เสริมสิริมงคล ไหว้พระ 9 วัด อยุธยา




เสริมสิริมงคล ไหว้พระ 9 วัด อยุธยา

ทริปนี้ไปได้ประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมาแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มี blog
ไปกันแค่ 3 คน ขับรถไปกันเอง ไปกับคุณพี่เล็ก ตรี และ ตัวเอง
เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ประมาณ 8 โมง
ตั้งใจว่าตั้งไหว้ให้ครบทั้ง เก้า วัด ให้ได้
แต่ละวัด เลยใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 นาที เท่านั้นเองค่ะ
ไหว้พระ ทำบุญ แล้วก็ไปวัดต่อไปเลย

เส้นทางที่ไปทางออกจากทางเส้นบางนาไปทางด่วนและเข้าอยุธยา
จะพบวัดแรกคือวัดพนัญเชิง และวัดที่เหลือ ขับรถมาตามเส้นทางจะ
มีป้ายบอกตลอดทาง ตอนที่ไปมา เส้นทางที่จะไปไหว้พระ
เรียงตามลำดับนี้เลยค่ะ

เริ่มต้นที่วัดแรก วัดพนัญเชิง
มหามงคล ด้านการค้าพาณิชย์รุ่งเรือง ความสำเร็จในงาน



วัดพนัญเชิง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก
ในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่
สร้างเมื่อพ.ศ.1867 เดิมชื่อ “พระพุทธเจ้าพนัญเชิง”
แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณะปฏิสังขรณ์
พระพุทธรูปองค์จึงนี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า “พระพุทธไตรรัตนนายก” (ชาวบ้านนิยมเรียกหลวงพ่อโต ชาวจีนนิยมเรียกว่า ซำปอกง)


วัดที่สอง วัดใหญ่ชัยมงคล
มหามงคลด้านชัย – มงคล เมตตามหานิยม

พระศักดิ์สิทธิ์คู่วัดนี้ได้แก่ พระนอนขนาดใหญ่
ซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวร







วัดนี้แวะนานหน่อยค่ะ เพราะมีอะไรให้ชมเยอะมาก
แอบแวบไปให้อาหารปลานิดนึง
และไปต่อ


วัดที่สาม วัดพระญาติการาม
เมตตามหานิยม บูชาพระรัตนตรัย



วัดพระญาติการาม หรือที่ชาวบ้านทั่วไปมักเรียกกันว่า “วัดพระญาติ” สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิริมงคลของวัดนี้ คือพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปหินทรายขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอก ปางมารวิชัย สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา


วัดที่สี่ วัดสมณโกฐาราม
บูชาบูรพกษัตริย์ กตัญญูกตเวทิตา เมตตามหามงคล



วัดนี้มีพระปรางค์องค์ใหญ่งดงามมาก รูปทรงสัณฐานแปลกตากว่าที่อื่น สันนิษฐานว่าเลียนแบบมาจากวัดเจดีย์เจ็ดยอด เมื่อคราวที่เจ้าพระยาโกษา (เหล็ก) ไปตีเมืองเชียงใหม่ เมื่อพ.ศ. 2205 ภายในอุโบสถ มีพระประธานเก่าแก่ซึ่งสร้างสมัยอยุธยา เป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไป

วัดที่ห้า วัดประดู่ทรงธรรม
เมตตามหานิยม การช่วยเหลือสรรพสัตว์และการเสียสละ

เดิมชื่อวัดประดู่ หรือวัดประดู่โรงธรรม ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างสมัยใด ภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น ภาพกระบวนพยุหยาตราทางสถลมาตร การแสดงมหรสพในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า

วัดที่หก พระบรมสารีริกธาตุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
บูชาพระบรมสารีริกธาตุ ถือเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต

ขุดพบพระบรมสารีริกธาตุนี้จากกรุพระปรางค์วัดมหาธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ หมายถึง พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งพุทธศาสนิกชน จะมีความเชื่อถือในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่กับพระบรมสารีริกธาตุนั้น และสักการะ เพื่อน้อมขอพระบารมีให้คุ้มครองตัวเอง ให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีผอบเจดีย์ทองคำ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบ ณ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ เจดีย์สุริโยทัย

พักทริปด้วยการแวะทานอาหารก่อนที่ด้านหน้าวิหารพระมงคลบพิตร
มีให้เลือกมากมาย ไว้ว่าจะ เป็น ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น แต่ที่ชอบเห็นจะเป็น
หอยทอด ทอดได้กรอบนุ่ม อร่อยมาก

ที่เจ็ด วิหารพระมงคลบพิตร
พระคู่บ้าน คู่เมืองอยุธยา สิริมงคลทุกด้าน



พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตรและสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช เดิมประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียง สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โปรดให้ชะลอมาไว้ ณ ที่ปัจจุบัน ต่อมาฟ้าผ่ายอดมณฑปที่สวมไว้ พระเจ้าเสือจึงโปรดให้ก่อสร้างใหม่เป็นวิหาร ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้ รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิสังขรณ์ใหม่

วัดที่แปด วัดธรรมิกราช
เมตตามหานิยม คุ้มครองรักษาโรคภัยอันตราย

เป็นวัดสงฆ์มหานิกาย เดิมชื่อวัดมุขราช ที่วิหารหลวงแห่งนี้ เคยเป็นที่ประดิษฐ์ของเศียรพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ ศิลปะสมัยอู่ทอง ซึ่งปัจจุบัน กรมศิลปากรนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ด้านทิศเหนือของพระเจดีย์สิงห์ล้อม 52 ตัวที่แตกต่างไปจากเจดีย์ช้างล้อมพระพุทธไสยาสน์มีความยาว 12 เมตร หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ที่ฝ่าพระบาทปิดทองประดับกระจก

ปิดท้ายกันที่
วัดที่เก้า วัดหน้าพระเมรุราชิการาม
มหามงคล ความเจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม



มีชื่อเดิมว่า “วัดพระเมรุราชิการาม” วัดนี้เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยา ที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลายและยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระประธานในอุโบสถสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทรงเครื่องแบบกษัตราธิราช มีนามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิตมาร โมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ” จัดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยา ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่มีปรากฏอยู่ในปัจจุบันและมีความสมบูรณ์


ได้ไหว้พระอิ่มบุญกันถ้วนหน้าแล้ว ก็ได้เวลาหาร้านของอร่อยประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยากัน อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนี้ ได้แก่

ปลา
เป็นอาหารหลักของชาวกรุงเก่า ทั้งปลาช่อน ปลาดุกย่าง ปลาเค็ม
ปลาร้า ปลาเจ่า แกงปลาต้มเค็ม แกงฉู่ฉี่ และอีกสารพันเมนูอร่อยจากปลา

โรตี ทำกันมาประมาณ 30 ปี แล้ว ย่านโรตีอยู่ที่สามแยกหัวถนน หรือสามแยกโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา มีกว่า 10 ราย
ขนมบ้าบิ่น มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่อำเภอท่าเรือ รสชาติหวานมัน หอม
อร่อย ถ้าเป็นสูตรดั้งเดิมต้องใช้มะพร้าวทึนทึก อบด้วยไฟอ่อนๆ

ร้านอาหารอร่อย ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นและ ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกวัดใหญ่ หรือ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา หน้าองค์การโทรศัพท์ก็มีให้เลือก
เอาใจคอก๋วยเตี๋ยว หากใครชอบข้าวขาหมู ต้องที่เชิงสะพานปรีดี
หรือหากเน้นกินมื้อใหญ่ๆ ในร้านอาหารริมน้ำเคล้าบรรยากาศดีๆ
ก็มีให้เลือกมากมาย เช่น แพกรุงเก่า บ้านวัชราชัย อยุธยาริเวอร์ไซต์
เรืออาหารกานต์กิตติ

ของฝากติดไม้ติดมือ บริเวณวิหารพระมงคลบพิตรและ
วัดพนัญเชิง มีชาวบ้านมาขายของพื้นเมืองมากมาย
รวมทั้งของที่ระลึกยอดฮิตคือ ปลาตะเพียนสาน มีดอรัญญิก และอีกมาก เลือกซื้อหากันได้ แล้วกลับบ้านด้วยความอิ่มใจอิ่มบุญกันถ้วนหน้า





ขอบคุณข้อมูลจาก ททท.









Create Date : 10 กรกฎาคม 2551
Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 19:54:48 น.
Counter : 3633 Pageviews.

1 comments
  
โดย: whitelady วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:02:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pooqatar
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]