Group Blog All Blog
|
สรุปบทความในกลุ่มเหตุบ้านผ่านเมือ
สรุปบทความในกลุ่มเหตุบ้านผ่านเมือง
640604 เมื่อโรคระบาดอาละวาด เกิดอะไรขึ้น
640604 เมื่อโรคระบาดอาละวาด เกิดอะไรขึ้น
คนรุ่นเรา gen B ไม่เคยเจอหายนะ ไม่ผ่านสงครามโลก แต่ดันมาเจอไวรัสระบาดเมื่อเกือบบั้นปลายชีวิตแล้ว ยุ่งล่ะสิ รุ่นก่อน เมื่อเกิดโรคระบาด เขาทำกันอย่างไร กาฬโรคแห่งจัสติเนียน โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คน แล้วไม่มีหนทางรักษา คนที่เหลืออยู่ รอดได้อย่างไร หรือไม่มีใครเหลือรอดให้แพร่เชื้อได้อีก เชื้อแบคทีเรียอันตรายไม่แพ้เชื้อไวรัส กาฬโรคเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเยอร์ซิเนียเพสติส แพร่ระบาดปี ค.ศ. 541-542 ในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 อาณาจักรไบแซนไทน์ หรือโรมันตะวันออก กรุงคอนสแตนติโนเปิล โดยมีหนูเป็นพาหะนำโรค และหมัดที่แฝงมากับเมล็ดธัญพืชซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการจากอียิปต์ โรคระบาดครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คน 30-50 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรโลก เป็นส่วนหนึ่งของการล่มสลายอาณาจักรโรมันด้วย แล้วหยุดการระบาดได้อย่างไร นี่คือประเด็นที่น่าสงสัย ไม่มีใครตอบได้ แต่คาดเดาว่าเพราะทุกคนที่รอดพ้นเกิดภูมิคุ้มกันตัวเอง นั่นคือ โลกเหลือแต่คนแข็งแรง ต่อมาเกิดกาฬมรณะ จากตัวเดิมในช่วงทศวรรษที่ 1340s จุดเริ่มต้นมาจากตอนใต้ของประเทศอินเดียและประเทศจีน แพร่ระบาดไปตลอดเส้นทางสายไหม กระจายไปทั่วทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา คร่าชีวิตชาวยุโรป 30 - 60% ภายในเวลา 6 ปี ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 200 ล้านคน เจ้าหน้าที่การท่าเรือในเมืองรากูซา ได้กักตัวกะลาสีและลูกเรือ 40 วัน ช่วยให้การแพร่ระบาดลดลงได้มาก นับเป็นต้นแบบของการนำไปปฏิบัติทั่วโลกตะวันตก จนสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ในราวปี ค.ศ. 1351 คราวนี้เป็นไวรัสโคโรนา ที่ทำให้โลกทั้งใบยุ่งเหยิง และยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด นอกจากช่วยตัวเอง ล้างมือบ่อย ห่างไกลผู้คน ไม่ไปชุมชนที่หนาแน่นแออัด ฉีดวัคซีน และคงหนีไม่พ้น การสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลัง กินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย จอห์น ล็อค (John Locke: A.D. 1632 1704)
นักปรัชญาจะหารูปแบบการปกครองเพื่อให้เกิดสันติสุขต่อส่วนรวมจอห์น ล็อค (John Locke: A.D. 1632 – 1704) การอยู่รวมกันเป็นหมู่มากได้อย่างสงบ ทุกคนต้องเคารพซึ่งกันและกัน จอห์น ล็อค เกิดวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1632 ถึงแก่กรรมวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1704 เป็นนักปรัชญาชาวอังกฤษที่สนใจในวิชาสังคมศาสตร์และทฤษฎีของความรู้ จอห์น ล็อคอธิบายธรรมชาติของมนุษย์ว่า จิตของมนุษย์ว่างเปล่าเมื่อเกิดมาไม่มีอะไรติดตัวมา ความรู้ที่มีได้มาจากการเรียนรู้ การสังเกต การคิดและไตร่ตรอง ซึ่งเราเรียกว่าประสบการณ์ ความรู้ที่ได้รับจึงไม่มีวันสิ้นสุดแต่จะทวีเพิ่มพูนขึ้นมาได้เรื่อย ๆ จากการศึกษาและรู้จักใช้เหตุผล เช่นเดียวกับจริยธรรมของมนุษย์จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่เราเกิด ความรักในตนเอง ความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่ได้รับรู้ขึ้นมาภายหลังทั้งนั้น บางคนเปรียบเปรยว่าเด็กแรกเกิดประดุจดังผ้าขาวใสสะอาด เมื่อมีผู้อื่นแต่งแต้มเติมสีสรรต่าง ๆ ลงไป ผ้าขาวนั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามภาพที่ได้รับ มนุษย์จึงต้องรู้จักการจำแนกความแตกต่างระหว่างความสุขที่ยั่งยืนหรือความสุขที่แท้จริงกับความสุขจอมปลอมได้ ความสุขที่แท้จริงได้แก่สุขภาพ ชื่อเสียง ความรู้ การทำความดี ความหวังที่จะให้โลกมีแต่สันติสุข ในเรื่องการปกครอง ผู้อยู่ใต้การปกครองมักจะเกรงกลัวต่ออำนาจของผู้ปกครองจนลืมคิดว่าตนมีสิทธิ์ที่จะเลือกและยอมรับในตัวผู้ปกครองด้วยเช่นกัน แนวคิดนี้จึงเป็นฐานรากทางความคิดของปรัชญาทางการเมืองและเป็นพื้นฐานของกฎหมายสหรัฐอเมริกา ที่เน้นเกี่ยวกับสิทธิของการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยชีวิต เสรีภาพและทรัพย์สิน รวมทั้งการมีสิทธิที่จะเลือกผู้ปกครองด้วยตัวของพวกเขา แต่เดิมคนเราจะอยู่กับธรรมชาติเป็นระบอบอนาธิปไตย มีสิทธิในธรรมชาติ ในชีวิต เสรีภาพและทรัพย์สินสามารถจะกระทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ใจตนจะปรารถนาถ้าไม่ขัดต่อหลักการตามธรรมชาติ เช่น ไม่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เดียวกัน ไม่ต่อสู้โหดร้ายเยี่ยงสัตว์ป่า เมื่อกระทำสิ่งใดแล้วได้ทรัพย์สินมา ทรัพย์สินนั้นย่อมตกเป็นของตนผู้อื่นจะมาแย่งชิงเอาไปไม่ได้ การรักษาสิทธิของตนจึงต้องรักษาสิทธิของผู้อื่นด้วย ทุกคนจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข การฝ่าฝืนหลักการตามธรรมชาติจะก่อให้เกิดภยันตรายนานัปการ ต่อมาเมื่อคนไม่ยอมรักษาสิทธิของผู้อื่นทำให้เกิดความยุ่งเหยิงตามมาและทำให้เกิดการรวมตัวกันกลายเป็นรัฐ จอห์น ล็อคอธิบายว่า รัฐเป็นเพียงกลไกที่มนุษย์รวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิของตน โดยมอบความไว้วางใจให้แก่บุคคลกลุ่มหนึ่งช่วยทำหน้าที่ปกป้อง หน้าที่ของรัฐคือรักษาสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ คือ สิทธิในชีวิต เสรีภาพ ทรัพย์สิน แต่รัฐไม่ควรก้าวก่ายในกิจการของบุคคล เช่น การทำการค้า งานอุตสาหกรรม ยกเว้นเสียแต่กิจการนั้นไปทำลายเสรีภาพส่วนบุคคล ลักษณะสังคมที่ดีจะต้องปล่อยให้มนุษย์เป็นตัวของตัวเอง กำหนดโชคชะตาด้วยตัวของพวกเขา ระบอบการปกครองที่ดีต้องให้มนุษย์ทุกคนมีความเสมอภาคทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การใช้อำนาจทางการเมืองโดยระบบกฎหมายควรอยู่ในขอบเขตอันจำกัดซึ่งจะแตกต่างจากความคิดเรื่องกฎหมายในยุคก่อนที่นับถือพระเจ้าและเชื่อว่ากฎธรรมชาติได้มาจากพระเจ้า ยากที่ผู้คนจะเปลี่ยนแปลงกฎต่าง ๆ ของสังคมได้ สมัยใหม่มนุษย์จะต้องมีสิทธิที่จะแก้ไขกฎหมายที่ไม่พึงประสงค์ถ้าข้อความบางส่วนละเมิดสิทธิส่วนตัวของบุคคล จอห์น ล็อค นักรัฐศาสตร์ ผู้ที่คิดว่ามนุษย์มีความเป็นใหญ่ในตัวของตัวเอง อำนาจรัฐมีได้เพราะเราพร้อมใจยกอำนาจให้ ถ้าพวกเราไม่ยินยอมพร้อมใจย่อมจะสามารถดึงอำนาจนั้นกลับคืนมาได้ ทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง มีสิทธิส่วนตัวที่จะคิด จะทำอะไรก็ได้ตามใจตน การมีอำนาจรัฐเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการล่วงเกินซึ่งกันและกัน กฎหมายที่มีอยู่ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนในสังคม ไม่ใช่แก่ผู้มีอำนาจเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ความเป็นมนุษย์ในสายตาของจอห์น ล็อคเป็นสิ่งที่สูงค่ามาก ควรที่พวกเราจะหวงแหนและดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของทุกคนต่อไป ด้วยแนวคิดที่ว่าเราทุกคนมีอำนาจในการเลือกผู้ปกครองและถ้าพวกเราไม่ยินยอมพร้อมใจย่อมจะสามารถดึงอำนาจนั้นกลับคืนมาได้ จึงทำให้เกิดการเดินขบวนต่อสู้เพื่อเรียกร้องผู้ปกครองคนใหม่ตามใจตนได้ปรากฏขึ้นในหลายภาคพื้นทวีปไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่ปกครองกันมานานหลายสิบปีและผู้มีอำนาจได้ฝังรากแห่งอำนาจลึกทั่วทุกหย่อมหญ้า แสดงให้เห็นถึงพลังประชาชนที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อการปกครองที่ดีโดยไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจมืดที่ปกคลุมอยู่ จอห์น ล็อค เป็นนักปราชญ์ชาวอังกฤษที่มีชีวิตอยู่ในช่วงการต่อสู้ตอนสุดท้ายในประวัติรัฐธรรมนูญอังกฤษระหว่างกษัตริย์ ขุนนางและสามัญชน เขาได้เขียนหนังสือหลายเล่ม แสดงแนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตย เช่น ข้อเขียนเกี่ยวกับอำนาจการเมือง ตำราว่าด้วยการเมืองการปกครองรัฐ เป็นต้น จอห์น ล็อคเห็นว่า มนุษย์และสังคมแยกออกจากกันไม่ได้ เพราะสังคมประกอบขึ้นจากมนุษย์ สังคมจึงมีวัตถุประสงค์สุดท้ายคือ ความผาสุกและความสงบของมนุษย์ ซึ่งเป็นสมาชิก ดังนั้น จึงต้องปล่อยให้มีกลไกทางสังคมและเศรษฐกิจดำเนินไปเองตามสภาพของมัน เพราะกฎเกณฑ์แห่งความพอเหมาะของธรรมชาติจะชักจูงให้มนุษย์ผลิตและปรับปรุงผลผลิตให้ตรงตามความต้องการเอง ความคิดที่ว่า เสรีภาพเป็นพื้นฐานของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งจะต้องสร้างสถาบันเพื่อคุ้มครองเสรีภาพอย่างน้อย 3 องค์กร คือ องค์กรนิติบัญญัติออกกฎหมาย องค์กรปกครองและศาลควบคุมการปฏิบัติตามกฎหมาย องค์กรบริหาร วิธีคิดใช้หลักเสรีนิยมประชาธิปไตย มนุษย์เป็นใหญ่แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น เมื่อประชาชนรู้จักคิดและหวงแหนสิทธิของตน ผู้มีอำนาจรัฐจะไม่มีสิทธิ์มาข่มเหงรังแกได้อีกต่อไป เพลโต (Plato: 429 347 B.C.)
นักคิดจะรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว ด้วยตัวของเขาเอง และใช้ปัญญา ความกล้าหาญ ควบคุมตนเองให้ได้ เพลโต (Plato: 429 – 347 B.C.) การใช้เหตุผลค้นหาความดีงามในตนและมุ่งมั่นในอุดมการณ์ จึงจะนับได้ว่าเป็นยอดคน เพลโตนักปราชญ์ชาวกรีก ผู้มีชื่อเสียงเป็นลูกศิษย์ของโสกราตีส เขานำปรัชญาของโสกราตีสเรื่อง ความดีงาม อันเป็นนิรันดร์มาผสมผสานกับความรู้ด้านดนตรี คณิตศาสตร์ ภาษา ส่งผลให้โสกราตีสกลายเป็นปรมาจารย์ด้านปรัชญา และเป็นอาจารย์ของอริสโตเติ้ล ผู้ทำให้ศาสนจักรเรืองอำนาจและเกิดความวุ่นวายในสังคมตามมา เพราะสิ่งที่รู้ไม่ใช่ความจริง ความเชื่อของเพลโต วิชาความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน เขาจึงต้องการให้ทุกคนได้เรียนรู้ โดยทำตัวประดุจเป็นครูถ่ายทอดวิชาความรู้เผยแพร่คำสั่งสอนจนมีลูกศิษย์มากมาย สอนให้ใช้ วิธีค้นหาคำตอบด้วยหลักการทาง เมตาฟิสิกส์หรือทฤษฎีความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งที่เน้นคือปัญหาจริยธรรม เพื่อค้นหานิยามของความดี ชีวิตที่ดี ความหมายของโลกและมนุษย์ ความเป็นจริง ชีวิตที่มีจิตกับร่างกาย วิญญาณประกอบด้วยสามส่วนคือ เหตุผล น้ำใจ ตัณหา เหตุผลเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต้องปลูกฝัง จุดหมายสูงสุดคือทำจิตให้เป็นอิสระจากความต้องการทางกาย เพลโตคิดว่าวิชาความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน การเป็นครูผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้เป็นสิ่งที่มีเกียรติ ผลงานสำคัญของเพลโตจึงเป็นการก่อตั้งโรงเรียนชื่ออะคาเดมี (Academy) เพื่อเผยแพร่วิชาปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เน้นว่า คณิตศาสตร์และเรขาคณิตเป็นพื้นฐานของระบบการคิด เพลโตได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดวิชาปรัชญาและการศึกษา เขากล่าวว่า ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีการศึกษาจะต้องมีความรู้ในวิชาดนตรี วรรณคดี และกายบริหาร ส่วนผู้ที่ได้ชื่อว่ามีการศึกษาขั้นสูงจะต้องมีความรู้ในวิชาปรัชญา วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ ทำไมการตั้งโรงเรียนของเพลโตจึงเป็นเรื่องราวใหญ่โตและควรค่าแก่การจารึก เพราะคนในสมัยก่อนจะหวงวิชาและถ่ายทอดเฉพาะบุคคลเท่านั้นจากครูสู่ศิษย์ที่เลือกสรรมาเป็นพิเศษ เมื่อเปิดสำนักวิชาการหรือโรงเรียนทำให้ผู้คนทั่วไปตื่นตัวที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีการศึกษาบ้าง ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ สำหรับผู้คนรุ่นใหม่ แถมบางคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ อาจไม่พอใจที่เพลโตคิดเช่นนี้ และทำให้เกิดระบบโรงเรียนบังคับให้ทุกคนต้องเรียนรู้ทำให้ตนต้องลำบากมาโรงเรียนทุกวันก็เป็นได้ ผลงานด้านการเขียน คือ หนังสือชื่อรีพับลิค เป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้เปิดประเด็นให้เกิดการคิดต่อยอดในหลายประเด็น เช่น รัฐในอุดมคติ ผู้ปกครองควรมีเพียง 2-3 คน เป็นผู้ที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญายอดเยี่ยม จะได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อปกครองประเทศ กษัตริย์จะต้องเป็นนักปราชญ์ นำสังคมไปสู่โลกแห่งความคิด ชนชั้นปกครองต้องไม่มีทรัพย์สมบัติส่วนตัวเพื่อป้องกันความโลภ จะได้มีจิตใจที่มุ่งปกครองรัฐตามกฎหมาย แนวคิดนี้ได้รับการขนานนามว่าโลกพระศรีอาริย์ ความอยุติธรรมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะคนที่นำมาซึ่งความอยุติธรรม มักจะเป็นผู้มีอำนาจ เป็นชนชั้นผู้ปกครอง จึงมีคำกล่าวว่า อำนาจคือความถูกต้อง แต่ผู้ที่หวังความยุติธรรมมักจะดำรงอยู่ด้วยความเรียบง่ายกลายเป็นคนอ่อนแอไร้ซึ่งอำนาจ คนที่ต้องการอำนาจจะก้าวร้าวและมุ่งมั่นไปยังทิศทางที่ต้องการ ส่วนกฎหมายเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง กฎหมายจึงได้รับคำนิยามว่า “เป็นสิ่งที่ถูกต้อง” ซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์และอำนาจของผู้ออกกฎหมาย เมื่อใดที่กล่าวว่า สิ่งนั้นหรือการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องนั่น หมายความว่า สิ่งนั้นหรือการกระทำนั้นเป็นผลประโยชน์และอำนาจของพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งกว่านั่นเอง การใฝ่หาความรู้เพื่อค้นหาคำตอบที่สงสัย เป็นสิ่งที่คนเราควรกระทำ การหาเหตุและผลของสิ่งที่ค้นพบแล้วตั้งเป็นทฤษฎี เพื่อจะได้ประกาศว่าสิ่งที่ตนสงสัยนั้นเป็นจริง รวมทั้งการเชื่อในคุณงามความดีว่าความดีจริงแท้มีแน่นอน คนดีจะต้องทำดีตลอดไป ไม่มีข้ออ้างที่จะทำเรื่องชั่วร้าย และไม่เลือกว่าควรทำดีเฉพาะบางเรื่อง การคิดหาสาเหตุ ปรัชญาในหนังสือรีพับลิคกล่าวว่า “คนส่วนใหญ่จะมองเห็นแค่กลุ่มภาพและเงาที่เห็นบนผนังถ้ำ แต่จะไม่มีผู้ใดใส่ใจที่มองหาต้นกำเนิดแห่งภาพ การเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงต้องมองหารูปแบบ (forms) ซึ่งอาจอยู่นอกเหนือประสบการณ์ที่เคยได้รับ แนวคิดเช่นนี้มีอิทธิพลต่อปรัชญาตะวันตกอย่างมาก สิ่งต่าง ๆ ที่มองเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง จึงอาจใช้ทฤษฎีเพื่ออธิบาย ส่งผลให้เกิดวิชาวิทยาศาสตร์แยกตัวออกจากปรัชญา การมองหารูปแบบนี้ช่วยในการอธิบายธรรมชาติของความงามและความรัก โลกแห่งความคิด โลกแห่งวิทยาศาสตร์ ศาสตร์แห่งฟิสิกส์ ทักษะทางปัญญาที่หยั่งรู้ในหลักคณิตศาสตร์ ศาสตร์แห่งกายภาพ พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต คณิตศาสตร์ช่วยในการคิดแบบเมตาฟิสิกส์หรืออภิปรัชญา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่มองเห็นด้วยตา เป็นสิ่งที่อาจแปรเปลี่ยนไปได้ตามกาลเทศะแต่สามารถรับรู้ได้ด้วยปัญญา การที่คนเรามีเหตุผลที่ขัดแย้งกันก็เพราะเกิดความสับสนระหว่างโลกทั้ง 2 โลก คือ โลกแห่งปรากฏการณ์กับโลกแห่งความคิด ในขณะที่โลกแห่งปรากฏการณ์รับรู้ได้ด้วยตาเปล่า ให้ความรู้เพียงระดับความคิดเห็นแต่โลกแห่งความคิดให้ความรู้แท้ ทฤษฎีของเพลโตแสดงให้เห็นว่า เราสามารถสร้างสะพานเชื่อมระหว่างโลกที่เป็นรูปธรรมกับโลกที่เป็นนามธรรม และโยงไปยังจริยศาสตร์ กล่าวคือ ถ้าเรามีความรู้แท้เกี่ยวกับธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง รวมทั้งธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ แล้วจะเชื่อมโยงไปสู่ความรู้เรื่องพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งทำให้รู้คำตอบเกี่ยวกับจุดหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ ซึ่งสัมพันธ์กับหลักจริยศาสตร์ หลักรัฐศาสตร์ และหลักศาสนาได้ ปรัชญาการศึกษาของเพลโต เน้นการพัฒนาภูมิปัญญาระดับสูงของผู้ปกครอง นักการเมือง ผู้ปกครองที่ดีต้องมีความรู้ ทรงภูมิปัญญา มีทักษะด้านวาทศิลป์และศิลปะการโน้มน้าวจูงใจคน ถึงพร้อมด้วยความรู้และคุณธรรม มีความบริบูรณ์ทางภูมิปัญญา การศึกษาตามแนวปรัชญาของเพลโต วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาแกนของหลักสูตร โดยชี้ให้เห็นว่า เป็นวิธีการจัดการศึกษาที่ดีที่สุดในการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนไปสู่การแสวงหาความรู้ วิธีคิดใช้หลักการทางเมตาฟิสิกส์เพื่อค้นหา สิ่งที่อาจแปรเปลี่ยนและรับรู้ได้ด้วยปัญญา การค้นหาผู้นำเป็นภาระที่ยุ่งยาก แต่การเตรียมเพื่อให้เป็นผู้นำที่ดียากยิ่งกว่า กาลิเลโอ กาลิเลอี
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei : A.D. 1564 – 1642)กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei : A.D. 1564 – 1642) จงเชื่อมั่นและยืนหยัดในความคิดของตน ถ้าคิดว่าถูกต้อง มันก็จะถูกต้อง กาลิเลโอเป็นชาวอิตาลี สืบเชื้อสายจากครอบครัวผู้ดีเก่า แต่ไม่ร่ำรวย บิดาเป็นพ่อค้าขนสัตว์ สมัยเด็กมีความสามารถด้านดนตรี ศิลปะ ภาษา และคณิตศาสตร์ คนสมัยนั้นที่มีโอกาสเล่าเรียนเขียนอ่าน จะรอบรู้ในศาสตร์ทุกสาขาพร้อมกัน ดังนั้นลูกผู้ดีมีสกุลจึงรอบรู้สารพัดเรื่อง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเติบโตขึ้นจะใช้ศาสตร์สาขาใดมาประทังชีพเลี้ยงตน ผิดกับสมัยนี้ ยิ่งเรียนสูงมากเท่าใด จะเรียนเจาะลึกในเรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ครอบคลุมไปทุกศาสตร์พร้อมกัน แม้แต่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อเลือกศิลป์ จะไม่เน้นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ทำให้หลายคนพลาดโอกาสในการเลือกเรียนต่อ ในบางสาขาอาชีพ เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปิซา และได้เป็นศาสตราจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยปิซา ลักษณะเด่นของเขา คือ มีความคิดเห็นเป็นของตนเอง เชื่อมั่นตนเองสูงมาก มีอิสระในการคิด ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ จนกว่าจะผ่านการพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตาของตนเองเท่านั้น ความเชื่อมั่นในความคิดของตนเองมีมากอย่างแรงกล้านี้ น่าจะมากเกินคนทั่วไป จนไม่กลัวอิทธิพลทางศาสนจักรที่มีอำนาจล้นฟ้า และสั่งเป็นสั่งตายให้กับคนคิดต่างได้อย่างง่ายดาย ความคิดและความเชื่อนี้มากเพียงพอที่จะขัดขืนต่อความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในยุคนั้น กล้าโต้เถียงกับผู้อื่นเพื่อที่จะยืนยันว่าความคิดเห็นของตนนั้นถูกต้อง เป็นไงล่ะ ส่วนใหญ่จะหงอ กลัวโน่นกลัวนี่ ปล่อยไปตามเรื่อง ใครจะคิดเช่นไร ช่างเขา เรื่องอะไรจะไปโต้แย้ง ให้ลำบากและอันตรายต่อชีวิตของตนเองทำไม ความรู้ในสมัยนั้นทางด้านวิทยาศาสตร์มักเป็นสิ่งที่ได้มาจากความรู้ที่อริสโตเติ้ลได้ค้นพบด้วยหลักวิชาตรรกศาสตร์ ไม่ได้ทดลองให้เห็นจริงตามหลักวิชาวิทยาศาสตร์ จึงเกิดการขัดแย้งทางความคิด กับคนในยุคที่วิทยาศาสตร์เฟื่องฟู ต้องทดลองให้เห็นจริงเท่านั้น กาลิเลโอเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์ที่เชื่อในหลักตรรกศาสตร์เพียงอย่างเดียว เขาต้องทดลองตามหลักที่เรียนรู้มา สิ่งที่กาลิเลโอพยายามบอกใคร ๆ และย้ำว่า ควรจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่เป็นจริงที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้เท่านั้น ทว่าสิ่งที่เขาค้นพบนั้น บังเอิญให้ขัดต่อความเชื่อของคนส่วนใหญ่ และเท่ากับลบล้างคำสอนในพระคัมภีร์ที่ศาสนจักรกำลังเรืองอำนาจสุดขีด การกระทำของเขาเท่ากับการท้าทายผู้มีอำนาจในยุคนั้น การพิสูจน์ให้คนส่วนใหญ่เห็นว่าวัตถุที่มีน้ำหนักต่างกันจะตกลงมาถึงพื้นในเวลาที่เท่ากัน ที่หอเอนปิซาโด่งดังเป็นอย่างมาก เพราะเท่ากับพลิกวิชาความรู้หรือปฏิรูปวิธีการคิดในยุคนั้นทีเดียว โทษฐานเผยแพร่ความคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ขัดต่อคำสอนของอริสโตเติ้ล ผู้มีบทบาทต่อคำสอนทางคริสต์ศาสนา ทำให้เขาต้องโทษโดนจำขัง แม้เมื่อต้องขังในฐานะผู้ที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อความเชื่อในศาสนาและผู้มีอิทธิพลในยุคนั้น กาลิเลโอหาได้เกรงกลัวไม่ ในเมื่อสิ่งที่ผ่านการพิสูจน์เห็นจริงแล้วจะโดนข้อกล่าวหาว่าไม่เป็นจริง มันจะเป็นไปได้อย่างไร ความจริงย่อมต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ แต่เขาลืมไปว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงอาจตายได้ เขาพร้อมจะพิสูจน์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง แม้จะโดนสั่งห้ามค้นคว้าต่อ เขาก็หายินยอมไม่ ยังคงศึกษาค้นคว้าต่อไป เพื่อพิสูจน์ความจริงของโลกและจักรวาล ในเมื่อคนส่วนใหญ่เชื่อว่าพระอาทิตย์โคจรรอบโลก การขัดขืนต่อคำสั่งของผู้มีอำนาจในสังคม การหักล้างความเชื่อในศาสนา ทำให้เขาไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้มีอำนาจในยุคนั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการศึกษาค้นคว้าเพื่อพิสูจน์ความคิดนี้ ผลงานที่สำคัญในฐานะนักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักดาราศาสตร์ เป็นผู้ค้นพบความจริงว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แทนที่จะเป็นดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก และความจริงข้อนี้เองที่เป็นจุดรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้เปลี่ยนแปลงความคิดความเชื่อของคน วิชากลศาสตร์ การเคลื่อนที่ของวัตถุ ได้ทดลองเรื่องการตกลงมาของสองสิ่งที่หนักไม่เท่ากันจะตกลงมาพร้อมกัน หักล้างทฤษฎีของอริสโตเติ้ลและสรุปทฤษฎีใหม่ว่า เทหวัตถุทั้งหมดจะตกลงมาในระยะทางเท่ากันในเวลาที่เท่ากัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงน้ำหนัก ระยะทางของเวลาที่ตก วิชาดาราศาสตร์ ได้ผลิตกล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาว ค้นพบความจริงตามธรรมชาติของโลกและจักรวาล ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ดาวพฤหัสบดีมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 4 ดวง ดาวเสาร์มีวงแหวน มีสีต่างกัน 3 แถบ ดาวศุกร์เว้าแหว่งเหมือนดวงจันทร์ และพบจุดดำในดวงอาทิตย์ ผู้ยิ่งใหญ่ คือ ผู้ที่กล้าพิสูจน์ให้เห็นความจริงแท้ ของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ |
สมาชิกหมายเลข 4665919
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |