Group Blog
 
All blogs
 

ปอกขนมกล้วยเข้าปาก อร่อยมาก ขอบอก

 ขนมกล้วย 


         เมนูวันนี้ขอเสนอขนมไทยทำง่าย จากวัตถุดิบใกล้ตัวจากธรรมชาติ ภูมิใจเสนอเพราะเป็นครั้งที่ ที่คนไม่ชอบกินเอ่ยปากชมว่าอร่อย ครั้งแรกเป็นขนมชั้นที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าไม่ชอบกิน แต่ขนมชั้นที่ฉันทำอร่อย อิอิ


          ทำไงได้ ได้สูตรดี มีชัยไปกว่าครึ่ง


          เอาเรื่องขนมกล้วยกันก่อนดีกว่าจะโม้ไปไกล


          พอดีได้กล้วยน้ำว้ามาจากบ้านแม่ที่กำแพงเพชร จัดหน่อย หามะพร้าวทึนทึกอยู่นานเลยล่ะ

แต่ก็ได้กินสมใจ ไม่มีพิมพ์สวยงามแบบใครเขา แต่เราอยากทำ จะทำไม



ขนมกล้วยอร่อยๆ สูตรป้าหมู จากห้องรวมสูตรขนมไทยร่วมสมัยค่ะ


         ที่จริงอยากกินขนมกล้วยมาตั้งแต่ปิดเทอมคราวก่อนนู้น แต่เราไม่ได้ออกตามหามะพร้าว เลยอดกินไป รอบนี้ก่อนเปิดเทอมจัดจากบ้านแม่ไป 1 ถาด อร่อยฟินมากเลย อุตส่าห์จดสูตรที่ปรับเอาเองตามใจฉันมาแล้วเชียว แต่กลับมาแล้วหาไม่เจอ ไม่เป็นไรในห้องรวมสูตรขนมไทยมีสูตรขนมเยอะแยะ ไปแอบจิ๊กสูตรขนมกล้วยอันโด่งดังของป้าหมูมาทำค่ะ ปรับลดน้ำตาลนิดหน่อย ใครกินก็บอกอร่อยมาก ขนาดวันที่สองเอาไปแช่เย็นข้ามคืน พอวันต่อมาเอาออกมาคลายเย็น ป้ากินบอกอร่อยกว่าเดิมอีก คิคิ ขอบคุณสูตรอร่อยจากป้าหมูมากๆ ค่ะ


อันนี้ที่ทำจากบ้านแม่ค่ะ ทึนทึกไม่มี มีแต่มะพร้าวแก่ใกล้เน่า ขูดได้ไม่น่ากินสุดๆ ไปเลยเนอะ


แต่อร่อยนะเอ้อ ขอบอก แม่ยังค่อนว่า "แน่ล่ะ เล่นใส่มะพร้าวเป็นลูก กะทิอีกต่างหาก ไม่อร่อย ไม่มันให้มันรู้ไป"


มะพร้าวที่ออกตามหา แต่เค้าว่ามันจะทึนทึกเกินไปรึเปล่า คือแก่ไปนิดนึงใช่ไหม แบบนี้ ทำไงได้ หาไม่ได้แล้ว ลูกละ 30 บาทเชียวนะ



มาเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากรวมแป้งสามชนิดเข้าด้วยกัน ที่จริงแล้วขนมจะอร่อยมากขึ้นถ้าใช้แป้งเท้ายายม่อมของแท้ แต่นอกจากราคาแพงสุดๆ แล้วยังหายากสุดๆ อีกด้วย วันนี้ก็จัดแป้งเท้าเทียมๆ ในชื่อทางการค้าว่า “แป้งท้าว” กันต่อไปค่ะ ของจริงกิโลกรัมละ 400 ของทำเทียมนี่กิโลกรัมละ 40 บาทเท่านั้น


นวดสามแป้งกับน้ำกะทิจนเนียน ไม่ติดโถ


ผสมแป้งเข้ากันแล้วก็นวดด้วยกะทิค่ะ แบ่งมา 200 กรัม ค่อยๆ เทไป นวดไปจนจับตัวกันเป็นก้อน ไม่ติดชามผสม ก็เป็นอันเรียบร้อย


    • ผสมกะทิกับน้ำตาลและเกลือจนละลาย


เสร็จแล้วก็ผสมกะทิที่เหลือกับน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ให้น้ำตาลละลายหมด แล้วผสมรวมกับส่วนของแป้ง จนเข้ากันดี



ตามด้วยกล้วยน้ำว้าสุกบดหยาบ หรือบดละเอียดตามชอบ ผสมเข้ากัน




ปิดท้ายด้วยมะพร้าวขูด ใส่ในส่วนผสม พอเข้ากัน พักไว้ 15 นาทีก่อน

ป้าบอกว่าขูดแบบนี้ไม่ชอบ ชอบแบบขูดด้วยกระต่ายมากกว่า อิอิ เค้าก็ว่ามันใหญ่ไปนิดนุง

มะพร้าวขูดสำหรับโรยหน้า เราขยำกับเกลือป่นเล็กน้อย (ในสูตรป้าหมูไม่ได้บอก แต่สูตรแรกที่ทำบอกไว้ ก็เลยคลุกเกลือด้วย เพราะชอบให้ออกเค็มนิดๆ)


เตรียมลังถึงใส่น้ำ ¾ ของลังถึง พอเดือด ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ นึ่งประมาณ 15 – 20 นาที หรือจนสุก


อันนี้โรยมะพร้าวน้อยไปนิดกลัวไม่พอ แต่เหลือเฟือค่ะ สำหรับมะพร้าว 1/2 ลูก/ 1 สูตร


สุกแล้วจัดการได้


ถ้วยที่ไม่ได้โรย ทำให้ลูกสาวคนโต นางไม่ชอบเนื้อมะพร้าว แต่ชอบกินน้ำมะพร้าว เฮ้อ!


เสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เท่าไหร่ นอกจากพิมพ์ขนมจะไม่สวยแล้ว รอบสุดท้ายยังฝากป้าปิดไฟให้เพราะต้องพาตัวเล็กขึ้นนอนก่อน ตอนเช้าก็ไม่มีเวลามาก ต้องพาตัวเล็กไปหาหมอแต่เช้า ตื่นมารีบแกะส่วนหนึ่งออกจากพิมพ์ใส่กล่องไปฝากหมอ ฝากครู สุดท้ายไม่กล้าฝากหมอ ให้ผู้ช่วยพยาบาลหน้าห้องตรวจแทน เพราะคุ้นกันมากกว่า กลับมาแบ่งให้แม่สามีไป 2 กล่อง แม่สามีบอกเพื่อนๆ ชมกันว่าอร่อย ตัวแม่เองไม่ชอบกินขนมกล้วย แต่ก็บอกว่าอันนี้อร่อย กินได้


ขนมกล้วยนี้ฝันนึ่งไว้ตอนกลางคืน เช้ามากินก็ยังอยู่ดี ตอนค่ำเหลืออยู่นิดหน่อย กลัวเสียจึงแช่ตู้เย็นไว้ วันต่อมาเอาออกมา เมื่อคลายเย็นแล้วรสชาติก็ไม่เสีย เนื้อไม่แข็ง ป้าบอกอร่อยกว่าเมื่อวานอีก คาดว่าจะเป็นชุดหลังที่นึ่งค้างคืนไว้ ไม่ได้เอาออกจากซึ้ง หน้าจึงจะชื้นกว่าชุดแรกที่เอาออกมาเก็บไว้ในถาด พอไปแช่เย็น ความชื้นก็ลดลง รสชาติจึงดีขึ้น แต่ปกติก็ไม่แฉะนะคะ รสชาติดีทีเดียว แป้งไม่มากจนเกินไป เนื้อไม่แข็งเกินไปและไม่เละเกินไป หวานกำลังกิน มันดีค่ะ ถึงแม้จะใช้กะทิกล่องก็ตาม แต่ใช้หัวกะทิของอร่อยดี ก็อร่อยไปตามระเบียบ



สูตรขนมกล้วย,ขนมฟักทอง, ขนมเผือก เจ้าค่ะ 

(ใช้สูตรเดียวกัน เพียงเปลี่ยนวัตถุดิบค่ะ)

>> ขอบคุณป้าหมูที่แบ่งปันด้วยค่ะ เครดิตห้องรวมสูตรขนมไทยร่วมสมัย


ส่วนผสม

เนื้อกล้วยน้ำว้าสุกงอมมากๆ ตัดหยาบๆ   500     กรัม (ฝันเอาไปบดในเครื่องปั่นเลย เครื่องรุ่นใหม่ๆ ของแม่ไม่ต้องเติมน้ำเลย แต่ของฝันต้องใส่กะทิไปนิดหน่อยถึงปั่นได้)

หัวกะทิข้นๆ               400     กรัม (ฝันใช้กะทิกล่องอร่อยดีค่ะ เคยใช้ยี่ห้ออื่นไม่ข้น ไม่มัน)

น้ำตาลปี๊บนิ่มเหลว       70      กรัม (ใช้มิตรผล ก็ไม่เหลวนัก)

น้ำตาลทรายมิตรผล      180     กรัม (ฝันใช้ 160 กรัม ไม่ชอบหวานมาก เพราะกล้วยหวานอยู่แล้ว)

เกลือแกง                  2        ช้อนชา

แป้งข้าวเจ้า                100     กรัม

แป้งมัน                     85      กรัม (ฝันใช้ 75 กรัม)

แป้งเท้ายายม่อม         85      กรัม (ฝันใช้ "แป้งท้าว" 95 กรัม เพราะไม่มีแป้งเท้ายายม่อมแท้ๆ)

มะพร้าวน้ำหอมทึนทึกขูดเส้น/มะพร้าวขูดขาว 70 กรัม (ฝันใส่ไป 80 กรัม)

มะพร้าวทึนทุกขูดเส้น สำหรับโรยหน้าขนม


วิธีทำ

  • ผสมแป้งสามชนิดให้เข้ากัน
  • ผสมแป้งเข้ากันแล้วก็นวดด้วยกะทิค่ะ แบ่งมา 200 กรัม ค่อยๆ เทไป นวดไปจนจับตัวกันเป็นก้อน ไม่ติดชามผสม ก็เป็นอันเรียบร้อย
  • เสร็จแล้วก็ผสมกะทิที่เหลือกับน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ให้น้ำตาลละลายหมด แล้วผสมรวมกับส่วนของแป้ง จนเข้ากันดี
  • ตามด้วยกล้วยน้ำว้าสุกบดหยาบ หรือบดละเอียดตามชอบ ผสมเข้ากัน
  • ปิดท้ายด้วยมะพร้าวขูด ใส่ในส่วนผสม พอเข้ากัน พักไว้ 15 นาทีก่อน
  • มะพร้าวขูดสำหรับโรยหน้า เราขยำกับเกลือป่นเล็กน้อย (ในสูตรป้าหมูไม่ได้บอก แต่สูตรแรกที่ทำบอกไว้ ก็เลยคลุกเกลือด้วย เพราะชอบให้ออกเค็มนิดๆ)

  • เตรียมลังถึงใส่น้ำ ¾ ของลังถึง พอเดือด ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ โรยมะพร้าวทึนทึก นึ่งประมาณ 15 – 20 นาที หรือจนสุก



ข้อเสนอแนะ


          สำหรับท่านที่ชอบเนื้อขนมนิ่มๆ แนะนำให้ลดแป้งข้าวเจ้าลงนิด เพิ่มแป้งมันแทนนะคะ หรือจะเพิ่มกะทิอีกเล็กน้อยก็ได้ค่ะ


ขอให้สนุกกับการทำขนมไทยนะคะ สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2558 8:21:57 น.
Counter : 2860 Pageviews.  

บัวลอยไข่หวาน กินอย่างไรให้อร่อยได้ประโยชน์ (2) - ทำไข่หวาน น้ำกะทิบัวลอย

  ภาคต่อจาก บัวลอยไข่หวาน กินอย่างไรให้อร่อยได้ประโยชน์ (1) - การทำแป้งบัวลอยนุ่มอร่อย หลากสีจากธรรมชาติ


สูตรบัวลอยไข่หวานอร่อย มากประโยชน์

เมื่อได้แป้งแล้วก็หันมาทำไข่หวานค่ะ

ทำน้ำเชื่อมด้วย

น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวงของเหลว

น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวงของแห้ง

  • ตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย หยดน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย
  • จากนั้น หรี่ไฟลงเล็กน้อย ต่อยไข่ใส่ลงไปทีละฟอง เมื่อไข่สุก (มากน้อยตามต้องการ) ก็ตักขึ้น พักไว้



บัวลอยไข่หวาน บัวลอยทรงเครื่อง

ต้มไข่หวานในน้ำเชื่อมหรือน้ำกะทิ


น้ำเชื่อมที่เหลือนี้หากจะต้มบัวลอยใส่เลยก็ได้นะคะ แต่ควรเติมน้ำลงไปเพื่อลดความหวานลง จากนั้นเทเม็ดแป้งบัวลอยใส่ลงไป เมื่อเม็ดแป้งบัวลอยลอยขึ้นแสดงว่าสุกแล้ว ก็ดับไฟแล้วไปทำส่วนกะทิกันต่อ


แต่ฝันชอบต้มแป้งบัวลอยในน้ำเปล่ามากกว่า เพราะเสียดายน้ำเชื่อมค่ะ ถ้าต้มแป้งบัวลอยในน้ำเชื่อมแล้วจะทำให้น้ำเชื่อมมีสีเข้มขึ้น ดูไม่สวย เพราะว่าบัวลอยของเรามีสีเข้มๆ อย่างสีม่วง สีน้ำเงินด้วย

บัวลอยไข่หวานสูตรอร่อย บัวลอยหลากสีจากธรรมชาติ

เม็ดบัวลอยเตรียมลงต้ม ร่อนเอาแป้งนวลออกเสียก่อน

หรือจะล้างน้ำออกก็ได้แต่ต้องรีบนำลงหม้อน้ำเดือด


บัวลอยไข่หวานสูตรอร่อย บัวลอยหลากสีจากธรรมชาติ

เทเม็ดบัวลอยลงหม้อน้ำเดือดจัด เม็ดบัวจะจมลง

อาจใช้ตะแกรงหรือทัพพีช่วยเขี่ยให้เม็ดบัวลอยไม่ติดกัน



บัวลอยไข่หวานสูตรอร่อย บัวลอยหลากสีจากธรรมชาติ

เม็ดแป้งบัวลอยที่สุกจะค่อยๆ ลอยขึ้นมา



บัวลอยไข่หวานสูตรอร่อย บัวลอยหลากสีจากธรรมชาติ

บัวลอยหลากสีสันลอยเต็มหม้อ 


บัวลอยไข่หวานสูตรอร่อย บัวลอยหลากสีจากธรรมชาติ

ใช้กระชอนหรือตะแกรงช้อนเม็ดบัวลอยขึ้นมาพักในน้ำเย็น

แล้วตักขึ้นใส่หม้อน้ำเชื่อมหรือน้ำกะทิที่เตรียมไว้



การต้มในน้ำเปล่าก็ง่ายๆ เลยค่ะ ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นก็ใส่เม็ดบัวลอยลงไปต้ม เมื่อสุกลอยก็ช้อนออก พักไว้ในน้ำเย็นก่อน จากนั้นค่อยตักใส่น้ำเชื่อมไว้ แล้วหันไปทำน้ำกะทิกัน



บัวลอยไข่หวาน บัวลอยทรงเครื่อง

น้ำกะทิบัวลอยหรือน้ำกะทิไข่หวาน ข้นๆ หวานมันเค็ม


สูตรน้ำกะทิบัวลอย

หัวกะทิ 250 กรัม

น้ำเปล่า 125 กรัม

น้ำตาลปี๊บ 75 กรัม

น้ำตาลทราย 50 กรัม

เกลือป่น 10-15 กรัมทยอยใส่ เพราะเกลือป่นมีความเค็มไม่เท่ากัน


  • ตั้งไฟจนน้ำตาลละลาย กะทิเดือด หมั่นคนอย่าให้กะทิแตกมัน ปิดเตา
  • หม้ออีกใบใส่หัวกะทิ 500 กรัม ตั้งไฟจนกะทิเดือด หมั่นคนไม่ให้กะทิแตกมัน พอเดือดนำไปเทใส่ส่วนของหางกะทิ คนให้เข้ากัน

การจัดเสิร์ฟ

ตักบัวลอยและไข่หวานโดยใช้ทัพพีแบบมีรู จะได้ติดน้ำเชื่อมไม่มาก แล้วราดด้วยน้ำกะทิ หากใครชอบหวาน จะตักน้ำเชื่อมใส่เพิ่มก็ตามสะดวกเลยค่ะ ใครชอบหวานน้อย ชอบมันๆ เค็มนิดๆ ก็ใส่กะทิเยอะหน่อย หากมีเครื่องอย่างเผือก ข้าวโพด มะพร้าวอ่อน หรือมะพร้าวกะทิ ก็ตักใส่ไปด้วยกัน เพิ่มรสชาติความอร่อยได้อีก


บัวลอยไข่หวานเพิ่มเผือกนึ่งหั่นเต๋า 


บัวลอยไข่หวาน บัวลอยห้าสี

บัวลอยไข่หวานใส่ข้าวโพด สีสันจากธรรมชาติ



เคล็ดไม่ลับการทำไข่หวาน

  • ไข่หวานควรเลือกใช้ไข่ใหม่ ไข่ขาวจะมีลักษณะเป็นวุ้น ไม่กระจายตัว ทำไข่หวานแล้วจะเป็นตัวสวย
  • ไข่หวาน หากอยากให้มีสีขาวน่ากิน และไข่ขาวเกาะตัวกันดี เติมน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวเล็กน้อยลงในน้ำเชื่อมก่อนใส่ไข่ค่ะ
  • ไข่หวาน หากใช้ไข่ไก่สามารถนำไปใส่ในน้ำเชื่อมหรือน้ำกะทิได้เลย แต่หากใช้ไข่เป็ดให้ทำแยกหม้อกับกะทิหรือแป้งบัวลอย และทุบขิงแก่ใส่ไปในน้ำเชื่อมด้วยเพื่อไม่ให้เหม็นคาวไข่

เคล็ดลับการทำไข่หวาน

ไข่หวานรอเสิร์ฟคู่กับบัวลอย หรือจะราดกะทิกินเดี่ยวก็กินอร่อยเหมือนกัน



เคล็ดไม่ลับแป้งบัวลอยและน้ำกะทิ

  • แป้งบัวลอยที่มีส่วนผสมของแป้งและสีจากธรรมชาติมากจะให้รสชาติและคุณค่าทางโภชนาการที่ดีกว่าแป้งผสมกับสีอย่างเดียว แต่ต้องผสมให้ได้สัดส่วนที่สมดุล เพื่อจะได้สามารถปั้นเป็นก้อนกลมได้ง่าย
  • อาจผสมแป้งมันหรือแป้งข้าวเจ้าลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ปั้นได้ง่ายขึ้น แต่หากชอบรสของแป้งข้าวเหนียวล้วนๆ ก็ทำได้เช่นกัน โดยอาจเพิ่มน้ำอีกเล็กน้อย
  • พืชผักบางชนิดเมื่อนำไปนึ่งจะมีปริมาณน้ำอยู่ในตัว ดังนั้นหากไม่มั่นใจให้นวดกับแป้งไปก่อน ถ้าแห้งไปจึงค่อยๆ เติมน้ำลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ
  • หากแป้งบัวลอยมีแป้งนวลติดมาก ให้นำไปใส่ตะแกรงหรือกระชอนเพื่อสะบัดแป้งนวลที่ติดออก หรือจะล้างน้ำผ่านก๊อกแล้วรีบเทลงหม้อต้มแล้วคนเร็วๆ ให้แป้งกระจายตัว ไม่ติดกัน
  • เมื่อแป้งบัวลอยสุกแล้วแป้งจะลอยขึ้นมา หากต้องการให้แป้งอยู่ตัวดี ไม่ดูดน้ำหวานมากจนเกินไป ให้ตักขึ้นแช่อ่างน้ำเย็นไว้
  • หากอยากให้สีของน้ำบัวลอยขาวสวย ใช้น้ำตาลทรายขาวแทนส่วนน้ำตาลปี๊บทั้งหมด แต่ให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งก่อนเพราะน้ำตาลทรายมีความหวานที่มากกว่าน้ำตาลปี๊บ จากนั้นจึงชิมรส แล้วค่อยๆ เติมเพิ่มตามชอบ จะได้น้ำกะทิสีขาวสวย แต่อาจขาดกลิ่นและรสเฉพาะที่มีในน้ำตาลปี๊บ
  • น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลปึกก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่ควรเลือกสีอ่อนหน่อย เพื่อไม่ให้น้ำกะทิมีสีออกน้ำตาลจนเกินไป ส่วนใหญ่จะใช้น้ำตาลมะพร้าว ซึ่งมีสีอ่อนกว่าน้ำตาลโตนด
  • ปัจจุบันมีน้ำตาลโตนดผงขาย ให้กลิ่นรสหอมหวานเฉพาะตัวและมีสีที่อ่อนกว่าน้ำตาลปี๊บ ถ้าเอามาใช้แทนน้ำตาลทรายก็อาจให้รสชาติอร่อยแตกต่างไปอีกแบบ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงพอสมควร
  • หากต้องการกลิ่นหอมอ่อนๆ อาจใช้น้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำดอกไม้สดคั้นกะทิแทนน้ำเปล่าได้เช่นกัน
  • ทำหัวกะทิไว้ราดหน้าขนมจะเพิ่มความหอมมันและความน่ารับประทานได้
  • บัวลอยเป็นขนมที่ประยุกต์ทำได้หลายอย่าง จะทำสีเดียว สามสี หรือห้าสี หรือจะเพิ่มเครื่องกลายเป็นบัวลอยทรงเครื่องก็ได้ โดยใส่เผือกหั่นเต๋าต้มสุก ข้าวโพดหวานต้มสุก มะพร้าวอ่อน มะพร้าวกะทิ หรือมะพร้าวเผาก็ได้

บัวลอยไข่หวาน บัวลอยทรงเครื่อง

ขอให้มีความสุขกับการรับประทานบัวลอยไข่หวานฝีมือตัวเองนะคะ



มาอัพบล็อกช่วงเทศกาลกินเจจะผิดไหม แต่เมนูนี้ตัดไข่หวานไปก็เป็นเจได้แล้วนะคะ


ขออภัย...ยังไม่มีเวลาทำลายน้ำรูปใหม่ ขอก๊อปมาจากอีกบล็อกของตัวเองก่อนนะคะ




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2558    
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 14:09:42 น.
Counter : 4121 Pageviews.  

บัวลอยไข่หวาน กินอย่างไรให้อร่อยได้ประโยชน์ (1) -ทำแป้งบัวลอยนุ่มอร่อย หลากสีจากธรรมชาติ



บัวลอยไข่หวาน ขนมไทยอร่อยดีสีสวย 

อุดมด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ


บัวลอยไข่หวาน บัวลอยกะทิสด

บัวลอยไข่หวาน




เชื่อว่าเมื่อเอ่ยถึงบัวลอยไข่หวาน หลายคนคงแอบน้ำลายสอเพราะติดใจในรสชาติหวานละมุน กลมกล่อมและหอมเป็นเอกลักษณ์ แต่นอกจากจะหาที่อร่อยจริงๆ ได้ยากแล้ว สาวๆ และผู้รักสุขภาพทั้งหลายคงกังวลเรื่องน้ำหนักและคอเลสเตอรอลกันอยู่ไม่ได้


คงปฏิเสธไม่ได้ว่าขนมไทยส่วนใหญ่นั้นใช้วัตถุดิบหลักคือแป้ง น้ำตาล และกะทิเป็นสำคัญ แต่หากสังเกตุให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จะพบว่าจริงๆ แล้วขนมไทยนั้นนอกจากสื่อถึงภูมิปัญญาของปู่ย่าตายายในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าแล้ว คุณค่าของสารอาหารในขนมไทยเองก็มีไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นขนมน้ำ ขนมหม้อ อย่างฟักทองแกงบวด กล้วยบวชชี ถั่วดำแกงบวด เต้าส่วน ลอดช่องน้ำกะทิแตงไทย ขนมใบตองอย่างขนมกล้วย ขนมแตง ขนมตาล ข้าวต้มมัด และอีกสารพัดเมนู ไม่เพียงแต่จะมีพืชพรรณธัญญาหารอย่างกล้วย ฟักทอง ถั่วดำ ถั่วเขียว แตงไทย เผือก มันต่างๆ ตัวน้ำกะทิเองก็เป็นไขมันพืชมากคุณประโยชน์ที่ชาวต่างชาตินั้นนิยมยกย่อง แต่คนไทยกลับกลัวเกรง


อย่างไรก็ตามน้ำตาลทรายและแป้งก็ยังเป็นศัตรูกับสุขภาพอยู่หากได้รับปริมาณมากจนเกินไป ดังนั้นการกินอาหารที่ดีที่สุดก็คือรับประทานแต่พอดี และหากเป็นไปได้เราก็ทำอาหารกินกันเองดีกว่า เพราะตัวเราเองย่อมรู้ว่าอาหารที่เราทำนั้นประกอบด้วยส่วนผสมอะไรบ้าง จะได้กินแบบยับยั้งชั่งใจ เพียงแต่ไม่ต้องยั้งเรื่องรสชาติ เพราะปรับรสได้ตามใจปากตัวเอง



ฝันเองก็ชอบกินขนมหวาน โดยเฉพาะขนมไทยนั้นชอบเป็นพิเศษ ชอบทุกอย่าง เว้นก็แต่ขนมตระกูลทองที่หวานจัดจนกินไม่ไหว บัวลอยไข่หวานก็เช่นกัน เป็นเมนูพิเศษที่ถ้าไม่อร่อยก็ไม่กินนะ เพราะไหนๆ จะอ้วนทั้งที อ้วนแบบมีสุขก่อนก็ยังดี แต่บัวลอยไข่หวานเจ้าอร่อยนั้นมีน้อยมาก จะมีบ้างก็ขายตอนค่ำ ซึ่งไม่ใช่เวลาที่น่าจัดของหนักท้องทั้งยังหนักแคลอรี่เสียอีก ซื้อไว้กินตอนเช้าก็เสียรสไปแล้ว แถมตอนนี้เลิกขายไปแล้วด้วย ที่มีใกล้บ้าน ก็ไม่ใช่รสที่ถูกปากถูกใจ ก็เลยลองทำดูบ้าง ลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้แนวทางที่ตัวเองชอบ คือได้รสหวานมันเค็มแบบพอดี รสละมุน ไม่หวานแหลม ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำตาล ได้รสสัมผัสที่นุ่มหนึบอร่อยกว่าแป้งผสมสีเปล่าๆ แถมมีสีสันสวยงามน่ากิน แต่กินได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเพราะได้สีสวยมาจากธรรมชาติล้วนๆ หรือถ้าหากจะแต่งสีเสริมบ้างก็แค่เพียงเล็กน้อย ถ้าหากว่าสีที่ได้นั้นอ่อนเกินไป หรือหาสีที่อยากได้จากธรรมชาติไม่ได้ในตอนนั้น เช่นสีชมพู แต่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้สีจากธรรมชาติมากกว่า



บัวลอยไข่หวานสูตรอร่อย

บัวลอยหลากสี ต่างขนาดเพราะหลายมือทำ


ขนมบัวลอยไข่หวานนั้นสูตรโบราณดั้งเดิมจะใช้เพียงน้ำตาลปี๊บ จะให้รสที่หวานละมุนกว่าใช้น้ำตาลทราย แต่ปัจจุปันมีการใช้น้ำตาลทรายแทนเพื่อให้กะทิยังคงมีสีขาวสวยน่ารับประทาน เรียกว่าบัวลอยกะทิสด แต่รสชาติจะหวานแหลมไม่ละมุนอย่างสูตรโบราณที่ใช้น้ำตาลปี๊บ สำหรับแป้งบัวลอยแต่เดิมจะใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักผสมกับแป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย นวดด้วยน้ำอุ่นจัดจนเนียนมือ จึงนำมาปั้น แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มรสชาติด้วยพืชหลายชนิดทำให้ได้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนขึ้น ส่วนตัวแป้งบัวลอยเมื่อปั้นเสร็จแล้วก็ผึ่งให้แห้ง ไม่ต้องผสมแป้งนวล เพราะปั้นเสร็จก็โยนใส่น้ำกะทิที่ปรุงรสหวานนิดเค็มหน่อยไว้อยู่แล้ว พอแป้งสุกลอยขึ้น ก็ต่อยไข่ไก่ใส่ลงไป ประมาณ 4 นาทีก็สุกพอดีกิน ตักไข่ออกพักไว้ เวลาจัดเสิร์ฟก็ตักบัวลอยและไข่หวานใส่ถ้วย ราดด้วยหัวกะทิข้นๆ ที่คั้นแบบไม่ผสมน้ำเลย คนโบร่ำโบราณเค้าทำกินกันร้อนๆ จึงได้บัวลอยรสชาติหอมหวานอร่อย สำหรับเรานั้นแม้ว่าจะชอบวิถีการกินแบบโบราณ แต่ด้วยวิถีชีวิตแบบที่แตกต่าง จึงคิดว่าทำแบบประยุกต์นั้นจะเหมาะกับครอบครัวเรายิ่งกว่า เพราะลูกกลับจากโรงเรียนก็เวลาหนึ่ง พ่อบ้านกลับบ้านก็อีกเวลาหนึ่ง พ่อแม่สามีนึกอยากกินขึ้นมาก็อีกเวลาหนึ่ง ไม่ได้กินพร้อมหน้ากันอย่างคนโบร่ำโบราณ ผู้เขียนจึงต้องปรับให้สามารถรับประทานได้อร่อยทุกๆ เวลาค่ะ


วัตถุดิบขนมบัวลอย

วัตถุดิบหลักที่ทำให้แป้งบัวลอยอร่อยนุ่ม ไม่แข็ง แล้วยังได้ประโยชน์




มาดูสูตรแป้งบัวลอยกันนะคะ ทั้งนี้ต้องขอบคุณครัวบ้านพิมค่ะ เพราะฝันได้สูตรแป้งบัวลอยมาจากที่นี่ จากนั้นก็อาจจะมีปรับบ้างเล็กน้อยตามประสบการณ์และการทดลองทำหลายๆ ครั้งค่ะ ส่วนน้ำกะทิก็ปรับเอาจากหลายๆ สูตรที่ได้ลองอ่าน ลองทำดูค่ะ ต้องขอบคุณเจ้าของสูตรทุกสูตรเลยทั้งจากหนังสือ นิตยสารและผู้เผยแพร่สูตรทางอินเตอร์เน็ต ปกติน้ำกะทินั้นฝันไม่มีสูตรตายตัว อาศัยชิมรสชาติเอา มันกะทินำ หวานตาม เค็มปะแล่มๆ สักหน่อย ก็ใช้ได้แล้ว แต่วันนี้ก็ลองจดสูตรดูสักหน่อยค่ะ แต่เพราะทำปริมาณมากเพราะทำเลี้ยงงานบุญ สูตรที่ลงไว้จึงขอลดทอนจากสูตรที่ทำนะคะ


บัวลอยทรงเครื่อง บัวลอยห้าสี

สีสวยจากธรรมชาติ คุณค่าทางโภชนาการสูง


ใช้สีจากธรรมชาติตามนี้ค่ะ

  • สีเขียวได้จากน้ำใบเตยคั้นข้นๆ
  • สีน้ำเงิน สีครามได้จากน้ำดอกอัญชัน
  • สีม่วง ได้จากน้ำดอกอัญชันผสมน้ำมะนาวหรือมันเทศสีม่วงนึ่งสุก
  • สีส้ม ได้จากแครอทนึ่งสุก หรือมันเทศแครอทนึ่งสุก
  • สีเหลืองได้จากฟักทองนึ่งสุก
  • สีเหลืองอ่อนได้จากมันเทศสีเหลืองนึ่งสุก
  • สีขาวนวลๆ ได้จากเผือกนึ่งสุก

บัวลอยหลากสีจากธรรมชาติ

แป้งบัวลอย สีสันจากธรรมชาติ


สีอื่นๆ ที่อยากลอง แต่ฝันเองยังไม่ได้ลองเพราะยังหาวัตถุดิบไม่ได้คือสีชมพูค่ะ อาจได้จากหัวบีต (ใช้ปริมาณไม่มาก อาจผสมกับเผือกเพื่อลดความเข้มของสี หรือจะใช้ทั้งหมดสำหรับสีสดๆ), ดอกเฟื่องฟ้า, ดอกกุหลาบ, ดอกเข็ม เป็นต้น


ถ้าหากอยากได้สีที่ต่างไปจากสีธรรมชาติ แต่ยังอยากได้รสชาติแบบธรรมชาติ แนะนำให้ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในการผสมกับแป้งตามเดิม โดยใช้สีที่ใกล้เคียงหรือสีที่อ่อนกว่าสีที่ต้องการ เช่น อยากได้สีชมพู แต่ไม่มี ก็ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเช่นมันฝรั่งนึ่งสุกบด หรือเผือกนึ่งบด เพราะให้สีออกขาวหรือครีมซึ่งจะไม่ตีกับสีชมพู แล้วก็ใช้สีผสมอาหารผสมไปในปริมาณเล็กน้อย อยากได้สีเขียวก็ทำได้ด้วยการใช้วัตถุดิบที่มีสีออกเขียวหรือสีเหลืองอ่อน เช่นเปลือกฟักทองญี่ปุ่น หรือมันฝรั่งนึ่งบดผสมกับสีผสมอาหารสีเขียวหรือสีเขียวจากน้ำใบเตยก็ได้


บัวลอยจากสีธรรมชาติ และสีผสมอาหาร

แป้งบัวลอยที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ผสมสีเพียงเล็กน้อย (เฉพาะสีชมพู และสีเขียวมิ้นต์)

สัดส่วนแป้งและเผือกหรือมัน ดังนี้ค่ะ

แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม

แป้งมัน 10 กรัม (หรือสัก 1 ช้อนแกง ไม่พูนค่ะ)

ของนึ่ง เช่น เผือกนึ่ง ฟักทองนึ่ง มันเทศนึ่ง แครอทนึ่ง 150 กรัม สำหรับมันฝรั่งนึ่งใช้ 100 กรัม และไม่ต้องใส่แป้งมัน (ชอบสูตรนี้ตรงนี้ค่ะ วัตถุดิบเหล่านี้มากกว่าแป้งเสียอีก)

น้ำเปล่า 0 – 7 ช้อนโต๊ะ*


การทำบัวลอยไข่หวาน สูตรบัวลอย

ตัวอย่างการผสมสี และนวดแป้งสำหรับปั้นบัวลอย


  • ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นวดจนเนียน นุ่มไม่ติดมือ
  • จากนั้นก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณสาคูเม็ดโต วางผึ่งไว้ให้แห้ง ถ้าหากจะทำกินทันที แต่หากจะปั้นเก็บไว้ก็ไม่ต้องผึ่งแป้ง แต่ให้โรยแป้งนวลไว้กันแป้งติดกันด้วย
  • หากจะเก็บไว้ทำวันหลัง ก็ใส่ถุงมัดปากไว้ เก็บไว้ได้นาน 2-3 วัน หรือเก็บใส่ช่องแข็งไว้ได้นานหลายเดือน เมื่อจะใช้ก็นำมาวางไว้ในช่องธรรมดาสัก 1 คืน หรือ 1วัน


       *น้ำเปล่าทยอยใส่นะคะ วัตถุดิบบางอย่างอาจไม่ต้องใส่น้ำเลย เช่นฟักทอง แครอท เมื่อนึ่งแล้วจะมีน้ำมาก ทดลองผสมเข้ากันก่อน ถ้าแห้งไปจึงค่อยๆ เติมน้ำค่ะ แป้งจะได้ไม่แฉะจนเกินไป แต่หากว่าผสมแล้วแป้งแฉะ ก็ค่อยๆ ใส่แป้งข้าวเหนียวเพิ่มได้


บัวลอยไข่หวาน บัวลอยทรงเครื่อง

ฟักทองญี่ปุ่น เนื้อสีเหลืองทำแป้งสีเหลือง เปลือกสีเขียวทำแป้งสีเขียวได้อีก


สำหรับสีเขียวจากใบเตยหรือสีม่วง สีน้ำเงินจากอัญชันนั้น จะผสมกับแป้งแทนน้ำเปล่าเลยก็ได้ แต่ฝันว่ารสสัมผัสนั้นจะสู้แบบผสมมันหรือเผือกไม่ได้ สีม่วงหรือสีฟ้า แนะนำให้ผสมกับเผือกนึ่งค่ะ หรือถ้ามีมันเทศสีม่วง ก็ใช้แทนได้เลย ไม่ต้องผสมสีเพิ่ม เพราะสีที่ได้จากมันเทศสีม่วงนั้นเข้มมากอยู่แล้ว ส่วนสีเขียวอาจจะใช้เผือกซึ่งมีสีอ่อน หรือใช้วัตถุดิบที่มีสีเหลืองอ่อนๆ อย่างมันเทศสีเหลืองอ่อนๆ หรือมันฝรั่งก็ได้ค่ะ แต่ที่แนะนำเลยก็คือเปลือกฟักทองญี่ปุ่นค่ะ ใช้เนื้อสีเหลืองๆ ทำเป็นแป้งบัวลอยสีเหลืองแล้วเปลือกก็อย่าทิ้ง นึ่งไปพร้อมกันนั่นแหละค่ะ นำมาผสมกับน้ำใบเตย ได้สีเขียวสวยแล้วก็ยังได้รสอร่อยจากเปลือกฟักทองญี่ปุ่นด้วย




บัวลอยไข่หวาน บัวลอยทรงเครื่อง

แป้งปั้นบัวลอยหลากสี คลุกแป้งนวลเพื่อไม่ให้ติดกัน


มาปั้นแป้งบัวลอยกันก่อนนะคะ ฝันทดลองปั้นแป้งบัวลอยแบบข้าวเหนียวล้วนๆ แล้ว ลองแบบผสมแป้งมันเล็กน้อยแล้ว แต่ยังไม่เคยลองแบบผสมแป้งข้าวเจ้านิดหน่อยดูเลยค่ะ เลยไม่รู้ว่าแบบไหนจะอร่อยกว่า เคยอ่านในอินเตอร์เน็ตเห็นบางท่านว่าใช้แป้งข้าวเหนียวล้วนนั้นอร่อยกว่าผสมแป้งมัน ฝันก็ลองดูทั้งสองแบบแล้วนะคะ แบบผสมแป้งมันเล็กน้อยนั้นปั้นง่ายกว่า ส่วนรสชาตินั้น ยังไม่เห็นความแตกต่างค่ะ แต่ที่เห็นชัดคือ แป้งข้าวเหนียวที่ผสมสีอย่างเดียว ไม่ว่าจะสีผสมอาหาร หรือสีจากธรรมชาติอย่างดอกอัญชันหรือใบเตย กับแป้งข้าวเหนียวที่ผสมส่วนผสมจากธรรมชาติเช่นฟักทอง เผือก มันนั้นรสชาติต่างกันมากค่ะ แบบหลังอร่อยกว่ามากมายเพราะนุ่มลิ้นกว่า มีคุณค่ามากกว่าด้วย แถมปั้นง่ายกว่าด้วยนะคะ เพราะแป้งจะไม่ร่วนเหมือนแป้งข้าวเหนียวล้วน (คิดว่าถ้าใช้แป้งข้าวเหนียวล้วนต้องผสมน้ำอุ่นจัดถึงจะปั้นง่าย แต่ไม่แน่ใจว่ารสชาติจะดีขึ้นไหม แต่ว่าติดไว้ก่อนนะคะ คราวหน้าต้องลองแน่ๆ ค่ะ)

เอาเป็นว่าสำหรับวันนี้เราใช้แป้งบัวลอยสูตรนี้ไปก่อนละกัน


วิธีทำบัวลอย สูตรขนมบัวลอยไข่หวาน

แป้งบัวลอยพร้อมปั้น



บัวลอยไข่หวาน บัวลอยทรงเครื่อง

แป้งบัวลอยปั้นเสร็จแล้วเก็บใส่ถุงแช่ตู้เย็น หรือแช่แข็งเก็บไว้ใช้ได้นาน


เนื่องจากข้อมูลยาวเกินไป ขอต่อวิธีการทำไข่หวาน และน้ำกะทิบัวลอยในตอนต่อไปนะคะ 

บัวลอยไข่หวาน กินอย่างไรให้อร่อยได้ประโยชน์ (2) - การทำไข่หวาน น้ำกะทิบัวลอย


มาอัพบล็อกช่วงเทศกาลกินเจจะผิดไหม แต่เมนูนี้ตัดไข่หวานไปก็เป็นเจได้แล้วนะคะ


ขออภัย...ยังไม่มีเวลาทำลายน้ำรูปใหม่ ขอก๊อปมาจากอีกบล็อกของตัวเองก่อนนะคะ





 

Create Date : 12 ตุลาคม 2558    
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 14:10:59 น.
Counter : 4900 Pageviews.  


ที่นี่ดาวสวย
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ที่นี่ดาวสวย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.