All Blog
631013 เรื่องราวยุ่ง ๆ ของ ไม้ กับการเมือง
631013 เรื่องราวยุ่ง ๆ ของ ไม้ กับการเมือง
              เมื่อมีคนสองกลุ่ม คือ พวกไม้ใกล้ฝั่ง สูงวัย รวมทั้งพวกหัวเอียงขวา กับพวกหัวก้าวหน้า รวมนักเรียนคอซอง ขาสั้น สองกลุ่มต่างขั้วมาปะทะคารม เกิดวิวาทะต่อกัน ต่างฝ่ายต่างคิดว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง บ้านเมืองควรเป็นไปในแนวของตน
              กลุ่มไม้ใกล้ฝั่ง คิดว่าใช้ไม้แข็ง วิธีการเฉียบขาด อำนาจเด็ดขาดที่มีอยู่ในมือ จัดการกลุ่มต่อต้านให้สยบ โดยใช้ไม้เด็ด ไม้ตาย ในการต่อสู้ เพื่อให้ฝ่ายปรปักษ์ไม่อาจสู้จนชนะได้
ทั้งสองฝ่ายเป็นไม้เบื่อไม้เมา ไม่ลงรอย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อาจจะหลายปีดีดัก สั่งสมมาแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ด้วยอ้างคำว่า ประชาธิปไตยกับเผด็จการเป็นคำสำคัญในการต่อสู้
ไม้ป่าเดียวกัน พวกเดียวกันมารวมตัวกัน จากหลายกลุ่มก้อน ไม่ว่าเด็กเล็ก เด็กโต จนแก่เหลาเหย่ที่คิดว่าตนมีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่พวกที่เคยโดนไม้เรียว และคิดว่าครูใช้อำนาจไม่เป็นธรรมแก่เด็กที่ไม่มีทางต่อสู้ โดยเอาคะแนนมาเป็นตัวล่อ สั่งให้ทำหรือไม่ทำตามใจครู
เดือนตุลาเป็นเดือนแห่งความทรงจำทางการเมือง 14 ตุลา 16 กลุ่มนิสิตนักศึกษาได้ชัยชนะ แล้วหลงคิดว่า อำนาจนี้จะคงทนถาวร พอถึง 6 ตุลา 19 กลับพ่ายแพ้ ไม่เป็นท่า หงายเก๋งไปเลย
ในการต่อสู้ทางการเมือง พวกไม่เข้าฝ่ายใด ได้แต่ใช้ไม้สั้นไม้ยาว เสี่ยงทาย ว่าใครจะแพ้ ใครจะชนะ บางทีคิดว่าจะชนะ แต่โดนไม้มืด ลอบทำร้ายแกนนำ ทำให้ไขว้เขว ลมเปลี่ยนทิศได้ บางทีมีพวกไม้หลักปักขี้ควาย โลเล ไม่แน่นอน เปลี่ยนกลุ่ม เปลี่ยนความคิด กลายเป็นพวกมากลากไป เลยไม่แน่ว่ากลุ่มใดมากกว่ากัน
คงไม่มีผู้วิเศษคนใดจะสั่งหยุดความวุ่นวายได้ ขออย่าให้รุนแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น ดีเปรสชั่นก็แล้วกันนะ
 
 ความหมายของ ไม้ จากพจนานุกรม
ไม้ใกล้ฝั่ง แก่ใกล้จะตาย
ไม้แข็ง ใช้วิธีการเฉียบขาด อำนาจเด็ดขาด
ไม้เด็ด ไม้ตาย ท่าสำคัญในการต่อสู้ ทำให้ฝ่ายปรปักษืไม่อาจสู้ได้
ไม้เบื่อไม้เมา ไม่ลงรอย ขัดแย้งกันเป็นประจำ
ไม้ป่าเดียวกัน พวกเดียวกัน
ไม้มืด การลอบทำร้าย
ไม้เรียว ไม้ที่เอาไว้ตีเด็ก
ไม้สั้นไม้ยาว วิธีการเสี่ยงทาย ใครจะได้
ไม้หลักปักขี้ควาย โลเล ไม่แน่นอน

 



Create Date : 13 ตุลาคม 2563
Last Update : 13 ตุลาคม 2563 9:03:59 น.
Counter : 695 Pageviews.

1 comment
620210 เรื่องของขี้
 
620210 เรื่องของ “ขี้” by DrPK
พอพูดคำว่า “ขี้” หลายคนทำท่าหยะแหยงกันขึ้นมาทันที เพราะจะนึกสิ่งที่มีกลิ่นเหม็นที่ออกจากทวารหนัก
คนเรานี่ก็แปลก ไม่ชอบพูดกันตรง ๆ หาว่า ไม่สุภาพ เช่นจะบอกว่าออกจากรูก้น ใครพูดคงโดนมองหน้า
ถ้าพูดว่าปวดขี้ยิ่งแย่หนัก ต้องบอกขออนุญาตไปอุจจาระ ทั้งที่ระเบิดกำลังจะลงในนาทีนั้น
นอกจากออกจากทวารหนัก อะไรที่ออกจากร่างกายแล้วมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จะขึ้นต้นด้วยขี้กันทั้งนั้น เช่น ออกจากผิวหนังเรียกขี้ไคล ไม่ใช่ขี้ของใครแต่เป็นขี้ของเรานั่นเอง ออกจากหนังหัวเรียกขี้รังแค สองคำนี้แปลงสารเล็กน้อย ส่วนอวัยวะอื่นบอกตรง ๆ ไปเลยว่า ขี้หู ขี้ตา แล้วขี้จมูกคงยาวไปหน่อยเลยเหลือขี้มูกแทน
ขี้ฟันมาจากฟันที่ไม่แปรง ขี้ลืมก็จำอะไรไม่ค่อยได้ พอสลับคำยิ่งไม่อยากทำ เช่น ฟันขี้ อุ๊ยไม่เอาแน่ ๆ ลืมขี้ล่ะยังพอทนถ้าเจอห้องส้วมที่เหม็น ๆ
พอมีเหงื่อออกจากรักแร้ เราเรียกขี้เต่า สงสัยว่าขี้เต่าจริง ๆ คงเหม็นพิลึก บางคนชอบดมขี้เต่าคนอื่นบอกเป็นกลิ่นมีเสน่ห์ เป็นยังงั้นไปได้นิ งงไหมล่ะ
คนที่ผิวหนังเป็นรอยด่างดวงสีขาว เรียกขี้กลาก ขี้เกลื้อน เกิดจากเป็นกลากเกลื้อน อุตส่าห์เติมขี้ให้มันอีกนิ
พอออกจากวัสดุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ร่างกายมนุษย์ เรายังคงเรียกขี้ หมายถึงเศษหรือกากที่เกิดขึ้น เช่น ขี้กบ ขี้เลื่อย มันไม่ใช่ขี้ของกบกับขี้ของเลื่อย แต่เป็นเศษของไม้ที่หลุดรอดออกมาจากทำไม้แผ่นใหญ่ให้ได้รูปทรงที่ต้องการ
จากการใช้กบไสไม้ หรือใช้เลื่อยตัดไม้ให้แยกจากกัน
อะไร ๆ ที่ไม่ดี ใช้ขี้ทั้งนั้น คนไม่ขยัน ไม่ทำงาน เราเรียกคนขี้เกียจ มาจากคำว่าเกียจคร้านนั่นแหละ ส่วนคนที่มักแบมืออยากได้ของ ๆ คนอื่น จะโดนเรียกว่าคนขี้ขอ
ขี้หดตดหายหมายถึงคนขี้ขลาดขี้กลัว ไม่กล้าทำในสิ่งที่ควรทำ แต่บางคนกล้าบ้าบิ่นเกิน มองเห็นสิ่งอันตรายหรือเลวร้ายกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเสียนี่
จำไว้เลย ถ้ามีขี้นำหน้า แปลได้ว่า สิ่งนั้นต้องไม่ดีแน่ ๆ
แล้วตัวของเราล่ะ กำลังเป็นขี้ขี้ของสังคมอยู่หรือเปล่า ที่ปล่อยสิ่งไม่ดีออกจากตัวเรา ทำลายและทำร้ายผู้อื่นและสังคมให้เลวร้ายและตกต่ำไปเรื่อย ๆ หรือไม่ ถ้าเป็นจงรู้สึกตัวแล้วเลิกเป็นขี้กันได้แล้วนะ จะบอกให้



Create Date : 12 ตุลาคม 2563
Last Update : 12 ตุลาคม 2563 10:12:27 น.
Counter : 621 Pageviews.

1 comment
ฉินจิ๋นซีเป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ฉิน
ฉินจิ๋นซีเป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ฉิน
พระนามเดิม อิ๋งเจิ้ง
พระบิดาคือหวังจวังเซียง เป็นเจ้าผู้ครองนครฉิน พระมารดาคือพระสนมเจ้า
อดีตของฉินจิ๋นซีที่เกิดขึ้นนานมาแล้วนั้น ค่อนข้างสับสนและแตกต่างกันไปในหลายแห่ง
หนึ่งในนั้นกล่าวว่า อิ๋งเจิ้งเกิดที่แคว้นเจ้า เป็นบุตรองค์ชายอี้เหรินแห่งแคว้นฉินที่เป็นตัวประกันที่แคว้นเจ้า กับเจ้าจีอดีตนางรำของหลี่ปู้เหว่ย ตอนนั้นแคว้นเจ้ายิ่งใหญ่กว่าแคว้นฉิน ทำให้พ่อของอิ๋งเจิ้งต้องตกเป็นตัวประกัน
อดีตของอิ๋งเจิ้งนี้ค่อนข้างสับสน ทำให้ไปแต่งเป็นภาพยนตร์ได้หลากหลาย ทำให้เกิดข่าวลือที่ว่า ที่แท้อิ๋งเจิ้งเป็นบุตรที่ติดท้องมาของเจ้าจีกับหลี่ปู้เหว่ย ด้วยเจ้าจีเป็นเมียลับและตั้งท้องก่อนที่จะได้ถวายตัวเป็นสนมของอี้เหริน จริงเท็จไม่รู้ได้ ทำให้หลี่ปู้เหว่ยได้สนับสนุนอิ๋งเจิ้งจนก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่สุดเหนือหกแคว้น
เมื่ออี้เหรินกลับแคว้นฉิน และได้เป็นฉินจวงเซียงหวาง อิ๋งเจิ้งในฐานะบุตรชายและเจ้าจีพระสนมได้กลับแคว้นฉินด้วย สถาปนาอิ๋งเจิ้งเป็นรัชทายาท
ฉินจวงเซียงหวางครองราชย์ได้เพียง 3 ปี สิ้นพระชนม์ อิ๋งเจิ้งขึ้นครองราชย์ต่อ เมื่ออายุเพียง 13 ปี โดยหลี่ปู้เหว่ยเป็นอัครเสนาบดีและผู้สำเร็จราชการ พ่อตัวจริงได้ครองอำนาจ ซึ่งได้วางแผนมาเนิ่นนานแล้ว โดยให้เจ้าจีเป็นตัวเดินเรื่อง
หลี่ปู้เหว่ยกุมอำนาจสูงสุดในแคว้นฉิน และยังคงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเจ้าจีไทเฮา เพราะเคยเป็นคู่ขากันมาแต่เก่าก่อน แต่เมื่ออิ๋งเจิ้งเป็นใหญ่สุดและเริ่มโตเป็นหนุ่มพอรู้ความ ทำให้ไม่กล้ามีความสัมพันธ์แบบเดิมอย่างชัดแจ้ง
หลี่ปู้เหว่ยกลัวเรื่องราวจะลุกลามบานปลายใหญ่โต จึงหยุดความสัมพันธ์กับเจ้าจีไทเฮา แต่ได้แนะนำเล่าไอ่มาแทนตน โดยให้ปลอมมาเป็นขันทีในตำหนักเจ้าจีไทเฮา
ไม่มีใครรู้เจตนาที่แท้จริงของหลี่ปู้เหว่ย ที่ทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โตในภายหลัง
ทำไมหลี่ปู้เหว่ยให้ชายแท้เข้ามาดูแลเจ้าจีไทเฮา แต่ที่รู้แน่ เล่าไอ่น่าจะทำเกินคำสั่ง เพราะได้เสียกับเจ้าจีไทเฮาและมีลูกด้วยกันถึงสองคน สมัยนั้นไม่มียาคุมกำเนิด เมื่อทำแล้วต้องให้กำเนิดลูกแน่
เล่าไอ่เข้ามากุมอำนาจในราชสำนักผ่านทางเจ้าจีไทเฮา ด้วยความเป็นชายแต่ปลอมตัวในฐานะขันที ทำให้มีความสัมพันธ์กัน และมีบุตรลับ ๆ กับเจ้าจีไทเฮาอีก 2 คน
เรื่องนี้ยิ่งแปลกประหลาดใหญ่ เพราะสามารถปกปิดได้เป็นนานสองนาน
เมื่ออิ๋งเจิ้งโตเป็นหนุ่ม รู้เรื่องราวที่ตนคิดว่าน่าบัดสี และอดีตของพระมารดาที่เป็นของหลี่ปู้เหว่ยกับเล่าไอ่ จึงเริ่มคิดแผนการกำจัดคู่ขาของพระมารดา
ระหว่างที่อิ๋งเจิ้งเดินทางออกจากเมืองหลวงเสียนหยาง เล่าไอ่ได้ก่อการกบฏ
แผนล่อเสือออกจากถ้ำครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นธาตุแท้ของชายชู้ของแม่
อิ๋งเจิ้งเรียกระดมพลและปรามกบฏเล่าไอ่และพรรคพวก ทั้งหมดโดนประหารชิวิต
ถ้าไม่แน่จริง คงไม่สามารถปราบกบฏพ่อเลี้ยงได้
เจ้าจีไทเฮาถูกส่งตัวไปกักบริเวณในตำหนักที่ยงตูเมืองหลวงเก่า บุตร 2 คนของเจ้าจี ไทเฮา กับเล่าไอ่โดนประหารชีวิตเช่นกัน จะเก็บไว้ทำไม ถึงจะเป็นน้องร่วมแม่ แต่มันทำให้คนทั้งเมืองได้รู้ว่า แม่ของตนทำการบัดสี ไม่สมฐานะของการเป็นไทเฮาเอาเสียเลย
ส่วนหลี่ปู้เหว่ยโดนปลดจากอัครเสนาบดีและผู้สำเร็จราชการ และโดนย้ายไปอยู่ลั่วหยางเมืองศักดินาของตน ต่อมาโดนเนรเทศไปชายแดนเสฉวน และบีบคั้นจนต้องดื่มสุราพิษฆ่าตัวตาย
ในหนังเรื่องนี้ แท้จริงหลี่ปู้เหว่ยเป็นพ่อแท้จริงของฉินจิ๋นซี แต่ไม่ได้ประกาศตน ไม่เช่นนั้นอิ๋งเจิ้งจะไม่ได้สิทธิของการเป็นฉินจิ๋นซี ด้วยความร่ำรวย ด้วยความเก่งกาจของหลี่ปู้เหว่ยที่ได้ปูทางทุกอย่างให้อิ๋งเจิ้งก้าวสู่การเป็นอ๋องแคว้นฉินและเป็นอ่องเต้พระองค์แรกของประเทศจีน
ฉินจิ๋นซีได้ประกาศตนเป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ฉินและนับได้ว่าเป็นฮ่องเต้องค์แรกของประเทศจีน
คำว่าอ๋องแทนกษัตริย์หรือผู้ครองแคว้น เมื่อฉินจิ๋นซีฮ่องเต้รวมแคว้นทั้ง 6 เข้ากับแคว้นฉิน 7 แคว้นนี้จึงมีฐานะเป็นประเทศจีน
ฉินจิ๋นซีได้คิดคำใหม่เพื่อแทนความยิ่งใหญ่ของผู้คุมอ๋องทั้งหมด จึงใช้คำว่าฮ่องเต้สำเนียงแต้จิ๋ว หรือหวงตี้สำเนียงจีนกลาง ซึ่งมีความหมายว่าโอรสแห่งสวรรค์
เมื่อพระองค์ได้ปกครองแคว้นฉิน ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของ 6 รัชกาลแต่ก่อนของฉิน นับตั้งแต่ ฉินเซี่ยวกงเป็นต้นมา ใช้การปฏิบัติทางการเมืองและการปฏิรูประบอบต่าง ๆ เพื่อทำให้แคว้นฉินมั่นคงเข้มแข็ง และมีกำลังกล้าแข็งจนผงาดขึ้นมาปราบแคว้นทั้งหมดได้
ฉินจิ๋นซีสามารถรวบรวมและผนวก 6 แคว้นเป็นเอกภาพ ปิดฉากยุคจ้านกว๋อ สถาปนาราชวงศ์ฉิน ออกโจมตีชนเผ่าซงหนูทางเหนือ พิทักษ์ดินแดนของฉิน รุกรานชนเผ่าไป่เยว่ทางใต้ รวบอำนาจเข้ามาสู่ส่วนกลาง และสร้างมาตรฐานให้เป็นเสมือนประเทศเดียวกัน แทนที่จะเป็นแคว้นต่างกัน 6 แคว้น
การสถาปนาตนขึ้นเป็นใหญ่ได้พระนามว่าฉินสื่อหวงตี้ หรือฉินฉื่อหวังตี้ แต่คนไทยจะขานพระนามว่าฉินจิ๋นซีตามสำเนียงของจีนแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นคนจีนที่อพยพมาเมืองไทยในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมากที่สุด และนับเป็นจำนวนที่อยู่ในเมืองไทยมาก
ฉินจิ๋นซีเป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจฉลาดหลักแหลมมากที่สุด แต่ราชวงศ์ฉินอยู่ได้เพียง 2 รัชกาลเท่านั้น เป็นอันจบสิ้นราชวงศ์ การวางรากฐานที่มั่นคงก็ใช่ว่าจะคงอยู่ได้นานถ้าผู้ที่สานต่อไร้ซึ่งคุณธรรมและความสามารถ
เรื่องของฉินจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นภาพยนตร์หลายครั้ง แต่ละครั้งมีพลอตเรื่องที่แตกต่างกันไปขึ้นกับผู้แต่ง แค่เรื่องอดีตของฮ่องเต้ยังไม่อาจระบุได้ชัดเจน
บ้างว่า แม่ของเขาเป็นหญิงเริงเมืองที่บังเอิญมีลูกกับอ๋อง และไปอยู่ยังแคว้นอื่นเพื่อเป็นตัวประกัน ได้กลับมายังฉินเมื่อโตขึ้น จึงมีโอกาสเป็นอ๋อง
บ้างว่า แท้ที่จริงเขาไม่ใช่ลูกของอ๋องตัวจริง มีการสับเปลี่ยนตัว เพื่อหาคนมาเป็นตัวแทน ช่วงแรกเด็กคนนี้ไม่ยินยอมที่จะเป็นตัวแทน เมื่อหมดหนทางจริง ๆ จึงจำยอมเป็นอ๋อง และสามารถเป็นได้อย่างดี
เมืองหลวงในขณะนั้นคือเมืองเสียนหยางหรือซีอานในปัจจุบัน คนไทยนิยมไปเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสุสานฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ที่มีตุ๊กตาหินทหารจำนวนมากมายน่าจะเท่ากับจำนวนทหารในอดีตเพราะตุ๊กตาหินแต่ละตัวมีหน้าตารูปร่างไม่เหมือนกันอันอาจจะเกิดจากช่างปูนปั้นตั้งใจปั้นให้หน้าตาเหมือนทหารแต่ละคนหรือไม่ก็ฝีมือช่างปูนปั้นไม่คงที่ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งในกาลต่อมา
บางคนอาจเคยดูหนังจีนเรื่องหนึ่งที่คนรุ่นนี้ย้อนเวลาหาอดีตได้ และพยายามผูกโยงเรื่องว่าทำไมต้องปั้นปูนเป็นรูปทหารและม้าศึก เพราะโดยคติความเชื่อว่าต้องฆ่าทหารและม้าศึกฝังกลบในสุสานฮ่องเต้ ซึ่งหนุ่มนี้คิดแผนการใหม่ว่าถ้าใช้ปูนปั้นทหารและม้าศึกจะใช้แทนกันได้ ทำให้ไม่เสียทรัพยากรและชีวิตทหารจำนวนมากเพื่อติดตามรับใช้ในชาติหน้า ก็เป็นเพียงหนังสนุก ๆ ให้ดูกันและพยายามหาเหตุผลว่าทำไมจึงทำเช่นนี้แทนการทำตามจารีตประเพณีแต่ดั้งเดิม
ปัจจุบันสุสานนักรบดินเผาที่กลายเป็นหินนับพันนับหมื่นนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศจีน
เมื่อได้เป็นฮ่องเต้แล้ว ฉินจิ๋นซีได้ปรับระบบต่าง ๆ ให้ทันสมัย เช่น ระบบเงินตรา ระบบชั่งตวงวัด  ระบบตัวหนังสือซึ่งจะเป็นภาษากลางให้ทุกแคว้นใช้เหมือนกัน ระบบการปกครองเป็นจังหวัด อำเภอ การปราบปรามชนต่างเผ่า
การสร้างกำแพงเมืองจีนให้เชื่อมกำแพงของทุกแคว้นเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ว่าฉินจิ๋นซีเพียงคนเดียวที่สร้างกำแพงเมืองจีนทั้งหมด ทุกแคว้นต่างมีกำแพงเมืองของตนอยู่แล้ว เพียงแต่ให้กำแพงทั้งหมดเชื่อมติดต่อกันเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนต่างเผ่าที่อยู่ทางเหนือของประเทศ ได้แก่ พวกมองโกล ชี่ตัน ซ่งหนู กำแพงนี้มีความยาวหมื่นลี้ บางคนจึงเรียกกำแพงเมืองจีนว่ากำแพงหมื่นลี้
พวกชนเผ่าทางเหนือต่างมีฝีมือและต้องการมารุกราน ยึดครองแผ่นดินทางใต้ที่อุดมสมบูรณ์และอบอุ่นกว่า มาถึงยุคหนึ่ง ชาวมองโกลสามารถยึดครองจีนได้และตั้งราชวงศ์หยวน และชาวแมนจูเรียมายึดครองแล้วตั้งราชวงศ์ชิง
กำแพงเมืองจีนที่เชื่อมต่อกันทุกเมืองสามารถมองเห็นได้เมื่ออยู่นอกโลกจากคำบอกเล่าของนักบินอวกาศ จึงเป็นมรดกโลกที่มีคุณค่ายิ่ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้มหาศาล
ใครจะไปรู้ว่า สิ่งที่ทำในวันนี้จะกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลในอนาคต
ฉินจิ๋นซีเป็นนักปฏิรูปหัวก้าวหน้าที่คิดค้นนวตกรรมมาปกครองประเทศ ช่วงแรกฉินจิ๋นซีสร้างความเข้มแข็งทางการทหารและเศรษฐกิจของแคว้นฉินแล้วรุกรานแคว้นทั้ง 6 จนพ่ายแพ้
ใช้เวลานาน 26 ปี สามารถรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์จีน ตั้งตนในตำแหน่งฮ่องเต้ครั้งแรก ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้จึงเป็นฮ่องเต้องค์แรกของจักรวรรดิจีน
เมื่อเป็นฮ่องเต้ได้เริ่มระบบการปฏิรูปแบบซางหยางขับเคลื่อนให้แคว้นทั้ง 7 พัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ใช้การปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ฮ่องเต้ ยกเลิกระบบอำนาจแบบอ๋องเดิมที่เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นทั้ง 6 มีอำนาจเด็ดขาด
อ๋องและบรรดาขุนนางมีหน้าที่รับถ่ายทอดพระบัญชาไปปฏิบัติตามโดยไม่ต้องโต้แย้งหรือให้ข้อคิดเห็น แต่งตั้งขุนนางใหญ่ 3 คน ในตำแหน่งมหาอำมาตย์หรืออัครมหาเสนาบดีหรือเฉิงเซี่ยงเป็นผู้มีอำนาจรองจากฮ่องเต้ ที่ปรึกษาฮ่องเต้หรือยวี่สื่อต้าฟูคอยกำกับดูแลข้าราชบริพารทุกระดับชั้น
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือไท่เว่ยดูแลกิจการทหาร แบ่งดินแดนจาก 7 แคว้นใหญ่ออกเป็น 36 แคว้นย่อย แต่ละแคว้นแบ่งย่อยเป็นอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน แคว้นยินยอมให้ประชาชนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินโดยกำหนดให้มีโฉนดกำกับสิทธิ์การเป็นเจ้าของที่ดิน
สร้างความแข็งแกร่งของประเทศด้วยการสร้างเอกภาพของชาติ จัดทำระบบสำมะโนประชากรทั่วทั้งประเทศ จัดทำมาตรฐานภาษาเขียน จัดทำระบบเงินตรา มาตราชั่งตวงวัด สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างความเจริญให้แก่ประเทศจีนในกาลต่อมา
การเป็นผู้นำที่จะให้ผู้คนจดจำควรเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และคิดค้นนวตกรรมใหม่ที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองหรือเพื่อพัฒนาให้บ้านเมืองเจริญยิ่งขึ้น ไม่ใช่สักแต่ทำงานประจำให้รอดพ้นไปวัน ๆ
การสั่งย้ายเศรษฐีผู้ดีมีเงินหรือเจ้าสัวทั้งหลายให้อพยพมาอยู่ยังเมืองหลวงหรือนครเสียนหยางยิ่งเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ส่วนชาวบ้านให้ไปทำไร่ไถนาและพัฒนาที่ดินในถิ่นทุรกันดาร พวกนักโทษอาชญากรให้ไปอยู่ตามชายแดน จัดสรรปันส่วนที่อยู่ที่ดินทำกินให้เหมาะกับคนแต่ละกลุ่มแต่ละพวกเพื่อเป็นฐานความเจริญในแต่ละจุด
ผลงานที่โดดเด่นจนถึงปัจจุบันคือการสร้างถนนขนาดรถม้า 2 คัน สวนกันได้ตลอดบนกำแพงเมืองจีน และถนนทุกแห่งในเมือง เชื่อมต่อกำแพงของทุกเมืองเพื่อป้องกันชนต่างเผ่าเช่นเผ่าซงหนู กำแพงนี้กลายเป็นกำแพงเมืองจีนที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดของโลกและเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกปัจจุบัน รวมทั้งการขุดลอกคูคลองขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ
ด้วยความเป็นคนเก่งและมีอำนาจในตนสามารถสั่งการได้ทุกเรื่องจึงใช้อาญาสิทธิ์จัดการกับทุกคนที่ไม่ทำตามพระราชประสงค์หรือบังอาจขัดขืน แน่นอนย่อมก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำสร้างความไม่พึงพอใจให้แก่ขุนนางได้ เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อสิ้นบุญพ่อหมดอำนาจวาสนา ผู้เป็นลูกจึงไม่อาจทนต่อกระแสของคลื่นใต้น้ำได้
คนเก่งจะคู่กับความเป็นเผด็จการ เพราะคิดว่าตนเองเก่งแน่ จะเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก จึงเชื่อในฝีมือความสามารถของตนและสามารถทำได้ดีกว่าเหนือกว่ามากกว่ายอมรับว่าคนอื่นทำได้
ด้วยเหตุนี้จึงมักเผอเรอทำกิริยาที่ไม่เหมาะไม่งามคล้ายดูถูกดูแคลนคนอื่นอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเหตุให้คนรอบข้างที่อ่อนด้อยกว่าไม่พึงพอใจและพร้อมจะหาเรื่องโจมตี น่าแปลกที่หลายคนไม่ชอบผู้นำที่เก่งเกินไป
เชื่อว่าบรรดาขุนนางอำมาตย์ทั้งหลายอยู่ด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าคิดและเสนอ เป็นเต่าหัวหดในกระดอง ครั้นสิ้นฉินจิ๋นซีฮ่องเต้จึงลุกขึ้นมาต่อต้านพระโอรสที่ไม่มีฝีมือ
การทำสิ่งแปลกใหม่ที่ดีเด่นกว่าเดิมใช่ว่าจะนำมาซึ่งความพอใจของคนส่วนมากในสังคมที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
การเป็นคนเก่งและตั้งใจทำงานสูงมากเพื่อให้เสร็จทันใจของฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ย่อมบ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจไว้ด้วย ยิ่งในสมัยที่ฮ่องเต้มีอำนาจเหนือทุกผู้คนจึงสั่งการได้ทุกเรื่องราวแม้แต่เรื่องที่ไม่น่าทำ
ความอำมหิตโหดร้ายนี้มีคนเล่าต่อกันมาว่าจะจับประหารชีวิตทันทีโดยไม่ต้องไต่สวนทวนความว่าจริงเท็จประการใด แค่สงสัยก็กระทำได้และไม่ใช่แต่บุคคลที่สงสัยว่ากระทำความผิดเท่านั้นแต่ได้ลงโทษทั้งโคตร แต่จะกี่ชั่วโคตรไม่ได้บอกไว้ 
วิธีการประหารในสมัยนั้นจะใช้การแยกร่างด้วยม้าห้าตัวผูกเชือกเข้ากับร่างผู้โดนประหาร แน่นอนม้าทั้งห้าคงแยกวิ่งกันคนละทิศละทาง ร่างมนุษย์ก็คงแยกชิ้นส่วน ความเจ็บปวดก่อนตายคงสุดคณานับแต่พวกเขาคงไม่มีโอกาสบรรยายความโหดร้ายนี้ได้ด้วยตนเอง
ผู้ที่เฝ้ามองอยู่คงกระอักกระอ่วนอ๊วกแตกไปตามกัน  นอกจากนี้การประหารอาจใช้การตัดหัวเสียบประจานซึ่งดูจะทารุณน้อยกว่าการให้ม้าห้าตัวแยกร่าง
บางทีสิ่งที่คิดอาจดีหรือไม่ดีก็ได้ สิ่งที่เลวร้ายในสายตาของนักวิชาการก็มี
สิ่งที่ฉินจิ๋นซีทำและได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบันคือการเผาตำราของขงจื๊อทั้งหมดรวมทั้งคัมภีร์ที่คิดอ่านแตกต่างจากฮ่องเต้ การฆ่าบัณฑิตผู้นิยมลัทธิขงจื๊อทั้งหมดกว่า 400 คน ด้วยการเผาทั้งเป็นหรือไม่ก็ฝังทั้งเป็นหรือไม่ก็ฝังแค่ร่างแล้วตัดหัว
ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่หรือไม่ ในการล้มเลิกศรัทธาความเชื่อของคนส่วนมาก แล้วพยายามยัดเยียดสิ่งที่ตนคิดว่าดีให้แก่ประชาชน
สิ่งที่ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ทำเช่นนี้ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้มีมาตรฐานเดียวกันทุกเรื่องบนผืนแผ่นดินที่พระองค์ทรงรวบรวมได้ แต่การกระทำเช่นนี้เหมือนการหักด้ามพร้าด้วยเข่ามันรุนแรงและโหดร้ายเกินไปในสายตาของผู้คนที่ยึดมั่นในลัทธิขงจื๊อ
วิธีการทารุณผู้ต่อต้านโหดร้ายรุนแรง แต่ทั้งหมดที่ได้ทำกลับกลายเป็นพื้นฐานที่สร้างให้จีนเป็นอารยประเทศในกาลต่อมา เลยไม่รู้ว่าวิธีการที่เด็ดขาดเข้มแข็งโหดร้ายนี้ดีหรือไม่ดี
ความดุร้ายเข้มงวดรวมไปถึงการเกณฑ์แรงงานเพื่อสร้างกำแพงเมืองจีน สร้างสุสาน พระราชวังทำให้ผู้คนล้มตายอย่างน่าอเน็จอนาถใจเป็นอันมากนับเป็นเรือนล้านกว่างานจะสำเร็จตามพระราชประสงค์ เพราะเช่นนี้กำแพงเมืองจีนจึงสำเร็จลุล่วงและเป็นสิ่งมหัศจรรยืของโลกในทุกวันนี้ บนซากศพของแรงงานนับล้าน บนความทารุณโหดร้ายที่บีบบังคับชนชั้นผู้ไม่มีโอกาสต่อสู้
การขูดรีดภาษีจากประชาชนเพื่อบำรุงบำเรอความสุขและความปรารถนาของตนในการเดินทางท่องเที่ยวทั่วผืนแผ่นดินที่ตนรวบรวมได้ ทั้งหมดกลายเป็นภาพลบที่เกิดแก่ฮ่องเต้องค์แรกของประเทศจีน แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างได้กลายเป็นมรดกโลกที่ทรงคุณค่าต่อผู้คนในยุคต่อมาก็ตามที
ความอำมหิตโหดร้ายไม่ใช่กระทำต่อประชาชนเท่านั้นแต่รวมไปถึงพระโอรสองค์โตพระโอรสฝูซูที่น่าจะเป็นรัชทายาท ที่จริงน่าจะเรียกว่า ความเข้มงวดกวดขันและจริงจังต่อทุกเรื่องราวเสียมากกว่า
ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้โดนขัดใจเพราะพระโอรสฝูซูขัดคำสั่งพระบิดา เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เนรเทศว่าที่รัชทายาทฝูซูให้ไปสร้างกำแพงเมืองจีนเหมือนชาวบ้านทั่วไป
แม้แต่เพื่อน ๆ ที่บังอาจเพ็ดทูลในสิ่งที่ไม่ตรงกับความคิดของพระองค์ก็จับลงโทษเช่นกัน อย่างนี้ซิจึงจะเรียกว่าเผด็จการสมบูรณ์แบบและอำมหิตโหดร้ายตัวพ่อ
ความที่อำมหิตโหดร้ายเกินธรรมดา จึงมีหลายคนคิดที่จะล้มล้างอำนาจนี้ให้หมดไป บรรดาผู้ที่ไม่ชอบเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทำอย่างปกปิดซ่อนเร้นเหมือนคลื่นใต้น้ำ เพราะถ้าโดนจับก็คงต้องตายอย่างทารุณ ชีวิตความเป็นอยู่ของขุนนางและประชาชนคงอยู่กันด้วยความหวาดผวาและไม่มีความสุข
ที่น่าแปลกคนยิ่งมีอำนาจมากยิ่งอยากเสพอำนาจให้มากขึ้นและนานขึ้น เมื่อฉินจิ๋นซีฮ่องเต้หลงอยู่ในอำนาจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ในใจคงหวั่นเกรงว่าตนจะหมดอำนาจด้วยวัยชราที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้จึงเร่งแสวงหายาอายุวัฒนะเพื่อให้ตนเป็นหนุ่มอยู่ยงคงกระพันไปตลอด
ความจริงย่อมเป็นความจริง เกิดแก่เจ็บตายเป็นสัจธรรมโลก แต่ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้คงทำใจยอมรับสัจธรรมนี้ไม่ได้ จึงดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อค้นคว้าหายาอายุวัฒนะให้จงได้
คนมีอำนาจมาก เสพสุขได้ทุกสิ่งตามใจปรารถนา ย่อมปรารถนาให้ชีวิตอยู่ยืนยาว ส่วนคนยากไร้นับวันรอให้จากโลกนี้ไปเร็ว ๆ เผื่อชาติหน้าอาจสบายขึ้นมาบ้าง
ช่วงหลังฉินจิ๋นซีต้องการอายุที่ยืนยาว จึงเดินทางรอนแรมแสวงหาสมุนไพรในถิ่นทุรกันดารด้วยตนเอง ได้เรียกให้พระโอรสองค์โตฝูซูกลับวังหลังจากโดนเนรเทศ แต่พระอนุชาหูไห่รวมหัวกับเจ้าเกาขันทีขัดขวาง จะว่าไปแล้วพระโอรสองค์โตฝูซูว่าที่รัชทายาทเป็นคนที่เก่งกาจฉลาดเฉลียวไม่แพ้ผู้เป็นพระบิดาแต่อ่อนโยนและใจดีมากกว่ามาก
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเมื่อจะต้องสิ้นราชวงศ์ฉินจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
ระหว่างการเดินทางรอนแรมลงทางภาคใต้ของฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ กลุ่มการเมืองของหูไห่ที่มีเจ้าเกาขันที และเฉิงเซี่ยงหลี่ซือได้วางแผนปลงพระชนม์รัชทายาทฝูซูและแต่งตั้งให้หูไห่เป็นรัชทายาทแทน ด้วยการปลอมแปลงราชโองการที่ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ต้องการให้พระโอรสองค์โตฝูซูว่าที่รัชทายาทเป็นผู้สืบทอดอำนาจนั้นกลายเป็นสั่งให้พระโอรสองค์โตฝูซูและเหมิงเถียนฆ่าตัวตาย แทนที่จะได้กลับวังอย่างคนเป็น ๆ กลายเป็นศพกลับแทนทั้งที่เป็นราชโองการปลอมแท้ ๆ
โลกจะจารึกแต่ชื่อผู้เก่งกาจและทำคุณประโยชน์ ฉินจิ๋นซีเป็นคนหนึ่งที่โลกได้จารึกถึงเขา ทั้งผู้ที่สานต่อกำแพงเมืองจีนจนมองเห็นได้จากนอกโลก และผู้ที่ทำลายล้างตำราของขงจื๊อ เพื่อจะสร้างมาตรฐานชีวิตใหม่ แต่ลืมไปว่า ศรัทธาความเชื่อมิใช่สิ่งที่จะสร้างหรือทำลายได้ในพริบตาเดียว
ฉินจิ๋นซีเป็นฮ่องเต้พระองค์แรก
ที่สร้างมาตรฐานความเป็นหนึ่งเดียว
มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและโดดเด่น
แต่พลาดท่าที่คิดทำลายศรัทธาดั้งเดิม



Create Date : 04 ตุลาคม 2563
Last Update : 4 ตุลาคม 2563 7:42:45 น.
Counter : 723 Pageviews.

1 comment
631004 ไม่ต้องโทษใคร แค่ยุคสมัยเปลี่ยนไป
631004 ไม่ต้องโทษใคร แค่ยุคสมัยเปลี่ยนไป
              อะไร ๆ อาจขัดตาขัดใจพวกวัยเรา ยิ่งหมอดูการเมืองเตือนไว้ ตุลาปีนี้บ้านเมืองจะยุ่ง ๆ ทำใจให้ได้นะ ไม่งั้น หัวใจจะวายตายเสียก่อน อดดู reality show ตอนต่อไปที่แสนจะน่าตกตะลึงพรึงเพริดกว่าเดิม
รุ่นปู่ย่าตายาย silent gen ตอนนี้เกือบจะหมด ไปอยู่ในภพภูมิใหม่กันแล้ว ผ่านทุกข์ยากสมัยสงครามโลก แต่ละวันไม่ต้องคิดสร้างสรรค์อะไร แค่เอาตัวให้รอดก็พอใจแล้ว
รุ่นที่สร้างสรรค์ชีวิตสิ่งแปลกใหม่ baby bloomer เกษียณไปสักพัก เห็นการเปลี่ยนแปลงสูงมาก ความคิดวิถีชีวิต จากคำว่าจงรักภักดี ซื่อสัตย์ อดทน มองเห็นลูกหลานแบบตัวใครตัวมัน ใครดีใครได้ ผ่านวัยที่ได้ครองอำนาจราชศักดิ์ มีคนนับหน้าถือตา เริ่มอยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตน กินแต่บำนาญแต่ละเดือน
รุ่นลูก gen B ต้อง gen X โตมาพร้อมกับบ้านที่มั่นคง จึงมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เคร่งศาสนา ชอบอยู่ก่อนแต่ง จะแต่งจดทะเบียนเมื่อมีลูก คนต่างเพศประกาศตนชัดเจน
ลูก gen Y เกิด 2523 – 2540 โลกเปลี่ยนเร็วมาก เทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ตทำให้เห็นโลกกว้าง กล้าทำมากขึ้น ใคร ๆ เขาก็ทำกัน พร้อมจะก้าวกระโดด รับสิ่งใหม่ได้ง่าย ๆ ชอบทำหลายสิ่งในเวลาเดียว คิดว่า อัจฉริยะสามารถทำทุกอย่างที่อยากทำในเวลาเดียวกัน
คน gen B และ gen X ที่ปรับตัวเข้ากับลูกหลานและยุคสมัยได้ จะกลายเป็น gen C คือชอบเสพสื่อ social เล่น net line facebook แต่ไม่โฉ่งฉ่างเหมือน gen Y ยังกลัวโน่นกลัวนี่จากภัยอันตราย
เมื่อ gen Y ต่างทำงานนอกบ้านทั้งคู่ เด็ก gen Z เกิดหลังปี 2540 จะเคยชินกับการอยู่ตามลำพังหรือกับคนอื่น รับสื่อเต็มตัว กล้ามากเกิน ออกจะกระด้างก้าวร้าวเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ไม่มีคำว่าจงรักภักดีติดอยู่ในสมอง สิทธิเสรีภาพเหนือสิ่งอื่นใด ทำให้ทั้ง gen Y gen Z ลุกฮือประท้วงเกือบจะทั่วโลก
คำว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ที่ต้องเคารพนบนอบเชื่อฟัง หายไป ชื่อเสียงเกียรติภูมิที่สั่งสมมาของสถาบันการศึกษา ต่างโดนลดทอน ด่ากันเหยง ๆ ท้าทายให้ออกไป
ภาพที่เด็กนักเรียนออกมาก่นด่าทางสื่อ ทำให้คนสูงวัยจะเป็นลมตาย แม้แต่นักเรียนในโรงเรียนยังร่วมประท้วง ไม่คิดว่าภาพลักษณ์ที่ดีโดนย่ำยี กลับช่วยรุมกระหน่ำซ้ำเติม ตัวใครตัวมันนะพวก
อดีต เมื่อไปสมัครงาน พอเอ่ยชื่อว่า จบจากที่ไหน คนจะแห่รับด้วยความยินดี ต่อไป เครดิตโรงเรียนดังคงหมดความหมาย ดีเหมือนกัน ทุกแห่งไม่มีศักดิ์ศรีของศิษย์เก่าค้ำจุนอีกต่อไป ผลกระทบที่ตามมาอาจมากเกินกว่าที่คิด ช่วยกันทำลายล้างทั้งที่คิดว่า ทำเพื่อความถูกต้องชอบธรรม
ไม่รู้ต่อไปจะเป็นเช่นไรกัน อย่าเพิ่งหัวใจวาย คอยดูตอนต่อไป ก็แล้วกัน

 



Create Date : 04 ตุลาคม 2563
Last Update : 4 ตุลาคม 2563 4:08:16 น.
Counter : 697 Pageviews.

0 comment
620927 สิ่งอวดตัวแสดงตนว่าข้าร่ำรวย

620927 สิ่งอวดตัวแสดงตนว่าข้าร่ำรวย

คนร่ำรวยสมัยก่อนจะกล้าแสดงตนอวดความร่ำรวยอย่างเปิดเผย ไม่ได้เกรงกลัวโจรขโมย
เป็นเพราะโจรขโมยมีน้อย หรือตำรวจยิ่งใหญ่เก่งกาจ หรือความอวดรวยมีมากกว่าความกลัว หรือสังคมไม่เสื่อมทรามมากเท่านี้ หรือใคร ๆ ก็สามารถหาเงินได้ถ้าขยันหมั่นเพียร
ผู้หญิงที่มีฐานะจะมีเข็มขัดทองทำจากทองคำเส้นหนึ่งหนักประมาณ 80-100 บาท คาดที่เอวผ้าถุงแต่มองเห็นเข็มขัดทองชัดเจน แถมด้วยที่ห้อยพวงกุญแจทำจากทองอีก ยังไม่นับรวมสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ แหวนทอง รวมทั้งตัว ไม่กล้านับราคา
สมัยนี้ต้องเอา 20,000 บาทคูณ คนอ้วนหน่อย ทองมากหน่อย ถ้าหนัก 100 บาททองคำประมาณราคา 100 x 20,000 = 2,000,000 สมัยนี้ แต่ตอนนั้นราคาทองบาทละ 400 บาท แต่ถึงกระนั้นต้องคิดว่ากินก๋วยเตี๋ยวแค่ชามละ 50 สตางค์เท่านั้น
ส่วนผู้ชายต้องสร้อยทองเส้นเท่าโซ่ คล้องด้วยพระดีมีราคาสูง นับหลายสิบองค์ เดินเปิดเสื้อโชว์อกโชว์สร้อยห้อยพระ กร่างเท่ไปเลย แล้วไปนั่งส่องพระอวดว่าพระใครแน่กว่า ตามที่ชุมนุมตอนเช้าซึ่งคงไม่พ้นร้านกาแฟใกล้บ้าน
บางคนแซวว่า ถ้าคนนี้ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วตกเรือคงจมน้ำแน่นอน เพราะน้ำหนักของสร้อยกับพระเครื่องจำนวนมาก หรือเมื่อเจออันตรายอาจไม่รอดด้วยพระหลายองค์เกี่ยงกันว่าใครจะช่วย
ต่อมาการใส่ทองคำดูดาษดื่นไปเสียแล้ว ใคร ๆ ก็ใส่ทอง จำต้องหาสิ่งใหม่มาอวดโชว์
เมื่อนาฬิกาหรูหราจากสวิสเข้ามา ราคานับแสนนับล้าน ผู้มีอันจะกินซื้อมาอวดแสดงฐานะ ผู้หญิงใส่เพชรหลายกะรัตรวมอัญมณีอันล้ำค่า กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาคนจนอ้าปากหว๋อ
สมัยนี้น่ะเหรอแค่สร้อยทองสลึงเดียวยังโดนกระชากเลย จึงไม่มีใครกล้าใส่ทองจริงเดินตามท้องถนน ล่อตาล่อใจโจรกระจอก ผู้หญิงที่อยากสวยซื้อทองปลอมมาใส่ยังเกรงว่าวันรุ่งขึ้นอาจโดนโจรคนนั้นมาตบหน้าด่าทอให้เจ็บใจอีก แถมทำให้มันเสียเวลา
ทั้งทองคำ เพชรพลอย พระเครื่อง นาฬิกากลับกลายเป็นของสะสมที่มีราคามากขึ้นทวีคูณเมื่อเทียบกับตอนที่ซื้อ ลูกหลานที่ได้รับมรดกสบายไปหลายชาติ ถึงหลายคนไม่นำออกมาใส ออกมาใช้ หรือเอามาโชว์ แต่ถ้าอยากขายรับรองรวยเละ




Create Date : 29 กันยายน 2563
Last Update : 29 กันยายน 2563 10:00:39 น.
Counter : 860 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments