Group Blog All Blog
|
จูหยวนจางสร้างความยิ่งใหญ่
![]() ก้าวไปยืนแถวหน้าแล้วสร้างความยิ่งใหญ่ เมื่อจูหยวนจางชาวนาผู้นำกบฏได้เป็นใหญ่สุดในจำนวนกลุ่มก่อกบฏทั้งหลาย สุดท้ายและท้ายสุดชิงชัยตีเมืองกลับคืนมาเป็นของฮั่นได้บางเมือง ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ซะเลย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นสัญลักษณ์ให้ชาวฮั่นที่ลุกฮือขับไล่ชาวมองโกล ได้รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ชาวฮั่นจะทวงคืนผืนแผ่นดินเป็นของชาวฮั่น ไม่ใช่ยอมให้มองโกลกดขี่ข่มเหงฮั่นได้ต่อไป การรีบประกาศว่าตนเป็นฮ่องเต้ ทั้งที่ยังไม่ได้ครองเมืองทั้งหมด นับเป็นกุศโลบายเรียกขวัญชาวฮั่นได้เป็นอย่างดี ที่รู้ว่า บัดนี้มีผ็นำชาวฮั่นที่เก่งกาจกล้าต่อกรกับมองโกลแล้ว ใช้เวลานานถึง 19 ปี จาก พ.ศ. 1911 ถึง พ.ศ. 1930 จึงสามารถขับไล่ราชวงศ์หยวน ชาวมองโกลออกไปได้ อย่างหมดราบคาบแก้ว เมื่อได้เป็นฮ่องเต้ การแผ่ขยายอาณาจักรเป็นภาระงานที่ได้ทำ สร้างความเกรียงไกนกลับคืน ได้ขยายอาณาเขตภาคพื้นดินออกไปไกลถึงเวียดนามตอนเหนือ ยึดมองโกเลียกลับคืนมาเป็นของจีน หลังจากที่ชาวมองโกลมายึดจีนแล้วตั้งราชวงศ์หยวน เรียกว่าเป็นการเอาคืน นอกจากไม่ได้ปกครองจีนแล้ว แผ่นดินถิ่นเกิดของตน ยังโดนริบคืนไปเสียอีกนี่ เจ็บกระดองใจไหม รุ่นลูกหลานที่ยอมเสียดินแดน จะมีหน้าไปหาบรรพบุรุษในปรโลกได้เยี่ยงไรกันนิ องครักษ์เสื้อแพรผู้พิทักษ์หมิงไท่จู่ฮ่องเต้
องครักษ์เสื้อแพรผู้พิทักษ์หมิงไท่จู่ฮ่องเต้
องครักษ์เสื้อแพรมีหน้าที่คล้ายตำรวจลับ เริ่มต้นครั้งแรกในรัชสมัยของหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ เพื่อคุ้มกันพระองค์และราชสำนัก อำนาจล้นฟ้า จัดการทุกคดีโดยไม่ต้องขึ้นกับใคร อิสระเหนือกว่าผู้ใดใต้หล้า ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น สุดยอดในการคิดที่จะจัดการกับผู้ที่คิดทรยศ รวมถึงขุนนางและพระญาติที่จะแข็งข้อ ด้วยอำนาจเผด็จการสุด ๆ ผ่านองครักษ์เสื้อแพร ไม่ต้องฟังเสียงคัดค้านจากผู้ใดเลย ไม่ต้องมีกระบวนการยุติธรรมใด ๆ มาคัดง้าง เครื่องแบบสีเหลืองทองที่โดดเด่น มีแผ่นป้ายชื่อที่สวมติดบนลำตัว ถืออาวุธดาบพิเศษ สร้างความน่าเกรงขามให้แก่ทุกผู้คนที่พบเห็นและอาจเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่แน่ว่า อยู่ดี ๆ อาจหายวับไปกับตา จากไปสู่ปรโลกได้โดยไม่ทันสั่งเสียเอาความแก่ญาติพี่น้อง อย่าลืมว่า จูหยวนจางเป็นเพียงชาวนาที่ยากจน แต่ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ เพราะฝีมือทางการทหารจากสมัครพรรคพวก เมื่อเสร็จศึก คิดหรือว่า บรรดาขุนศึกจะไม่คิดฉงนสนเท่ห์ในใจว่า ทำไมตนจึงปล่อยโอกาสให้ภาวะผู้นำตกอยู่กับคนที่ด้อยกว่าตน ขุนศึกเฉินโหย่วเลี่ยงคงเป็นหนึ่งในนั้น นี่เองทำให้จูหยวนจาง ผู้สุดฉลาดจนได้เป็นหมิงไท่จู่ฮ่องเต้จะไม่คิดป้องกันตนเอง จนต้องสร้างเกราะป้องกันตนเองให้พ้นจากภยันตรายที่อาจเกิดขึ้น ความหวาดระแวงว่าพรรคพวกที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่จะคิดไม่ซื่อ จึงให้องครักษ์เสื้อแพรสอดแนมตรวจสอบในเบื้องต้น จนสร้างหน่วยงานให้ใหญ่โตขึ้นจาก 500 คน เป็น 14,000 คน ในเวลาแค่ 3 ปี คนที่อ่อนด้อยมักไม่ต้องการมีลูกน้องที่เก่งและชาญฉลาดกว่า มาคอยคัดค้านว่า สิ่งที่คิดนั้นไม่เข้าท่า คนเป็นลูกน้องเลยต้องประจบประแจงว่า ดีครับท่านตลอด ทั้งที่ในใจอาจบ่น ไม่รู้ว่า ใช้สมองส่วนไหนคิดกันนะ เมื่อองครักษ์เสื้อแพรมีอำนาจล้นฟ้ารองจากฮ่องเต้เท่านั้น จึงกร่างและเหิมเกริมเกินเหตุ เพียงแค่สงสัย เด็ดหัวมันซะเลย 40,000 คน กลายเป็นจำเลย โดนสังเวยในข้อหาที่สงสัยว่าอาจก่อกบฏ หรือร่วมอยู่ในผู่ก่อกบฏ ยิ่งรุนแรง แรงกดมากขึ้น แรงต้านจะมากตามไปด้วย เชื่อว่า ผู้ที่ไม่คิดจะก่อกบฏในช่วงแรก รู้เห็นแจ้งแก่ใจว่า เพื่อน ๆ โดนเด็ดหัวอย่างง่ายดาย มีหรือที่ตนจะไม่ตาย จะรอดพ้นไปด้วย เพียงแค่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ความกลัวนี้เอง จึงรวมตัวกัน คิดว่า คนอย่างหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ไม่เหมาะเสียแล้วที่จะเป็นผู้นำ จำนวนผู้ต่อต้านจึงทวีมากขึ้น ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป และคิดการต่อต้านองครักษ์เสื้อแพร องครักษ์เสื้อแพรอยู่อย่างยิ่งใหญ่ตลอดราชวงศ์หมิง หลี่ฮองเฮา
![]() หลี่ฮองเฮามีชื่อเดิมว่า หลี่จื้อ หรือ หลี่โฮ่ว เป็นผู้มีอำนาจบาตรใหญ่อยู่เบื้องหลัง หลี่ฮองเฮาผู้นี้แสดงอำนาจอันเกินหญิงจีนในสมัยนั้นตั้งแต่สามีเป็นฮ่องเต้ ที่ฮั่นเกาจู่สั่งฆ่านายทหารคนสนิทที่เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบกันมาก่อนกู้ชาติ จนกู้ชาติสำเร็จ เขาว่ากันว่า ผู้เสนอความคิดให้รื้อนั่งร้าน หลังสร้างบ้านสำเร็จ คือเธอนั่นเอง คำพูดกรอกหูของคนหลังบ้านคือ แม่ทัพหานซิ่นคิดก่อการกบฎ ทำให้โดนประหาร 3 ชั่วโคตร และเผิงเยว่โดนสั่งเนรเทศ แต่หลี่ฮองเฮาแอบสั่งประหารโดยการตัดหัว แล้วก็หั่นศพให้ละเอียด คงมีแรงแค้นต่อกันมากเหลือคณานับจึงทารุณแม้กระทั่งศพที่ไร้วิญญาณ อาจคิดว่าวิญญาณของเผิงเยว่กำลังดูอยู่กระมัง จึงทำให้หายแค้น หลี่ฮองเฮาเป็นหญิงฉลาดแกมโกงและมองการณ์ไกล นางคงคิดแล้วว่า คนเก่งเกินไม่ควรอยู่ข้างกาย อาจเก่งกว่าสามีของนางก็เป้นได้ อาจกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ ที่พร้อมจะแทงข้างหลังเมื่อไรก็ได้ จำต้องกำจัดทิ้งเสีย ก่อนจะมาแย่งทุกสิ่งไปในภายหลัง จึงได้คิดรื้อนั่งร้านเสียก่อน เมื่อฮั่นเกาจู่ครองอำนาจ 10 กว่า ปี อำนาจของหลี่ฮองเฮายิ่งเพิ่มพูนทวีคูณ ด้วยฮั่นเกาจู่ต้องคอยออกรบบ่อย ๆ ถึงไม่ค่อยจะอยู่ในเมือง ฮั่นเกาจู่หลงรักหญิงงามคนหนึ่ง แต่งตั้งให้เป็นสนมและออกจะหลงรักนางมากกว่าเมียแรก ช่วงที่หลิวปังได้แต่งงานกับหลี่จื้อนั้น ยังคงเป็นคนธรรมดาที่มีโชควาสนาบุญหล่นทับ กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร ไม่รู้ว่า หลิวปังหลงรักนาง หรือแค่พ่อของนางอยากได้เขามาเป็นลูกเขย หรือเป็นธรรมดาชองผู้ชายที่เห็นหญิงที่สวยกว่าสาวกว่าให้หลงรักหัวปักหัวปำ จนลืมน้ำพริกถ้วยเก่าไปสิ้น ทำให้เมียแรกกลายเป็นหญิงขี้หึงที่สามีไม่รักและสนใจใยดีแม้แต่น้อย จากลูกสาวเศรษฐีที่ได้กับชายหนุ่มฐานะต้อยต่ำกว่า จนผลักดันได้เป็นถึงฮ่องเต้ มีทุกสิ่งอำนาจลาภยศ ขาดแต่เพียงสิ่งเดียวคือความรักจากสามี ด้วยเหตุนี้ หลังสิ้นฮั่นเกาจู่ พิษรักแรงหึงที่อัดแน่นสุมอกมานานหลายปี ได้ทะลวงออกมาด้วยการสั่งฆ่าสนมชีฮูหยินอย่างโหดร้าย เริ่มแรกสั่งปลดนางเป็นทาสและจับโกนหัว ส่วนลูกชายยังให้อยู่ดีเป็นสุข จนมาวันหนึ่งสนมชีฮูหยิน ผู้ไม่รู้จักเจียมตน ได้พร่ำพรรณาถึงอดีตและบอกกล่าวใคร ๆ ว่า ลูกชายนางนั้นเป็นใคร เขาว่าอยู่ดีไม่ว่าดี แค่สั่งปลดเป็นทาสและโดนโกนหัวยังไม่สำนึก คราวนี้ลูกชายที่เป็นถึงองค์ชายหลิวหรูอี้เลยต้องสังเวยชีวิตให้แก่ความโหดของหลี่ไทเฮา จากนางที่เคยสูงส่ง เป็นสนมที่ฮ่องเต้หลงรักตกอับมาเป็นนางทาส นางคงประสงค์จะทวงคืนสิทธิ์ เลยเที่ยวป่าวประกาศหาความยุติธรรม แต่ฝีมือไม่ถึงพอ ทำให้การเรียกร้องไร้ประโยชน์ แถมความซวยพัดจรเข้ามาหาซะอีก ถ้าไม่แน่จริง อย่าริอาจหาญ บางทีเป็นเพราะนางไม่มีสติปัญญามากพอจะต่อสู้ทวงคืนสิทธิ์ จึงพูดพร่ำเพ้อเจ้อไปเรื่อย ฮั่นฮุ่ยตี้ทรงสนิทสนมในองค์ชายหลิวหรูอี้เป็นอันมาก เมื่อตนได้ขึ้นครองบัลลังก์ และรู้ว่าพระมารดาหลี่ไทเฮาหวังกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดสิ้นไป ไม่ว่าองค์ชายใด ๆ ได้หาทางกำจัดให้หมดสิ้น เห็นไหมว่า หลี่ไทเฮาเป็นคนเช่นไร กำจัดขวากหนามที่รายล้อมรอบตัวให้เตียนโล่ง ไม่ให้มีแม้สักคนที่จะมาเป็นอุปสรรคขวากหนาม คอยแย่งชิงบัลลังก์และอำนาจ ฮั่นฮุ่ยตี้จึงพยายามปกป้องชีวิตขององค์ชายหลิวหรูอี้อย่างเต็มที่ เพื่อหวังปกป้องให้องค์ชายหลิวหรูอี้รอดชีวิต จึงเสด็จไปรับองค์ชายหลิวหรูอี้เข้ามาพำนักในวังหลวงในตำหนักเดียวกับพระองค์ และสั่งการให้ทหารดูแลอย่างใกล้ชิด การเลือกให้เข้ามาในวังหลวงแทนการให้ไปอยู่ในที่เร้นลับห่างไกล ไม่รู้อย่างไหนจะปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะให้มาอยู่ใกล้แม่เสือที่หิวโหยพร้อมตะปบเหยื่อทุกเวลา วันหนึ่งขณะที่พระองค์มีธุระด่วนออกจากตำหนัก ไม่รู้ว่าเป็นแผนการอันแยบยลของหลี่ไทเฮาหรือไม่ ทำให้ทรงปล่อยองค์ชายหลิวหรูอี้อยู่ตามลำพัง ไม่นึกไม่ฝันว่าชั่วประเดี๋ยวเดียวนี้เอง องค์ชายหลิวหรูอี้โดนวางยา สิ้นชีพไปเสียเลย ส่วนสนมชีฮูหยินถูกตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา ทำให้หูหนวก กรอกยาให้เป็นใบ้ แล้วเอาไปไว้ข้างห้องส้วม ให้เรียกว่า มนุษย์หมู มีชีวิตเยี่ยงหมูข้างห้องส้วม น่าอเนจอนาถใจยิ่งนัก จากสนมที่ฮ่องเต้หลงรักมาเป็นมนุษย์หมูสกปรกโสโครกโสมม ไร้แขนขาแถมตาบอดอีก ยิ่งกว่าตกสวรรค์อีกนะนี่ นางมีคำสั่งให้ฮั่นฮุ่ยตี้มาดู ทำให้ฮั่นฮุ่ยตี้รู้ตัวแล้วว่า แม่ของตัวเองโหดเหี้ยมและร้ายกาจมากเพียงใด เมื่อแม่สั่งให้ทำสิ่งใด จำต้องทำตามอย่างไม่บิดพริ้ว มิเช่นนั้นอาจมีชะตากรรมดุจเดียวกัน เป็นเพราะพระองค์พยายามปกป้องชีวิตลูกชายของนาง ทำให้นางและลูกของนางจบสิ้นชีวิตแบบน่าอนาถเช่นนี้ ความเป็นฮ่องเต้มิอาจแก้ไขให้ทุกสิ่งดีขึ้นได้เลย เมื่อแม่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่กล้าท้าทายอำนาจนาง และทำให้นางโกรธ จะจบสิ้นชีวิตเช่นไร มีหรือลูกจะกล้าแสดงอำนาจบาตรใหญ่และคัดค้านแม่ได้อีก ฮั่นฮุ่ยตี้จึงเป็นฮ่องเต้ที่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ทำตัวเสเพล เพื่อไม่ให้เกะกะสายตาแม่ แม่อยากทำอะไรให้ทำได้ตามใจเลย ปล่อยให้แม่ออกว่าราชการ และกุมอำนาจทั้งหมด โดยที่พระองค์เป็นเพียงหุ่นเชิดอำนาจนี้ เรียกว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี น่าสงสัยว่า แท้จริงแล้วฮั่นฮุ่ยตี้เป็นคนไม่เอาไหนจริง ๆ หรือแค่บอกว่า กลัวแม่มาก จึงไม่กล้าออกว่าราชการ และไม่ทำตัวเหมือนคนรู้เรื่องที่อยากได้อำนาจมาเป็นของตน ไม่กล้าช่วงชิงอำนาจที่ควรเป็นของตนจากแม่บังเกิดเกล้าที่เหี้ยมโหด ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า เรื่องราวในรัชกาลของฮั่นฮุ่ยตี้ ไม่มีสิ่งใดประทับใจอันเกิดจากฝีมือของฮ่องเต้ ผิดกับพ่อและแม่ที่เก่งกาจมากเกิน หลี่ไทเฮาอาจแจ้งแก่ใจว่า ถ้าตนไม่ทำให้มากเช่นนี้ ลูกของนาง ไม่มีโอกาสแม้แต่จะขึ้นครองบัลลังก์ หรือแม้เมื่อมีโอกาส อาจไม่สามารถอยู่ครองอำนาจได้นาน ด้วยฝีมือ ความเก่งฉลาดเฉลียว เมื่อผนวกรวมกับความโหดเหี้ยม จึงมีแต่เรื่องของหลี่ไทเฮามากกว่าฮั่นฮุ่ยตี้ผู้เป็นฮ่องเต้ตัวจริงเสียอีก เมื่อได้อำนาจมาครอบครองในฐานะของผู้หญิงที่สังคมจีนในขณะนั้น ไม่เคยให้ความสำคัญเลยแม้สักนิด นางจึงหลงในอำนาจ ติดอยู่ในกับดักแห่งความชั่วร้ายมากขึ้นทุกที สมญานามว่าหลี่จอมโหดจึงเป็นเรื่องที่ให้ผู้คนกล่าวขานถึงตลอดมา หลี่ไทเฮาเป็นหญิงจอมโหดตั้งแต่เป็นหลี่ฮองเฮา จากเมียแต่งเมียเอก ก้าวขึ้นมาเป็นฮองเฮา แล้วสามีมีแต่หญิงอื่นรายล้อม เลยสร้างแรงแค้นสะสมมากมาย จนเป็นหลี่ไทเฮาเอาความแค้นระเบิดออกมา แล้วเป้นหลี่ไทฮองไทเฮาผู้ปรารถนาในอำนาจแห่งตนมากขึ้นเรื่อย ๆ จูหยวนจางพิฆาตเม้งก่า
ก่อนที่จูหยวนจางจะรุ่งโรจน์ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้นั้น ได้บวชเป็นพระ ได้เข้าร่วมขบวนการขับไล่มองโกล ทั้งลัทธิบัวขาว กบฏโพกผ้าแดง และนิกายเม้งก่า จนมีสมัครพรรคพวกที่มีฝีมือทางการรบมากมาย จนสามารถบุกทะลวงเมืองที่มองโกลครอบครองได้ เรื่องราวตอนนี้คงมีแต่การสู้รบ ดุเดือดเลือดพล่าน จนคนรุ่นหลังที่นิยมประวัติศาสตร์ บวกกับการต่อสู้เพื่อชิงชัย นิยมชมชอบหนังจีนเล่าเรื่องในอดีต หนึ่งในนั้นคือนิยายของกิมย้งชื่อ ดาบมังกรหยก มีจูหยวนจาง และเซี่ยง่อชุน เป็นคนในนิกายเม้งก่า โดยที่พระเอก เตียบ่อกี้ ในวัยเด็กได้รู้จักกับเซี้ยง่อชุน ที่ได้ช่วยชีวิต จิวจี้เยียก เอาไว้ เซี้ยง่อชุนได้พาเตียบ่อกี้ไปรักษาตัวกับหมอเทวดาโอ้วแชงู้ จนทำให้เตียบ่อกี้มีวิชาการแพทย์ติดตัว ภายหลังเตียบ่อกี้ได้เป็นประมุขเม้งก่า ได้มอบตำราพิชัยสงครามของงักฮุยให้แก่จูหยวนจางเพื่อใช้ในการสู้รบกับมองโกล เมื่อจูหยวนจางเผด็จศึกได้ และขับไล่มองโกลไปได้สำเร็จ สถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้นมาในขณะที่ราชวงศ์หยวนยังไม่ได้หมดสิ้นหรือออกไปจากแผ่นดินจีน เมื่อยึดได้เมืองสองเมือง เริ่มปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ทว่าคนอย่างหมิงไท่จู่ฮ่องเต้เมื่อมีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ปรารถนาจะสร้างบ้านสร้างเมืองตามความคิดของตน กลับโดนเพื่อนร่วมน้ำสาบานแต่เดิมขัดขวาง ห้ามปราม สิ่งที่ผู้มีอำนาจมากมาย จะเลือกทำเมื่อมีผู้ขัดขวาง ยอมล้มเลิกความคิดของตน หรือ ลุยตามความตั้งใจแต่เดิม และขจัดเสี้ยนหนาม หมิงไท่จู่ฮ่องเต้เลือกที่จะทรยศฆ่าคนในนิกายเม้งก่าตายหมด ทั้งนี้ด้วยมีแรงยุจากเมียเอกผู้โหดเหี้ยม กลัวว่าเพื่อนนักรบที่มีฝีมือจะมาแข่งบารมีด้วย ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติของตน แข่งอะไร แข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนา หาได้ไม่ ฮองเฮาคิดว่าครอบครัวของตนมีบุญบารมีล้นฟ้า จึงกำจัดผู้ที่อาจจะมาแข่งบารมีด้วย สิ่งที่หมิงไท่จู่ฮ่องเต้ทำ คือ เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล เพื่อไม่ให้เกิดความแปลกแยกทางความคิดในการบริหารงานและสั่งการ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทที่ร่วมกอบกู้บ้านเมืองรวมทั้งพวกที่ชอบเสนอความคิดเห็นในทางตรงข้าม หากคิดช่วงชิงแผ่นดินไม่อาจถือหลักเมตตากรุณา แต่การปกครองแผ่นดินต้องคำนึงถึงหลักเมตตาธรรม นี่คือสิ่งที่หมิงไท่จู่ฮ่องเต้คิดและทำ หลักการนี้คงมีผู้ที่คิดคล้ายกันต่อมาอีกหลายศตวรรษ เพราะการแย่งชิง ช่วงชิง และการคงรักษาไว้ซึ่งอำนาจ จำต้องเลือดเย็น ไม่เห็นแก่พี่ แก่น้อง หรือผู้ที่เคยมีอุปการคุณแต่เก่าก่อน 621203 มาตรฐานกลางมาตรฐานเดียว
![]() 621203 มาตรฐานกลางมาตรฐานเดียว สมัยฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ประกาศตนเป็นฮ่องเต้คนแรกของประเทศจีน เป็นใหญ่กว่าอ๋องทั้งปวง รวบรวม 7 แคว้น เข้าด้วยกัน แต่ได้พบปัญหาแต่ละแคว้น มีหน่วยการวัดที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความยุ่งยากในการชั่งตวงวัด การค้าขายกับต่างแคว้น อาศัยอำนาจของฮ่องเต้ ที่เหนือกว่าทุกผู้คนทั่วหล้า สั่งให้ทุกหน่วยการวัดเป็นมาตรฐานกลางมาตรฐานเดียว การออกคำสั่งเช่นนี้ย่อมเกิดแรงต้านมากมาย ความยุ่งยากของผู้มีอำนาจกับความรู้สึกเคยชินของแต่ละหย่อมหญ้า ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเปลี่ยนให้วุ่นวาย ยิ่งผู้ปฏิบัติการที่เคยชิน กลับต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยทำ มาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด แล้วอย่างไหนจะชนะ ถ้าไม่ใช่อำนาจอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่บังคับให้ทำ กี่พันปีแล้วนะที่ฉินจิ๋นซีครองอำนาจช่วง พ.ศ. 322-337 สามารถทำให้เกิดมาตรฐานเดียวบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ แล้วทำไม ขณะที่ต่างหน่วยงานมีปัญหามาตราส่วนในการจัดทำแผนที่ จึงไม่อาจสรุปหรือตกลงในการใช้มาตรฐานเดียวกันได้ สงสัยต้องให้ฉินจิ๋นซีมาจัดการเสียล่ะกระมัง |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |