี” ฉันนั้น.

“แล้วคุณก็เปิดเครื่องคอมพ์… เครื่องบู๊ตแล้วคุณก็เข้าสู่…อินเตอร์เน็ตเอกซ์โพลเร่อ… จากนั้นคุณรีบเข้าไปสู่…ชุมชนเวปไซต์ที่มีบ้านบล็อกของคุณอยู่….คราวนี้ล่ะอย่างไม่รอช้า คุณเที่ยวไปเยี่ยมบ้านบล็อกของเพื่อน ๆ ที่คุณต้องเข้าไปเป็นประจำ โดยไม่ทราบสาเหตุ (อิ อิ)…เพื่อไปสำรวจดูอย่างไร้จุดมุ่งหมายใด ๆ ว่าพวกเขาได้ เขียนอะไรลงบล็อกหน้าใหม่กันบ้างละยัง? …..คุณทำเช่นนี้อยู่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน….จนกระทั่ง…รายชื่อเพื่อนบล็อกเกอร์ในชุมชนสมมติของคุณหมดจากคลังข้อมูลญาติมิตรบนโลกออนไลน์”


สวัสดี.









ยังมีข้อความที่ไม่ถูกตัดออกจากนิทานเรื่องนี้ แต่ถูกคัดแยกนำเอาไปแต่งเป็นนิทานตอนใหม่ เล่าเกี่ยวกับ “บล็อกเกอร์มือสมัครเล่นส่วนมากจะใช้พื้นที่บล็อกประหนึ่งพื้นที่ส่วนตัวของฉัน…ทำเป็น....ห้องเอนกประสงค์ - Living room ในบ้านบล็อก… ...” (ซึ่งผู้แต่งชอบนิทานเรื่องนี้มาก อยากให้ญาติมิตรวิสิตเตอร์...แควน ๆ บล็อก…ได้ฟังกัน โปรดติดตามฟังนิทานชาวบล็อก…คราวหน้า...พลาดไม่ได้...บ๊าย บาย)

posted by a_somjai | May 19,2006 at 15: 43 PM.




Updated: 18 ตุลาคม 2549

US full of Internet addicts: study ที่ ews.yahoo.com
by Glenn Chapman
Tue Oct 17, 4:25 PM ET



SAN FRANCISCO (AFP) - The United States could be rife with Internet addicts as clinically ill as alcoholics, a study suggested

(........................)




updated 21th september 2008
เรื่องสถานการณ์ Technological Addictions ตามยุคสมัย อ่านเรื่องกรณีศึกษาตัวอย่าง "การติดโทรศํพท์มือถือ" ที่อังกฤษ อ้างจาก news.BBC.co.uk/ Friday, 19 September 2008 09:40 UK Could you live without a mobile? By Anthony Baxter


" ......

BBC Two Show Revealed... has carried out an experiment to see just how tough it is to go mobile phone cold turkey.

There are around 70 million mobile phone accounts in use in Britain.

We send more than 80 million messages everyday, so it's not that surprising to hear claims that as many as one in six of us are addicted to our phones.

Earlier this year, the Post Office published a report on a condition called Nomophobia - the fear of being without a mobile.

It said the phobia was a real, growing problem, affecting over 13 million people in the UK.

Then, in June, reports from Spain claimed two children had to go to hospital because they were addicted to their phones.

Professor Mark Griffiths is an addiction specialist from Nottingham Trent University.

He says while it is possible to be dependent on mobiles and the internet, actual cases are extremely rare.

He said: "I've spent nearly 20 years studying what I call technological addictions and the number of genuine people who are addicted to the internet or a mobile is very few and far between."

The psychologist says part of the problem is that often when people forget their phones, they initially feel addiction-like withdrawal symptoms.

"They feel irritated, moody, there's a void there, and unless you can actually start to fill that void, it is very difficult to cope."

However, Professor Griffiths says that in most cases, people overcome this void extremely quickly.

........"







 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 21 กันยายน 2551 8:59:10 น.
Counter : 709 Pageviews.  

1  2  3  

a_somjai
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add a_somjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.