Group Blog All Blog
|
ราชวงศ์สุย พ.ศ. 1124 1161
ราชวงศ์สุย พ.ศ. 1124 – 1161
หลังจากบ้านเมืองยุ่งวุ่นวายเป็นหลายก๊กหลายเหล่า ราชวงศ์สุยสามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ต่อมาได้อีกรัชกาลเดียวสิ้นสุดราชวงศ์สุย ก่อนจะมาถึงยุคราชวงศ์สุยเป็นปลายสมัยหนันเป่าเฉา (พ.ศ. 963 – 1132) จีนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าหลายก๊ก แล้วจีนกลับมาผงาดยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งด้วยการรวมตัวกันในยุคสมัยราชวงศ์สุย ในราชวงศ์สุยมีฮ่องเต้เพียง 2 องค์ คือ สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ผู้เป็นพ่อกับสุยหยางตี้ฮ่องเต้ผู้เป็นลูก พ่อเก่งกาจเลิศล้ำ เข้าใจทุกข์เข็ญของประชาชน สามารถทางการรบและรวมหลายเผ่าพันธุ์เข้าเป็นหนึ่งเดียวได้ ส่วนลูกฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้งลืมดูแลทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ทำให้กองทรายที่ก่อไว้ด้วยฝีมือพ่อพังทลายครืนลงมาอย่างง่ายดายด้วยฝีมือลูก และต้องเซ่นสังเวยชีวิตตนเอง จบสิ้นสิ่งที่พ่อได้สร้างไว้เพียง 37 ปีเท่านั้น ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้พ.ศ. 402 - 456
ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้พ.ศ. 402 - 456
ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ฮั่น ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้เป็นพระโอรสของฮ่องเต้องค์ที่ 6 ฮั่นจิงตี้ฮ่องเต้กับหวังจื้อฮองเฮาพระนามเดิมคือหลิวเช่อ ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์16 พรรษาได้ครองบัลลังก์นานถึง 54 ปี นานกว่าฮ่องเต้องค์อื่น ๆ ของราชวงศ์ฮั่น ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ได้ชื่อว่าเป็นมหาราช เป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจมีความสามารถมาก ชื่อในภาษาฮกเกี้ยนเรียกว่าฮั่นเกงเต้ โอรสชื่อจงซานจิ้งอ๋องซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเล่าปี่แห่งจ๊กก๊กในสามก๊กหรือหลิวเป้ย ในบรรดาฮ่องเต้แล้วต้องนับว่าฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้เป็นผู้ที่เก่งกาจและมีฝีมือมากไม่ว่าจะเป็นการทหาร การปกครอง อาจจะเทียบได้กับฉินซีฮ่องเต้ สิ่งที่เหนือกว่าอาจจะเป็นการขยายแผ่นดินจีนได้กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดมากกว่าสมัยของฉินซีฮ่องเต้เสียอีก ด้านผลงานการปกครองมีที่ปรากฏเป็นหลักฐานชัดแจ้งเช่นกัน ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่นิยมลัทธิขงจื้อ รวมทั้งได้ศึกษาแนวคิดของต่งจงซู และคัมภีร์อู่จิงที่เป็นตำราว่าด้วยหลักการประพฤติปฏิบัติตนของเหล่าปัญญาชนในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ได้เผยแพร่ลัทธิขงจื้อจนเป็นที่แพร่หลายในสังคม และได้ส่งเสริมความรู้ให้แก่ประชาชนชาวบ้านด้วยการจัดทำหอสมุดแห่งชาติรวบรวมสรรพความรู้ทั้งปวงของแผ่นดินจีน ทำให้ความรู้ที่กระจัดกระจายหลายแห่งได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งเดียว ห้องสมุดแห่งนี้นอกจากเกิดประโยชน์ต่อคนในยุคนั้นยังกลายมาเป็นขุมทรัพย์อันมหาศาลและกลายเป็นแหล่งค้นคว้าอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของคนรุ่นต่อมา ความเจริญของบ้านเมืองที่สั่งสมมาหลายยุคหลายสมัยได้ก่อตัวให้เกิดอารยธรรมของประเทศแผ่นดินของราชวงศ์ฮั่นก็เช่นกัน บ้านเมืองได้พัฒนามาหลายสมัยตั้งแต่ฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้พอมาถึงรัชสมัยนี้บ้านเมืองจึงเกิดความเจริญสูงสุด ด้านการคมนาคมขนส่งมีการบุกเบิกเส้นทางสายไหมเพื่อเดินทางค้าขายกับชาติทางตะวันตก เชื่อมเส้นทางระหว่างประเทศทางตะวันออกกับตะวันตกเข้าด้วยกัน และเกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชนต่างเผ่าพันธุ์ ด้านการทูตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ส่งจางเซียนเป็นทูตสันถวไมตรีเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศทางตะวันตก ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ครองราชย์นานที่สุดของราชวงศ์ฮั่นและของประเทศจีน ได้สร้างพระราชวังและทำสงครามบ่อยครั้ง จำต้องทำธุรกิจหาเงินให้พอใช้ โดยรัฐใช้อำนาจผูกขาดทำมาค้าขายค้าขายด้วยรัฐดำเนินการเอง ควบคุมกำกับราคาสินค้าเองในกิจการหลายอย่าง เช่น ค้าเกลือ โลหะ เหล้า ด้านการเงินการคลังของประเทศได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ขึ้นใช้เป็นครั้งแรกกำหนดเงินตราสกุลเดียวกัน เงินเหรียญ 5 จูมีน้ำหนักเท่ากับน้ำหนักของเมล็ดข้าวโพด 500 เมล็ด เขียนภาษาจีนกำกับอย่างชัดเจน และตั้งกฎห้ามเศรษฐีทำเหรียญกษาปณ์ใช้เอง ต้องใช้เฉพาะเหรียญกษาปณ์ของรัฐเท่านั้นทำให้ธุรกิจการหลอมเหล็กต้องตกเป็นของรัฐโดยปริยาย ด้านกฎหมายได้ตรากฎหมายที่เกี่ยวกับการขนส่งลำเลียงสินค้าและตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมทั้งใบอนุญาต การดูแลธุรกิจการเงินการคลังเช่นนี้ทำให้เป็นช่วงที่ประเทศเจริญสูงสุดโดยดูจากเงินในท้องพระคลังที่มากมาย เมื่อแผ่นดินสงบสุขบ้านเมืองมั่นคง การปกครองได้เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมกันนั้นได้ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น และเจริญสัมพันธไมตรีกับดินแดนแถบตะวันตกฝั่งด่านอี้เหมินกวนและด่านหยังกวนฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่อชายแดนทางภาคเหนือที่ชนเผ่าซงหนูคอยมาระราน ด้านการทหารฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้มีนโยบายที่จะปราบปราบชนเผ่าพื้นเมืองที่รายล้อมรอบชายแดนประเทศไม่ให้มาก่อกวนปล้นชิงทรัพย์ชาวฮั่นอีกต่อไป โดยฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ได้นำทัพเองถึง 3 ครั้งและส่งขุนพลประจำกายชื่อเว่ยชิงและฮั่วชวี่ปิ้งพร้อมทหารนับเรือนแสนไปโจมตีชนเผ่าซงหนูถึงที่ใจกลางฐานทัพ ทำให้ชนเผ่าซงหนูแตกกระเจิงออกไปไกลจากชายแดนฮั่นหนีถอยร่นออกไปทางทิศเหนือที่เป็นทะเลทรายมองโกเลีย ทางภาคเหนือไม่มารุกรานอีก เมื่อได้ชัยชนะเหนือชนเผ่าซงหนูซึ่งเป็นชนเผ่าท้องถิ่นที่มีขุมกำลังมากที่สุดสำเร็จ ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ได้ใช้กองกำลังเข้าปราบปรามชนเผ่าต่าง ๆ ให้ราบคาบ ส่งผลให้ดินแดนชาวฮั่นภายใต้การปกครองของฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ขยายขอบเขตออกไปกว้างใหญ่ต่อจากนั้นได้บุกเบิกพื้นที่ทำกินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่อมแซมกำแพงเมืองจีน จัดทำระบบสัญญาณเตือนภัยตามชายแดนและกำแพงเมืองถึงแม้ว่าบ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองแต่ภายในราชสำนักค่อนข้างยุ่งเหยิงเนื่องแต่ฮองเฮาและสนมมีจำนวนมาก เฉินฮองเฮาโดนปลดด้วยข้อหาใช้มนต์ดำ ส่วนเว่ยฮองเฮารวมทั้งพระโอรสพระธิดาโดนชะตากรรมที่รุนแรงต้องโทษหนักข้อหาคิดจะแย่งราชสมบัติ ตั้งแต่องค์ชายหลิวจูตำแหน่งองค์รัชทายาทหลี่ทรงปลงพระชนม์เอง องค์หญิงเว่ย องค์หญิงหยางฉี องค์หญิงจูอี้โดนคำสั่งประหารบรรดาพระสนมที่ปรากฏหลักฐาน คือ พระสนมหลี่ฟูหยินพระมารดาขององค์ชายหลิวโปต่อมาได้เป็นองค์ชายไอ่แห่งฉางอี้ พระสนมหวังพระมารดาขององค์ชายหลิวฮง พระสนมหลี่จี้พระมารดาขององค์ชายหลิวตันและองค์ชายหลิวซู พระสนมโจวพระมารดาขององค์ชายหลิวฟูหลิงต่อมาได้เป็นฮั่นโจวตี้ฮ่องเต้พระนัดดาองค์ชายหลิวจินเป็นโอรสในองค์ชายหลิวจู ตำแหน่งรัชทายาทหลี่และเป็นพระบิดาของฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้ องค์ชายหลิวเหอโอรสขององค์ชายหลิวโปได้ครองราชย์ต่อจากฮั่นโจวตี้ฮ่องเต้เพียง 27 วัน โดนปลดจากตำแหน่ง สุดท้ายพระปนัดดาองค์ชายหลิวปิงอี้ได้ครองราชย์เป็นฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้ชื่อราชวงศ์จีน
รายชื่อราชวงศ์ที่ปกครองจีนโดยฮ่องเต้ เรียงตามลำดับ
ฮั่นโจวตี้พ.ศ. 456 469
ฮั่นโจวตี้พ.ศ. 456 – 469
ฮั่นโจวตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ฮั่น ฮั่นโจวตี้พระนามเดิมคือหลิวฟูหลิง เป็นโอรสองค์เล็กของฮ่องเต้องค์ที่ 7 ฮั่นอู่ตี้กับสนมโจว ไม่ใช่พระโอรสของฮองเฮา แต่มีโอกาสได้ครองราชย์ด้วยความสับสนภายในราชสำนัก ความสับสนนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ปั่นป่วนวุ่นวายยุ่งเหยิง แทบจะล้างตระกูลลูกหลานของฮั่นอู่ตี้ทีเดียว ไม่ว่าพระโอรส พระธิดา ฮองเฮา หรือสนม สังเวยชีวิตให้กับเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ ที่น่าเสียดายทั้งหมดเกิดจากแผนการใส่ร้ายป้ายสีของคนไม่กี่คน คนข้างกายฮั่นอู่ตี้ ต้นเหตุแห่งความวุ่นวาย จนถึงกับไม่ไว้ใจแม้แต่ลูกแท้ ๆ ว่าจะก่อกบฏ กลับไปเชื่อคนอื่น ด้วยคิดว่าเรื่องฝันบอกเหตุ กับมนต์ดำเป็นเรื่องจริงที่น่ากลัว หารู้ไม่ต้นตอที่แท้คือตัวเองทั้งนั้น ถ้าใจมั่นคง ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาทำร้ายได้หรอก หลิวฟูหลิงประสูติเมื่อพระบิดามีพระชนม์ 62 พรรษา ได้เป็นองค์รัชทายาทแทนองค์ชายหลิวจูตำแหน่งองค์รัชทายาทหลี่ ที่ปลงพระชนม์เอง หลังจากที่โดนข้อกล่าวหาว่าใช้มนต์ดำและก่อกบฏ แล้วพ่ายแพ้ ทั้งที่เป็นการใส่ความเท็จ กอปรกับฮั่นอู่ตี้มีเมียเยอะลูกมาก การแข่งขันชิงดีชิงเด่น อิจฉาริษยาจึงเกิดขึ้น ไม่รู้ใครต่อใครเป็นพวกใครกันแน่ การวางแผนอันแยบยลจึงเกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถทำได้สำเร็จอีกต่างหาก เพราะพ่อมัวแต่เชื่อความฝัน และกลัวการใช้มนต์ดำอย่างฝังจิตฝังใจ ทำไมต้องก่อกบฏ ในเมื่อได้เป็นรัชทายาทอยู่แล้ว เพราะราชสำนักวุ่นวายยุ่งเหยิง ทำให้เกิดการแข่งขันชิงดีชิงเด่นระหว่างฮองเฮาและสนมในการสืบทอดอำนาจรัชทายาท ใคร ๆ คงอยากให้ลูกของตัวเองได้เป็นรัชทายาท ทั้งที่ได้แต่งตั้งไปแล้ว โอกาสทองอาจผ่านมาอีกครั้ง ถ้ารัชทายาทโดนปลด การใส่ร้ายป้ายสีว่าใช้มนต์ดำและก่อกบฏ ไม่รู้เป็นแผนการที่แท้จริงของใคร แต่ทำให้ฮั่นอู่ตี้ผู้เชื่อในเรื่องความฝันจะทำนายเหตุการณ์ได้ เมื่อโดนเจียงชงและซูเหวินหลอกล่อ และใส่ความว่า เว่ยฮองเฮาและองค์ชายหลิวจูใช้ตุ๊กตาไม้ทำมนต์ดำ บุญใครกรรมมัน ไม่รู้ใครมีบุญอภินิหารมากกว่า ผู้ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ต้องมีบุญญาธิการสูงส่งเหนือกว่าใคร ๆ ในใต้หล้า ลูกเล็กที่เกิดเมื่อพ่อแก่เฒ่าคงเป็นที่รักของพ่อจนถึงกับมอบสิ่งมีค่ามากที่สุดให้ แทนที่จะมอบบัลลังก์ให้กับลูกคนอื่น ๆ ที่โตกว่ารู้เดียงสามากกว่า อาจเป็นเพราะลูกเล็กยังไม่อาจรู้ความมากพอที่จะต่อต้านพ่อหรือไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับพี่ ๆ หลังจากผ่านเหตุอันเลวร้ายและน่าสยดสยองที่ทำร้ายองค์ชายหลิวจูจนต้องฆ่าองค์เองนั้น คงสืบสวนหาข้อเท็จจริงและได้ลงโทษบรรดาสนม โอรสและธิดาอีกจนแทบจะไม่เหลือ ยกเว้นโอรสองค์สุดท้องที่ยังเด็กเกินจะไปรู้ความอันชั่วร้ายที่พี่ ๆ ได้ทำลงไป ฮั่นโจวตี้ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียง 7 พรรษา มีฮั่วกวงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตลอดรัชสมัย 13 ปี สวรรคตเมื่อพระชนม์ 20 พรรษา เท่ากับฮั่วกวงได้ว่าราชการแทนตลอดรัชสมัยของฮั่นโจวตี้ฮ่องเต้ ![]() ฮั่วกวง เป็นผู้มีอำนาจ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในฮั่นโจวตี้ การแต่งตั้งเด็ก 7 ขวบให้เป็นรัชทายาทอาจไม่ใช่เกิดจากความรักของพ่อเพียงอย่างเดียว อาจมีเงื่อนงำทางการเมืองอื่น ๆ ก็เป็นได้ ฮั่วกวงคือใครกันแน่ จึงได้มีอำนาจบทบาทใหญ่โตเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ถึงฮั่นอู่ตี้จะดูเก่งกาจเป็นมหาราช แต่มีส่วนทำให้บัลลังก์คลอนแคลนได้ ด้วยแต่งตั้งเด็ก 7 ขวบ สืบทอดอำนาจแทน ทั้งที่มีลูกชายที่โตเป็นหนุ่มแล้วมากมาย เกิดอะไรขึ้นกันนะ อยากรู้เหลือเกิน ฮั่วกวง ชื่อรองจื่อเหมิง เป็นขุนนางที่ฮั่นอู่ตี้ทรงไว้วางพระทัยให้เป็นผู้สำเร็จราชการให้ฮั่นโจวตี้ ฮั่วกวงเป็นหลานชายของแม่ทัพเว่ยชิง เป็นน้องชายต่างมารดากับแม่ทัพฮั่วชี่ปิ้ง ส่วนฮั่วชี่ปิ้งเป็นหลานน้าของเว่ยชิง เว่ยชิงเป็นน้องชายของเว่ยจื่อฟู ฮองเฮาคนโปรดของฮั่นอู่ตี้ จึงมีเส้นสายที่ใหญ่โตจากตระกูลแม่ทัพที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา รักเพื่อนร่วมรบมาก ไว้ใจในสายเลือดของเพื่อนที่เป็นหลานชาย และได้แรงสนับสนุนจากฮองเฮา ฮั่นอู่ตี้จึงมอบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ให้แก่ฮั่วกวง ด้วยฮั่นโจวตี้ไม่มีโอรสสืบต่อเพราะสวรรคตเมื่อพระชนม์เพียง 20 ยังไม่ทันมีพระโอรสสืบต่อ ฮ่องเต้บางองค์สามารถมีพระโอรสในอายุเพียงเท่านี้ แต่ฮั่นโจวตี้ยังไม่มี ฮั่วกวงจึงเชิญองค์ชายหลิวเหอโอรสขององค์ชายหลิวโปครองราชย์ต่อจากฮั่นโจวตี้แต่เพียง 27 วัน ฮั่วกวงสั่งปลดองค์ชายหลิวเหอจากตำแหน่ง องค์ชายหลิวเหอสวรรคตในอีก 15 ปีต่อมา เห็นไหมอำนาจของฮั่วกวงผู้สำเร็จราชการใหญ่แค่ไหนสั่งปลดฮ่องเต้ได้ด้วย ไม่ชอบใจหรือมีเหตุอันใด แค่ 27 วันเท่านั้นนะ อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งหลักเลย ตกสวรรค์ เมื่อมีคนรัก ย่อมมีคนเกลียด ยิ่งมีอำนาจล้นฟ้า ชี้เป็นชี้ตายได้ ย่อมส่งผลต่ออีกหลายชีวิต ผ่านมาจนถึงรัชสมัยฮั่นเสวียนตี้ ขุนนางที่ไม่ลงรอย ได้ถวายฎีกา จนเป็นเหตุให้ยึดทรัพย์และประหารทุกคนที่แซ่ฮั่วจนหมดสิ้น ไม่รู้กี่ชั่วโคตรกัน หมดสิ้นตระกูลทั้งโคตรเหง้าเหล่ากอ คนเป็นผู้สำเร็จราชการย่อมมีอำนาจเต็ม เพราะฮ่องเต้องค์น้อยยังเด็กนัก ไม่ประสีประสา เมื่อมีอำนาจ ย่อมเหลิงและหลงในอำนาจ จึงกดขี่ผู้ที่อ่อนด้อยและคอยคัดค้าน ที่ร้ายสุดให้พระนางซ่านกวงอภิเษกสมรสกับฮั่นเจาตี้ แล้วสองตระกูลนี้เกิดขัดใจจนถึงขั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรง ซ่านกวงเจี๋ยเชิญฮั่วกวงมาในงานเลี้ยง หมายจะลอบฆ่า แต่ฮั่วกวงรู้ทัน คงมีอีกาคาบข่าวมาบอกจึงไปงานเลี้ยงตามคำเชิญ แต่ทว่าเพื่อจับตระกูลซ่านกวงประหารชีวิตทั้งสิ้น หลังสิ้นฮั่นโจวตี้ ผู้สำเร็จราชการย่อมมีอำนาจมากอยู่จึงคัดเลือกฮ่องเต้ตามลำพัง ช่วงแรกจะเลือกหลิวซวยเป็นพระญาติที่อาวุโสที่สุด ทว่ามีนิสัยที่ไม่ค่อยดี จึงเปลี่ยนใจจะให้หลิวเฮ่อ แต่หลิวเฮ่อเห่อเหิมทะเยอทะยานเกินเหตุ เลยอด สุดท้ายให้หลิวปิงอี้เป็นฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้ ฮั่วกวงทำให้คนเกลียดชังมาก โดยเฉพาะหลิวซวยกับหลิวเฮ่อที่พลาดตำแหน่ง จึงถวายฎีกาให้เอาผิดคนในตระกูลฮั่วซะเลย ฮั่นเสวียนตี้เลยถือโอกาสใช้ตำแหน่งฮ่องเต้ปลดระวางกลุ่มขั้วอำนาจเก่าซะเลย รัชสมัยของฮั่นโจวตี้ พูดถึงแต่ฮั่วกวงผู้มีอำนาจตัวจริง ส่วนฮั่นโจวตี้เป็นเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิด ฮั่นจิงตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 387 -402
ฮั่นจิงตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 387 -402
ฮั่นจิงตี้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์ฮั่น ฮั่นจิงตี้พระนามเดิมหลิวฉี เป็นพระโอรสของฮ่องเต้องค์ที่ 5 ฮั่นเหวินตี้กับตู้ฮองเฮา ประสูติ พ.ศ. 355 ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 31 พรรษา ยาวนาน 16 ปี สวรรคตเมื่อพระชนม์ 47 พรรษา พ.ศ. 402 มีฮองเฮา 2 องค์ คือนีโปฮองเฮาและหวังจื้อฮองเฮา สองรัชสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมาก เนื่องด้วยหมดยุคอำนาจของหลี่ไทฮองไทเฮา และกลุ่มตระกูลหลี่ ทำให้ฮ่องเต้มีอำนาจเต็ม ได้พัฒนาบ้านเมืองเต็มกำลังความสามารถแห่งตน นี่กระมัง บางยุคจึงสั่งห้ามผู้หญิงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หลังบ้านที่คอยเปิดประตูรับสินบน ทำให้หน้าบ้านหรือผู้มีอำนาจตัวจริงพลอยมัวหมองไปด้วย ยิ่งระดับใหญ่โตมากเท่าใด ยิ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองมากเท่านั้น เนื่องจากในช่วงต้นราชวงศ์ฮั่น ฮั่นเกาจู่ได้ปูนบำเหน็จให้แก่ขุนนางข้าราชการเป็นจำนวนมาก พอมาถึงยุคสมัยนี้ อำนาจของขุนนางข้าราชการกล้าแข็งขึ้น จนคิดก่อการกบฏเรียกกบฏ 7 แคว้น คนเฒ่าคนแก่ที่กรำศึกและอยู่มานานจนถึงยุคลูกหลานที่ยังเด็กอาจคิดว่าตนน่าจะครองอำนาจเสียเอง จึงรวมกำลังต่อต้านอำนาจฮ่องเต้ รวมทั้งขุนนางข้าราชการที่มีอำนาจในมือคิดจะลองดีต่อผู้ที่มีอำนาจเหนือตน ยุคสมัยที่มีช่องว่างระหว่างกลุ่มขุนนางสองกลุ่ม กลุ่มขั้วอำนาจเก่ากับกลุ่มขั้วอำนาจใหม่ ไม่มีใครยอมใคร ผู้ที่เคยคิดว่าตนกอบกู้บ้านเมืองและร่วมกันก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นกับคนรุ่นใหม่ที่คิดว่าถึงเวลาที่บ้านเมืองควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แม้แต่ฮั่นเหวินตี้ได้เป็นฮ่องเต้เพราะโจวป๋อ ขุนนางเก่าไปเชิญมา แล้วขุนนางอีกมากที่ร่วมก่อตั้งราชวงศ์และมีอำนาจราชศักดิ์มากมาย จะคิดอยากมีอำนาจเองบ้างไม่ได้หรือ ฮั่นจิงตี้สามารถปราบกลุ่มกบฏทั้งหมดได้ โดยการลดทอนอำนาจของขุนนางให้ลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก และเพิ่มอำนาจจากส่วนกลางให้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ฮั่นจิงตี้น่าจะปราบและลดอำนาจกลุ่มขั้วอำนาจเก่า เพราะคิดว่ากลุ่มกบฏน่าจะมาจากกลุ่มขั้วอำนาจเก่านี่เอง สิ่งหนึ่งอาจดีในยุคหนึ่งแต่ผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้เกิดผลเสียหายตามมาในภายหลังได้ การดูแลช่วยเหลือทหารที่กรำศึกตั้งแต่สมัยที่สู้รบกับฉินและในช่วงแรกของราชวงศ์ฮั่นที่หลิวปังรบกับเซี่ยงอี้ในการปราบกบฏขณะเข้าเมืองฉินนั้น ได้ปูนบำเหน็จรางวัลมากมาย กลุ่มขุนนางที่ร่วมรบทัพจับศึกพร้อมกับฮั่นเกาจู่ คิดเสมอว่า มีราชวงศ์ฮั่นได้เพราะพวกตน จึงนับว่าพวกตนมีบุญคุณล้นเหลือ เมื่อคนหนึ่งได้ครองอำนาจเป็นถึงฮ่องเต้ ลูกหลานได้เสพสุขมิรู้จบสิ้น พวกตนได้อำนาจราชศักดิ์มาบ้าง แต่มิอาจเทียบได้ ลูกหลานบางตระกูลจึงร่วมกันก่อกบฏหวังจะเป็นใหญ่ขึ้นมาเช่นกัน เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เหล่าขุนนางสร้างอำนาจแฝงและกล้าท้าทายอำนาจรัฐเพื่อหวังจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อลดอำนาจขุนนางลง และเพิ่มอำนาจสั่งการจากส่วนกลาง ทำให้อำนาจของฮั่นจิงตี้เพิ่มขึ้น เชื่อแน่ว่า เหตุการณ์ช่วงนี้คงมีแรงต้านจากกลุ่มขุนนางเก่ามากพอควร แต่ทุกอย่างสามารถจัดการได้ภายใต้อำนาจของฮั่นจิงตี้ ฮั่นจิงตี้เป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ปราบกบฏ 7 แคว้น มีความสามารถทางการรบ แต่ฝักใฝ่ในลัทธิเต๋า สานต่อนโยบายของพระบิดาทำให้ราชวงศ์มั่นคงประเทศชาติแข็งแกร่ง พระราชนัดดาของพระองค์ได้กอบกู้ราชวงศ์ฮั่น หลังจากที่ซินเกาจู่ฮ่องเต้ได้ยึดอำนาจจากราชวงศ์ฮั่นแล้วสถาปนาราชวงศ์ใหม่ชื่อราชวงศ์ซิน |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |