Title : Faithfully Artist : Journey Cover Artist : Boyce Avenue
Highway run into the midnight sun Wheels go round and round You're on my mind Restless hearts sleep alone tonight Sending all my love along the wire
They say that the road ain't no place to start a family Right down the line it's been you and me And loving a music man ain't always what it's supposed to be
Oh..Girl you stand by me I'm forever yours faithfully
Circus life under the big top world We all need the clowns to make us smile Through space and time Always another show Wondering where I am lost without you
And being apart ain't easy on this love affair Two strangers learn to fall in love again I get the joy of rediscovering you
Oh girl you stand by me I'm forever yours faithfully Oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh faithfully I'm still yours I'm forever yours Ever yours faithfully
เนื้อหาก็เป็นการบอกเล่าถึงความรักของนักดนตรี ที่ด้วยความจำเป็นทางอาชีพการงาน ทำให้ต้องห่างกับคนรักอยู่บ่อยครั้ง ในท่อนแรกของเพลง เราจะเห็นเนื้อเพลงว่า Sending all my love along the wire คำว่า wire นี้ แปลตามตัวก็คือ สายไฟ ซึ่งการใช้คำนี้ถือว่าเก๋มาก เพราะมันเป็นคำกลางๆ ที่ใช้ได้ในทุกยุคสมัยเลย (อย่าลืมว่าเพลงนี้มีอายุก็เกือบๆ 30 ปีแล้วเน่อ) แปลโดยรวมแล้วก็คือ แม้จะบอกรักหรือแสดงความรักให้แก่กัน ก็ต้องทำผ่านสายไฟ ก็คือสายโทรศัพท์นั่นเองครับ จะว่าไปนวัตกรรมของมนุษย์นี่มันก็เชื่อมโยงคนถึงกันได้จริงๆเน่อ ถ้าสมัยนี้คงต้องส่งผ่านอินเตอร์เน็ต...อ้อ ลืมไป ยุคนี้มัน wireless แล้วนี่หว่า...แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็ถือว่าเป็นการส่งความรักผ่าน "คลื่นสัญญาณ" ก็แล้วกัน...พอกล้อมแกล้มได้อยู่นะ ^^"
ท่อนต่อมา ตัวผู้ร้องก็จะบอกว่าเฮ้ย...ใครต่อใครเค้าก็เตือนนะว่าจะไปหลงรักนักดนตรีน่ะอย่าเลย ไอ้พวกนี้มันเอาแน่นอนได้ที่ไหน (คล้ายกับบ้านเราก็จะมีประโยคเก่าๆว่า รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ อย่าเอามาทำผัวเลยเหอะ) ซึ่งตัวผู้ร้อง (นักดนตรี) ก็จะแย้งว่า ถึงใครๆจะพูดแบบนั้น แต่ตลอดทางรักที่ผ่านมา เราก็มีกันและกันตลอดนะ ตรงท่อน Right down the line it's been you and me ตรงนี้คำว่า Right down มีความหมายว่า all along หรือโดยรวม, โดยตลอด ส่วนคำว่า line ในเพลงนี้อาจแปลได้หลายความหมายครับ ถ้าจะดูจากบริบทที่ผ่านมา ผู้แต่งจะเปรียบเทียบชีวิตเป็นถนนเส้นหนึ่ง เพราะงั้นในประโยคนี้ line ก็น่าจะแปลว่า ถนน แต่พอดีว่าตัวเพลงนี้เกี่ยวกับ "นักดนตรี" ซึ่งคำว่า line นี้ ถ้าใช้ในความหมายของพวกเพลง หรือดนตรีแล้ว สามารถหมายถึง "เนื้อร้อง" (หรือทำนอง-ที่ร้อยเรียงกันเป็นเส้นออกมาเป็นเพลง) ได้ด้วยครับ เพราะงั้นประโยคนี้ก็อาจจะตีความลึกไปอีกว่า ตลอดมาน่ะเพลงที่ฉันแต่ง มันคือเรื่องของเธอกับฉันทั้งนั้นเลยล่ะ
และแม้ใครจะว่าอย่างไร เธอก็ยืนอยู่ข้างฉัน ให้กำลังใจฉันมาตลอด stand by me ถ้าใครฟังเพลงต่างประเทศเยอะหน่อยก็อาจจะได้ยินในเพลงฮิตๆเก่าๆมากมาย stand by me ก็แปลตามตัวครับ คือยืนอยู่ข้างๆ ก็เคียงข้างกันนั่นแล และท่อนนี้จะจบด้วยประโยคซึ้งๆที่ใช้เป็นชื่อเพลงด้วยก็คือ Faithfully
คำนี้เราน่าจะเคยเห็นเป็นคำลงท้ายจดหมายนะครับ ซึ่งคำลงท้ายจดหมายในภาษาอังกฤษก็มีหลายคำ ที่ใช้กันบ่อยๆก็เช่น Best Regard, Sincerely, Best wishes จริงๆก็พอจะใช้แทนกันได้ แต่ถ้าเคร่งมากหน่อยก็ต้องบอกว่า Faithfully นี่มักจะใช้กับคนที่ไม่สนิท หรือไม่ได้เจาะจงว่าส่งถึงใคร (เช่นจดหมายที่ขึ้นต้นว่า ถึงผู้เกี่ยวข้อง เป็นต้น) สังเกตนะครับว่าผู้แต่งเพลงเลือกที่จะใช้คำนี้ เพื่อแสดงความไม่สนิทสนม (ทั้งๆที่ส่งถึงคนรัก) เหตุผลคืออะไรเดี๋ยวจะได้ทราบกันในเนื้อท่อนหลังๆครับ
นอกจากนี้แล้ว นักดนตรีหรือนักแสดงนี่ก็มีแฟนๆอยู่ทั่วไปหมด และยิ่งอยู่ห่างไกลกับคนรักด้วย เพราะงั้นมันก็ช่างง่ายดายเหลือเกินที่จะหลงแสงสี หลงชื่อเสียง และปันใจให้คนอื่นได้ (รวมถึงตัวของคนรักเอง ที่อาจสู้รบกับความเหงาไม่ไหว เผลอไปมีใครใกล้ๆตัวอีกเช่นกัน) And being apart ain't easy on this love affair คำว่า ain't ถูกนำมาใช้อีกแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงสงสัย(เหมือนผมเมิ่อก่อน 55) แน่ๆว่ามันแปลว่าอะไร ตอบสั้นๆ มันคือคำเรียกรวมที่ใช้แทน is not, am not, are not, have not, do not, ฯลฯ ไม่ต้องไปแปลตรงๆหรอกครับ เอาเป็นว่ามันมีความหมายในเชิงปฏิเสธก็พอ และจำไว้ด้วยนะครับว่ามันไม่ใช่คำที่เป็นทางการ ใช้พูดใช้คุยกันได้ แต่อย่าไปใช้ในจดหมายทางการเน่อ