All Blog
งานหนังสือ..ไปมาแว้ววว
พอดีเพิ่งกลับมา(นานแร่ะ)จากงานหนังสือ เพิ่งหายเหนื่อยว่าง่าย ๆ อย่างนี้ ก็เพราะเล่นไปกลับ อุบลฯ -กรุงเทพในวันเดียว ฮ่า ๆ...เหนื่อยเป็นบ้าเลย..แต่ก็คุ้มมากเลยคะ มีความสุขเอามาก ๆ เงินที่หายไปไม่เสียใจซักนิด..(เหรอ?)




เข้าถึงศูนย์ประชุมก็เกือบ 09.00 น. เขาให้เข้าไปดูก่อนก็ได้ ไม่ใช่เราคนเดียวที่ไปถึงก่อน ก็พอสมควรแหละคะ เช้า ๆ นั่งคุยกะเพื่อนที่ไปด้วยแล้วก็รอคุณเพื่อนอีกคนที่อยู่กทม. เมื่อเปิดงานก็สนุกฝ่าฦงชนเข้าไปในห้อง..(จะแออัดกันไปทำไมเนี่ย?) เข้าไปแรก ๆ ก็อุดหนุนเขาเลย..แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาหนังสือที่เขาฝากซื้อแต่ดันลืมกระดาษจดไว้ที่โต๊ะทำงานอ่ะ..


จำได้ว่าเป็นหนังสือเก่าก็เดินขึ้นไปอีกด้านปล่อยเพื่อนนั่งหมดสภาพกันแถวที่ฝากของเราก็บุกบั่นไปคนเดียวจนไปถึงบูธซีเอ็ด..เท่านั้นแหละคะ..หยุดกึก!! ถอยหลังหันกลับมามองอีกที..ดร.ป๊อบ..!!..เลยรีบโทร.บอกเพื่อนเอากล้องมาให้(แล้วมันจะเก็บไว้ทำไมฟระ)...เอามาถ่าย..
“พี่คะ..(เรียกเขาพี่อีก?) ...ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”
“ได้ครับ..ไม่มาถ่ายด้วยกัน…ให้น้องเขาถ่ายให้”
“ไม่คะ..ไม่เป็นไร”ตอบไปโดยลืมว่า...เขาจะคิดว่าเรารังเกียจอ่ะป่าว?...คือที่ไม่ถ่ายด้วยเพราะรังสีออร่าของดร.ป๊อบมันแผ่กระจายมากคะ..ไม่กล้า..ดูสภาพตัวเองแล้วเหมือนเพิ่งออกมาจากป่าไม่มีผิด...ถ่ายรูปดร.ป๊อบเสร็จนะ..ก็เดินต่อโดยลืมไปว่า..จะมาเอาหนังสืออะไรหว๊า...???



เดินไปอีกหน่อย...เจอ..คริส (เดลิเวอรี่) อ๊า~~ …ครูในดวงใจของเพื่อน..โทร.จิกมันมาอีกรอบ..(ตายแน่แก..บอกแล้วให้ตามมา)มันรีบมาแค่ไหนก็ฝ่าฝูงชนไม่ได้...เราก็เลยอ้าปากพูดกะเขาอีกรอบ..(จริง ๆพยายามไม่คุยกับใครแล้วนะเพราะพูดไปแล้วทุกคนต้องถามกลับมาว่า..อะไรนะ?..เลยไม่ค่อยอยากพูด)
“พี่คะ..รอเพื่อนหนูก่อนนะคะ..”
“อ่อ..ได้ครับ..ผมอยู่นี่จนเย็น..แต่หลังสี่ทุ่มนี่ผมกลับแล้วนะครับ”...เออ..เล่นมุกซะงั้น..ได้..คีตาจัดให้..
“ว่าจะพูดอยู่เชียวคะว่าเพื่อนจะมาสี่ทุ่มนั่นแหละคะ”
“อ้าว..เพื่อนเป็นเจ้าที่เหรอครับ”..อ้าววว...ฮา~~…เพื่อนมาถึงก็ไม่กล้าถ่ายรูปด้วย..เฮ้ยไม่ได้นะเว้ย..อุตส่าห์อ้าปากขอเขาไว้..มันเผลอเลยถีบมันเข้าไป..ในที่สุดก็ได้ถ่ายรูปด้วย..ฮ่า ๆ...



ทีนี้มันก็เลยบ่น..ทีตูละถีบเข้าไปทีตัวเองละส่ายหน้าไม่ยอมถ่ายกะดร.ป๊อบ...


ไม่ลืมที่จะลองเบียดคนเข้าบูธแจ่มใสคะ..โอววว..อะไรกันเนี่ย..คนมาทำอะไรกันที่นี่..สุด ๆ เลยสั่งหนังสือ..สามเล่ม(คือซื้อไปหมดแล้วก่อนหน้าที่จะมางาน)แต่หนังสือหมด..ได้มาเล่มเดียว..โถ..น่าสงสารอุตส่าห์เบียดเด็กแนวทั้งหลายได้..

เดินเตร่ไปมาก็เลยไปดูบูธนกฮูกของเราบ้าง..โหะๆๆๆๆ..หัวเราะแบบนางมารร้าย..ไปถึงก็แอบดูหนังสือตัวเอง ลดตั้ง 50% แน่ะ..เหลือ 95 บาท..รู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้..ทีนี้ก็จัดการ..ซื้อหนังสือของคุณน้องหมี(นิชนันท์)..แล้วก็อื่น ๆ ..แล้วก็แชะภาพสาว ๆ ขายหนังสือกันบ้าง

กว่าจะเดินครบก็เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ได้หนังสือกลับมากโขคะ..แม้จะเหนื่อยแต่ก็ยิ้มแก้มปริตลอดทางกลับบ้าน












Create Date : 29 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 ตุลาคม 2552 12:14:14 น.
Counter : 418 Pageviews.

4 comment
You're Beautiful สไตล์แบบนี้ยังคงขายได้

สองสามวันนี้ได้มีโอกาสดูซีรี่ส์เกาหลี   หลังจากที่ห่างหายไปนานมากเพราะไปหลงวกวนในซีรี่ส์ญี่ปุ่น  แม้แต่ F4 เกาหลียังไม่ทำให้ป้าอยากดูเลย..(สงสัยจะเบื่อจริง)  แต่เรื่อง You're Beautiful ทำให้ได้ดูอีกครั้ง  เหตุเพราะกึน ซอกและฮง กี  ทำให้ต้องเลี้ยวรถกลับมา  เมื่อได้ดูก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นพล็อตเรื่องเดิม ๆ แต่มันก็ขายได้และยังขายได้ดีเสียด้วย


เรื่องนี้เป็นพล็อตเรื่องง่าย ๆ เกี่ยวกับนักร้องเกาหลีวงหนึ่งที่อยู่ ๆบริษัทก็มีโปรเจคหาสมาชิกเพิ่ม..(คุ้นๆนะว่าไหม..??) โดยคนที่ได้คือ พี่ชายฝาแฝดของนางเอกแต่เรื่องมันผิดพลาดเมื่อพี่ชายเกิดอุบัติเหตุมาไม่ได้ ผู้จัดการก็เลยไปขอร้องให้นางเอกมาปลอมตัวแทน ซึ่งนางเอกกำลังจะไปเป็นแม่ชี?..อืม..เรื่องมันวุ่นวายเพราะเธอจะต้องแก้ปัญหาแทนพี่ชายแถมยังต้องปิดบังเรื่องเป็นผู้หญิงอีก  แต่เรื่องนี้โอเคตรงที่พระเอกรู้ก่อนแล้วว่านางเอกเป็นผู้หญิง..ต่อไปก็แค่ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะรักกันแล้วพระรองก็น่ารักแสนดีจริง ๆ..


กลิ่นไอของเรื่องนี้มีทั้ง Hanakimi  and F4 แถมCoffee prince ให้อีก..สไตล์นี้ พระเอกแนวF4 เลยละ ระเบียบเยอะ..รักความสะอาดจนน่าหมั่นไส้ พูดตรงจะน่าถีบ  แถมเอาแต่ใจอีกต่างหาก  พระรองเองก็แอบเห็นว่าเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในเรื่องนี้เหมือนกัน ชงชา ท่าทางอบอุ่น เป็นคนดี แต่มักมาช้ากว่าพระเอกเสมอ????..


ที่ดูเรื่องนี้ก็เพราะจาง กึน ซอก แต่พอดูกลับปันใจให้พระรองเสียนี่... Jung Yong Hwa  แม้การแสดงของเขาจะยังสู้คนอื่นไม่ได้แต่ว่า  สายตาคู่นั้น  ทำได้ดีเยี่ยมมาก  เป็นคนที่มีตาที่แฝงอะไรไว้มากมาย..เพราะตาคู่นี้เลยทำให้ป้าแอบมีใจให้เลยนะนี่..


นักแสดงตัวเอกเกือบทั้งหมดเป็นนักร้องยกเว้น นางเอก..ปาร์ค  ชิน  เฮ(หรือเป็นก็ไม่รู้) ที่เหลือเป็นหมดเลย อย่าง ยงฮวา อุปป้านี่ก็เป็นนักร้องวง C.N. Blue (ไม่รู้จักเหมือนกัน)  หนุ่มจางกึนซอกก็เคยออกมินิอัลบั้มมาแล้ว  ฮงกี แน่นอนไม่มีใครไม่รุ้จัก FT.island  ดังนั้นเพลงประกอบละครก็จะต้องเพราะอย่างแน่นอน เป็นเสียงฮงกีผู้น่ารักของเรา..


แม้ว่าจะคลอดมาสี่ตอนแล้วเรตติ้งก็พุ่งกระฉุดแต่ก็ยังแพ้ Iris ที่หนุ่ม TOP แห่งบิ๊กแบง ร่วมแสดงอยู่ดี(ดาราที่เรื่องนั้นเขาคับคั่งด้วยแหละ) แต่ก็ถือว่าออกตัวได้เยี่ยมมาก  เรื่องนี้ขอบอกว่า Jung Yong Hwa  เกิดแน่ ๆ


สไตล์ F4 ที่ยังคงกรุ่นอยู่ในเรื่องนี้ที่เคยทำให้นักแสดงหลายคนเกิดมาแล้ว  เช่น F4 จีนที่สร้าง วง  F4 จริง ๆ แถม เกิด เจอรี่  ญี่ปุ่นที่ทำให้ มัตสึโมโต้ จุน ดังยิ่งกว่าเดิม และล่าสุด  ลี มินโฮ ที่กำลังดังเอามาก ๆ ในเกาหลีและไทย  แถมด้วยนักแสดงตัวเอกในซีรี่ส์ที่ดังพอ ๆกัน  เรื่อง You're Beautiful นี้ก็เช่นเดียวกัน..เพียงแต่ว่า..จาง กึน ซอก เป็นดาราที่กำลังดังอยู่แล้ว  แต่คนที่จะดังจากที่ไม่มีใครรู้จักก็คือ Jung Yong Hwa  (ป้าเองยังไม่รู้จักเลย)  เรื่องนี้ให้ดูขำ ๆ อย่าซีเรียส  หนังก็คือหนังคะ..รับรองความน่ารัก ขำ และกรี๊ดดดดดดด..







Jang Geun Suk as Hwang Tae Kyung




Park Shin Hye as Go Mi Nam (Male)/Go Mi Nyu (Female)



Lee Hong Ki as Kang On Yu


Jung Yong Hwa as Kang Shin Woo



UEE as Yoo He Yi


ปล.เขียนบทความนี้ไปแล้วแต่เน็ตเดี้ยงเลยต้องเขียนใหม่..คนละอารมณ์เลย??..
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.soompi.com
www.popcornfor2.com


แถมภาพยงฮวาที่รัก..












Free TextEditor



Create Date : 19 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 12:48:25 น.
Counter : 816 Pageviews.

12 comment
คิดถึง คิดถึง
ช่วงนี้งานยุ่งมาก...ทั้งงานในหน้าที่ที่รับมาและงานประจำที่เพิ่งเริ่มต้น..เมื่อคืนก็ได้ฤกษ์เขียนนิยายได้อีกตอน..เพราะถ้าทิ้งไว้นานก็จะขี้เกียจทันที..ได้ซักตอนก็ยังดี..ทำไปทำมาเกือบตีหนึ่ง..ตอนเช้าเลยง่วงงุน...ลูกค้าแสนน่ารักทั้งหลายก็หายเงียบ..สงสัยเป็นช่วงสอบ..ชีวิตนี้รันทดสิ้นดี..หุๆๆ

อยู่แถวร้านมีหมาอยู่ตัวหนึ่งมันน่ารักแสนรู้มาก..ชอบไปเดินเที่ยวแถวนี้..เจ้าของแกก็น่ารัก..ไปไหนมันก็ไปด้วย..คนแถวนี้เขาก็รู้จักมัน..เอื้อเฝื้อเวลามันจะข้ามถนน..เพราะถนนนี่สี่เลนรถวิ่งเร็วมาก..เห็นแล้วมีความสุข..

การทำงานที่ร้าน..ตอนนี้เริ่มเรื่อย ๆ เพราะของเรายังไม่เยอะ..เด็กก็มาประปราย..คิดถึงตอนทำงาน..พอดีไปเจอรูปเก่า ๆ เข้ามีคนแอบถ่ายด้านหลังอันถึกบึกบันของเราไว้โดยไม่รู้ตัว..ตอนนั้นทำงานหนักไม่เห็นเป็นอะไรแต่พอมาทำงานสบายหน่อยละทำเป็นขี้เกียจ(ว่าตัวเอง)....

เฮ่อ..คิดถึง..เพื่อน ๆ ..คิดถึง..คิดถึง...
 



Create Date : 13 กันยายน 2552
Last Update : 13 กันยายน 2552 9:34:08 น.
Counter : 348 Pageviews.

0 comment
Hitomi no Saki ni มิตรภาพของเรา


Hitomi no Saki ni ของ Orange Range

ดูเพลงนี้แล้วรู้สึกดี มิตรภาพที่เราเกือบลืมไปแน่ะ..เผอิญดูซ๊รีส์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการสร้างนักบินอวกาศแล้วเพลงนี้ประกอบซีรี่ส์ อีอย่างเมื่อดูท้ายเรื่องจะมีเพลงจบใช่ไหม ภาพประกอบเกี่ยวกับนักบินอวกาศความฝันที่จะก้าวไปสู่อีกดวงดาวหนึ่ง มันเป็นความฝันที่ตั้งใจสูง ..สมัยก่อนมีเพื่อนกลุ่มที่เรียนมัธยมด้วยกันตั้งเป็นกลุ่มแก๊ง..(ตอนนั้นคิดว่าเท่ห์อ่ะ)..แต่ไม่ได้ไปตบตีใคร แก๊งเรายึดกิจกรรม ทำงานห้อง งานโรงเรียนเวลาโดนหยามเราก็มารวมตัวกันใหญ่เข้าไว้มันจะได้กลัวเรา..ฮ่าๆๆ จริง ๆ ไม่มีอะไร แต่คู่อริส่วนใหญ่จะเป็นห้องคิง ห้องเก่ง..เราห้องรองก็เก่งเหมือนกัน..จำได้ว่างานที่ใหญ่มากและชวนเพื่อน ๆ มาร่วมกันทำก็คือ ละครวิทยาศาสตร์..ทำร่วมกันหมด ซึ่งเพื่อน ๆมันก็ดันยอม..(มันเชื่อใจตูได้ไงวะ)กว่าที่จะสำเร็จได้..ก็สร้างมิตรภาพดี ๆ สำหรับเพื่อน ๆทุกคน..คิดถึงเมื่อไหร่ก็มีความสุขยิ้มได้ทุกครั้งแม้ตอนนี้มันจะกลายเป็นเรื่องเด็ก ก็ตาม

"ถ้าพูดคำว่าไม่ เมื่อไหร่จะไปถึง"

คำ ๆ นี้จำไม่ได้แล้วว่าใครพูดหรืออาจจะอ่านจากหนังสือเล่มไหนซักเล่ม แต่มันมีความหมายดีมาก ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำอะไรได้ เหมือนในเพลง ๆ หนึ่งของญี่ป่นที่มีความหมายว่า แม้จะแพ้แต่ก็สุดยอดแล้ว เป็นคำปลอบใจที่ซึ้งมาก..การแพ้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจุดหนึ่ง..เราคิดว่าอย่างนั้นนะ

สมัยก่อนเรียนหนังสือในระดับมัธยม มีการแข่งขันกันสูง เรารู้สึกต้องได้ที่ดี ๆ อย่างที่พ่อกับแม่บอก..ต้องเก่งนะ..ไม่อย่างนั้นก็สอบเข้าที่ดี ๆไม่ได้..ทั้ง ๆที่..ช่วงม.ต้นก็เริ่มเห็นสิ่งที่ตัวเองเลือกเเล้ว...อยากเรียนศิลปะ..ลงทุนส่งขอโควต้าวิจิตรศิลป์ไปวิทยาลัยแห่งหนึ่งแต่..จะชะตาหรือความซวยก็ไม่รู้ เขาไม่เอา..เขาเอาผุ้ชายอ่ะ?..เลยจำต้องเรียนสายวิทย์ต่อไป..พอจะขึ้นม.4ก็กะเรียนสายภาษา..อ้าววววงงดันปิดสายนั้นซะงั้น..(ซวยจริง) ด้วยความเป็นเด็กและอะไรต่าง ๆ ก็ไม่เอื้ออำนวยเลยเรียนสายวิทย์ต่อไปและตั้งใจที่จะสอบเข้าในสิ่งที่พ่อต้องการ...ทั้ง ๆที่ดันยังไงตัวเองก็เริ่มไม่ไป..หัวไม่ไปเลย..อีกทั้งสมัยนั้นเป็นการสอบเอนทรานซ์แบบเก่า..ยังไม่มีการเปลี่ยนเหมือนปัจจุบัน(แกก็รุ่นสุดท้ายแหละวะ)..หวังสูงมาก..เพราะเริ่มเห็นสิ่งที่จะเป็นทางออกให้กับตัวเองเพราะรู้แล้วว่าไม่ชอบคณิต ไม่ชอบชีวะ ไม่ชอบฟิสิกส์ เราชอบสังคม ประวัติศาสตร์ ภาษาอังกฤษ..แต่ว่า..พ่ออยากให้เป็นนางพยาบาล?..ทางออกในการเอนทรานซ์คือเลือกคณะที่เอกภาษาทั้งหมด..อิๆๆ โดยไม่บอกใคร..แต่เพราะความที่อยู่ม.ปลายเล่นมากเกินไป..อ่านหนังสือก็ไม่ค่อยอ่าน เพราะคิดว่าการสอบคงไม่เท่าไหร่..เกรดเราก็ดีอยู่แล้ว..สอบไม่ติดซักที..โมโหตัวเอง..พาลให้ระบบการศึกษาซะงั้น..คิดว่าไปเรียนกฎหมายซะดีไหม..คิดการณ์ใหญ่หาทางไปแก้กฎหมายโน่นนน..(บ้าหรือเปล่า)

แต่มาคิดอีกที..ตอนนี้มีความสุขดี..เราเอนฯไม่ติดแต่ก็ได้เรียนเรื่องที่ไม่เคยเจอ..ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ..ได้เดินทางไปทั่ว..ใช้ความคิดในงานที่ทำ สร้างสรรค์งาน..เออ..ดีนะที่ได้เรียนที่นี่..(ไม่บอกว่าที่ไหน..อิๆ)

การแพ้ครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม้จะร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่หลายวันก็เหอะ..ถ้าไม่มีวันนั้นเราคงไม่รู้จักเพื่อน ๆที่อยู่กลุ่มเรา มิตรภาพที่ดี ๆ ความน่ารักแม้ว่าจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมานานแล้วแต่..เพื่อนก็ยังช่วยดูแลกันอย่างดี..ขอบคุณคร๊าบบบบ..ได้เรียนรู้ชีวิตการเรียนที่ไม่ได้มีแต่ทฤษฏี..รู้จักคุณครูประจำห้องที่บอกตอนเรียนจบว่า..ครูไม่เคยหวังให้นักศึกษาทุกคนได้เป็นนักข่าวผู้ยิ่งใหญ่..ไม่จำเป็นต้องเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียง ไม่ต้องเป็นตากล้องระดับชาติ..ลูกศิษย์ครู..ขายลูกชิ้นแล้วประสบความสำเร็จก็ยิ่งใหญ่แล้ว...เอาตัวรอดให้ได้กับชีวิตปัจจุบันนี้..ประโยคนี้ฝังใจมาตลอด..นี่แหละคือความทรงจำที่ไม่เคยลืม..

แด่มิตรภาพของเพื่อน ๆ คุณครู และเพื่อนร่วมโลกทุกคนค่ะ



Create Date : 15 กรกฎาคม 2552
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 10:19:30 น.
Counter : 489 Pageviews.

1 comment
อีเมล์ที่ไม่ได้ส่ง..
พอดีหาข้อมูลเก่า ๆไปเจอบันทึกนี้โดยบังเอิญ..รู้สึกว่าได้กลับไปในอดีตอีกครั้ง..
/////

ฉันเริ่มต้นเขียนอีเมล์ฉบับนี้หลังจากฝึกซ้อมรับปริญญาเสร็จ เนื่องจากความรู้สึกบางอย่างที่มันเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ในสายของวันฝึกซ้อมวันที่สองฉันนั่งมองด้านหลังของใครบางคนด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจแม้ว่า ข้างในหัวใจดวงนี้จะเจ็บปวดเล็ก ๆ

คุณเคยบ้างไหม..ที่คอยแต่จ้องมองด้านหลังของคนที่ชอบ..มองอยู่อย่างนั้นไม่ยอมแม้แต่จะทักทาย..ไม่แสดงตัวตนให้เขารู้ว่าชื่นชอบเขามากมายแค่ไหน..ฉันคือหนึ่งในนั้น..คนที่ทำได้แค่มอง..

เขาคงจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ ระยะเวลา 4 ปี ใครจะไปจำได้ละจริงไหม...แต่ฉันกลับจำได้ดีแม่นยำเหลือเกิน..เราเจอกันโดยบังเอิญในขณะที่เรียนปี 1 เรียนวิชาหนึ่งด้วยกันแม้ว่าจะอยู่คนละโปรแกรม เขาเรียนดนตรีสากล ส่วนฉันเรียนการประชาสัมพันธ์..ความประทับใจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความหน้าตาดีของเขาหรอกนะ..แต่เพราะนิสัยดี ๆ ที่เขาแบ่งปันให้ในยามที่เราต้องการความช่วยเหลือต่างหาก..

สมัยนั้นฉันทำกิจกรรมเป็นเรื่องหลักแทนที่จะเป็นเรื่องการเรียน ความสนุกและความชื่นชอบกิจกรรมทำให้ฉันกลายเป็นประธานชมรมอาสาพัฒนา ซึ่งปกติทางสถาบันฯจะให้งบประมาณมาพอสมควร การจัดสรรก็แล้วแต่ว่าจะได้รับกันมากน้อยเท่าไหร่ ชมรมเล็ก ๆ ก็จะได้น้อยหน่อย โดยที่ชมรมของเราก็อยู่ในเครือข่ายนั้นด้วย เพื่อน ๆจึงตกลงใจกันหารายได้เสริมด้วยการเล่นดนตรีเปิดหมวก แต่ทว่าไม่มีใครเล่นเป็นกันซักคนอีกทั้งเพื่อนที่มีอยู่ก็มีจำนวนน้อยจึงได้ให้เพื่อนคนหนึ่งติดต่อไปยังโปรแกรมดนตรีเนื่องจากรู้จักกันเป็นการส่วนตัว..และนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับเขา..ความประทับใจเริ่มต้นจากรอยยิ้ม..ความเอื้อเฟื้อในเรื่องต่าง ๆ ค่าตัวที่ไม่ขอรับ แค่อาหารเมื้อเดียวก็เพียงพอแล้ว..

กิจกรรมเปิดหมวกในวันนั้นดำเนินไปด้วยดี ได้เงินเยอะพอสมควร เพราะเขานั่นแหละที่เป็นตัวดึงดูดความสนใจของสาว ๆ เขาได้รับเสียงกรี๊ดเป็นระยะ..เมื่อจบงานเขาถามด้วยความสงสัยว่าเงินที่ได้จะพอไหมกับกิจกรรมที่ทำ..ฉันยิ้มและบอกด้วยความยินดีว่าเกินพอ ขอบใจมากกับสิ่งที่ทำให้..

หลังจากนั้น..ฉันก็แอบมองเขามาโดยตลอด..ไม่แม้แต่จะพูดคุย..เพราะฉันรู้ว่า..ฉันคงทำได้แค่เพียงเท่านั้น..จนถึงวันนี้..วันที่ฉันได้เจอเขาอีกครั้ง...เขาก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง...ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ไม่ยอมแสดงตัวออกไป..เพราะฉันชอบเขามากเกินกว่าจะเอาความรักไปทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป...

แม้ฉันจะรู้จักความรักได้ไม่นานแต่ฉันก็รู้ว่ามันมีพลังร้ายแรงแค่ไหน..ฉันได้รักคน ๆ หนึ่งไปแล้วและคงไม่อาจจะเลิกรักเขาได้..เพราะความรักมันทำให้ฉันอยากเป็นเจ้าของ..อยากอยู่กับเขา..อยากให้เขารักตอบฉัน..และความผิดหวังมันเจ็บปวดร้ายกาจแค่ไหน..ฉันรู้ดี..ฉันจึงไม่ทำให้ความชื่นชอบเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น..ความรักกับความชอบมันต่างกันนะ...มันมีคุณค่าต่างกัน...เรียกความรู้สึกนี้ว่า..รักบริสุทธิ์ได้ไหมนะ...

ฉันขอแค่..ได้มองเขาก็พอ..มองด้านหลังของเขา..ได้แต่คิดเอาว่า..เขาจะเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต..เขาจะมีความสุขไหม....ครั้งสุดท้ายท้ายที่เจอ...เราสบตากันแต่มันมีความว่างเปล่าที่สุขใจอยู่ลึก ๆ ..
ฉันจะเป็นคนที่เดินตามเงาของนายต่อไป นะ....จะยืนมองอยู่ข้างหลังไปเรื่อย ๆ ....ความรักจะทำให้เราอยากยึดติด..อยากเป็นเจ้าของ..ฉันจึงไม่กล้าที่จะรักนาย....แต่ฉันจะชอบนายไปอย่างนี้เรื่อย ๆ เรื่อย ๆ...เป็นแค่คนข้างหลังนายก็พอ...

ฉันรู้ว่าอีเมล์ฉบับนี้คงจะไม่ถึงเขา..มันจะเป็นเพียงจดหมายที่ไม่ได้ส่ง..แต่ฉันก็อยากเขียนมันขึ้นมาด้วยความตั้งใจจริง...ที่เกิดจากความรักบริสุทธิ์จากคนเดินดินคนหนึ่งที่พระเจ้าได้มอบหัวใจมาให้...ฉันจะรักษาความรู้สึก ดี ๆ นี้ตลอดไป..ฉันเชื่อว่าทุกคนจะมีคนที่เดินนำหน้าอยู่..จงรักเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อไปเถอะ..

................คีตา............................
17 สิงหาคม 2548 เวลา 13.21 น.

วันนี้..ปี2550 ผ่านมาสองปี..เราก็ยังว่างเปล่า..ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้นั่งกินเนื้อย่าง..แล้วก็โม้กับเพื่อน..ตลกดีที่เวลาผ่านไป..เราก็ยังเป็นคนเดิม..ที่กล้าขึ้น..พูดเยอะขึ้น..แถมกินเยอะขึ้นอีก..555

ก็รู้สึกอุ่นใจ..ที่อย่างน้อยก็ยังมีเพือนอยู่ด้วยนั่งคุยกันแม้จะเป็นเวลาแค่น้อยนิดแต่เราก็ยังได้คุยกัน..เจอหน้ากัน..ไม่เป็นแค่ใช้โทรศัพท์คุยเท่านั้น..เพื่อนกัน..ฉันยังนับถือแม้จะโดนหักหลัง..ก็ในเมื่อเพื่อนที่มันไม่ดีเราก็ทิ้งมันไป..





Create Date : 25 มิถุนายน 2552
Last Update : 14 กรกฎาคม 2552 12:31:35 น.
Counter : 387 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  

ดนตรีในสายลม
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ฟังดนตรีไม่มีเสียงร้อง..บ่นเป็นตัวหนังสือมากกว่าพูด..