• ธรรมะประจำวัน
• เส้นทางสายพุทธะ [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• บุคคลสำคัญกับพุทธศาสนา
• ท่องสวรรค์ [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• ทางพ้นทุกข์ [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• ถึงตายก็ไม่โกรธ [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• อริยสัจ ๔ [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• หลวงวัดปากน้ำ และวัดปากน้ำ
• สุขภาพนักสร้างบุญบารมี [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• ห้องใจสบาย
• ฌาน [ซีรี่ย์ธรรมะ]
• คลังกระทู้เก่า

ในโลกนี้นุ่นนับว่าเบาอยู่แล้ว แต่คนเหลาะแหละเบากว่านุ่นอีก พม.สมปอง มุทิโต ตูลํ สลฺลหุกํ โลเก ตโต จาปลฺลชาติโก ตโต วุฑฺฒมโนวาโท ปมตฺโต พุทฺธสาสเน. ในโลกนี้นุ่นนับว่าเบาอยู่แล้ว แต่คนเหลาะแหละเบากว่านุ่นอีก ผู้มิได้รับโอวาทจากผู้เจริญ ( มีมารดาบิดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ) เบา กว่านั้นอีก ผู้ประมาทในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ายิ่งเบากว่านั้นไปอีก ปุยนุ่นเบาชั่งเพี้ยน ทำเนา นะพ่อ คนที่เบาความเบา กว่านั้น หนักหินมั่นคงเขา ควรนับ หนักนา ไป่เท่าหนักแน่กลั้น อดถ้อยทรชน ๑ สิ่งที่เบาบาง ย่อมล่องลอยไปได้ง่าย ไม่หนักแน่น บังคับไม่อยู่ นุ่นหรือสำลีนับว่าเป็นวัตถุที่เบาที่สุดที่มองเห็นด้วยตา คนเหลาะแหละเหลวไหล จิตใจไม่มั่นคงไม่เป็นตัวของตัวเองใครว่า อย่างไรก็เอาตาม ไม่หนักแน่นในเหตุผล ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ทำอะไรไม่ เป็นชิ้นเป็นอันนับว่าเบากว่านุ่น คนที่ไม่ได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากผู้รู้ จากมารดาบิดา ครูอาจารย์ ไม่ตระหนักในกิจที่ควรทำและไม่ควรทำ เอาแต่ความคิดของตนเป็นใหญ่ นับว่าเบากว่านั้นอีก ผู้สบประมาทในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าไม่มีเหตุ ไม่มีผล ไม่เชื่อในหลักความดีความชั่ว มีความเห็นผิด นับว่าเบายิ่งกว่า นั้นหลายเท่า   Create Date : 16 ตุลาคม 2551     Last Update : 16 ตุลาคม 2551 0:17:14 น. Counter : 543 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เครื่องหมายของคนชั่ว ยิ่งในยุคที่กำลังเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ก็ย่อมจะมีทั้งคุณและมีทั้งโทษ โดยเฉพาะในด้านจิตใจของมนุษย์ในยุคนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสิ่ง แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยก็ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลอย่างมาก เมื่อมนุษย์ถูกอิทธิพลภายนอกครอบงำเท่าไร อิทธิพลภายในก็หมดไปมากขึ้น เท่านั้น ความเจริญภายนอกมีมากขึ้นเท่าไร ความเจริญภายในก็มีน้อยลงเท่านั้น ที่ว่าอิทธิพลภายนอกมีมากขึ้น คือยุคนี้วัตถุเจริญมากมนุษย์เราสามารถที่จะเดิน ทางไปสู่โลกอื่นได้แล้ว เมื่อวัตถุเจริญมากขึ้นเท่าไร คนที่นิยมในวัตถุมากขึ้นเท่านั้น เมื่อนิยมวัตถุมาก จิตใจซึ่งเป็นนามธรรมก็หมดความสำคัญไปมาก เหตุผลที่เราจะพิสูจน์นี้ไม่ยากอะไร คือให้สังเกตุดูว่ายุคนี้คนทำความชั่วเพื่อให้ได้ มาซึ่งวัตถุภายนอกมีเป็นอันมาก คนที่ตกเป็นทาสของ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส จึงประกอบความชั่วได้ง่าย โดยไม่มีความละอาย ขอแต่เพียงอย่างเดียวว่าให้ฉันมีความ เป็นอยู่อย่างสุขสบายก็แล้วกัน ความละอายต่อบาป ความเกรงกลัวต่อบาปไม่ต้องพูดถึง ขอให้ฉันได้มาก็แล้วกัน นี่แหละที่เรียกว่า ทำชั่วลงไปเพราะถูกอิทธิพลภายนอกมาครอบงำ อิทธิพล ภายในคือธรรมะที่หักห้ามใจมิให้คิดชั่วก็เลยหมดอำนาจ เมื่อธรรมะหมดอำนาจไปจาก ใจคนเท่านั้น คนเราทุกคนก็ประกอบกรรมชั่วได้อย่างสบายหมดความละอาย หมดความ เกรงกลัวต่อผลแห่งการกระทำนั้น   Create Date : 16 ตุลาคม 2551     Last Update : 16 ตุลาคม 2551 0:15:43 น. Counter : 309 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ธรรมที่อาศัยความทะยานอยากเป็นมูลมี ๙ ๑. เพราะความทะยานอยาก จึงมีการแสวงหา ๒. เพราะอาศัยการแสวงหา จึงมีลาภ ๓. เพราะอาศัยการมีลาภ จึงมีการวินิจฉัย ๔. เพราะการวินิจฉัย จึงมีความกำหนัด ๕. เพราะอาศัยความกำหนัด จึงมีการฝังใจ ๖. เพราะอาศัยการฝังใจ จึงมีการหวงแหน ๗. เพราะอาศัยการหวงแหน จึงมีความตระหนี่ ๘. เพราะอาศัยความตระหนี่ จึงมีการอารักขา ๙. เพราะมีการอารักขา จึงมีการจับท่อนไม้ การจับศาสตรา การทะเลาะ การแตกแยก การกล่าวขัดแย้ง การชี้หน้ากัน การพูดปด และธรรมที่เป็นบาป อกุศลอีกเป็นอันมาก ( อภิธรรมปิฏก ๓๕ / ๕๓๗ )   Create Date : 16 ตุลาคม 2551     Last Update : 16 ตุลาคม 2551 0:14:19 น. Counter : 461 Pageviews.   0 comment Share Tweet

การกล่าววาจาสุภาษิต วาจา คือเสียงหรือคำพูดทุกอย่างที่ออกมาจากปาก จะมีเจตนาหรือ ไม่ก็ตามสามารถกระทบกับหูของคนอื่นให้รู้ได้ เป็นคำที่พูดแล้วดี ประกอบ ด้วยอรรถด้วยธรรม สุภาษิตวาจา คือคำที่เว้นจากวจีทุจริต ๔ คือ พูดปด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด และพูดเพ้อเจ้อ หรือคำพูดที่ประกอบด้วยองค์ ๕ ที่วิญญูชน ทั้งหลายติเตียนไม่ได้ วาจาสุภาษิต ๕ อย่าง ๑. กล่าวตามกาล พูดในเวลาที่เหมาะสม ๒. กล่าวตามคำจริง (คำสัตย์) ๓. กล่าวคำไพเราะอ่อนหวาน คำที่น่ารัก ๔. กล่าวคำพูดที่มีประโยชน์ ประกอบด้วยสาระ ๕. กล่าวคำพูดด้วยเมตตาจิต สุภาษิตวาจาในองค์ ๕ นี้ จะเป็นมงคลต้องทำรวมทุกข้อ ขาดองค์ข้อ ใดข้อหนึ่งไม่ได้ ผู้ที่มีอัธยาศัยอยู่ในภูมิธรรมพื้นฐานธรรมดาควรทำอย่างยิ่ง นอกจากนี้ วาจาสุภาษิตยังมีองค์ ๔ ซึ่งก็ถือว่าเป็นมงคลเหมือนกัน ที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ในสุภาษิตสูตร ตติยวรรคสุตตนิบาตในอีกรูปแบบหนึ่ง (แยกเป็นมงคลได้ในแต่ละข้อ) เหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิธรรมชั้นสูง เป็นพระอเสข บุคคล วาจาสุภาษิต ๔ อย่าง ๑. กล่าวคำสุภาษิต ไม่กล่าวคำทุพภาษิต ๒. กล่าวคำที่เป็นธรรม ไม่กล่าวคำที่ไม่เป็นธรรม ๓. กล่าวคำที่น่ารัก ไม่กล่าวคำที่ไม่น่ารัก ๔. กล่าวคำจริง ไม่กล่าวคำไม่จริง เรื่องภิกษุ ๖๐ รูป ภิกษุ ๖๐ รูป เดินผ่านเด็กหญิงที่เฝ้าต้นกล้าอยู่ข้างทาง กำลังร้อง เพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติ ชรา พยาธิ และมรณะ ทำให้ภิกษุทั้งหลาย เมื่อได้ยินเสียง เกิดปัญญาพิจารณาความไม่เที่ยงมีการเกิดดับ จนบรรลุ อรหันต์ เรื่องโคนันทิวิศาล เมื่อเจ้าของโคพูดจาหยาบคายบอกให้โคนันทวิศาลเดินลากเกวียน ๑๐๐ เล่ม เพื่อเอาชนะเดิมพัน โคเมื่อได้ฟังคำนั้นแล้วก็ไม่เดิน ทำให้เจ้าของ ต้องแพ้พนัน ต่อมาแข่งพนันครั้งใหม่ให้โคลากเกวียนอีก เจ้าของพูดจา ไพเราะบอกให้โคเดินลากเกวียนโคจึงเดินลากเกวียน จึงทำให้ชนะเดิมพัน ความเป็นมงคลของวาจาสุภาษิต เพราะนำมาซึ่งโลกียสุขและโลกุตร สุข เช่น ทำให้ได้ลาภมาก ทำให้พ้นภัยต่างๆ เป็นเหตุได้บรรลุมรรคผล เป็นต้น โทษของการมีวาจาทุพภาษิต ทำให้ตัดประโยชน์ตนและประโยชน์ ผู้อื่น เช่น ถูกติเตียน ได้รับเภทภัย มีอบายภูมิเป็นที่ไป เป็นต้น หากเกิดมา เป็นมนุษย์ต้องรับทุกข์เพราะกรรมเลวที่ตนได้ทำไว้   Create Date : 15 ตุลาคม 2551     Last Update : 15 ตุลาคม 2551 23:59:56 น. Counter : 816 Pageviews.   0 comment Share Tweet

หญิงใดปรารถนาเกิดเป็นชายต่อกันทุกชาติ หญิงนั้นควรเคารพปฏิบัติสามี เหมือนนางฟ้าปฏิบัติต่อองค์อินทร์ ยา อิจฺเฉ ปุริโส โหตุ๊ ชาติ ชาติ ปุนปฺปุนํ สามิกํ อปจาเยยฺย อินฺทํว ปาริจาริกา. หญิงปองแปรชาติเชื้อ เป็นชาย ปฏิบัติผัวบ่วาย ว่างแล้ว ดุจเทพธิดาราย อินทร์รอบ จรุงแม่ จักเสร็จสมใจแคล้ว คลาดพ้นเพศหญิง ๑ เรื่องสิทธิสตรีที่ไม่เท่าเทียมบุรุษ เป็นเรื่องที่ได้รับการหยิบยกมาถกเถียงกันทุก ยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า ทำอย่างไรสตรีจึงจะมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกับ บุรุษ ต่างโต้เถียงกันเพื่อหาเหตุและผล แต่ในโลกนีติบทนี้ กล่าวถึงสิทธิสตรีต่างจากนั้น กล่าวถึงสิทธิสตรีเพื่อจะได้ การยอมรับให้บวชท่ามกลางภิกษุสงฆ์เท่าเทียมบุรุษเพศ ให้ได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุด ให้ได้บำเพ็ญบารมี ให้ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง ข้อหลังนี้ สตรีเพศไม่สามารถบรรลุถึงได้ หากสตรีคนใดปรารถนาตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องปรารถนาความเป็นบุรุษก่อน และเพื่อให้ความปรารถนานั้น สำเร็จ สตรีผู้เป็นภรรยาควรปฏิบัติสามีด้วยความเคารพนอบน้อม ไม่ใช่ยอมลดตน ลงต่ำ แต่ทำเพื่อการบรรลุคุณอันสูงสุด นางฟ้าปฏิบัติต่อองค์อินทร์ฉันใด ก็พึงทำฉัน นั้นเถิด   Create Date : 15 ตุลาคม 2551     Last Update : 15 ตุลาคม 2551 23:58:22 น. Counter : 356 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com