นายสัญชาติ พลมีศักดิ์
Group Blog
 
All Blogs
 

ยาที่ไม่ควรกินคู่กัน

“Good things come in pair” ดังวลีฝรั่งนี้ที่บอกว่าของทุกอย่างมีคู่แฝดอยู่เสมอ อาจเป็นแฝดเหมือนหรือแฝดต่างก็ได้ ซึ่งก็พ้องกับทางพระที่ว่า กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา และโลกธรรมแปดที่เล่าถึงคู่แห่งสัจธรรมในโลกนี้ มีสุขแล้วก็มีทุกข์ มีสรรเสริญก็ย่อมมีนินทา มีลาภก็ย่อมมีเสื่อมลาภได้ดังนี้เป็นต้น

ดังนั้น ในเรื่องของโอสถรักษาโรคก็ย่อมต้องมีคู่แฝดของมัน ที่ต้องมีทั้งแฝดที่ดีและแฝดที่ร้ายคล้ายเทวากับซาตานซึ่งเคยมีกรณีที่ถึงแก่ชีวิตมาแล้ว ซึ่งโดยมากมักเกิดจาก “ความไม่รู้” ในฤทธิ์อันไพศาลของยาแต่ละเม็ดที่กินอยู่ โดยเราจะค่อยมาดูกันไปทีละแฝดครับ
แฝดที่ดี

เสมือนคู่บุญยิ่งรู้จักกินให้เสริมกันก็จะยิ่งช่วยเสริมสุขภาพหรือทำการรักษาโรคให้ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และที่จริงก็ควรกินคู่กันเสียด้วยเพราะเรื่องของยาอาหารเสริมนี้มีหลักคือทำงานร่วมกัน โดยกลุ่มที่ควรกินร่วมกันช่วยเสริมให้ดีมีดังต่อไปนี้ครับ

1) วิตามินซีกับคอลลาเจน จะช่วยกันสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ใสปิ๊งปั๊งไม่เหี่ยวหย่อนย้อย

2) ธาตุเหล็กกับวิตามินซี กินธาตุเหล็กให้ดีดูดซึมเข้าไปใช้ได้ ไม่ใช่กินเข้าไปอย่างไรถ่ายออกมาหน้าตาเหมือนเดิมนั้น ต้องกินคู่กันอย่างเช่นถ้าจะกินเลือดหมูให้ได้ธาตุเหล็กก็ควรกินกับผักที่มีวิตามินซีสูงเช่นใบตำลึงก็จะดีไม่น้อยครับ

3) แคลเซียมกับแมกนีเซียม แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีต้องมี “ตัวช่วย” พามันเข้าไปได้แก่แมกนีเซียม, วิตามินดีและวิตามินเคด้วยซึ่งอยู่ในแสงแดดและผักเขียวจัดตามลำดับ

4) วิตามินเอ,ซีและอี พยายามกินไปด้วยกันเป็นดี หรือสูตรที่ดีคือกินซีเพียงตัวเดียวส่วนเอกับอีนั้นกินเอาจากผักคะน้าและถั่วลิสงสักวันละกำมือ

5) น้ำมันปลา(ไม่ใช่น้ำมันตับปลา)ขอให้เลือกชนิดที่มี ดีเอชเอคู่กับกับอีพีเอ ยิ่งมากหน่อยยิ่งดีอย่างน้อยกินให้ได้ค่า ดีเอชเอ+อีพีเอ = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีเคล็ดไว้ว่าถ้าอยากบำรุงสมองต้องเลือกชนิดที่มีดีเอชเอเด่น แต่ถ้าจะให้บำรุงส่วนอื่นเป็นหลักเช่นข้ออักเสบให้เลือกชนิดที่มีอีพีเอสูงด้วยครับ

แฝดที่ร้าย

แฝดตัวนี้ถือเป็นระดับ “ตัวแม่” ที่น่ากลัวกว่าเยอะมากครับ เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในสมองจนเป็นอัมพาตหรือหัวใจวายแน่นิ่งไปได้ จึงอยากชวนให้ท่านที่รักมาสนใจในยาที่ไม่ควรกินร่วมกันสักนิดดังนี้ครับ

1) น้ำมันปลากับแอสไพริน คู่ร้ายอันดับแรกโดยน้ำมันปลานี้มีฤทธิ์ช่วยให้เลือดใสไม่หนืดเหนียว ส่วนแอสไพรินก็มีฤทธิ์เดียวกันคือช่วยให้ไม่เกิดลิ่มเลือดจับแข็งเป็นก้อนตัน เมื่อกินคู่กันเลยกลายเป็นคู่สังหารพาลให้เลือดไหลพรวดพราดไม่หยุด แม้การกรอฟันเพียงนิดก็อาจทำให้เลือดออกได้ราวกับผ่าตัดใหญ่แล้วครับ

2) วิตามินอีและอีฟนิ่งพริมโรส มีคนไข้ที่อยากผิวสวยมาหาพร้อมบอกว่ามีคนแนะให้กินวิตามินอีแต่บ้างก็ให้เลือกเป็นอีฟนิ่งพริมโรสแทนจะเลือกอย่างไรดี จึงได้บอกไปให้เลือกอย่างหนึ่งก็พอเพราะล้วนแต่มีวิตามินอีทั้งนั้นซึ่งถ้าได้มากไปอาจทำให้เกิดหัวใจพิบัติแทน

3) แคลเซียมเสริมกับแคลเซียมสด ถ้าท่านกินงาดำได้วันละ 4 ช้อนโต๊ะหรือเต้าหู้ขาวแข็งวันละ 3 ขีดก็จะได้แคลเซียมราว 1,000 มิลลิกรัมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าไปหาแคลเซียมเม็ดมากินเติมอีกจะทำให้แคลเซียมเกินและไปจับกับหลอดเลือดทำให้ตีบแข็งได้

4) กาแฟกับแคลเซียม ขอให้เลี่ยงกินแคลเซียมร่วมกับกาแฟเพราะกาแฟจะไปยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมนอกจากนั้นยังไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูกอีกด้วย

5) ธาตุเหล็กกับเลือดจางธาลัสซีเมีย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทีเดียว ขอให้ลืมความเชื่อที่ว่าถ้าเลือดจางต้องกินธาตุเหล็ก ไม่เสมอไปครับ หากท่านเป็นเลือดจางชนิดธาลัสซีเมียแล้วไปกินธาตุเหล็กเสริมจะเท่ากับเติมยาพิษให้กับหัวใจและตับตัวเองครับ

ทั้งแฝดดีแฝดร้ายนี้ที่จริงมีอีกมากซึ่งผมได้เคยเขียนไว้ในหนังสือแล้วและก็ตั้งใจจะเขียนไว้เรื่อยๆเป็นตอนต่อไปในคอลัมนี้ แต่สำหรับที่เลือกมาให้เห็นนั้นเป็นตัวอย่างที่พบบ่อยหน่อยครับและท่านจำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที

เมื่อถึงตอนนี้ขอให้ท่านหยิบเอาร่วมยาออกมาสังคายนาแยกวางเป็นชนิดไปบนโต๊ะแล้วจัดเป็นกลุ่มไว้ว่ากลุ่มใดรักษาโรคไหนแล้วบางทีจะเกิดพุทธิปัญญาทีเดียวว่าตูข้ากินยามากเกินความจำเป็นไปเพียงใด แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่ากินยาที่ดันไปเสริมฤทธิ์กันให้เป็นพิษเข้าไปเสียอีก

ดังนั้น ท่านจะเห็นว่าการกินยานั้นมีข้อหยุมหยิมอยู่มากเมื่อเทียบกับกินอาหารธรรมชาติที่โอกาสเกิดการผสมกันเป็นพิษน้อย เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ในปริมาณที่ไม่เข้มข้นมากเท่ายาเคมี แต่อย่างไรก็ดีคงต้องยึดหลักที่ว่าหูไวตาไวถ้ารู้สึกว่า “ไม่ใช่” แล้วก็ให้รีบเร่งบอกอย่าปล่อยให้เลยตามเลยไว้นานเลยครับ

*** นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2552    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 9:57:37 น.
Counter : 320 Pageviews.  

แก้เมาค้าง..ทำอย่างไร

เมื่อดูอาหารชนิดที่ว่ากันว่ากินแล้ว ทำให้ตำรวจตรวจแอลกอฮอล์ไม่พบนั้น ดูไปก็เหมือนกับการเอาพลาสติกใสไปเคลือบปากลิ้นไว้ไม่ให้อัลกอฮอล์ ที่มันตกค้างอยู่ในกายระเหยออกมาข้างนอกมากกว่า โดยรวมความก็คือยังเมาแประอยู่นั่นเอง ก็ไม่รู้ว่าเป็นนวัตกรรมที่น่ากลัวขึ้นหรือเปล่า

แต่ถ้าไม่อยากเมา แต่จำเป็นต้องไปงานสังคม หรือเผลอใจไปเมาโดยไม่ตั้งใจแล้วต้องมานั่งทนทุกข์ทรมาน กับอาการแฮงค์โอเวอร์ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “เมาค้าง” ก็มีวิธีที่จะช่วยดับได้ไม่ยากนัก แถมเป็นมรรควิธีที่เสริมสุขภาพดีแบบยั่งยืนด้วย เพราะบางทีแค่การจิบเครื่องดื่มแก้เมาค้าง อาจไม่ได้ช่วยไล่อาการได้เสมอไปครับ

ใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้เมาค้าง

สิ่งที่เป็นอมตธรรมสำหรับเรื่องเมาก็คือ ถ้าไม่อยากเมาค้างก็จงอย่าดื่มเหล้า ฟังดูง่ายแต่ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปเพราะในชีวิตที่ต้องว่ายวนอยู่ในสังคม เราก็คงต้องไปงานชุมนุมศิษย์เก่า งานแต่ง งานเลี้ยงรับปริญญาและงานสมาคมอะไรต่อมิอะไรมากมายสุดแล้วแต่จะจินตนาการขึ้นมาได้

การเลี่ยงดื่มในงานเหล่านี้ ถ้าใครทำได้ก็ดุจจะมีคุณอันวิเศษในตัวทีเดียว ดังนั้นจึงอยากให้เคล็ดสำหรับเตรียมตัวไว้ในท่านที่ไม่อยากดื่ม แต่คิดว่าอาจเลี่ยงไม่ได้ ดังนี้ครับ

1) นอนพักให้พอและอย่าออกกำลังหนักก่อนเข้างาน จะทำให้ไม่กระหายอัลกอฮอล์มากนัก

2) กินโปรตีนสักนิดรองท้องไว้ เช่นแซนวิชทูน่าหรือแม้แต่ปลาเส้นสักกำมือหนึ่งจะช่วยไม่ให้อัลกอฮอล์ดูดซึมเร็วนัก

3) ระหว่างดื่มให้กินกับไปด้วย จะทำให้ไม่เปลืองเหล้าแต่อาจเปลืองกับแทน

4) ดื่มน้ำให้เยอะแล้วปัสสาวะบ่อยๆ ตรงไปตรงมาเพราะว่าอัลกอฮอล์จะได้ถูกขับออกมาโดยเร็ว

สี่ข้อนี้จะช่วยให้ท่านป้องกันตัวเองและตับไว้ไม่ให้ต้องทำงานโอทีโดยไม่จำเป็น เพราะงานเลี้ยงถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งของร่างกาย คงจะไม่ค่อยดีนักถ้าเราได้พักแล้วยังปล่อยให้ตับต้องทำงานหนักอยู่อย่างโดดเดี่ยวครับ

เมนูลับดับเมาค้าง

นับแต่เริ่มมีเมรัยมาอาการเมาค้าง ถือเป็นสิ่งที่คู่กันแม้คนที่ถือว่าคอเหล็กคอแป๊บที่สุด ก็ยังต้องเคยมีประสบการณ์เมาค้างให้รำคาญใจ โดยเฉพาะในวันจันทร์ที่เริ่มทำงานนั้น เป็นเรื่องไม่สนุกเลยที่จะต้องเดินเพลียเข้าที่ทำงาน จึงอยากนำเมนูแก้เมาค้างง่ายๆ และเติมสุขภาพให้ตัวท่านได้มาฝากไว้ ดังนี้ครับ

1) ไข่ตุ๋นและซุปไก่ 2) น้ำส้ม มะนาว กระเจี๊ยบ เกรปฟรุต 3) ชารางจืด 4) กล้วยหอมน้ำผึ้งเชค

ในไข่ตุ๋นกับซุปไก่นั้นจะมีกรดอะมิโนชื่อ “ซิสเทอีน(Cysteine)” อยู่ช่วยลดระคายคอและพบว่าช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้ด้วย ขอให้กินร้อนๆด้วยได้ก็จะยิ่งดีครับ

ส่วนน้ำผลไม้รสเปรี้ยวจับใจนั้นใช้ได้ดีมากทีเดียวครับเพราะวิตามินซีมีผลในการช่วยลดเมาค้างได้ดีมาก ถ้าหาน้ำผลไม้ไม่ได้จริงอาจไปหลังครัวหยิบมะขามเปียกมาสักสิบฝักต้มน้ำเติมน้ำตาลสักนิดก็ดีไม่น้อยครับ

ดังนั้น ข้างโถยาดองที่ท่านวางจานมะขามเปียกกับมะยมไว้ให้จิ้มเกลือเม็ด ให้น้ำลายพุ่งออกจากกระพุ้งแก้มเล่นนั้น มันช่วยตัดเหล้าได้จริงทีเดียวครับ ส่วนรางจืดนั้นเป็นว่านหน้าตาคล้ายใบพลูที่เลี้อยเกาะระแนงไม้ บ้านผมก็มีไม่ได้มีราคาแพงหรือหายากเลยครับ เอาใบรางจืดมาตากแดดไว้แล้วชงดื่มสักหน่อยรับรองว่าเมาค้างจะหายเป็นปลิดทิ้ง

หรืออย่างกล้วยหอมน้ำผึ้งปั่นนั้นช่วยได้มากตรงที่กล้วยหอมมีธาตุร่าเริงอยู่ในเนื้อมัน กินไปมากๆจะช่วยให้สมองสดชื่นมีพลัง และคนที่ความดันสูงก็จะลดลงได้ด้วยฤทธิ์ธาตุโพแทสเซียมที่มีอยู่ด้วย พอผนวกเข้าไปกับน้ำผึ้งซึ่งมีน้ำตาลฟรุกโตสแล้วก็ยิ่งช่วยให้กะปรี้กะเปร่ามากขึ้น แต่ข้อแม้ว่าตอนทำเช้คต้องใส่น้ำให้เยอะสักหน่อยครับ อย่าให้หวานจัดเกินไปประเดี๋ยวหายเมาแต่พาลง่วงนอนหลับต่อเจ้านายไม่ปลื้มอีก

แต่สูตรที่ดีสุดจริงอยู่ตรงนี้ที่กำลังจะเขียนนี่แหละครับคือ “อดใจ” เสียไม่ให้ความอยากเหล้าเข้ามาครองได้ไม่ว่าจะเข้าหรือออกพรรษาก็ตามที เพราะเหล้านั้นเป็นของที่ผลิตมาไว้ให้มันกินเราโดยแท้ทีเดียวครับ

แม้ว่าเราอาจถูกมันล้างสมองไปบ้างแล้วแต่อยากขอให้ “ล้างสมอง” ใหม่อีกทีท่องไว้ว่าไม่มีใครในโลกบังคับจับกรอกปากให้เรากินได้ถ้าไม่ใช่ “ความอ่อน” ของตัวเราเอง ลองใช้ดูเถิดครับสูตรนี้แก้ได้ชะงัดทุกเมายกไว้เสียแต่ “เมาดิบ” ไม่ยอมจ่ายนี่ยากหน่อยครับ






 

Create Date : 29 กันยายน 2552    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 9:58:19 น.
Counter : 331 Pageviews.  

1  2  3  

sunchart
Location :
ยโสธร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ MY BLOG ครับผม
Friends' blogs
[Add sunchart's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.