Group Blog All Blog
|
#หยวนไท่จู่ฮ่องเต้พ.ศ. 1749 1770 หรือ #เจงกีสข่าน #พรรณีเกษกมล #เจงกีสข่าน #พรรณีเกษกมล หยวนไท่จู่ฮ่องเต้พ.ศ. 1749 – 1770 หยวนไท่จู่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์หยวน และเป็นข่านองค์ที่ 1 แห่งมองโกล บางแห่งไม่นับว่า หยวนไท่จู่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์หยวนเพราะไม่ได้ก่อตั้งราชวงศ์หยวน แต่เป็นผู้ที่รวบรวมแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแทน หลายแห่งนับว่าเป็นฮ่องเต้ เพราะเป็นต้นตระกูลของกุบไลข่านผู้ก่อตั้งราชวงศ์หยวน หยวนไท่จู่ฮ่องเต้ พระนามเดิม เตมูจินหรือพระนามเจงกีสข่าน ปกครองชาวมองโกลในคราวเดียวกัน คำว่าเจงกีส หมายถึง มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ข่านเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ปกครองชาวมองโกล เจงกีสข่าน หมายถึง การเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ดุจมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งนี้เป็นเพราะสามารถรวบรวมแผ่นดินอันกว้างใหญ่และก่อตั้งเป็นราชวงศ์หยวนของมองโกลได้สำเร็จ คนไทยคุ้นเคยกับเจงกีสข่าน เพราะมีภาพยนตร์จีนเข้ามาเผยแพร่ในไทยที่แสดงถึง อัจฉริยภาพด้านการรบ ความสามารถนี้เริ่มตั้งแต่อายุ 13 ปี รบพุ่งกับชนเผ่าในอาณาบริเวณใกล้เคียง สามารถเอาชนะและยึดดินแดนมาเป็นของตน ต่อจากนั้นได้แผ่ขยายอิทธิพลต่อไปเรื่อย ๆ จดได้แผ่นดินสุดลูกหูลูกตาทีเดียว จากเตมูจินหนุ่มนักรบทะเลทราย ก้าวสู่การเป็นข่านที่ยิ่งใหญ่ของมองโกล นามเจงกีสข่าน พ.ศ. 1754 ความสามารถในการรบและเอาชนะชนเผ่าต่าง ๆ ขยายดินแดนตั้งแต่ทะเลดำจรดมหาสมุทรแปซิฟิก ครอบครองดินแดนจีนทางตอนเหนือที่เรียกว่าจักรวรรดิคาราจีไต จักรวรรดิดิคาเรสม์ ยึดเมืองหลวงต้าตูของจีนได้ ต่อมาก้าวสู่การเป็นฮ่องเต้ คุมอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของจีน ความยิ่งใหญ่ของเจงกีสข่าน เกิดจากการไว้เนื้อเชื่อใจในคนสนิท เช่น มูกาลี เจเบซูบูไต ให้เป็นทั้งที่ปรึกษาและผู้คอยรักษาความปลอดภัย รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นกัน พวกเขามีสิทธิ์ร่วมในการตัดสินใจทุกเรื่องราวทั้งการสงครามและการปกครอง การรบได้นำเอาแนวคิดของคนจีนมาผสมผสานให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนกลางกับกองทัพให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะเหตุเช่นนี้ ทำให้ราชสำนักมองโกลคล้ายกับสภาในระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน ที่จะมีการออกเสียงเพื่อเลือกตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดในการปกครอง ข่านแห่งมองโกลจะได้จากการโหวตของกรรมการเช่นกัน เพียงแต่คนที่จะเข้ามามีสิทธิ์ออกเสียงได้ กำหนดเฉพาะพระญาติสนิทเท่านั้น นี่เป็นรูปแบบใหม่ในการเลือกผู้สืบต่อบัลลังก์ เมื่อเจงกีสข่านมีอำนาจ ได้ส่งคนไปเจริญสัมพันธไมตรีกับเปอร์เซีย ทว่าโดนตัดรอนด้วยสุลต่านตัดศีรษะฑูต การกระทำเช่นนี้นอกจากไม่ให้เกียรติยังเป็นการหยามน้ำหน้ากันชัด ๆ คนอย่างเจงกีสข่านมีหรือจะยอม จึงส่งทหาร 10,000 นายบุกโจมตีเปอร์เซียอย่างบ้าระห่ำ ปล้นชิงทรัพย์ชาวบ้าน ทำลายล้างบ้านเมือง เพื่อเป็นการแก้แค้นและแสดงให้เห็นว่าความเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน มิใช่มีเฉพาะพวกเขาเท่านั้น การตัดศีรษะทูตเป็นการกระทำ เพื่อแสดงว่า ไม่ยอมรับไมตรีที่อีกฝ่ายเสนอมา และบอกกล่าวให้รู้ว่า นอกจากไม่อยากเป็นมิตรแล้วยังไม่เห็นอยู่ในสายตาอีกด้วย สิ่งดี ๆ ที่เป็นผลต่อเนื่องตามมา คือ การสร้างเส้นทางสายไหมที่เชื่อมสัมพันธไมตรีทางการค้าระหว่างประเทศที่อยู่ห่างไกล จากตะวันออกสู่ตะวันตก รวมวัฒนธรรมต่างเชื้อชาติต่างภาษาเข้าด้วยกัน เจงกีสข่านได้กำหนดกฎเกณฑ์ในการใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ทหารทุกนายได้เข้าใจและปฏิบัติตาม ในตุรกีเจงกีสข่านจึงเปรียบเสมือนแม่ทัพใหญ่ที่เด็กชายหลาย ๆ คนชื่นชม นับเป็นวีรบุรุษของพวกเขา เส้นทางสายไหมนับว่าเป็นเส้นทางที่เจริญที่สุดยาวไกลที่สุด และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนต่างเชื้อชาติต่างภาษาได้ดีที่สุด เมื่อเจงกีสข่านได้ครอบครองอาณาเขตที่กว้างใหญ่ ได้คิดแบ่งให้พระโอรสทั้งสี่ ได้แก่ โจชิ ชากาไต โอเกได และโตลุย โจชิเสียชีวิตก่อน พระนัดดาบาตูกับออดาจึงได้รับส่วนแบ่งแทนในดินแดนคานาเทสรัสเซีย ฮังการี และโปแลนด์ ชากาไตพระโอรสองค์ที่ 2 ได้เอเซียภาคกลางและอิหร่านภาคเหนือ โอเกไดพระโอรสองค์ที่ 3ให้เป็นข่านผู้ยิ่งใหญ่ปกครองมองโกล เอเซียตะวันออก รวมจีนด้วย ซึ่งต่อมาคืออาณาจักรหยวนในสมัยของกุบไลข่าน ส่วนบ้านเกิดของมองโกลในปัจจุบัน คือ มองโกเลีย รวมทั้งคาราโครัมยกให้แก่โตลุยพระโอรสองค์สุดท้อง เจงกีสข่านสวรรคตวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 1770 หนึ่งปีก่อนที่จะสิ้นใจได้แบ่งอาณาเขตอันกว้างใหญ่เป็นหลายส่วนให้แก่พระโอรส 4 องค์และพระนัดดา พระองค์คิดหาสถานที่ฝังพระศพ มีข้อแม้ว่าพระศพจะแอบซ่อน ให้ฝังในที่ที่ไม่มีใครรู้เห็นในบ้านเกิดที่มองโกเลีย ส่วนสาเหตุในการสวรรคตไม่แน่ชัด มีการคาดเดาในทางไม่ดี เช่น ตกม้าตายในขณะออกรบกับชนเผ่าแทนกุ๊ด ขณะผ่านดินแดนของอียิปต์เกิดบาดแผลที่รุนแรงและเสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว บางแห่งคาดเดาว่าเป็นโรคปอดบวม หรืออาจจะโดนพวกชนเผ่าแทนกุ๊ดแอบสังหารในระหว่างสงคราม ที่น่าแปลก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลกลใดที่ทำให้ฮ่องเต้ส่วนใหญ่จะทำสุสานไว้ฝังพระศพในที่ที่แอบซ่อนไม่ให้ใครรู้เห็น อาจจะเกรงไปว่าคนอื่นจะมาเอาทรัพย์สมบัติที่ฝังไปพร้อมกัน ทำให้เมื่อเกิดมาชาติใหม่จะไม่มีทรัพย์สมบัติไว้ใช้สอย หรือคิดว่าเมื่อมีอำนาจย่อมมีคนเกลียดชังเป็นธรรมดา ถ้าหมดอำนาจวาสนาคนอื่นที่มามีอำนาจแทนจะมาขุดศพแล้วทำลายทิ้ง คนจีนถือมากในเรื่องการทำมิดีต่อศพของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องนี้ผิดกับคนจีนชนชั้นคนธรรมดาที่จะฝังศพไว้ในที่ที่เปิดเผยเพื่อให้ลูกหลานได้มากราบไหว้บูชาในวันสำคัญของคนจีน ภาพความทรงจำที่ชาวมองโกลมีต่อเจงกีสข่าน คือ นักรบทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่ และสร้างประเทศมองโกเลียที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ชื่อถนน สิ่งก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ สถานที่สำคัญหลายแห่งในมองโกลจึงขนานนามตามผู้ยิ่งใหญ่ของเขา แม้แต่ชื่อสนามบินนานาชาติยังใช้ชื่อของเจงกีสข่าน เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา สิ่งที่ทำย่อมไม่สูญสลายหายไป แม้เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว แต่คงเรียกคืนไม่ได้ เมื่อกลับมาเกิดในชาติใหม่ เจงกีสข่านได้รับสมญานามว่า เป็นผู้นำกองทัพที่เกรียงไกรและเป็นนักการปกครองที่อัจฉริยะ แต่กระนั้นก็ตามยังไม่สามารถครอบครองดินแดนทั้งหมดของจีนได้ มาสำเร็จเอารุ่นหลาน คือ กุบไลข่านและเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์หยวนปกครองประเทศจีน |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |