#หยวนเหวินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 18711875 #พรรณีเกษกมล
#หยวนเหวินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1871–1875
#พรรณีเกษกมล
หยวนเหวินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 13แห่งราชวงศ์หยวน
หยวนเหวินจงฮ่องเต้พระนามเดิม จายาตูข่านในภาษามองโกเลียนแปลว่า เป็นข่านผู้โชคดีหรือเป็นผู้ที่มีความสุข ประสูติวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1847 เป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ของฮ่องเต้องค์ที่ 8 หยวนหวู่จงฮ่องเต้ สวรรคต วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 1875 เมื่อพระชนม์ 29 พรรษา
การที่ตั้งพระนามว่า เป็นผู้โชคดีในความจริง อาจมองได้ว่า ทั้งโชคร้ายและโชคดีด้วยกัน เพราะเป็นฮ่องเต้ที่โดนแย่งชิงบัลลังก์ แต่สามารถยึดอำนาจนั้นกลับคืนมาได้อีกครั้ง
หยวนเหวินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ครองราชย์ 2 ครั้ง ได้ขึ้นครองราชย์ครั้งแรกเมื่อพระชนม์ 24 พรรษา ระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 1871 ถึงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 1872 ครองราชย์ได้เพียงปีเดียว โดนทิวช์เตมูร์พระโอรสของคายิชาน แย่งราชสมบัติไป พ.ศ. 1872
ระหว่างนี้ได้หาเหตุเอาเรื่องกับพระเชษฐาองค์โตตระกูลกูซารา ภายหลังยอมขออภัยในสิ่งที่ได้กระทำลงไป ไม่นานนักจายาตูสามารถยึดอำนาจกลับคืนมาได้ภายในปีนั้นวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 1872 ด้วยพรรคพวกของพระบิดาให้การสนับสนุน ครองราชย์จนถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 1875
เมื่อกุบไลข่านต้นราชวงศ์หยวนต้องการให้คนเก่งที่สุดเหนือพี่น้องได้ขึ้นมาครองบ้านครองเมือง จึงไม่ได้กำหนดลำดับการขึ้นครองราชย์ทำให้ไม่มีกฎมณเฑียรบาล
ที่จริงเป็นความคิดที่ดีที่จะได้ผู้ปกครองนครที่เข้มแข็งแต่อีกมุมหนึ่งเกิดผลตามมา ก่อนที่ใครจะก้าวขึ้นมาต้องมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน
ความรักในสายโลหิตระหว่างญาติพี่น้องคงแทบไม่หลงเหลือเพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์ ย่อมอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนเองและลูกหลาน
การแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างลูกหลานของกุบไลข่านจึงเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลดีต่อประเทศ คือ ได้คนที่เก่งที่สุดมาปกครองประเทศ
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ ระหว่างพระโอรสของฮ่องเต้องค์เดิมกับผู้ที่ควรจะมีสิทธิ์ในการสืบสันตติวงศ์ จึงเกิดขึ้นโดยมีฐานอำนาจในแต่ละตระกูลอยู่เบื้องหลัง ระหว่างฝ่ายจายาตูกับเอลเตมูร์ฝ่ายทิวช์เตมูร์
สี่ปีแห่งการครองราชย์ หยวนเหวินจงฮ่องเต้ได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านจิตรกรรม วรรณกรรม ภาษาจีนและประวัติศาสตร์จีนเป็นอย่างดี
เอลเตมูร์และบายันของเมอร์คิดมีอำนาจเหนือราชสำนักโดยการตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาในราชการ เพื่อให้อำนาจแก่ตนเองและแก่กองทัพ
ในขณะที่ทิวช์เตมูร์ผู้ซึ่งควรจะมีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ แต่ไม่ได้รับสิทธิ์นั้นพยายามจะแย่งชิงอำนาจมาเป็นของตนเช่นกัน
อีกกลุ่มทางสายของฮ่องเต้องค์ที่ 9 หยวนเหรินจงฮ่องเต้ หรือ อายูบาร์ดา บูยานตูข่าน ผู้ซึ่งเคยวางตำแหน่งทางการปกครองที่สำคัญ ๆ เอาไว้ให้ชาวมุสลิมได้ปกครองแว่นแคว้นที่สำคัญ แต่ทว่าไม่ได้วางหมากที่การปกครองส่วนกลาง
การเมืองในรัชกาลนี้จึงอึมครึมและเหมือนมีคลื่นใต้น้ำที่คอยก่อกวนความสงบสุขตลอดเวลา
พ.ศ. 1873 ปลายปี หยวนเหวินจงฮ่องเต้ทำพิธีบูชาฟ้าดิน และออกกฎหมายนิรโทษกรรม พร้อมกันนั้นได้ประกาศให้บุตรชายของอารัทนาดาราเป็นทายาทในเดือนมกราคมของปีถัดไป
บูดาชิรีได้แสดงความเสียใจต่อบาบูชาภรรยาม่ายของกูซารา แล้วส่งต๊อกฮานเตมูร์ไปเกาหลี เพื่อความปลอดภัยในบุตรชายของนาง ที่จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา แต่อารัทนาดาราตายในอีกหนึ่งเดือนต่อมา
การตายอย่างกระทันหันนี้ทำให้บุตรชายของอารัทนาดาราเสียใจมากจายาตูข่านทิวช์เตมูร์ให้บุตรชายอีกคน กูนาดาราหรือกูลาตานาอยู่กับเอลเตมูร์และให้ยกย่องเอลเตมูร์เทียบเท่าพ่อและเปลี่ยนชื่อเป็นเอล เตกูส