All Blog
แม่ทัพเจิ้งเหอหรือเจ้าพ่อซำปอกง

ราชวงศ์หมิงก่อตั้งขึ้นและเจริญสูงสุดด้วยการแผ่ขยายอาณาเขตทั้งภาคพื้นดินและขอบเขตทางทะเล แผ่ขยายอาณาเขตไปถึงตอนเหนือของเวียดนามและยึดมองโกเลียคืนได้

แม่ทัพเรือใหญ่ชื่อเจิ้งเหอนำทัพไปถึงทะเลจีน มหาสมุทรอินเดีย ชายฝั่งทะเลตะวันออกของทวีปอัฟริกา

เจิ้งเหอ หรือซำปอกง เดิมชื่อหม่าเหอ เกิดที่เมืองคุนหยาง มณฑลยูนนาน เป็นมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้รับพระราชทานแซ่เจิ้ง จึงเรียกว่า “เจิ้งเหอ”

สมัยฮ่องเต้หยงเล่อ มหาขันทีเจิ้งเหอ เป็นแม่ทัพเรือใหญ่เดินทางด้วยกองเรือที่มีขนาดใหญ่และดีที่สุดในสมัยนั้น ประกอบด้วยเรือ 62 ลำ และเรือธงของเจิ้งเหอ 4 ลำ ทหารประจำการทั้งหมด 27,870 คน แบ่งลูกเรือประจำลำละ 300 คน เรือลำใหญ่ที่สุดยาว 140 เมตร กว้าง 60 เมตร สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ลำละประมาณ 1,000 คน ใช้เวลาเดินทางเป็นระยะเวลา 28 ปี ออกสำรวจเส้นทางเดินเรือทั้งหมด 7 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ.1948-1976

ชื่อของแม่ทัพเจิ้งเหอกลายเป็นชื่อเทพเจ้าตามศาลเจ้า หรือพระพุทธรูปตามวัดวาอารามในหลายประเทศที่ไปเยือน ชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพนับถือ ยกให้ซำปอกงเป็นเทพเจ้านำโชค นิยมขอพรในเรื่องโชคลาภ

โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่อยุธยา วัดพนัญเชิง พระพุทธไตรรัตนนายก เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อโต หรือ ซำปอกง ซำปอ แปลว่า ไตรรัตน์ และกง เรียกผู้มีความรู้และคุณธรรม เป็นที่เคารพของคนไทยเชื้อสายจีน และมีที่วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี กับวัดอุภัยภาติการาม จังหวัดฉะเชิงเทรา




Create Date : 01 ธันวาคม 2562
Last Update : 1 ธันวาคม 2562 15:15:38 น.
Counter : 1847 Pageviews.

0 comment
ยุคห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร พ.ศ. 1450 – 1503

 
          ราชวงศ์ถังทำให้ประเทศจีนมั่งคั่งและมั่นคงสามารถรวมผืนแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวและครอบครองอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล แต่เมื่อถึงช่วงปลายราชวงศ์ถัง บ้านเมืองระส่ำระสายมากมายมีทั้งกบฏภายในและภายนอกรวมทั้งเกิดอำนาจมืดภายในราชสำนักที่ควบคุมอำนาจของฮ่องเต้
ช่วงนี้เองที่เกิดกลุ่มก้อนอำนาจทางการเมืองได้แย่งกันตั้งราชวงศ์เพื่อแสดงความเป็นใหญ่ได้ถึง 5 ราชวงศ์ สิบอาณาจักร คือ ราชวงศ์เหลียง ถัง จิ้น ฮั่น และโจว มีแผ่นดินในปกครองแถบลุ่มแม่น้ำฮวงโห ประวัติศาสตร์จีนช่วงนี้ไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่ลำบากยากแค้น นับเป็นจุดตกต่ำอีกจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน
นักประวัติศาสตร์จะเรียกราชวงศ์ในยุคห้าราชวงศ์ว่า ราชวงศ์โฮ่วเหลียง โฮ่วถัง โฮ่วจิ้น โฮ่วฮั่น และโฮ่วโจว คำว่าโฮ่วมีความหมายว่ามาทีหลังหรือภายหลัง เพราะบางตระกูลหรือราชวงศ์ใช้แซ่เดียวกันแต่มีอำนาจในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น เหลียง ถัง จิ้น ฮั่น โจว มีอำนาจในช่วงแรกแต่ราชวงศ์โฮ่วเหลียง โฮ่วถัง โฮ่วจิ้น โฮ่วฮั่น และโฮ่วโจวมีอำนาจในช่วงหลัง ส่วนคำว่าเป่ยหมายถึงทางตอนเหนือ ทิศเหนือ
ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร พระนามฮ่องเต้หลายองค์อาจเป็นเพียงพระนามเรียกขานไม่ใช่พระนามแต่งตั้ง ถ้าเป็นพระนามแต่งตั้งในแต่ละราชวงศ์มักจะเรียกขานคล้าย ๆ กัน
ยุคนี้เริ่มต้นด้วยจูเฉวียนจงล้มล้างราชวงศ์ถังตั้งราชวงศ์โฮ่วเหลียง ปราบดาภิเษกเป็นจูไท่จู่ฮ่องเต้ครองอำนาจตั้งแต่ พ.ศ. 1450 ถึง พ.ศ. 1455 ราชวงศ์โฮ่วเหลียงสิ้นสุดเร็วเพราะเกิดการแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก จูหยูกุ้ยขึ้นครองอำนาจและจูหยูเจินขึ้นครองอำนาจต่อมา สิ้นสุดราชวงศ์โฮ่วเหลียงที่ครองอำนาจในช่วง พ.ศ. 1450 ถึง พ.ศ. 1466
หลี่เค่อเย่อมีอำนาจต่อมา เดิมปักหลักอยู่ที่เมืองไท่หยวน มีบุตรชายที่ชื่อหลี่ฉุนซี่ว์ได้นำกองกำลังเข้ายึดดินแดนเหอเป่ย สถาปนาราชวงศ์โฮ่วถัง ครองอำนาจปกครองจีนระหว่าง พ.ศ. 1466 ถึง พ.ศ. 1469 หลี่ฉุนซี่ว์ได้เข้ายึดเมืองไคเฟิงหลังจากที่ราชวงศ์โฮ่วเหลียงล่มสลายแล้ว หลังจากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงจากนครไคเฟิงไปที่นครลั่วหยาง สถาปนาเป็นถังจวงจงฮ่องเต้ เข้ายึดครองแคว้นเฉียนสู รัชกาลนี้เริ่มต้นด้วยดีแต่ไปไม่รอดด้วยมีขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงทำให้บ้านเมืองวุ่นวายสับสน ที่จริงการทุจริตคอร์รัปชันฉ้อราษฎร์บังหลวงมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัยถ้ามีไม่มากจนเกินไปบ้านเมืองยังพอไปรอดอยู่แต่ถ้ามีมากจนฟันเฟืองในการทำงานหยุดชะงักก็มีเหตุทำให้บ้านเมืองล่มสลายได้เหมือนกัน หลี่ซื่อหยวนบุตรบุญธรรมของหลี่เค่อเย่อจึงขึ้นครองอำนาจต่อนามว่าถังหมิงจงฮ่องเต้ บ้านเมืองเริ่มสงบขึ้น แต่เมื่อสิ้นถังหมิงจงฮ่องเต้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
สือจิ้งถังราชบุตรเขยในถังหมิงจงฮ่องเต้เป็นแม่ทัพเมืองเหอตงหันไปสวามิภักดิ์ต่อชนเผ่าคีตัน ยกย่องให้เยลี่ว์เต๋อกวงหัวหน้าชนเผ่าคีตันยิ่งใหญ่เปรียบประดุจพ่อของตนเอง แค่นี้ยังไม่พอยังได้เอ่ยปากจะยกดินแดนเหอเป่ย ซันซี และมองโกเลียในอีก 16 เมืองให้อีก พร้อมทั้งผ้าไหมแพรพรรณมากมาย ผ้าไหมแพรพรรณในสมัยนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงยิ่งการให้ผ้าไหมแพรพรรณจึงนับว่าให้สิ่งที่ดีที่สุด และม้าศึกเป็นเครื่องบรรณาการ การให้ที่มากมายเช่นนี้สือจิ้งถังคงหวังจะได้ความช่วยเหลือจากเยลี่ว์เต๋อกวงหัวหน้าชนเผ่าคีตันเป็นแน่แท้ และเป็นเช่นดังคาดเพราะสือจิ้งถังได้ตั้งราชวงศ์โฮ่วจิ้นที่เมืองไท่หยวน ต่อจากนั้นบุกต่อไปยังนครลั่วหยางทำให้ราชวงศ์โฮ่วถังสิ้น คงคิดว่าเป็นบุตรเขยคงไม่มีโอกาสได้เป็นฮ่องเต้จึงคิดอยากมีอำนาจด้วยตนเอง ราชวงศ์โฮ่วจิ้นมีอำนาจในช่วง พ.ศ. 1479 ถึง พ.ศ. 1490
ราชวงศ์โฮ่วจิ้นย้ายเมืองหลวงกลับไปยังนครไคเฟิงอีกครั้ง ยุคนี้ราชวงศ์โฮ่วจิ้นและชาวบ้านไม่ได้สุขสบายเนื่องจากอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง และราชสำนักต้องส่งบรรณาการไปให้ชนเผ่าคีตัน ชาวบ้านยากจนมาก ๆ เมื่อสิ้นสือจิ้งถังแล้วสือฉงกุ้ยพระนัดดาได้ครองอำนาจต่อ ชนเผ่าคีตันหาเรื่องยกทัพบุกลงใต้เพื่อปราบสือฉงกุ้ย สู้รบกันไปสู้รบกันมากินเวลานานถึง 5 ปี พอถึงสิ้นปี พ.ศ. 1489 เป็นอันสิ้นสุดสงครามกองทัพของชนเผ่าคีตันบุกนครไคเฟิงทำให้ราชวงศ์โฮ่วจิ้นล่มสลาย
            เยลี่ว์เต๋อกวงหรือเยลี่ว์อาเป่าจีหัวหน้าชนเผ่าคีตันได้สถาปนาแคว้นเหลียวที่นครไคเฟิงและได้ครอบครองดินแดนที่เคยเป็นของคนอื่นแล้วใช้วิธีที่โหดเหี้ยมทารุณปล้นสะดมเข่นฆ่าชาวบ้านตาดำ ๆ
การที่ชาวบ้านโดนรังแกโดยไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่หรือมีผลประโยชน์ใดแอบแฝงไม่ได้มีผลประโยชน์อันใดเกี่ยวข้องด้วยเลยกับที่แคว้นเหลียวจะได้รับนั้นย่อมสร้างพลังเงียบให้เกิดกับชาวบ้านเหล่านั้นได้ ด้วยความคับแค้นใจเหลือจะทนทำให้ชาวบ้านมารวมตัวกันต่อสู้กับทัพเหลียว ชาวบ้านสู้กับทหาร มือเปล่าสู้กับอาวุธแต่ผลปรากฏว่าชาวบ้านทำให้ทหารเหลียวล่าถอยหนีทัพกลับขึ้นทางเหนือได้แสดงว่าแม้แต่มือเปล่าของชาวบ้านตาดำ ๆ ที่แฝงเร้นไปด้วยพลังแห่งความโกรธแค้นและเกลียดชังสามารถเอาชนะทหารที่มีอาวุธแต่ทำตามคำสั่งได้
            ภาคกลางขาดราชวงศ์หรือผู้มีอำนาจ หลิวจือหย่วนแม่ทัพคุมเมืองเหอตงจึงขอขึ้นมามีอำนาจแทน พ.ศ. 1490 ประกาศตนเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์โฮ่วฮั่น ได้ครองอำนาจช่วง พ.ศ. 1494 ถึง พ.ศ. 1503
            ส่วนกัวเวยสถาปนาราชวงศ์โฮ่วโจว พ.ศ. 1494 เมืองหลวงของราชวงศ์โฮ่วโจวอยู่ที่นครไคเฟิง
กัวเวยทำให้บ้านเมืองสงบสุข ส่งเสริมคนดีทำลายคนชั่ว เมื่อสิ้นกัวเวย พ.ศ. 1497 ไฉหรงบุตรชายได้ขึ้นมามีอำนาจแทน ทรงพระนามโจวซื่อจงฮ่องเต้ ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ดี เมื่อสวรรคตนั้นพระโอรสวัย 7 ชันษาขึ้นมามีอำนาจแทนทรงพระนามโจวกงตี้ฮ่องเต้
พ.ศ. 1503 เจ้ากวงอิ้นชิงอำนาจจากราชวงศ์โจวสถาปนาราชวงศ์ซ่งหรือซ้อง ตั้งตนเป็นเป็นซ่งไท่จู่ฮ่องเต้รวบรวมอาณาจักรทั้งหมดเข้าด้วยกัน ใช้เวลาทั้งหมด 20 ปี จึงรวมจีนให้เป็นหนึ่งเดียวได้
ความเจริญของประเทศจึงเปลี่ยนผ่านจากภาคเหนือลงมาสู่ภาคใต้ จากแม่น้ำแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลืองลงสู่เขตลุ่มแม่น้ำฉางเจียงหรือแยงซีทำให้การขยายตัวของเมืองและการคมนาคมทางน้ำเจริญเติบโตตามไปด้วย

 
 



Create Date : 01 ธันวาคม 2562
Last Update : 1 ธันวาคม 2562 4:25:18 น.
Counter : 1498 Pageviews.

0 comment
ราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีน
ราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีน
            ตั้งแต่ราชวงศ์ฉินปกครองดินแดนอันกว้างใหญ่ แล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ชาวฮั่นได้ปกครองจีนมาตลอด หลังสิ้นราชวงศ์ฮั่น จีนแตกกระสานซ่านเซ็นเป็นยุคสามก๊ก มารวมตัวกันในยุคราชวงศ์จิ้น แล้วแบ่งแยกเป็นต่างแคว้น ไม่อาจรวบรวมเป็นหนึ่งเดียว เหมือนสมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่น        
ผ่านยุคราชวงศ์ห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น และราชวงศ์เหนือ-ใต้  มาตั้งหลักได้ใหม่อีกครั้งในราชวงศ์สุย ถัง อู่โจว แล้วมาถึงยุคห้าราชวงศ์ มารวมตัวกันได้อีกในราชวงศ์เหลียว ซ่ง จิน
ต่อจากนั้น ชาวฮั่นเสียการปกครองให้แก่ต่างชาติ หลังจากที่ชาวมองโกลยึดแผ่นดินจีน แล้วสถาปนาราชวงศ์หยวน ชาวฮั่นรู้สึกเสียชาติ จึงรวบรวมเพื่อฟื้นคืนแผ่นดินของตนขึ้นมา โดยสามารถสถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้นมาได้
สุดท้ายราชวงศ์ชิง นำโดยชาวแมนจูมาปกครองประเทศ และสิ้นสุดการปกครองโดบฮ่องเต้นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
รายชื่อราชวงศ์ที่ปกครองจีนโดยฮ่องเต้ เรียงตามลำดับ
ลำดับ 1 ราชวงศ์ ฉิน พ.ศ. 322 - 337
ลำดับ 2 ราชวงศ์ ฮั่นตะวันตก พ.ศ. 337 - 552
ลำดับ 3 ราชวงศ์ ซิน พ.ศ. 552 - 568
ลำดับ 4 ราชวงศ์ ฮั่นตะวันออก พ.ศ. 568 - 763
ลำดับ 5 ราชวงศ์ ยุคสามก๊ก พ.ศ. 763 - 823
ลำดับ 6 ราชวงศ์ จิ้น พ.ศ. 808 - 963
ลำดับ 7 ราชวงศ์ ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น พ.ศ. 847 - 982
ลำดับ 8 ราชวงศ์ เหนือ-ใต้ พ.ศ. 963 - 1132
ลำดับ 9 ราชวงศ์ สุย พ.ศ. 1124 - 1160
ลำดับ 10 ราชวงศ์ ถัง พ.ศ. 1161 - 1450
ลำดับ 11 ราชวงศ์ อู่โจว พ.ศ. 1233 - 1248
ลำดับ 12 ราชวงศ์ ห้าราชวงศ์ พ.ศ. 1450 – 1503
ลำดับ 13 ราชวงศ์ เหลียว พ.ศ. 1450 – 1503
ลำดับ 14 ราชวงศ์ ซ่ง พ.ศ. 1503 – 1822
ลำดับ 15 ราชวงศ์ จิน พ.ศ. 1658 – 1777
ลำดับ 16 ราชวงศ์ หยวน พ.ศ. 1749 – 1930
ลำดับ 17 ราชวงศ์ หมิง พ.ศ. 1911 – 2187
ลำดับ 18 ราชวงศ์ ชิง พ.ศ. 2187 – 2454



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2562 4:23:33 น.
Counter : 867 Pageviews.

0 comment
เมื่อชาวฮั่นก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นปกครอง


เมื่อชาวฮั่นก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นปกครอง
ราชวงศ์ฉินเป็นราชวงศ์แรกที่สามารถรวมแผ่นดินจากหลายแว่นแคว้นเป็นอาณาจักรได้หนึ่งเดียวและเกิดตำนานของฮ่องเต้เป็นครั้งแรก จีนจึงเป็นมหาอำนาจตั้งแต่บัดนั้น
ก่อนหน้ามีถึง 7 แคว้น ได้แก่ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี ฉิน แต่ละแคว้นไม่ขึ้นตรงต่อกันจึงมักเกิดสงครามปะทะซึ่งกันและกันบ่อย ๆ
รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย พลังของไม้ไผ่ที่มัดรวมกันย่อมแข็งแกร่งกว่าไผ่ซีกเดียว
เมื่อเกิดศึกสงครามระหว่างกัน การพัฒนาบ้านเมืองจึงไม่เกิดขึ้น ด้วยต้องจัดทัพไประวังรักษาชายแดน หลังรวมเป็นหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังภัยระหว่างกัน กอปรกับมีเจ้าครองนครที่เก่งกาจ ฉลาดหลักแหลม มีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างความเป็นหนึ่งด้วยมาตรฐานกลาง จึงทำให้จีนเป็นใหญ่ได้
เมื่อเก่งกล้าสามารถเกินกว่าอ๋องที่เหลือ จึงใช้แสนยานุภาพของกองทัพบุกทะลวงจนเป็นใหญ่ที่สุด
ทำไมทั้ง 7 แคว้นจึงยอมสยบอยู่ใต้อำนาจของฉินจิ๋นซีแต่เพียงผู้เดียว มันแสดงถึงอะไรรึ ความเก่งกล้าสามารถทางการรบกระมัง พลังอำนาจที่เด็ดเดี่ยวจึงสยบผู้ที่อ่อนแอได้
ให้บังเอิญว่า ชาวฮั่นกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของอ๋องแคว้นฉิน พระนามอิ๋งเจิ้ง ได้รวบรวมแคว้นใหญ่น้อยรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวได้ เป็นใหญ่เหนือแคว้นทั้งหมด
จิ๋นซีฮ่องเต้ สถาปนาราชวงศ์ฉิน แล้วประกาศให้ใช้คำว่า ฮ่องเต้ แปลว่า ใหญ่กว่าอ๋องทั้งปวง ฮ่องเต้เป็นคำเรียกจักรพรรดิจีนในภาษาแต้จิ๋ว ถ้าเป็นภาษาจีนกลางจะออกเสียงว่าหวงตี้
ผู้ที่ใช้คำว่าฮ่องเต้หรือหวงตี้เพื่อแทนตนเองเป็นคนแรกคือฉินจิ๋นซีฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฉิน ผู้ที่สามารถรวบรวมเมืองน้อยใหญ่ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวได้ และให้ใช้คำว่าอ๋องแทนผู้ปกครองแต่ละนครแทนกษัตริย์แต่ดั้งเดิม
คำว่าอ๋องหมายถึงกษัตริย์ที่ปกครองแต่ละแว่นแคว้นแต่ฮ่องเต้จะเป็นผู้ที่ควบคุมกษัตริย์ทั้งหลาย หรือภาษาชาวบ้านฮ่องเต้จะยิ่งใหญ่มากกว่ากษัตริย์ทั้งหลายเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่มากซึ่งตรงกับคำว่าจักรพรรดิในภาษาไทย
“ฮ่องเต้” ยิ่งใหญ่เพียงใด ในความหมายของฉินจิ๋นซีฮ่องเต้แล้วฮ่องเต้เป็นเทพหรือโอรสของสวรรค์ แล้วได้บัญชาให้ผู้คนทั่วไปได้รับรู้และเข้าใจ
นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาในความคิดของคนจีนทุกคน ฮ่องเต้คือผู้ที่ได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและผู้ที่จะเป็นฮ่องเต้ได้จะสืบทอดต่อกันมาเฉพาะทางสายเลือดเท่านั้น
ส่วนมากสืบทอดจากพ่อไปสู่ลูกมากกว่าจากพี่ไปสู่น้อง แต่ในบางยุคบางสมัยที่ฮ่องเต้หรือราชวงศ์อ่อนแออาจมีบางคนหาญกล้าตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ในกรณีที่เกิดพลิกผันเช่นนี้จะเรียกว่ามีการปราบดาภิเษกตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ราชวงศ์เดิมได้
คำว่าจีนที่คนไทยเรียกประเทศจีนนั้นอาจจะมาจากคำว่าฉิน แม้แต่คำว่า China ในภาษาอังกฤษก็น่าจะมาจากรากศัพท์คำว่าฉินเช่นเดียวกัน
คำว่าจีนในปัจจุบันจึงเชื่อว่ามาจากเสียงคำว่า “ฉิน” นี่เอง
            ราชวงศ์ฉินได้รับการยอมรับจากนักประวัติศาสตร์ว่าเป็นราชวงศ์แรกของจีนที่นับว่าเป็นจักรวรรดิจีนด้วยสามารถรวบรวมอาณาเขตได้กว้างใหญ่ไพศาลเท่ากับแผ่นดินจีนในยุคปัจจุบัน
            จีนยังครองอำนาจความเป็นประเทศมหาอำนาจจนถึงปัจจุบัน แม้จะขาดหายไปช่วงหนึ่งหลังการสิ้นอำนาจหลังราชวงศ์ชิง


 



Create Date : 29 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2562 16:26:12 น.
Counter : 1112 Pageviews.

0 comment
621129 กลุ่มชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินจีน

บนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ปัจจุบันเรียกว่าประเทศจีนนั้น มีหลายชนเผ่ามาอยู่ร่วมกัน ปัจจุบันนับได้ถึง 56 กลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ ๆ แต่ในอดีตนานนับพันปี อาจมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่านี้ก็เป็นได้
            เมื่อชาวฮั่นนับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุด จึงคิดว่านี่คือผืนแผ่นดินของพวกเขา แต่การยกย่องให้เกียรติว่าเป็นชาวจีนด้วยกัน ทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข อาจมีบางครั้งบางคราวที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง
            ถึงชาวฮั่นจะเป็นชนกลุ่มใหญ่บนผืนแผ่นดินจีน แต่ทว่ากลับกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยเกิดสงครามและความไม่สงบบ่อยครั้ง ทำให้กลุ่มหนึ่งอพยพหนีภัยไปแสวงหาดินแดนใหม่
            ต้นตระกูลของชาวฮั่นสืบเชื้อสายมาจากชาวหัวเซี่ยในแถบลุ่มแม่น้ำฮวงโห ที่ก่อเกิดอารยธรรมจีนโบราณ เมื่อมีอำนาจปกครองจีน และยิ่งใหญ่สุดเริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ฉินนั้น ได้ผลัดเปลี่ยนกันมามีอำนาจจนถึงยุคหนึ่งที่ชาวแมนจูมาบุกยึดและเถลิงอำนาจเหนือแผ่นดินจีน ทำให้ชาวแมนจูนับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งรองลงมา
            ราชวงศ์ชิงปกครองจีนเป็นราชวงศ์สุดท้าย ถึงจะพยายามบังคับให้ชาวฮั่นเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่เมื่อถึงช่วงการปฎิวัติซินไห่ ทำให้ชาวแมนจูกลับมายอมรับวัฒนธรรมของชาวฮั่น และพูดภาษาจีน จนภาษาของชาวแมนจูใกล้สาบสูญเหลือคนพูดได้เพียงผู้สูงอายุในชนบทภาคเหนือของจีนเท่านั้น
            กลุ่มชาติพันธุ์หุยเป็นชาวจีนที่เป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนใหญ่อยู่ในดินแดนปกครองตนเองมณฑลหนิงเซีย กานซู่ ซิงไห่และซินเกียง บางส่วนกระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น ในปักกิ่ง หยุนหนาน ชาวหุยพูดภาษาจีนและมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับชาวฮั่น
กลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์เป็นชาวมุสลิมกลุ่มใหญ่ในภาคตะวันตกของจีน นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนหนี่และซูฟี ส่วนภาษาอุยกูร์เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลอัลตาอิก เนื่องจากศาสนาและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากชาวฮั่น ทำให้บางครั้งเกิดการกระทบกระทั่งกับชาวฮั่นและมีการเรียกร้องเอกราชในนามของเตอร์กิสถานตะวันออก
กลุ่มชาติพันธุ์ถู่จีอา หรือชาวทู่เจี๋ยสืบเชื้อสายมาจากชาวปาโบราณที่ก่อตั้งอาณาจักรปาในเขตนครฉ่งชิ่งเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว ต่อมาถูกทำลายลงโดยจักรวรรดิฉิน ชาวทู่เจี๋ยมีภาษาเป็นของตนเอง สื่อสารด้วยภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น

 
 



Create Date : 29 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2562 15:53:53 น.
Counter : 927 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments