Group Blog All Blog
|
บทบาทของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งที่มีต่อการไกล่เกลี่ยในอังกฤษและเวลส์ บทบาทของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งที่มีต่อการไกล่เกลี่ย มีการเปรียบการดำเนินคดีไว้ว่า เป็นเสมือนเครื่องจักรที่เวลาเข้าไป เป็นตัวหมูแต่เมื่อออกมาแล้วเป็นไส้กรอก หรือบางครั้งก็เปรียบเปรยว่า เป็นการยอมเสียเนื้อเพื่อรักษากระดูกเอาไว้ ซึ่งแสดงให้เห็น ทัศนคติด้านลบเกี่ยวกับการฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลและกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง และทำให้ข้อพิพาททางแพ่งจำนวนมากจบลงก่อนที่จะมีการพิจารณาคดี ตาม Beldam Report ซึ่งนำเสนอต่อสภาใหญ่ของสภาทนายสรุปว่า การไกล่เกลี่ยควรนำมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของกระบวนพิจารณาคดีในศาลอังกฤษ ข้อเท็จจริงที่ว่า การดำเนินคดีไม่ใช่แต่เพียงมีความหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการระงับข้อพิพาทอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพแต่อย่างเดียวเท่านั้น ได้รับการอ้างอิงโดย Lord Woolf เพื่อรวมเอาการไกล่เกลี่ยและการระงับข้อพิพาททางเลือกอื่นมาใช้ในการปรับปรุงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลอังกฤษ โดยในรายงานของ Lord Woolf ให้ข้อแนะนำว่า - ศาลควรส่งเสริมการใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือก - คู่ความควรแจ้งนับแต่ขั้นตอนการประชุมจัดการคดีและขั้นตอนก่อนพิจารณาคดีว่า จะนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกมาใช้หรือไม่ - ผู้พิพากษาควรให้ความสนใจหากคู่ความปฏิเสธการใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือกโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเมื่อพิจารณาการกระทำต่อไปในคดี จุดประสงค์ของ Lord Woolf ก็คือ ต้องการให้มีการลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการดำเนินคดีโดยการนำการไกล่เกลี่ยมาใช้นั่นเอง ตาม Final Report ของ Lord Woolf ได้วางแนวทางกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งไว้ดังนี้ - ให้หลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีหากเป็นไปได้ - ลดความเป็นปฏิปักษ์ของคู่ความลงแล้วใช้การดำเนินคดีแบบร่วมมือกันให้มากขึ้น - ลดความซับซ้อนของการดำเนินคดี - ระยะเวลาของการดำเนินคดีต้องสั้นลงและมีความแน่นอนมากขึ้น - ต้องมีความเสมอภาคกันในระหว่างคู่ความ - โครงสร้างของศาลต้องตอบสนองต่อความต้องการของคู่ความ - มีการจัดการคดีโดยผู้พิพากษา นอกจากนี้ยังคำนึงถึงหลักการอีกหลายประการได้แก่ - การปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม - ผลลัพธ์ที่ยุติธรรม - ราคาค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม - รวดเร็วตามสมควรแก่เหตุและผล - เป็นระบบยุติธรรมทางแพ่งที่สามารถทำความเข้าใจได้ - มีความแน่นอน - มีประสิทธิภาพ ในเดือนตุลาคม 1997 ประธานศาลฎีกาของอังกฤษได้ประกาศโครงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งหลายประการ ได้แก่ - ทำกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้เป็นเอกภาพ - ในกระบวนการก่อนพิจารณาคดีนั้น ให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการสอบสวนศึกษาคดีอย่างเต็มที่ก่อนที่จะเริ่มกระบวนพิจารณาและให้พยายามรอมชอมก่อนดำเนินกระบวนพิจารณา - แบ่งคดีเป็น 3 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางการดำเนินคดีมโนสาเร่ (Small claims) ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 ปอนด์ (แต่ถ้าเป็นเรื่องความเสียหายส่วนบุคคล (Personal injury) ทุนทรัพย์ไม่เกิน 1,000 ปอนด์) ช่องทางด่วน (Fast track) สำหรับคดีที่มีทุนทรัพย์สูงขึ้นแต่ไม่เกิน 15,000 ปอนด์ และช่องทาง Multi-track สำหรับคดีที่มีทุนทรัพย์กว่า 15,000 บาท และมีความซับซ้อนแต่มีคุณค่าน้อย(Low Value) ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 1999 มีการบังคับใช้กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (Civil Procedural Rules, CPR) ซึ่งใช้กับ High Court และ County Court ในอังกฤษและเวลส์ โดยมีหลักการที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพหลักการตามรายงานของ Lord Woolf ซึ่งมีหลักการสำคัญๆ ได้แก่ การประกันความมั่นใจว่า คู่ความจะมีโอกาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน ประหยัดค่าใช้จ่าย การจัดการระงับข้อพิพาทในคดีนั้นเป็นในทางที่ได้สัดส่วนเหมาะสมกับทุนทรัพย์และความซับซ้อนของคดี ด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม รวมถึงการใช้ทรัพยาการของศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด |
Env. Boalt
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Link |