All Blog
#หยวนไท่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 1772 – 1784 #พรรณีเกษกมล
#พรรณีเกษกมล
#หยวนไท่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 1772 – 1784

หยวนไท่จงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หยวน 
หยวนไท่จงฮ่องเต้ พระนามเดิม โอเกไดข่าน เป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ของเจงกีสข่าน ได้เป็นข่านองค์ที่หนึ่ง ปกครองดินแดนที่เป็นประเทศจีนในปัจจุบัน
ส่วนโตลุยได้ปกครองดินแดนส่วนที่เป็นมองโกลแต่แรกเริ่ม 
ต่างคนต่างได้เป็นข่าน แต่กุบไลข่านได้ยกย่องว่าทุกพระองค์ล้วนเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์หยวน
ตอนนั้นในวัยเด็กโอเกไดจะมีลักษณะเด่นเหนือกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ด้วยความสามารถทางการพูด การอภิปรายและให้เหตุผลโต้แย้ง รวมทั้งบุคลิก
ลักษณะที่ดีโดดเด่น รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดี ฉลาดปราดเปรื่อง ด้วยเหตุนี้ทำให้พระบิดาชื่นชมโอเกไดมากที่สุด ในบรรดาพระโอรสทั้งสี่
พระองค์ได้ขยายดินแดนให้กว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้นกว่าแต่เดิม ครอบคลุมยุโรปทั้งหมด ดินแดนทางตะวันตกจรดทิศใต้ ระหว่างยุโรปจนถึงเอเชีย จีน อิหร่าน เอเซียตอนกลาง 
ขณะที่เจงกีสข่านสวรรคตนั้น อาณาเขตที่ครอบครองเพียงแค่จากทะเลแคสเปียนถึงทะเลญี่ปุ่น ไม่ใช่อาณาจักรมองโกลทั้งหมดตามที่หลายคนเข้าใจ 
การขยายดินแดนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัชกาลต่อ ๆ มา และครอบครองได้มากที่สุดในยุคของโอเกไดข่าน 
กองทัพมองโกลบุกโจมตีไปถึงเปอร์เซีย ลุยกับซีเซี่ยและราชวงศ์ซ่งของจีน สิ้นสุดเอา พ.ศ. 1812 จึงผนวกจีนเข้ารวมกับมองโกลและตั้งราชวงศ์หยวนปกครองจีนในยุคสมัยของกุบไลข่าน และเลยเถิดไปถึงรัสเซียและยุโรปตะวันออกด้วย
ขณะที่โอเกไดข่านมีอายุ 17 ปี ได้ติดตามพระบิดาออกรบ ได้รับบาดเจ็บและหายไปในสนามรบ แต่ได้รับการช่วยเหลือจากลูกพี่ลูกน้อง 
พ.ศ.1747 เจงกีสข่านได้ให้ผู้หญิงชื่อ ทอร์จีนิเมียภรรยาของหัวหน้าเผ่าที่พ่ายแพ้มาคอยรับใช้ แต่ไม่ได้แต่งงานตามธรรมเนียม
ด้วยฝีมือทางการรบ โอเกไดข่านได้เคยนำทัพออกรบเพื่อต่อสู้กับทหารของราชวงศ์จิน และสามารถได้ชัยชนะเหนือดินแดนทางตอนใต้ เอาชนะพวกซีเซี่ย เลยมาทางเหนือได้เมืองชางซี พ.ศ. 1756 
ที่จริงโอเกไดข่านไม่ได้เก่งกาจแต่การปกครอง การเจรจา ภาษาเท่านั้นแต่ยังคงมีความสามารถทางการทหารเช่นกัน แต่โตลุยคงมีความสามารถทางการทหารสูงกว่าและมีกำลังกองทัพอยู่ในมือมากกว่า
โอเกไดข่านเป็นคนที่เจงกีสข่านมองเห็นว่า มีลักษณะที่ดีที่สามารถปกครองมองโกลได้ เมื่อได้แบ่งดินแดนในการปกครอง โอเกไดข่านสามารถขยายดินแดนได้มากขึ้น 
ลูกชายของเขาได้ช่วยออกรบ จนได้ดินแดนเฉิงตู เสี้ยนหยาง แม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพวกราชวงศ์ซ่ง 
ลูกชายอีกคนบุกไปจนถึงทิเบต
เมื่อต้องการเดินทางจากตะวันออกไปยังตะวันตก จึงได้ปรับปรุงเส้นทางสายไหม 
พวกซ่งเมื่อต้องทำสงครามกับมองโกล สามารถฆ่าโอเกไดข่านได้
คงพอจะรู้กันว่าโอเกไดข่านมีฝีมือทางการรบ แต่ฝีมือในการปกครองมีมากกว่า โอเกไดข่านได้จัดระบบการบริหารราชการ ให้ดินแดนแต่ละส่วนมีผู้ปกครองที่เป็นอิสระ โดยให้พวกเดียวกันปกครองกันเองภายใต้อำนาจของเขา 
จัดระบบการเก็บภาษีโดยแปลงมาจากระบบของจีนในการใช้จ่ายและจ่ายเงินเดือนขุนนาง ใช้ธนบัตรในการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยมีเงินทุนสำรอง 
จัดแบ่งแคว้นของจีนใหม่เป็น 10 แคว้น ด้านการค้าทำให้ประเทศมั่งคั่งร่ำรวย จัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
ถึงแม้จะมีการแย่งชิงอำนาจระหว่างโตลุยข่านกับโอเกไดข่าน 
เมื่อสิ้นโตลุยข่าน ทำให้โอเกไดข่านเสียใจไม่น้อย 
พระองค์พยายามทำให้พระโอรสของพระองค์รักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่เกลียดชังหรือทะเลาะวิวาทกัน เหมือนเช่นพี่น้องของพระองค์ รวมทั้งได้ดูแลพระโอรสของชากาไตเป็นอย่างดี
ครั้งหนึ่งโตลุยข่านได้เคยช่วยชีวิตของโอเกไดข่าน โดยยอมดื่มยาพิษในการทำพิธีชามานิสท์ 
การที่โตลุยข่านยอมทำสิ่งที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เพื่อช่วยชีวิตพระเชษฐาโอเกไดข่านที่กำลังป่วยหนัก อาจจะเกิดจากความรักและผูกพันทางสายเลือด 
ถึงแม้การอบรมเลี้ยงดูที่คิดว่า จะสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้เก่งที่สุดด้วยการสอนให้ชิงดีชิงเด่นระหว่างพี่น้อง 
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงคราวคับขัน เลือดย่อมเข้มข้นกว่าน้ำ
ความเป็นพี่น้องที่พร้อมจะช่วยเหลือกันจึงเกิดขึ้นได้ เพราะเหตุนี้เองโอเกไดข่านจึงเลี้ยงพระโอรสและพระนัดดาให้รักใคร่กลมเกลียวกัน

ช่วงบั้นปลายชีวิตโอเกไดข่านกลายเป็นนักดื่ม หรือกลายเป็นคนขี้เหล้าเมายา 
ทำไมตระกูลนี้จึงตายกันด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือโดนวางยา 
การเป็นนักรบจำเป็นต้องย้อมใจให้เมาก่อนเช่นนั้นหรือ ดื่มจนติดไม่อาจเลิกราได้ เมื่อพระองค์สวรรคตวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 1784 ตอนใกล้รุ่งหลังจากดื่มหนักมาทั้งคืนกับแอ๊บเดอรรามัน 
ชาวบ้านต่างนินทาว่าร้ายพระสนมม่ายของโตลุยข่านกับแอ๊บเดอรรามันที่ส่งเสริมให้โอเกไดข่านกลายเป็นนักดื่ม 
ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมดื่มมีหรือใครจะทำให้ดื่มได้ 
การสวรรคตครั้งนี้จึงเกิดจากการทำร้ายและไม่อาจควบคุมตนเองได้มากกว่าที่จะไปโทษคนอื่น หรือว่าคนในตระกูลนี้ชอบการดื่มเพราะโตลุยเองสวรรคตเพราะผลจากการดื่มมากเช่นกัน
โอเกไดข่านได้ชื่อว่าเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เป็นเผด็จการ เขายอมฟังเสียงและคำสั่งของนายทหารในสมัยพระบิดา โดยไม่ใช้ความสามารถที่ตนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์เต็มที่ พระองค์สานฝันพระบิดาที่คิดจะสร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นนักรบทะเลทราย 
ทหารทั้งหลายเคยชินกับการรับคำสั่งจากนายทหารมากกว่าจากข่าน
การตัดสินใจในเรื่องสำคัญจะมาจากมติของคณะกรรมการมากกว่าฟังเสียงจากข่านเพียงคนเดียว 
ถ้าโอเกไดข่านเป็นเผด็จการ และใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตนพัฒนาประเทศอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในอีกทิศทางหนึ่งก็เป็นได้


การเติบโตตามความฝันของผู้ใหญ่ที่อบรมเลี้ยงดูตนมา 
โดยไม่ได้สืบค้นความสามารถพิเศษเฉพาะตน 
อาจทำให้เกิดการสูญหายในศักยภาพบางด้าน
และไม่ได้มีโอกาสใช้มันให้เกิดประโยชน์
อย่างเต็มที่ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นบาปติดตัวโอเกไดข่าน คือ การลงโทษออยรัท โดยสั่งให้กองทัพมองโกลยกทัพไปทำร้ายชาวบ้านป่า ที่ปฏิเสธจะส่งเครื่องบรรณาการมาถวาย 
พวกทหารได้ใช้ความรุนแรงในการทำสงครามและข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง 4,000 คน ในปี พ.ศ. 1780 นับเป็นเรื่องน่าอัปยศที่สุดในชีวิตของโอเกไดข่าน
ตอนแรกคงคิดว่าเป็นการเสียหน้าที่ชนกลุ่มน้อยที่ไร้ฝีมือมาทำเหิมเกริมจึงเชือดไก่ให้ลิงดู 
ผลที่ตามมากลายเป็นบาดแผลในใจและเป็นรอยร้าวในประวัติศาสตร์ เป็นจุดด่างพร้อยที่ไม่อาจลบเลือนหรือแก้ไขได้ อาจจะไม่คิดว่าทหารจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้ 
ความผิดพลาดจากการออกคำสั่งให้จัดการกับชาวบ้านป่าที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี ทำให้โอเกไดข่านเสียใจที่สุด



Create Date : 17 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 7:36:33 น.
Counter : 191 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments