|
ตำนานเมืองใหญ่ในล้านนา ฉบับบ้านเมือง (5)
การเทียบศักราชโบราณ (2) ลำดับเวลาในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่
ตอนที่ผ่านมา ได้เล่านิทานเรื่องของราชาในศากยวงศ์รุ่นปู่ทวดของสิทธัตถโพธิสัตต์ ตั้งแต่พระญาไชยเสนะกับพระญาเทวหสักกะจนถึงราหุลกุมาร
เรื่องลำดับราชวงศ์ของเจ้าชายสิทธัตถะนี้ เกี่ยวข้องกับเวลาในตำนาน ดังนี้
(๑) พระญาสีตนุราชะได้เป็นใหญ่ในเมืองใหญ่กบิลพัสดุแทนพระญาไชยเสนะ ขณะเดียวกันกับพระญาอัญชนะสักกะได้เป็นใหญ่ในเมืองใหญ่เทวหนครแทนพระญาเทวหสักกะ ส่วนกาลเทวิละผู้น้องออกบวชเป็นฤษีและคาดได้ว่าคงเป็นใหญ่ในหมู่ฤษีด้วยเช่นกัน
(๒) อันว่าศักราชนั้นหมายถึงปีของพระราชาผู้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลายและราชาผู้เป็นใหญ่กว่าท้าวพระญาทั้งหลายในเมืองทั้งหลาย คือกำหนดนับจำนวนปีที่พระมหากษัตริย์เสวยราชสมบัติในเมืองใหญ่และกลุ่มเมืองในเครือข่ายพระราชอำนาจ ราชาผู้เป็นใหญ่ระดับมหาจักรพรรดิก็จึงมักลบการนับเวลาแบบเดิมแล้วตั้งการนับเวลาขึ้นมานับหนึ่งใหม่ ตามปีที่พระองค์มีอำนาจปกครองอยู่นั้น แล้วยังแผ่อิทธิพลการบังคับใช้ศักราชใหม่ของตนไปตามเมืองทั้งปวงในพระราชอำนาจ รวมทั้งการนับกำหนดระบุเลขนับปีควบคลุมไปทุกด้าน
(๓) เมื่อไปเปิดดูในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่แล้ว โบราณาจารย์เล่าว่า กาลเทวิลรสี แลพระญาอัญชนะ กับพระญาสีหตนะ ตัดสกราชโบราณอันชือกิงนวสันต์นั้นเสีย แล้วตั้งสักราชใหม่ตัว ๑ ไป ศักราชโบราณเดิมชื่อ กิงนวสันตศักราช จะเป็น ศักราชสัปตฤกษ์ชื่อโลกกาล หรือว่าเป็น ศักราชกาลียุค ดังกล่าวถึงในตอนที่แล้ว หรือประการใด ผู้เขียนบทความนี้ขอยอมรับซื่อ ๆ ว่า ผู้ข้าบ่รู้ แท้ ๆครับ ส่วนศักราชใหม่ที่ตั้งขึ้นก็จะกลายเป็น สกราชโบราณ ตามท้องเรื่องลำดับต่อไป อัญชนะสกราช นี้ผู้อ่านตำนานเมืองใหญ่ในล้านนาจะต้องรู้จักไว้เป็นพื้นฐานก่อน เพื่อก้าวไปสู่ความเข้าใจพุทธศักราชและจุลศักราชที่ท่านผู้แต่งตำนานใช้กำกับลำดับเวลา
นักปราชญ์ท่านตั้งเทียบเวลาลำดับเหตุการณ์ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ไว้ดังนี้ครับ
(๑) สกราชตัวใหม่ (ก็คือที่ท่านเล่าว่า -- กาลเทวิลรสี แลพระญาอัญชนะ กับพระญาสีหตนะ ตัดสกราชโบราณอันชือกิงนวสันต์ นั้นเสีย แล้วตั้งสักราชใหม่ตัว ๑ ไป) ลำดับมาได้ ๖๗ ตัว พระเจ้าเรา (สิทธัตถโพธิสัตต์) ลงมาเอาปฏิสนธิ
(๒) สักราช ๖๘ ตัว พระ(พุทธ)เจ้าเกิด
(๓) สกราชได้ ๑๔๘ ตัว พระพุทธเจ้าเรานิพพาน เดือน ๘ เพง(เพ็ญ) วันอังคาร
(๔) เถิงเดือน ๑๒ เพง มหาอานันทเถรเจ้า(พระอานนท์)ได้เถิงอรหันตา
(๕) แล้วสังคายนาธัมม์เปนปฐมะ (ภายในคือฝ่ายสงฆ์)มีอรหันตา ๕๐๐ ตน มีมหากัสกัปปเถรเจ้าเปนประธาน ภายนอก(ฝ่ายฆราวาสหรือฝ่ายบ้านเมือง)มีอชาตสัตตู(เป็นประธาน)แล
(๖) ตัดอัญชนะสกราช ๑๔๘ ตัวนั้นเสีย ตั้งสกราชใหม่ตัว ๑ ไป (คือพุทธศักราช นับไปแต่ปีพระพุทธเจ้าปรินิพพาน และ/หรือพบอีกในบางแห่งของตำนานล้านนาว่านับภายหลังปีพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ๑ ปี หรือ ๒ ปี ก็มีอยู่ ดังที่พระยาประชากิจกรจักร์วินิจฉัย ตรวจสอบแล้วเห็นว่าการกำหนดพุทธกาลหรือตั้งพุทธศักราชไม่เกี่ยวกับทางคำนวณในวิธีโหราศาสตร์ และคงจะพึ่งลงแบบ เมื่อภายหลังการสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งที่ ๓ แล้วมา)
(๗) สกราชใหม่ลำดับมาได้ ๑๐๐ ปี เถิงเช่นพระญากาลาโสกแลมหายัสสเถรเจ้า มีอรหันตา ๗๐๐ ตน สังคายนาธัมม์เปนถ้วน ๒
(และจากปี พ.ศ. ๑๐๐ นั้น)ลำดับมาได้(อีก) ๑๑๘ ปี (๘) เถิงพระญาอโสกธัมมราชะแลมหาโมคคัลลีเถรเจ้ากับอรหันตาพัน(๑,๐๐๐)ตน กระทำสังคายนาเปนถ้วน ๓ สกราชได้ ๒๑๘ ตัว
(จากปี พ.ศ ๒๑๘ นั้น)ลำดับมาได้ ๒๐๐ ปี (๙) สกราชได้ ๔๑๘ ตัว นางจามเทวีเกิด (ตอนนี้ท้องเรื่องลำดับท้าวพระญาราชามหากษัทตริย์ตามลำดับเวลาก็ย้ายมาอยู่ในเมืองใหญ่ในเขตแค้วนล้านนาแล้ว)
ผู้เขียนขอฝากข้อสังเกตไว้ ณ ที่นี้ว่า ก.) เมื่อปราชญ์ล้านนาโบราณท่านบอกช่วงเวลาท่านใช้คำนามว่า ปี เช่น ลำดับมาได้ ๑๐๐ ปี ๑๑๘ ปี ๒๐๐ ปี เป็นต้น, หากเมื่อเป็นการบอกบ่งกำหนดเวลาท่านจะระบุปีแห่งพระราชาด้วยคำนามว่า ตัว, ดังว่า สกราชได้ ๖๗ ตัว ๖๘ ตัว ๑๔๘ ตัว เป็นต้น และ ข.) ทางการคำนวณปีย้อนหลังของปราชญ์ล้านนานั้น ท่านวินิจฉัยประกอบกับบริบทแวดล้อมของท้องเรื่อง ดังแบบแผนที่ยกการเล่าที่ผ่าน ๆ มา และที่จะได้เห็นกันดังต่อไปนี้
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่เล่าว่า นางจามเทวีเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๔๑๘ (๑๐) สกราชได้ ๔๕๖ ก่อเวียงละพูน (เมืองลำพูน)
(๑๑) สักราช ๔๕๘ ตัว นางจามเทวีลุก(เดินทาง)แต่เมืองละโว้ขึ้นมากินเมืองละพูน (ถึงตรงนี้ขอแทรกข้อสังเกตไว้อีกว่า นอกจากออกชื่อ เวียง/เมืองละพูน คือ เมืองหริภุญชัย แล้วตำนานยังเอ่ยชื่อ เมืองละโว้ อีกด้วย)
(๑๒) มหันตยสแลอินทวรยส(ลูกชายฝาแฝดของนางจามเทวี)ทังสองพี่น้องเกิดปีนั้น (สักราช ๔๕๘ ตัว)
(๑๓) จามเทวีกินเมืองละพูนได้ ๕๓ ปี อายุ(พระนาง) ๙๒ ปี (ตรงกับปีพุทธ)สักราชได้ ๕๕๐ (๑๔) มหันตยสกินเมืองแทนด้วยลำดับมา (จนกระทั่งถึงปีพุทธ)สักราชได้ ๕๖๐ ปี
(๑๕) ตัวพระญาพันธุมัตติธัมมิกราชะเมืองลังกาตัดสกราช ๕๖๐ นั้นเสีย แล้วตั้งสกราชใหม่ตัว ๑ ไป
ตอนนี้ท้องเรื่องตามลำดับเวลาอ้างพาดพิงไปถึงตำนานลังกาวังสะแล้วครับ แต่เราก็ได้ข้อสังเกตเพิ่มเข้ามาอีกว่า ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่บอกเราว่า ก.) ลูกนางจามเทวีคือพระญามหันตยสกินเมืองละพูนในยุคสมัยเดียวกับพระญาพันธุมัตติธัมมิกราชะเป็นใหญกว่าราชาแห่งเมืองทั้งหลายในลังกาทวีป โดยเทียบจากเกณฑ์ปี พ.ศ. ๕๖๐ ข.) มีการลบศักราชเก่าแล้วตั้งศักราชขึ้นมานับ ๑ กันใหม่อีกมหาปางสมัยแล้ว และดังนั้น ค.) เมื่อเพิ่มจำนวนนับปีช่วงสมัยพุทธกาลเข้าไปอีก ๕๖๐ ปี รวมกับเวลาต่อด้วยจำนวนนับปีตามพันธุมัตติสกราช ก็จึงจะได้เป็นปีพุทธศักราช ดังจะแสดงให้เห็นต่อไป
(๑๖) พันธุมัตติสกราช ลำดับมาได้ ๓๔๓ (ตัว) พระญาอาทิตย์เปนพระญากินเมืองหริภุญชัย (๑๗) (หลังจากพันธุมัตติสกราช ๓๔๓ ในรัชกาลพระญาอาทิตย์นั้น ต่อมาอีก)ได้ ๓ ปี ก่อเจติยะหลวงละพูน (ปีที่ก่อเจดีย์หลวงลำพูนนั้น ตรงกับพุทธ)สกราชได้ ๙๐๖ ตัว แต่พระ(พุทธ)เจ้านิพพานมาแล
ทางคำนวณของปราชญ์ผู้แต่งตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เป็นดังนี้ ก.) พ.ศ. ๙๐๓ (560 + 343 = 903) พระญาอาทิตย์ขึ้นกินเมืองละพูน ข.) พ.ศ. ๙๐๖ (560 + 343 + 3 = 906) ก่อพระเจดีย์หลวงละพูน
แล้วมหาปางใหญ่ของมหาจักรพรรดิราชะเจ้าผู้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย ได้ปราบดาภิเษกเป็นใหญ่ในเมืองใหญ่กว่าราชาทั้งหลายในเมืองทั้งหลาย ก็ได้เดินทางมาถึงอีกวาระหนึ่ง จึงจำต้องมีการลบศักราชเก่าแล้วตั้งศักราชขึ้นมานับ ๑ กันใหม่อีกมหาสมัย ดังตำนานว่า
(๑๘) ลำดับพันธุสกราชมา ๖๒๒ พระญาตรีจักชุอนุรุทธธัมมิราชะเปนใหญ่ในชัมพูทวีป(พุกาม) ตัดสกราช ๖๒๒ นั้นเสียในปีเปิกเส็ด (จอ) แล้วตั้งสกราชใหม่ตัว ๑ ไป ในปีกัดใค้ (กุน) วันนั้นแล.
เมื่อมีการตัดสกราชเก่าตั้งสกราชใหม่ เราก็ต้องเพิ่มจำนวนนับปีช่วงสมัยพุทธกาลเข้าไปอีก ๕๖๐ ปี รวมกับจำนวนปีตามพันธุมัตติสกราชอีก ๖๒๒ ปี ดังนี้ 560 + 622 = พ.ศ 1182
อนึ่ง พระยาประชากิจกรจักร์ได้วินิจฉัยเรื่องสำคัญนี้ไว้ในหนังสือพงศาวดารโยนก ตกไว้แก่คนรุ่นหลังว่า จุลศักราชซึ่งใช้มาจนในปัจจุบันนี้นั้นเป็น ศักราชโหรา ซึ่งตัดออกจาก ปีกาลียุค เมื่อล่วงได้ ๓๗๓๙ แล้ว (
) เรียกว่า นวตึสันติ ศักราชนี้ตั้งขึ้นในประเทศภุกาม (
ตรงกับ) เมื่อพระพุทธศาสนากาลล่วงได้ ๑๑๘๒ วัสสา แต่ลด ๑ ปีเป็นเกณฑ์กหัมปายา ๑๑๘๑ ไว้สำหรับลบบวกจุลศักราชกับพุทธกาล
(
) ศักราชที่ใช้ในประเทศคงมีที่มาอยู่ ๔ อย่าง คือ (๑) พุทธศักราชมากับพุทธศาสนา (๒) มหาศักราชหรือสักกะรูปกาลมากับพราหมณ์ไสยศาสตร์ จึงใช้เกณฑ์ ๖๒๑ สำหรับลบบวกพุทธศักราชกับมหาศักราช (๓) จุลศักราชมากับโหราศาสตร์มีเกณฑ์ ๕๖๐ สำหรับลบบวกกันกับมหาศักราช (๔) รัชศักราชต่าง ๆ อันพระราชาบัญญัติเช่น ร.ศ. และปีราชสมบัติ เช่นศักราชจีนเป็นต้น ถ้ารวมใจความก็เป็น ๓ ประเภท คือศักราชศาสนาหนึ่ง ศักราชโหราหนึ่ง ศักราชราชาหนึ่ง เท่านี้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ การเทียบศักราชในงานเขียนตำนานเมืองเหนือชุดนี้ เมื่ออ้างอิงถึงกาลเวลาจากจุลศักราชกลับไปสู่พุทธศักราชที่คนไทยใช้คุ้นเคยกันอยู่ ผู้เขียนจึงขอใช้ตัวเลข ๑๑๘๑ ลบบวกครับ.
(ยกตัวอย่างเช่น ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นี้ คิดกลับไปเป็นปี จ.ศ ได้ด้วยการตั้งโจทย์ 2549-1181 จะได้เท่ากับ ปี จ.ศ. ๑๓๖๘, ในทำนองเดียวกัน ปี จ.ศ. ๑๓๖๘ คำนวนกลับไปด้วยการตั้งโจทย์ 1368+1181 จะได้เท่ากับปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ดังนี้แล)
*อ้างอิง: ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ผูก 1 หน้า 5, และพงศาวดารโยนก หน้า 112114*
**posted by a_somjai | 2006-09-11 | ตำนาน, เมือง, เหนือ, ล้านนา, ศักราช, จุลศักราช, พุทธศักราช, มหาศักราช, โหราศักราช, รัชศักราช**
Create Date : 11 กันยายน 2549 |
Last Update : 11 กันยายน 2549 22:39:45 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1230 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 11 กันยายน 2549 เวลา:8:04:48 น. |
|
|
|
โดย: ยาจกวิ้งๆ IP: 203.149.16.42 วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:19:21:05 น. |
|
|
|
| |
|
|