All Blog
ฮั่นหยวนตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 494 - 510
ฮั่นหยวนตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 494 - 510
            ฮั่นหยวนตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ฮั่น
            ฮั่นหยวนตี้พระนามเดิมคือองค์ชายหลิวซี เป็นพระโอรสในฮั่นเสวียนตี้และซูไทเฮา ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 26 พรรษา สวรรคตเมื่อพระชนม์ 42 พรรษา
            ได้แต่งตั้งองค์ชายหลิวอาว พระโอรสในหวังฮองเฮาเป็นองค์รัชทายาท
            การเลือกฮองเฮาเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการสืบทอดอำนาจและคงรักษาไว้ซึ่งราชวงศ์ เพราะลูกชายคนโตของนางย่อมเป็นผู้ที่ได้สืบทอดครองบัลลังก์
            ไม่รู้ว่า ได้ทรงเลือกด้วยวิจารณญาณส่วนพระองค์ หรือเพราะราชสำนักบังคับให้จำต้องเลือก ด้วยตระกูลหวังในขณะนั้นใหญ่โตมิใช่เบา
            ความยุ่งยากภายในราชสำนักเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากระบอบการปกครอง เพราะกลุ่มขุนนางที่ไม่มีเชื้อสายชนชั้นสูงมีอำนาจมากขึ้น ทำให้เกิดการขัดแย้งกันทางชนชั้น พร้อมกับกบฏชาวนาเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นด้วย
            เชื่อแน่ว่า ฮั่นหยวนตี้ทรงรู้ในพระทัยว่า กลุ่มขุนนางส่วนใหญ่ล้วนสืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ได้ดิบได้ดีตั้งแต่สมัยต้นราชวงศ์ และได้ชื่อว่าเป็นชนชั้นสูงไปเสียแล้ว โชคดีที่มีบรรพบุรุษที่มองเห็นการณ์ไกล ยอมเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏที่กลายเป็นฮ่องเต้ จึงก้าวหน้าต่อกันมาอีกหลายรุ่น
            การคานอำนาจระหว่างกลุ่มขุนนางที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลเก่าแก่กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีอำนาจ เป็นแผนอันล้ำลึกที่ฮั่นหยวนตี้ทรงคิดหวังไว้อยู่ในใจลึก ๆ
            ฮั่นหยวนตี้นิยมลัทธิหรูเจีย และหวังจะให้เป็นลัทธิประจำชาติ ทั้งที่ส่วนใหญ่ฮ่องเต้องค์ก่อนฟื้นฟูลัทธิขงจื๊อ ได้ตั้งสาวกหรูเจียเป็นข้าราชการ แต่ข้าราชการเหล่านี้ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้กิจการบ้านเมืองยิ่งมีปัญหามากกว่าเดิม
            กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มองเห็นอำนาจในบ้านเมืองตกอยู่ในกำมือของคนเพียงหยิบมือเดียว เริ่มหาหนทางก้าวเข้ามาเป็นขุนนางบ้าง และสบช่องทางบ้าง เมื่อฮั่นหยวนตี้คงเปิดโอกาสเหล่านี้ แต่ทว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่ต้องฟาดฟันและฝ่าฟันอุปสรรคที่จะก้าวย่างสู่อำนาจบ้าง
            ผลงานสำคัญคือการปราบชนเผ่าซงหนู ที่ทำท่าสงบสุขในสมัยฮั่นเสวียนตี้ แต่พอเปลี่ยนรัชสมัยกลับมารุกรานอีกครั้ง เมื่อจำต้องรบ สามารถรบเอาชนะชนเผ่าซงหนูที่เป็นชนเผ่าร่อนเร่และชอบมารุกรานทางชายแดนจนหนีถอยร่นไป
            ชนเผ่าซงหนูรู้ว่าสู้ไปมีหวังแพ้อีก จึงใช้วิธีการเดิมขอสงบศึก โดยมีข้อแม้ขอสาวงามไปแต่งงานกับหัวหน้าชนเผ่า
            ฮั่นหยวนตี้ยอมตามข้อเสนอ ให้วังคัดเลือกสาวงาม ทว่าหามีสาวคนใดยินยอมไปไม่ ใครจะยอมลำบากไปอยู่ห่างไกลและกันดารเช่นนั้น แต่มีสาวนางหนึ่งขอสมัครใจไปเอง นางชื่อจาวจวิน
            ฮั่นหยวนตี้จัดพิธีสมรสให้ที่เมืองซีอาน มีโอกาสได้เห็นหน้าจาวจวินเป็นครั้งแรก ให้รู้สึกเสียดาย เพราะนางสวยเสียเหลือเกิน จึงสั่งให้ช่างวาดรูปสาวที่ส่งเข้ามาในวังพร้อมรูปวาดเข้ามาด้วย
            สิ่งที่แจ้งแก่ใจคือทำไมภาพวาดของจาวจวินจึงไม่สวยเลยสักนิด พอสืบความรับรู้ว่า ใครที่อยากให้ลูกหลานได้ถวายตัวจะเสียเงินพิเศษ ให้วาดรูปอย่างสวยงาม แต่จาวจวินไม่ยอมจ่ายเงิน รูปวาดจึงทำแบบเสียไม่ได้ ไม่เหมือนตัวจริงที่สวยเลอเลิศ
            ความเสียดายที่ไม่ได้ครองสาวงามทำให้สั่งประหารเหมาหยานโซ่วช่างวาดรูปคนนี้ ที่เห็นแก่เงินเล็กน้อย จนทำให้พระองค์ชวดโอกาสได้เมียงาม
            นอกจากจาวจวินจะเป็นสาวงามแล้ว ยังฉลาดเฉลียวอีก ตลอดระยะเวลา นางเกลี้ยกล่อมไม่ให้ชนเผ่าซงหนูยกทัพมารุกรานชายแดนอีก
 



Create Date : 30 กรกฎาคม 2562
Last Update : 30 กรกฎาคม 2562 10:25:32 น.
Counter : 1790 Pageviews.

0 comment
ฮั่นฮุ่ยตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 348 – 355
ฮั่นฮุ่ยตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 348 – 355
            ฮั่นฮุ่ยตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ฮั่น
            ฮั่นฮุ่ยตี้ พระนามเดิม หลิวอิงเป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ของฮั่นเกาจู่และหลี่ฮองเฮา
            ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 333 ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา สวรรคตเมื่อพระชนม์ 22 พรรษา
            ฮั่นฮุ่ยตี้เป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ได้เป็นองค์รัชทายาท เพราะพระโอรสองค์โตหลิวเฟยประสูติแต่พระสนม แต่หลี่ฮองเฮากุมอำนาจในราชสำนักทั้งหมดไว้ได้ จึงยกบัลลังก์ให้แก่พระโอรสของพระนาง แทนที่จะให้แก่พระโอรสองค์โต
            ที่น่าแปลก ทำไมหลี่ฮองเฮาจึงไม่ได้ให้กำเนิดพระโอรสองค์โต ทั้งที่ได้แต่งงานกันตั้งนานนมกาเล หรือว่า ช่วงแรกหลิวปังมัวแต่ออกรบทัพจับศึก พอเป็นฮั่นเกาจู่หลงเสน่ห์สาว ๆ ในวัง มีสนมมากหน้าหลายตา จนลืมหลี่ฮองเฮาไปเสียนี่
            คนอย่างหลี่ฮองเฮามีหรือจะยอมอะไรง่าย ๆ พระโอรสของหลี่ฮองเฮาเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ไม่ใช่พระโอรสองค์โต
            เชื่อแน่ว่า หลี่ฮองเฮากุมอำนาจเหนือบัลลังก์มังกรมาตั้งแต่สมัยของฮั่นเกาจู่แล้ว เมื่อสิ้นพระสวามี พระโอรสมีพระชนม์ 15 พรรษา ได้ขึ้นครองบัลลังก์ โดยหลี่ฮองเฮาซึ่งกลายเป็นหลี่ไทเฮา ได้กุมอำนาจทั้งหมด และมีอำนาจเหนือแผ่นดินต่อมาอีกสองรัชกาลในสมัยของพระนัดดาอีกสององค์
            ฮองเฮาของฮั่นฮุ่ยตี้ชื่อฉางหยัน มีโอรส 2 องค์ที่ได้ครองราชย์ต่อมา แต่เป็นช่วงระยะเวลาอันสั้น ๆ เท่านั้น คือ หลิวกงและหลิวฮง ซึ่งต่อมาคือฮั่นเซาตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ฮั่นและฮั่น
            เซาตี้ฮงเป็นฮ่องเต้องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ฮั่นช่วงนั้นในราชสำนักมีแต่การแก่งแย่งชิงดีกัน            เมื่อฮั่นเกาจู่สวรรคตระหว่างไปปราบกบฏอิงปู้ องค์รัชทายาทหลิวอิงจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นฮุ่ยตี้เมื่อพระชนม์เพียง 15 พรรษา แต่ครองราชย์ได้เพียง 7 ปี สวรรคต พ.ศ. 355 ด้วยพระชนม์เพียง 22 พรรษา องค์รัชทายาทหลิวกงจึงเสด็จขึ้นครองราชย์แทน
            ขอตั้งข้อสังเกตว่า พระชนม์ 22 เหตุใดจึงสิ้นพระชนม์ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง หรือเพราะเติบใหญ่จนรู้ความมากมาย จึงโดนกลุ่มผู้มีอำนาจกำจัดทิ้ง ไม่มีรายละเอียดให้สืบค้น
            ด้วยพระชนม์อันอ่อนเยาว์ จึงเป็นเหตุให้หลี่ไทเฮาสามารถกุมอำนาจต่อมา และออกว่าราชการแทนฮั่นฮุ่ยตี้ตลอดรัชกาล กลุ่มก๊วนของพระนางจึงเข้มแข็งและใหญ่ยิ่งมาก
            ในช่วงเวลาที่ฮั่นเกาจู่ครองราชย์ ได้จัดระบบการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจรัฐไว้ที่ส่วนกลาง กำหนดนโยบายทางการเมืองที่ส่งผลดีต่อประเทศจีนด้วยการผ่อนภาระหน้าที่ประชาชน นโยบายนี้ได้สานต่อมาภายใต้อำนาจที่แท้จริงในการปกครองคือหลี่ไทเฮาในฮั่นเกาจู่
            เมื่อฮั่นเกาจู่สวรรคตนั้น อำนาจทั้งหมดตกอยู่ภายใต้อำนาจของหลี่ฮองเฮานานถึง 3 รัชสมัยต่อมา นับตั้งแต่ฮั่นฮุ่ยตี้พระโอรส และฮั่นเซาตี้กับฮั่นเซาตี้ฮงพระนัดดา
            ในอดีตผู้หญิงไม่เคยได้รับสิทธิ์ให้ออกว่าราชการหรือแม้แต่แสดงความคิดเห็น
            บางวาระในประวัติศาสตร์จีน ผู้หญิงได้ก้าวขึ้นมาผงาดเหนือบัลลังก์ แต่ทว่าไม่อาจแสดงฝีมืออันโดดเด่นให้ปรากฏและทำให้ผู้ชายยอมรับว่า หญิงหรือชายฝีมือไม่แตกต่างกัน เพียงแต่ไม่เคยได้รับสิทธิ์ไม่เคยได้รับการฝึกฝนอบรมให้มีวิทยายุทธที่ทัดเทียมกันก็เท่านั้นเอง
            อันว่าหญิงหรือชาย ชีวิตอาจพลิกผันได้เมื่อเลือกคู่ เช่นกันกับหลิวปังลูกชาวนาผู้ยากจน ก้าวขึ้นมาเป็นฮั่นเกาจู่ได้ เขาว่าเบื้องหลังเพราะได้เมียเก่งนั่นเองที่คอยสนับสนุนค้ำจุนมาตลอด ต่อมาได้เป็นฮองเฮานามว่าหลี่ฮองเฮา แต่มีสมญานามว่า ฮองเฮาจอมโหด เพราะยิ่งใหญ่คับฟ้าและโหดเหี้ยมเกิน เมื่อเป็นหลี่ไทเฮา นอกจากโหดมากแล้ว อาจจะปล่อยให้พรรคพวกคอร์รัปชันมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
 

 
            หลี่ฮองเฮามีชื่อเดิมว่า หลี่จื้อ หรือ หลี่โฮ่ว เป็นผู้มีอำนาจบาตรใหญ่อยู่เบื้องหลัง
            หลี่ฮองเฮาผู้นี้แสดงอำนาจอันเกินหญิงจีนในสมัยนั้นตั้งแต่สามีเป็นฮ่องเต้ ที่ฮั่นเกาจู่สั่งฆ่านายทหารคนสนิทที่เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบกันมาก่อนกู้ชาติจนกู้ชาติสำเร็จ เขาว่ากันว่า ผู้เสนอความคิดให้รื้อนั่งร้าน หลังสร้างบ้านสำเร็จ คือเธอนั่นเอง
            คำพูดกรอกหูของคนหลังบ้านคือ แม่ทัพหานซิ่นคิดก่อการกบฎ ทำให้โดนประหาร 3 ชั่วโคตร และเผิงเยว่โดนสั่งเนรเทศ แต่หลี่ฮองเฮาแอบสั่งประหารโดยการตัดหัว แล้วก็หั่นศพให้ละเอียด คงมีแรงแค้นต่อกันมากเหลือคณานับจึงทารุณแม้กระทั่งศพที่ไร้วิญญาณ อาจคิดว่าวิญญาณของเผิงเยว่กำลังดูอยู่กระมัง จึงทำให้หายแค้น
            เมื่อฮั่นเกาจู่ครองอำนาจ 10 กว่า ปี อำนาจของหลี่ฮองเฮายิ่งเพิ่มพูนทวีคูณ ด้วยฮั่นเกาจู่ต้องคอยออกรบบ่อย ๆ ถึงไม่ค่อยจะอยู่ในเมือง ฮั่นเกาจู่หลงรักหญิงงามคนหนึ่ง แต่งตั้งให้เป็นสนมและออกจะหลงรักนางมากกว่าเมียแรก
            ช่วงที่หลิวปังได้แต่งงานกับหลี่จื้อนั้น ยังคงเป็นคนธรรมดาที่มีโชควาสนาบุญหล่นทับ กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร
            ไม่รู้ว่า หลิวปังหลงรักนาง หรือแค่พ่อของนางอยากได้เขามาเป็นลูกเขย หรือเป็นธรรมดาชองผู้ชายที่เห็นหญิงที่สวยกว่าสาวกว่าให้หลงรักหัวปักหัวปำ จนลืมน้ำพริกถ้วยเก่าไปสิ้น ทำให้เมียแรกกลายเป็นหญิงขี้หึงที่สามีไม่รักและสนใจใยดีแม้แต่น้อย
            จากลูกสาวเศรษฐีที่ได้กับชายหนุ่มฐานะต้อยต่ำกว่า จนผลักดันได้เป็นถึงฮ่องเต้ มีทุกสิ่งอำนาจลาภยศ ขาดแต่เพียงสิ่งเดียวคือความรักจากสามี
            ด้วยเหตุนี้ หลังสิ้นฮั่นเกาจู่ พิษรักแรงหึงที่อัดแน่นสุมอกมานานหลายปี ได้ทะลวงออกมาด้วยการสั่งฆ่าสนมชีฮูหยินอย่างโหดร้าย เริ่มแรกสั่งปลดนางเป็นทาสและจับโกนหัว ส่วนลูกชายยังให้อยู่ดีเป็นสุข
            จนมาวันหนึ่งสนมชีฮูหยิน ผู้ไม่รู้จักเจียมตน ได้พร่ำพรรณาถึงอดีตและบอกกล่าวใคร ๆ ว่า ลูกชายนางนั้นเป็นใคร เขาว่าอยู่ดีไม่ว่าดี แค่สั่งปลดเป็นทาสและโดนโกนหัวยังไม่สำนึก คราวนี้ลูกชายที่เป็นถึงองค์ชายหลิวหรูอี้เลยต้องสังเวยชีวิตให้แก่ความโหดของหลี่ไทเฮา
            ฮั่นฮุ่ยตี้ทรงสนิทสนมในองค์ชายหลิวหรูอี้เป็นอันมาก เมื่อตนได้ขึ้นครองบัลลังก์ และรู้ว่าพระมารดาหลี่ไทเฮาหวังกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดสิ้นไป ไม่ว่าองค์ชายใด ๆ ได้หาทางกำจัด
            ฮั่นฮุ่ยตี้จึงพยายามปกป้องชีวิตขององค์ชายหลิวหรูอี้อย่างเต็มที่
            เพื่อหวังปกป้องให้องค์ชายหลิวหรูอี้รอดชีวิต จึงเสด็จไปรับองค์ชายหลิวหรูอี้เข้ามาพำนักในวังหลวงในตำหนักเดียวกับพระองค์ และสั่งการให้ทหารดูแลอย่างใกล้ชิด
            วันหนึ่งขณะที่พระองค์มีธุระด่วนออกจากตำหนัก ไม่รู้ว่าเป็นแผนการอันแยบยลของหลี่ไทเฮาหรือไม่ ทำให้ทรงปล่อยให้องค์ชายหลิวหรูอี้อยู่ตามลำพัง ไม่นึกไม่ฝันว่าชั่วประเดี๋ยวเดียวนี้เอง องค์ชายหลิวหรูอี้โดนวางยา สิ้นชีพไปเสียเลย
            ส่วนสนมชีฮูหยินถูกตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา ทำให้หูหนวก กรอกยาให้เป็นใบ้ แล้วเอาไปไว้ข้างห้องส้วม ให้เรียกว่า มนุษย์หมู มีชีวิตเยี่ยงหมูข้างห้องส้วม น่าอเนจอนาถใจยิ่งนัก จากสนมที่ฮ่องเต้หลงรักมาเป็นมนุษย์หมูสกปรกโสโครกโสมม ไร้แขนขาแถมตาบอดอีก ยิ่งกว่าตกสวรรค์อีกนะนี่
            นางมีคำสั่งให้ฮั่นฮุ่ยตี้มาดู ทำให้ฮั่นฮุ่ยตี้รู้ตัวแล้วว่า แม่ของตัวเองโหดเหี้ยมและร้ายกาจมากเพียงใด เมื่อแม่สั่งให้ทำสิ่งใด จำต้องทำตามอย่างไม่บิดพริ้ว มิเช่นนั้นอาจมีชะตากรรมดุจเดียวกัน
เป็นเพราะพระองค์พยายามปกป้องชีวิตลูกชายของนาง ทำให้นางและลูกของนางจบสิ้นชีวิตแบบน่าอนาถเช่นนี้ ความเป็นฮ่องเต้มิอาจแก้ไขให้ทุกสิ่งดีขึ้นได้เลย
            เมื่อแม่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่กล้าท้าทายอำนาจนาง และทำให้นางโกรธ จะจบสิ้นชีวิตเช่นไร มีหรือลูกจะกล้าแสดงอำนาจบาตรใหญ่และคัดค้านแม่ได้
            ฮั่นฮุ่ยตี้จึงเป็นฮ่องเต้ที่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ทำตัวเสเพล เพื่อไม่ให้เกะกะสายตาแม่ แม่อยากทำอะไรให้ทำได้ตามใจเลย ปล่อยให้แม่ออกว่าราชการ และกุมอำนาจทั้งหมด โดยที่พระองค์เป็นเพียงหุ่นเชิดอำนาจนี้ เรียกว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
            น่าสงสัยว่า แท้จริงแล้วฮั่นฮุ่ยตี้เป็นคนไม่เอาไหนจริง ๆ หรือแค่บอกว่า กลัวแม่มาก จึงไม่กล้าออกว่าราชการ และไม่ทำตัวเหมือนคนรู้เรื่องที่อยากได้อำนาจมาเป็นของตน ไม่กล้าช่วงชิงอำนาจที่ควรเป็นของตนจากแม่บังเกิดเกล้าที่เหี้ยมโหด
           
 



Create Date : 23 กรกฎาคม 2562
Last Update : 23 กรกฎาคม 2562 16:02:10 น.
Counter : 2101 Pageviews.

0 comment
ฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 536 - 542
ฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 536 - 542
            ฮั่นอัยตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์ฮั่น
            ฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้พระนามเดิมหลิวซิน เป็นพระโอรสขององค์ชายหลิวคังและเป็นพระนัดดาในฮั่นเฉิงตี้ ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 18 พรรษา สวรรคตเมื่อพระชนม์ 27 พรรษาครองราชย์ได้ 9 ปี
            เหตุใดจึงสวรรคตเมื่อพระชนม์น้อยนัก จึงเป็นเหตุเร่งให้ราชวงศ์ฮั่นเสื่อมถอยลงทุกขณะจิต
            รัชสมัยนี้อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่กับตระกูลหวัง
            ในรัชสมัยของฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้กบฏชาวนารุนแรงมากขึ้น หวังหมั่งหัวหน้าทางการทหารและพลาธิการคิดจะปราบกบฏชาวนาให้ราบคาบได้ใช้แนวคิดเรื่อง “สืบทอดบัญชาสวรรค์” มาใช้แต่ยังไม่สำเร็จผล
            อย่าลืมว่าต้นตระกูลหลิวคือหลิวปัง เป็นเพียงลูกชาวนาที่ยากจน แต่ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้
            ทั่วทั้งแผ่นดินรู้เรื่องนี้เล่าขานเป็นตำนาน เมื่อแผ่นดินไม่ฟูเฟื่อง ชาวนายากจนลง มีหรือที่ลูกชาวนาบางคนไม่คิดอ่านแบบอาจหาญเช่นหลิวปังล่ะ
 



Create Date : 12 กรกฎาคม 2562
Last Update : 12 กรกฎาคม 2562 14:34:23 น.
Counter : 746 Pageviews.

0 comment
ฮั่นผิงตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 542 - 548
ฮั่นผิงตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 542 - 548
            ฮั่นผิงตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ฮั่น
            ฮั่นผิงตี้พระนามเดิมหลิวคัน เป็นพระโอรสของฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้และเป็นพระอนุชาของฮั่นเฉิงตี้ฮ่องเต้ ขณะที่ฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้สวรรคตนั้นมีอายุเพียง 9 ชันษา ฮั่นผิงตี้ครองราชย์ได้ 6 ปืสวรรคต
            ไม่รู้ว่า ฮั่นอัยตี้สวรรคตเมื่อพระชนม์ 27 พรรษา ครองราชย์ได้ 9 ปีนั้น ป่วยตายด้วยโรคอะไร ไม่รู้แน่ชัด แล้วการที่ฮั่นผิงตี้อายุน้อยนิด 9 ขวบ ได้อำนาจอันยิ่งใหญ่นี้มา แล้วอยู่ได้แค่ 6 ปี เท่านั้น
            ไม่เป็นไรหรอก ใครจะเป็นฮ่องเต้ไม่เป็นไร เพราะเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น ใครคือผู้มีอำนาจที่แท้จริงล่ะ ของตาย ยิ่งเด็กเท่าไรยิ่งดี ใช่ไหม เพราะอำนาจจะได้อยู่ในกำมือนานหน่อย
ตระกูลหวังคิดอะไรอยู่ และทำอะไรไปบ้าง บางคนอาจคิดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังบางอย่างเบื้องหลังแห่งอำนาจของราชวงศ์ฮั่น ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงหรอก
            แน่นอนหวังหมั่งหัวหน้าทางการทหารและพลาธิการจึงได้ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยมีหวังไทเฮากุมอำนาจในราชสำนักดังเดิม
            ตระกูลหวังกุมอำนาจได้ทั้งแผ่น ในวังหลวงมีหวังไทเฮา ทั่วแผ่นดินมีหวังหมั่งเป็นใหญ่สุด ฮ่องเต้จึงเป็นเพียงหุ่นเชิด
            ในรัชสมัยของฮั่นผิงตี้ หวังหมั่งหัวหน้าทางการทหารและพลาธิการยังคงมีอำนาจสูงสุดอยู่ หวังหมั่งคิดจะซื้อใจประชาชนและปัญญาชนเพื่อกุมอำนาจทางการเมืองและเสริมความแข็งแกร่งในฐานเสียงของตนโดยหวังสูงคิดจะเป็นฮ่องเต้เสียเอง
            เมื่อฮ่องเต้อ่อนแอและผู้ใกล้ชิดฮ่องเต้มีอำนาจเหนือฮ่องเต้ อำนาจย่อมเปลี่ยนมือไปได้
            การที่เอาเด็กเมื่อวานซืนขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ ไม่ได้หวังว่าตนจะเรืองอำนาจต่อไปหรอกรึ
 



Create Date : 12 กรกฎาคม 2562
Last Update : 12 กรกฎาคม 2562 14:33:02 น.
Counter : 696 Pageviews.

0 comment
ฮั่นหยูจื่ออิงฮ่องเต้ พ.ศ. 549 - 552
ฮั่นหยูจื่ออิงฮ่องเต้ พ.ศ. 549 - 552
            ฮั่นหยูจื่ออิงเป็นฮ่องเต้องค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์ฮั่น และนับเป็นฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แรก ๆ เรียกแค่ราชวงศ์ฮั่น ต่อมาราชวงศ์ฮั่นล่มสลาย ภายหลังกลับฟื้นคืนมาได้อีกครั้งจึงเรียกราชวงศ์ฮั่นครั้งแรกว่า ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
            เมื่อสิ้นฮั่นผิงตี้แล้วผู้ที่จะได้ครองราชย์ต่อมาคือหยูจื่ออิงซึ่งขณะนั้นยังเป็นเด็กเล็กอยู่มากจึงเป็นโอกาสที่หวังหมั่งจะเข้ายึดอำนาจได้ง่าย และหวังหมั่งทำได้สำเร็จโดยสั่งปลดฮั่นหยูจื่ออิงแล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้แทน สิ้นสุดราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
            ฮั่นหยูจื่ออิงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 1 พรรษา คงจะเป็นฮ่องเต้ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
            แค่ 9 ขวบ ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว นี่แค่ 1 ขวบ ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเลย
            เหตุใดราชสำนักจึงเลือกเด็กวัย 1 ขวบที่ยังไม่รู้ประสีประสาให้มีอำนาจสูงสุด
            ไม่ต้องคิดมาก ทั้งนี้เพราะหวังหมั่งหัวหน้าทางการทหารและพลาธิการและตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้คิดวางแผนการมาตลอดตั้งแต่หวังฮองเฮาได้เป็นฮองเฮาแล้วว่าตนสมควรเป็นฮ่องเต้สืบทอดอำนาจฮ่องเต้เสียเอง
            หวังหมั่งปลดฮั่นหยูจื่ออิงออกจากการเป็นฮ่องเต้ แต่ไม่ได้ปลงพระชนม์ นับว่ายังใจดีมากอยู่
            ฮั่นหยูจื่ออิงยังคงมีพระชนม์ชีพต่อมา สวรรคตเมื่อพระชนม์ 20 พรรษา
            จังหวะชีวิตของคนที่เกิดมามีอำนาจสูงสุดในขณะที่ตนยังไม่พร้อมย่อมยากที่จะยังคงรักษาอำนาจนั้นไว้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ที่คิดจะแย่งชิงอำนาจนั้นวางแผนอย่างรอบคอบเป็นอย่างดีมาแล้ว
            ความถูกต้องว่าใครควรจะครองแผ่นดิน อยู่ที่ใดระหว่างผู้ที่มีสิทธิ์ตามสายเลือดกับผู้ที่มีฝีมือ
            คำตอบของหวังหมั่งต้องแตกต่างจากคนในตระกูลหลิวแน่นอน
            ถึงแม้เชื้อสายราชวงศ์ฮั่นมีผู้มีฝีมือหลายคนแต่ทว่าโดนควบคุมโดยตระกูลหวัง ทำให้การสืบทอดอำนาจบิดเบี้ยวไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์และเป็นจุดหักเหที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนราชวงศ์
 
 



Create Date : 12 กรกฎาคม 2562
Last Update : 12 กรกฎาคม 2562 14:32:08 น.
Counter : 1126 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments