|
ภาษาญี่ปุ่นค่ะ ลองคลิกเข้ามาดูกันนะคะ เม้นด้วยก้อดีค่ะ
เรียนภาษาญี่ปุ่นแบบง่าย ๆ
บทที่ 1 รูป ... wa
desu รูปแบบนี้ก็มีความหมายว่า ... คือ เป็นประโยคบอกเล่าค่ะ รูปแบบประโยคพื้นฐานในภาษาญี่ปุ่นเป็นยังงี้ค่ะ ประธาน --> กรรม --> กริยา ไม่เหมือนของไทย ถ้าจะแยกรูปประโยคข้างต้นออกมาก็เป็นยังงี้ค่ะ wa คำว่า wa นี่เป็นคำขยายประธานค่ะ เป็นการชี้ว่า ประธานของประโยคคืออะไร ตำแหน่งของคำๆนี้จะอยู่ข้างหลังของประธานเสมอค่ะ
Desu เป็นคำกริยา อยู่ท้ายสุดของประโยคเสมอค่ะ คำว่า desu หมายความว่า เป็น อยู่ คือ เหมือน verb to be ในภาษาอังกฤษ
การนำไปใช้ก็เป็นยังงี้ค่ะ แต่ก่อนอื่นมาทบทวนเรื่องคำศัพท์กันก่อนนะ これ = kore = นี่ それ = sore = นั่น あれ = are = โน้น の = no = ของ (แสดงความเป็นเจ้าของ) 私 = わたし = watashi = ผม ฉัน 新しい = あたらしい = atarashii = ใหม่ (คุณศัพท์) 本 = ほん = hon = หนังสือ もの = mono = ของ かばん = kaban = กระเป๋า
สมมุติเราจะบอกว่า นี่คือหนังสือ ก็ยังงี้ค่ะ これは本です。 Kore wa hon desu. นี่ + wa + หนังสือ + คือ = นี่คือหนังสือ จากประโยคนี้จะเห็นว่า คำว่า kore (นี่) เป็นประธาน เพราะมี wa ตามท้ายนะค่ะ Hon เป็นกรรมค่ะ
私はテントです。 Watashi wa tento desu. ผม + wa + เต้นท์ + คือ = ผมคือเต้นท์ , ผมชื่อเต้นท์
これは新しいの(もの)です。 Kore wa atarashii no (mono) desu. นี่ + wa +ใหม่ + ของ (แสดงความเป็นเจ้าของ)+ (ของ) + คือ = นี่คือของใหม่
それは私のかばんです。 Sore wa watashi no kaban desu. นั่น + wa + ผม + ของ (แสดงความเป็นเจ้าของ) + กระเป๋า + คือ = นั่นคือกระเป๋าของผม
สำหรับคำว่า の no นี่อยากฝากเป็นพิเศษถึงเรื่องตำแหน่งในการวางค่ะ คือ สมมุติว่าจะบอกว่า กระเป๋าของผม ในภาษาญี่ปุ่นบอกยังงี้ค่ะ Watashi no kaban ผม + ของ + กระเป๋า ไม่ใช่ Kaban no watashi นะครับ อันนี้ผิดค่ะ ในบางคำ เมื่อวางตำแหน่ง no สลับกันก็ยังมีความหมาย เช่น Sensei no nihongo = ภาษาญี่ปุ่นของอาจารย์ เช่นเวลาจะบอกว่า อาจารย์เก่งภาษาญี่ปุ่นยังงี้น่ะค่ะ กับ Nihongo no sensei = อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่น ยังงี้น่ะค่ะ * nihongo = ภาษาญี่ปุ่น
คำกริยา คำกิริยาที่ควรรู้ Imasu = มี (สิ่งมีชีวิต) มี (สิ่งของ) aru Desu = เป็น , อยู่ , คือ คล้ายกับ Verb to be ในภาษาอังกฤษ แต่ จะอยู่ท้ายสุดของประโยคเสมอ Wasuremasu = ลืม wasureru Ikimasu = ไป iku Tabemasu = กิน taberu Mimasu = ดู , มอง miru Hanashimasu = พูด hanasu Iimasu = พูด , บอก iu Aimasu = พบ au Shimasu = ทำ suru Benkyo shimasu = เรียน benkyo suru Utaimasu = ร้องเพลง utau Kaimasu = ซื้อ kau Kaerimasu = กลับบ้าน kaeru Kakimasu = เขียน kaku Wakarimasu = เข้าใจ wakaru Nomimasu = ดื่ม nomu Machimasu = รอ matsu Yomimasu = อ่าน yomu Kikimasu = ฟัง kaku Hatarakimasu = ทำงาน hataraku Hajimarimasu = เริ่มต้น hajimaru Owarimasu = เลิก owaru Arukimasu = เดิน aruku Kaburimasu = สวมหมวก kaburu Nakimasu = ร้องไห้ naku Naraimasu = เรียน narau Tachimasu = ยืน tatsu Shinimasu = ตาย shinu Suwarimasu = นั่ง suwaru Demasu = ออก deru Oshierimasu = สอน oshieru Okimasu = ตื่น okiru Nemasu = นอน neru Tomemasu = จอด tomeru Oboemasu = จำ oboeru Ai shimasu = รัก ai suru Ryokou shimasu = เที่ยว ryokou suru
กิริยาที่ได้สอนไปบ้างแล้วนั้นอยู่ในรูปสุภาพนะค่ะ masu (ด้านซ้าย) ส่วนด้านขวาคือรูปธรรมดาค่ะ ภาษาญี่ปุ่นนั้นก็มีทั้งรูปสุภาพและไม่สุภาพค่ะเหมือนบ้านเรานี่แหละแต่ของเขาจะใช้ยากกว่าเราค่ะ ทำเอาสับสนได้ง่ายๆเลยล่ะค่ะ เช่น คำว่า tabemasu ที่แปลว่ากิน และ อยู่ในรูปสุภาพ จะเปลี่ยนเป็น รูปธรรมดาคือคำว่า taberu ค่ะ เป็นการผันกิริยาชนิดหนึ่งในหลายชนิด ซึ่งการผันกิริยาบางชนิดยากมาก ทำเอาเราสับสนเลยค่ะ เพราะมันขึ้นอยู่กับเวลา ผู้ฟัง ความรู้สึก การคาดคะเน ผู้ฟังรู้หรือไม่รู้ ความสะดวก จะเห็นว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการพูดมาก ทำให้คำๆเดียวผันได้เป็นสิบๆแบบ สำหรับการทำคำกิริยาให้เป็นรูปปฏิเสธ ถ้ากิริยานั้นอยู่ในรูปสุภาพ ให้เปลี่ยน masu เป็น masen ถ้าเป็นรูปธรรมดาให้เติม anai หรือ nai ไว้ท้ายกิริยานั้น เช่น tabemasen หรือ tabenai (กิริยากลุ่มที่2) -raremasu , (กิริยากลุ่มที่1) -aremasu ถ้าต่อท้ายคำกิริยา จะแสดงว่าทำสิ่งนั้นได้ค่ะ แต่ก็มีอีกความหมายคือถูกกระทำค่ะ อย่างเช่น taberu แปลว่ากิน taberaremasen จะแปลว่ากินไม่ได้ค่ะ (กิริยากลุ่มที่2) -sasemasu , (กิริยากลุ่มที่1) -asemasu ถ้าต่อท้ายคำกิริยา จะแสดงความอนุญาติให้ทำสิ่งนั้นได้ค่ะ
การแสดงความต้องการที่จะกระทำสิ่งนั้นๆ ทำได้โดยเติม (กิริยากลุ่มที่ 2) -tai , (กิริยากลุ่มที่ 1) itai ค่ะ การแสดงออกว่าจะกระทำสิ่งนั้นๆ ทำได้โดย (กิริยากลุ่มที่ 1) เปลี่ยนเสียง u เป็น oo (กิริยากลุ่มที่ 2 ) ตัด ru แล้วเติม yoo ค่ะ
การผันรูปกิริยาธรรมดาให้เป็นรูปสุภาพทำได้โดย
กิริยากลุ่มที่1 กิริยาธรรมดาจะลงท้ายด้วยเสียง u กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง u ในทุกกรณี ให้เปลี่ยนเสียง u เป็นเสียง iแล้วเติม masu เป็นรูปสุภาพ ในรูปปฏิเสธแบบสุภาพจะเป็น masen และแบบธรรมดาจะเป็น -anai
กิริยากลุ่มที่2 กริยาที่ลงท้ายด้วย ru เพียงตัวเดียว และหน้า ru ต้องเป็นเสียง i หรือ e เท่านั้น ยกเว้น ikimasu ที่แปลว่า ไป ถือเป็นกริยากลุ่มหนึ่ง การเปลี่ยนรูป ให้ตัด ru ออกก่อน แล้วจึงเติม masu ลงไป ในรูปปฏิเสธแบบสุภาพจะเป็น masen และแบบธรรมดาจะเป็น -nai
กริยากลุ่มที่ 3 คือ กริยาที่ลงท้ายด้วย suru เท่านั้น ยกเว้น kuru = kimasu = มา ซึ่งอยู่ในกลุ่มสามนี้เอง การเปลี่ยนจากรูปพจนานุกรมให้เป็นรูปสุภาพ โดย ตัด suru ออก แล้วเติม shimasu แทน
คงพอเข้าใจนะค่ะ ไปบทต่อไปกันเลย ในกลุ่มนี้เวลาผันจะเปลี่ยนรูปแบบคำว่า suru โดยทำเหมือนกิริยากลุ่มที่ 1 ค่ะ
คำเลียนเสียงธรรมชาติ เนื่องจากเป็นคำที่คนญี่ปุ่นใช้กันมากในชีวิตประจำวัน เพราะจะช่วยประหยัดคำพูด ไม่ต้องอธิบายมากก็เข้าใจได้ จึงเป็นสิ่งที่คนที่คิดจะศึกษาภาษาญี่ปุ่นควรศึกษาไว้
Atsu atsu (あつあつ) ใช้ในความหมายต่อไปนี้ 1. กล่าวถึงสภาพที่ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าร้อน เช่น あつあつのコーヒーって、おいしいですね。 atsu atsu no koohiite oishii desu ne. กาแฟที่ชงร้อนๆอร่อยนะคะ
2. ใช้กล่าวถึงชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือ กล่าวถึงความรักที่มีต่อกันอย่างดูดดื่ม あの二人はあつあつだ。 Ano futari wa atsu atsu da. ทั้งสองคนรักกันอย่างดูดดื่ม
อะทซึ อะทซึ あつあつ Atsu atsu ความร้อน เป็นคำนามมาจาก คำคุณศัพท์ อะทซึอิ あつい atsui ร้อน โดยที่จะใช้กล่าวถึงความร้อนของสิ่งของประเภทต่างๆ เช่น กาแฟ อาหาร และความเร่าร้อนแห่งความรักของมนุษย์ที่มีต่อกัน
Romanji ก่อนจะเริ่มขอให้ทำความเข้าใจกับตัวอักษรที่ชื่อว่า Romanji ก่อนนะคะ เป็นภาษาญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงมาจากภาษาอังกฤษครับ วิธีอ่านก็ง่ายๆค่ะ คือ A = อะ I = อิ U = อึ,อุ E = เอะ O = โอะ Ka = คะ Ki = คิ Ku = คึ,คุ Ke = เคะ Ko = โคะ
อ่านตามตัวเลยครับแต่มีบางตัวพิเศษคือ วรรค y ที่นอกจากจะมีแค่ 3ตัวคือ ya yu yo แล้วยังใช้ผสมคำได้ด้วยเช่น Kyo = เคียว きょう เวลาเขียนจะเขียนเป็นตัวเล็กคค่ะ แล้วก็ตัว อึ้น ん ค่ะเป็นตัวสะกดเพียงตัวเดียวในภาษาญี่ปุ่นก็ว่าได้ค่ะว่าเวลาออกเสียง จะออกได้ 3แบบค่ะคือ เป็น แม่กน , กม , กง ค่ะ แล้วแต่กรณี ทดลองอ่านดูนะคะ Kaze = คะเซะ Kase = คะเสะ Namae = นะมะเอะ Enpitsu = เองพิทสึ
Create Date : 29 เมษายน 2550 |
Last Update : 29 เมษายน 2550 13:57:57 น. |
|
12 comments
|
Counter : 4436 Pageviews. |
|
|
|
โดย: shin chan IP: 41.204.46.168 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:17:24:26 น. |
|
|
|
โดย: mungkood IP: 222.123.1.189 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:19:18:38 น. |
|
|
|
โดย: เจี๊ยบจัง IP: 222.5.89.242 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:19:39:30 น. |
|
|
|
โดย: Blitzer IP: 203.156.21.97 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:13:25:59 น. |
|
|
|
โดย: panad วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:35:05 น. |
|
|
|
โดย: teecom วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:15:47 น. |
|
|
|
โดย: สาเองนะ 3/12 จ.เจริญ IP: 125.27.23.151 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:05:39 น. |
|
|
|
โดย: Inu (srikoson ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:21:30 น. |
|
|
|
โดย: godesa IP: 203.113.56.11 วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:22:38:31 น. |
|
|
|
โดย: ^_^อมยิ้ม^_^ IP: 1.46.86.158 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:27:31 น. |
|
|
|
โดย: คุณ โตน วันที่: 11 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:11:42 น. |
|
|
|
| |
|
|